นิล

-

เขียนโดย anawat

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.16 น.

  11 ตอน
  66 วิจารณ์
  4,406 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566 10.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่หก เมื่อยามสายฝนโรยลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
นิล
ปริศนาโรงเรียนอาถรรพ์
บทที่หก  เมื่อยามสายฝนโรยลา
 
โรงเรียน
   ยามเช้าที่สายฝนยังคงโปรยปราย  นั่นเป็นสัญาณที่บ่งบอกว่า  ในยามนี้หน้าฝนได้กลับมาอีกครั้งแล้ว  และโรงเรียนในตอนนี้เอง  ก็ช่างเงียบสงัด  ต่างจากทุกครั้ง  ที่เหล่านักเรียนมากมายจะพลุกพล่าน  บ้างก็กสงร่มเพื่อกันฝน  บ้างก็ยอมเปียกปอนเพื่อเข้ามาเรียน  แต่ในยามเช้าของวันนี้  กลับไม่มีนักเรียนสักคนเลย  อาจจะเป็นเพราะสายฝนที่โปรยปรายลงมา  ทำให้เรานักเรียนทั้งหลายไม่อยากลุกออกไปไหนก็เป็นได้ 
   แต่ถึงกระนั้น  ที่ตึกเก่าของโรงเรียน  ยังคงมีเงาปริศนาของใครบางคน  เดินมุงตรงไปยังชั้นสาม  และมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนห้องเรียนหนึ่ง  คนคนนั้นเปิดตู้ล็อกเกอร์ในห้องเรียนที่ตึกเก่าออก  พร้อมทั้งมองหาอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าที่ตกใจ
                         “ไม่มีๆ  ของของชั้นหายไปไหน”
   เมื่อคิดได้ดังนั้น  บุคคลปริศนาจึงพุ่งออกมานอกห้องเรียน  พร้อมทั้งมองไปรอบๆชั้นสาม  สายตาของคนคนนั้นก็ต้องไปสะดุดกับร่างร่างหนึ่ง  ที่ยืนตระหง่านอยู่ที่บันได  มันคือร่างของชายหนุ่มในชุดสูทที่แบกหุ่นตัวหนึ่งเอาไว้ที่กลางหลังของเขา  ชายคนนั้นก็คือปุณ  เมื่อปุณเห็นว่าบุคคลปริศนารู้ตัวแล้ว  เขาจึงวิ่งลงบันไดไป  บุคคลปริศนาจึงวิ่งตามปุณไป  พร้อมทั้งตะโกนตลอดทาง
                         “เอาของของชั้นคืนมานะ”
                         “เก่งจริงก็มาแย่งไปอีกสิ”
   ทั้งคู่ต่างวิ่งไล่ตามกันกลางสายฝน  ดั่งเด็กที่เล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนานก็มิปาน  ปุณตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปที่โรงยิม  บุคคลปริศนาเองก็ไม่ยอมแพ้  เขาไล่กวดปุณอย่างไม่ลดละ  แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้างบุคคลปริศนาสักเท่าไหร่นัก  เพราะปุณได้เป็นฝ่ายที่ไปถึงโรงยิมก่อน  แต่บุคคลปริศนากลับไม่คิดแบบนั้น  เขาคิดว่าปุณที่หนีเข้ามาในนี้นั้นพลาดแล้ว  เพราะในโรงยิมแห่งนี้  นอกจากทางออกด้านหน้าแล้ว  ทางอื่นก็โดนปิดหมด  ทางที่จะออกไปจากที่นี่ทางอื่นได้  จึงไม่มีอยู่เลย  บุคคลปริศนาพุ่งเข้าประตูตามปุณไป  พร้อมกวาดสายตามองไปรอบโรงยิมที่มืดไม่มีแสงไฟสักดวงที่สาดส่องอยู่ในโรงยิมแห่งนี้  เขายิ้มที่มุมปากพร้อมทั้งตะโกนออกไป
                         “เอาของของชั้นมาคืนดีๆเถอะ  แกไม่มีทางหนีได้อีกแล้ว”
   สิ้นเสียงของเขา  เขาจึงลองเพ่งมองไปที่จุดจุดหนึ่ง  ที่มันดำสนิทกว่าจุดอื่น  เขามองด้วยความประหลาดใจ  แต่ตัวของเขาก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง  เมื่อเงาสีดำนั่น  ได้สาดสายตาสีแดงทมิฬออกมาจากความมืด  มันเป็นสายตาดุดันที่ตัวเขาคุ้นเคย  เมื่อคิดได้ดังนั้น  เขาจึงข่มใจเพื่อไม่ให้ตัวเขาต้องตกใจอีกครั้ง
                         “ตกใจอะไรกันเล่า  เธอใช้หุ่นนี่  ฆ่าคนถึงสองคนเลยไม่ใช่เหรอ  เจน”
   บุคคลปริศนาชักสีหน้าตกใจออกมาอย่างหนัก  เหงื่อทั่วตัวของเธอไหล่ออกมาทั่วไปหมด เธอจ้องมองไปที่หลังของหุ่นตัวนั้น  ที่มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง  ที่มีดวงตากลมโต  ไว้ผมหน้าม้า  ผูกโบว์สีแดงอันใหญ่ไว้ที่ข้างหลัง  หญิงสาวคนนั้นคือนิล  ที่ในวันนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนแต่อย่างใด  หากแต่เธอใส่เสื้อกลาวตัวใหญ่แทน
                         “เธอพูดอะไรของเธอน่ะนิล?”
                         “จะอะไรซะอีกเล่า  ก็พูดถึงสิ่งที่เธอเคยทำมาทั้งหมดไง  หรือเธอมีอะไรจะปฏิเสธ  ก็บอกมาได้เลยนะ  ก่อนที่ชั้นจะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดน่ะ”
   เหงื่อทั่วตัวของเจนยังคงไหลไม่หยุด  มันไหลออกมาราวกับเธออยู่ในที่ที่อากาศร้อนเอามากๆ  มือของเธอกำหมัดแน่น  บ่งบอกว่าในตอนนี้เธอโมโหเป็นอย่างมาก
                         “ชั้นน่ะเหรอ  ที่จะฆ่าใครได้น่ะ  เธออยู่กับชั้นมาตั้งสองวัน  เธอก็รู้นินิล  ว่าชั้นไม่มีทางทำแบบนั้นได้น่ะ”
                         “คนเราน่ะ  การที่เป็นคนเงียบๆ  ไม่กล้าที่จะแสดงออก  ก็ไม่ได้หมายความว่า  เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง  ที่ความอดทนมันถึงขีดจำกัด  มันจะลงมือฆ่าใครไม่ได้นิ” นิลเดินเข้าไปใกล้เจน  ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อ “การโดนกลั่นแกล้งน่ะ  มันเป็นอะไรที่เจ็บปวด  และโหดร้ายนะ  เราแค่อยากเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข  แต่วันนึงความสงบสุขนั้น  กลับต้องถูกทำลายลง  ด้วยกลุ่มคนที่มาในคราบของเพื่อน  แต่แท้จริงแล้วจุดประสงค์ของคนพวกนั้น  แค่อ้างคำว่าเพื่อนออกมา  และใช้มันกลั่นแกล้งเราเพื่อความสนุกเพียงเท่านั้น  ชั้นพูดถูกไหม  เจน”
   เจนไม่ได้ตอบอะไรออกมา  แต่มือของเธอกำหมัดแน่น  ฟันของเธอกัดกันดังกรอด  ราวกับสิ่งที่นิลพูด  มันไปกระแทกที่จิตใจของเจนเข้าเต็มๆ  แต่เจนยังคงพยายามฝืนยิ้ม  และเอ่ยตอบนิลกลับมา
                         “เธอพูดอะไรออกมาน่ะนิล  นิยายของเธอน่าสนใจดีนะ”
   นิลยิ้มที่มุมปาก  ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อจากเจน
                         “เมื่อสองปีก่อน  เธออาศัยเรื่องเล่าจากตึกเก่า  ในการฆ่าสุกัญญา  กับนักเรียนอีกคนนึงถูกต้องไหมล่ะ” นิลกล่าว  พลางมองหน้าเจน
   เจนที่ได้ยินดังนั้น  เธอกัดฟันดังกรอดอีกครั้ง  ก่อนที่เธอจะพยายามอธิบายกับนิล
                         “ชั้นน่ะเหรอ  จะมีแรงพอที่จะไปทำเรื่องแบบนั้นน่ะ”
   นิลหัวเราะที่มุมปาก  ก่อนที่เธอจะอธิบายต่อ
                         “เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นนิ  เมื่อสองปีก่อน  จู่ๆก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตึกเก่าขึ้นมา  เธอที่โดนเหล่าเพื่อนของเธอแกล้งอยู่แล้ว  จึงอาศัยจังหว่ะนั้น  ในการสร้างเรื่องเล่าที่ตึกเก่าให้มันเป็นจริงขึ้นมา  โดยการที่เธอไปขโมยหุ่นยนตร์ตัวนี้” นิลเดินไปที่หุ่นยนตร์  พลางเอามือไปจับไว้ที่หุ่นยนตร์ “และเธอก็ตั้งโปรแกรมมัน  ให้ออกไปปรากฏตัวที่ระเบียง  ในยามเย็นหลังจากที่นักเรียนเลิกเรียนกันไปแล้ว  โดยเธอเอาถุงดำมาคลุมตัวหุ่นไว้” นิลเอามือไปจับกระชากที่ถุงดำที่คลุมหุ่นอยู่ “เพื่อให้หุ่นมันกลืนไปกับความมืดในยามเย็น  ทำให้คนที่มองขึ้นมา  คิดว่ามันเป็นเงาของวิญาณที่ตึกเก่าที่เล่าลือกัน  เมื่อข่าวมันเริ่มแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง  เธอจึงอาศัยจังหว่ะนั้น  ชวนเหล่าเพื่อนของเธอทั้งสามคน  ไปที่ตึกเก่า  และทำทีเป็นว่าไม่เจออะไร  แต่เธอก็รอเวลา  และเริ่มลงมือกับเหยื่อรายแรก  โดยการอ้างว่า  เหยื่อรายแรกได้โดนคำสาปไปเรียบร้อยแล้ว  โดยการที่เธอเอาเลือดของอะไรบางอย่าง  ไปเขียนไว้ที่บนกระดาน  หลังจากนั้น  เธอจึงทำทีเป็นเข้ามาปลอบใจ  และบอกกับเหยื่อของเธอไป  ว่ารู้วิธีแก้คำสาปนี้  เหยื่อรายแรกที่ตอนนั้นเสียขวัญอยู่  จึงหลงเชื่อเธอโดยง่าย  และยอมตามเธฮไปที่ตึกเก่าแต่โดยดี  เมื่อเหยื่อมาถึงที่หมายที่เธอตั้งเอาไว้  เธอจึงทำการลงมือสังหารเหยื่อ  โดยที่เอาหุ่นออกมาหลอกให้เหยื่อตกใจอีกครั้ง  และอาศัยจังหวะนั้น  ผลักเหยื่อจนตกตึกจากชั้นสาม  ลงมาร่างกระแทกพื้นจนเสียชีวิต  ชั้นพูดถูกไหมเจน”
   เจนที่ได้ยินดังนั้น  เขาจึงหัวเราะออกมายกใหญ่
                         “ใช่ยัยพวกนั้นมันกลั้นแกล้งชั้นจริงๆ  แต่ชั้นจะต้องลงมือทำแบบนั้นทำไม?”
                         “เพราะความอาฆาตแค้นในใจของเธอมันถึงขีดจำกัดแล้วไง  ผิดชอบชั่วดีในตอนนั้น  ชั้นเชื่อว่าเธอคงไม่คิดถึงมันแล้วล่ะ”
   เจนปรบมือใหกับนิล  ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อ
                         “แต่งเรื่องได้สนุกดีนินิล  งั้นลองเล่าเรื่องของสุกัญญา  ศพล่าสุดให้ชั้นฟังหน่อยสิ”
   นิลถอนหายใจออกมาเบาๆ
                         “ถ้าเป็นชั้น  ชั้นคงเลือกที่จะยอมรับสารภาพไปแล้วล่ะนะ  แต่ถ้าเธออยากฟังล่ะก็ ชั้นจะเล่าบอกโดยล่ะเอียดเลยล่ะ” นิลกล่าว  พลางเดินไปรอบๆโรงยิม  ด้วยท่าทางที่ครุ่นคิด “ชั้นยอมรับในความอดทนของเธอเลยนะเจน  หลังจากที่ลงมือกับเหยื่อรายแรกแล้ว  เธอยอมที่จะรอถึงหนึ่งปี  เพื่อที่จะให้ทุกคนเชื่อว่า  เรื่องทั้งหมดมันเป็นคำสาปของตึกเก่า  แต่ในระหว่างหนึ่งปีนี้  เธอก็ใช้หุ่นตัวนี้  ในการสร้างเรื่องลึกลับที่ตึกเก่าอยู่ตลอดเวลา  เพื่อที่จะให้เรี่องผีที่ตึกเก่าไม่เงียบหายไป  และทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ตึกเก่าด้วย  และเมื่อผ่านไปหนึ่งปี  เธอก็เตรียมที่จะลงมือกับเหยื่อรายที่สอง  นั่นก็คือสุกัญญานั่นเอง  ส่วนถามว่าทำไมเหยื่อรายที่สอง  ถึงต้องเป็นสุกัญญาแทนที่จะเป็นเค้กน่ะเหรอ  คำตอบมันก็อยู่ที่รอยฟกช้ำบนตัวเธอแล้วไง”
   นิลกล่าวพลางชี้ไปที่ตัวของเจน  ด้วยสัญชาตญาณของคนเราแล้ว  เมื่อมีใครกล่าวถึงร่องรอยบนตัวเราแล้ว  เราก็จะเผลอเอามือขึ้นมากุมที่จุดนั้นไว้  เจนเองก็เช่นกัน  เมื่อนิลพูดถึงรอยฟกช้ำบนตัวของเธอ  เธอจึงเผลอเอามือขึ้นมากุมที่ตังเธอเอาไว้  ดั่งว่าร่องรอยบาดแผลบนตัวของเธอนั้น  มันบ่งบอกถึงความเจ็บปวดก็มิปาน
                         “และเมื่อเธอโดนสุกัญญาทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำแล้ว  มันจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก  ที่เธอจะลงมือกับสุกัญญา  เธอจึงลงมือเหมือนกับเหยื่อรายแรก  โดยเริ่มจากเอาเลือดไปเขียนที่บนกระดาน  เป็นการเตือนให้เหยื่อหวาดกลัว  หลังจากนั้นก็หลอกล่อเหยื่อไปที่ตึกเก่า  และจัดการลงมือสังหารด้วยวิธีการเดียวกันกับเหยื่อรายแรก  แต่โชคร้ายหน่อย  ที่ครั้งนี้  ตอนที่สุกัญญาโดนผลักเกือบจะตกตึก  มือของเธอดันไปคว้าเข้าที่แขนของหุ่น  แล้วกระชากจนเศษไม้กับน็อตที่สั่งทำพิเศษของหุ่นตัวนี้  มันดันหลุดออกมาด้วย  นั่นจึงเป็นการสร้างหลักฐานชิ้นใหญ่  ให้ชั้นสืบหาฆาตกรในคดีนี้ได้ไม่ยากเลยล่ะ”
                         “แล้วเธอ  รู้เรื่องของหุ่นตัวนี้ได้ยังไง?”
                         “ก็เป็นโชคดีของชั้นอีกนั่นแหล่ะ  ที่เมื่อสองวันก่อน  ชั้นขึ้นไปเดินหาหลักฐานเพิ่มเติมที่ตึกเก่า  และลุงรปภ.ดันขึ้นมาเจอชั้นพอดี  ชั้นเลยถามลุงเขาไป  ถึงชมรมที่เกี่ยวกับน็อตตัวนี้  และลุงรปภ.แกก็บอกมา  ว่าที่นี่มีชมรมเกี่ยวกับหุ่นยนตร์อยู่  ชั้นถึงได้ทำเป็นเข้าไปสมัครที่ชมรมนั้นไง  แต่ตัวเธอเอง  ก็จับตาดูชั้นอยู่ตลอดเลยนิ  ตอนที่ชั้นเริ่มเข้าใกล้หลักฐานในที่ทิ้งขยะที่หลังโรงเรียนนั่น  เธอเองก็เข้ามาขัดชั้น  เพื่อไม่ให้ชั้นสืบหาความจริงทั้งหมดได้  แต่ในตอนนั้นเอง  มันก็สายไปแล้ว  เพราะชั้นได้หลักฐานทุกอย่างมาแล้วไง  เธอที่เห็นแบบนั้น  จึงตัดสินใจที่จะลงมืออีกครั้ง  แต่เหยื่อในครั้งนี้ไม่ใช่เค้ก  แต่เป็นชั้นแทนไง  และนั่นแหล่ะ  คือการที่เธอติดกับชั้นเข้าเต็มๆเลยล่ะ”
   เจนที่ได้ยินสิ่งที่นิลพูดทั้งหมด  เธอถึงกับเค่าทรุดลงกับพื้น   เธอไม่มีคำแก้ตัวใดๆ  เพราะสิ่งที่นิลพูด  มันล้วนแต่เป็นความจริงทั้งหมด
                         “เธอไม่เข้าใจหรอก  ว่าการโดนคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนทำร้ายน่ะ  มันเจ็บปวดขนาดไหน  เราพยายามหาใครสักคนเป็นที่พึ่ง  แต่คนที่เราคิดว่าสามารถพึ่งพาได้  กลับมองว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นการเล่นกันของเด็กๆน่ะ  จนกระทั่งมีใครบางคนที่หยิบยื่นทางสว่างให้กับชั้น  ชั้นจึงไม่ลังเลที่จะทำมันไงล่ะ”
   เจนกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา  นิลได้แต่ยืนฟังสิ่งที่เจนพูด  ด้วยท่าทางที่แอบสงสารเจนไม่น้อย  ตัวของเธอเอง  ก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ในอดีตมามากมาย  ทั้งการฆ่าตัวตายเพราะการกลั่นแกล้งกันด้วยความสนุก  จนทำให้ฝ่ายที่โดนแกล้งทนไม่ได้  และต้องฆ่าตัวตายไป
                         “เข้าใจสิ” เจนเงยหน้ามามองนิล “ชั้นเคยเห็นคนรอบตัวชั้น  ที่ต้องฆ่าตัวตายเพราะการกลั่นแกล้งกันมามากมาย  ทุกๆครั้งชั้นเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอ  ทำไมคนเราถึงแกล้งกันได้ขนาดนี้  คนที่แกล้งไม่คิดบ้างเหรอ  ว่าคนที่ถูกแกล้งเขาจะรู้สึกยังไง  แต่สุดท้ายชั้นก็ทำได้เพียงคิด  เพราะคนคนนั้นได้ตายไปแล้วไง  แต่เราก็ไม่สามารถที่จะเป็นคนตัดสิน  ว่าใครควรอยู่  ใครควรตายได้หรอกนะ  ทุกอย่างมันมีขั้นตอน  หรือกฏหมายไว้จัดการอยู่แล้ว” นิลหันไปมองเจน “ขอเพียงแค่เธอเชื่อใจคนอย่างพวกเรา  เพียงเท่านั้นไง”
   เจนที่มองนิล  ในตอนนี้ในใจของเธอแอบคิด  ว่าถ้าเธอเจอนิลเร็วกกว่านี้  เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นเป็นแน่  เธอยิ้มที่มุมปาก  ก่อนที่เธอจะกล่าวกับนิล
                         “ถ้าชั้นได้เจอเธอเร็วกว่านี้  ชั้นเชื่อว่าเราคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ  นิล”
   หลังจากนั้นปุณที่ยืนฟังการไขคดีของนิลอยู่  จึงเดินเข้าไปหาเจน  และใส่กุญแจมือให้เจน  และเตรียมพาร่างของเจนไปที่สถานีตำรวจ  แต่นิลยังคงมีเรื่องที่สงสัยอยู่นิดหน่อย  เธอจึงร้องห้ามปุณเอาไว้
                         “เดี๋ยวก่อนนาย  ชั้นมีเรื่องที่ต้องถามเจนอีกหน่อยน่ะ” เจนทำหน้าสงสัย  ก่อนที่นิลจะเอามือล้วงกระเป๋าเสือ  และหยิบอะไรบางอย่างออกมา  มันคือลูกสะกดจิต “ทำไมเธอถึงเอานี่โยนไว้ที่ข้างศพกัน”
   เจนยิ้ม  และกล่าวกับนิล
                         “นั่นน่ะ  มันคือสิ่งที่คนที่วางแผนให้ชั้น  เขาขอให้เอามันไปวางไง  ชั้นเองก็ไม่รู้หรอกนะ  ว่าไอ้ลูกนั่น  มันคือลูกอะไรน่ะ”
   นิลเอามือมาจับที่ปลายคางของเธอ  เป็นท่าทางที่เธอครุ่นคิด
                         “เธอบอกว่าคนที่ช่วยวางแผน  นั่นหมายความว่า  คดีนี้เธอไม่ได้เป็นคนที่ลงมือทำคนเดียวน่ะสิ”
                         “อย่างที่ชั้นบอกเธอไง  แค่ชั้นคนเดียว  ไม่กล้าที่จะลงมือทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอก  แค่ความกล้าที่จะเอาชนะสามคนนั้น  ชั้นยังไม่มีเลย  แล้วไอ้เรื่องอย่างการฆ่าคนน่ะ  แทบเป็นไปไม่ได้เลย”
   นิลมองหน้าเจนด้วยความหดหู่ใจอีกครั้ง  พร้อมกับกล่าวกับปุณ
                         “ชั้นไม่มีอะไรจะถามแล้วล่ะ  พาตัวเธอไปเถอะ”
   สิ้นเสียงนิล  ปุณจึงพาตัวเจนออกไป  ก่อนที่เพื่อนที่เหลือเพียงคนเดียวของเจน  จะวิ่งลงมาจากตึกเรียน
                         “เจน”
   เค้กตะโกนร้องเรียกเจน  ทั้งสามคนจึงหันไปมองเค้กพร้อมๆกัน  เค้กเดินเข้ามาพูดกับเจน  ด้วยใบหน้าที่สำนึกผิดเล็กน้อย
                         “ชั้นไม่เข้าใจความรู้สึกลึกๆของเธอเลย  ชั้นต้องขอโทษเธอด้วยนะ  หลังจากที่ชั้นได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่นิลพูด  ชั้นก็คิดอยู่ตลอด  ว่าสิ่งที่ชั้นทำมันเลวร้ายสำหรับเธอจริงๆ  ถ้าคนที่โดนกระทำเป็นชั้น  ชั้นเองก็คงทำในสิ่งที่ไม่ต่างจากเธอ  ให้อภัยชั้นด้วยนะ”
   เค้กกล่าว  แต่ใบหน้าของเธอ  มันค่อยๆมีหยาดน้ำตาไหลออกมา  ผสมกับใบหน้าของคนที่รู้สึกผิด  นั่นจึงเป็นการบ่งบอกได้ไม่ยาก  ว่าเค้กในตอนนี้  ได้สำนึกผิดกับสิ่งที่เธอได้ทำลงไปแล้ว  แต่เจนก็ไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา  เธอขอให้ปุณพาเธอไปยังรถตำรวจ  ที่จอดอยู่หน้าโรงเรียนต่อ  แต่กลับเป็นนิล  ที่เดินเข้ามาพูดกับเธอแทน
                         “การกลั่นแกล้งกันน่ะ  เธออาจจะคิดว่ามันสนุกก็จริงนะ  แต่คนที่ถูกกระทำน่ะ  เขาไม่สนุกด้วยหรอกนะ” เค้กพยักหน้าตอบรับ “ขอให้ครั้งนี้ได้เป็นบทเรียน  ต่อไปจะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ  เพราะไม่อย่างนั้นเหตุการณ์แบบนั้นมันก็ตะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ  ไม่จบไม่สิ้นหรอกนะ”
   เค้กพยักหน้าตอบรับอย่างเดียว  และเธอได้เอื้อมมือไปจับมือของนิล
                         “ชั้นขอบคุณเธอมากนะนิล  ไม่สิคุณนักสืบ  ที่ช่วยคืนความเป็นธรรมให้กับเพื่อนของชั้นอีกสองคนที่ตายไป  และก็ถ้ายังไงช่วยเพื่อนของชั้นอีกคนหนึ่ง  ที่ในตอนนี้เธอหลงผิดด้วยนะค๊ะ”
   นิลเอามือมาตบไหล่ของเค้ก
                         “ไม่ต้องห่วงหรอก  ครั้งก่อนชั้นเคยสัญญากับเธอทั้งสองคนเอาไว้แล้วนิ  ว่าในครั้งนี้จะไม่มีใครต้องตายอีกน่ะ  และครั้งนี้ชั้นเองก็จะพยายามช่วยเจนให้ได้เช่นกัน”
                         “ขอบคุณมากนะค๊ะคุณนักสืบ”
   เมื่อสิ้นสุดการไขคดี  นักเรียนทั้งหมดได้ค่อยๆเดินออกมาจากห้องเรียนกัน  และนักเรียนเหล่านั้น  ต่างเพ่งมองไปที่นิล  และเหล่าตำรวจที่มายังโรงเรียนของพวกเขา  พวกเขาได้เฝ้าดูการไขคดีของนิล  ผ่านกล้องวงจรปิด  ที่แพร่ภาพสดไปทั่วโรงเรียน  ทำให้พวกเขาเอง  ต่างตระหนักได้ถึงเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างดี  คนที่เคยเรียนอยู่ห้องเดียวกับนิลถึงสองวัน  ต่างก็ทึ่งในความสามารถของนิล  หรือที่พวกเขารู้จักกันในนามของเด็กใหม่  แต่จากเรื่องที่ผ่านมา  ทำให้เหล่าเด็กในเรียนในโรงเรียนนี้  เห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกัน  ถึงการเล่นกันของเหล่าเพื่อนๆในโรงเรียน  และตำนานผีที่ตึกเก่าของโรงเรียนนี้  ก็ได้ปิดฉากลง
 
By  hikari…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา