เจ้าหญิงของฉัน
-
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
27 ตอน
36 วิจารณ์
11.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ก้าวแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าวันเริ่มต้นทำงานวันแรกของสัปดาห์
ใบหม่อนยืนหมุนตัวไปมาหน้ากระจก สำรวจเรือนร่างสูงระหงที่สวมเครื่องแบบข้าราชการสีกากีแขนยาวอย่างประเมิน ดูความเรียบร้อยของเครื่องแบบอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องแล้ว ก่อนละสายตาขึ้นมาสำรวจใบหน้าสวยหวานภายใต้โครงหน้ากลมกึ่งรูปไข่ที่ถูกฉาบทาด้วยเครื่องสำอางเบาๆ สำรวจผมอันยาวสลวยที่ถูกรีดให้ตรงม้วนปลายเล็กน้อย ติดกิ๊บเล็กๆ เปิดให้เห็นหน้าผากโค้งมนสวยได้รูป เมื่อสำรวจทุกอย่างครบแล้ว มือเล็กเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้สีชมพูใบย่อมที่เต็มไปด้วยของใช้จุกจิกตามประสาผู้หญิงและรีโมตรถส่วนตัว รวมทั้งสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในเคสใสพร้อมพาวเวอร์แบงก์ พาตัวเองออกมายังห้องโถงกลางเพื่อเตรียมตัวไปทำงานในวันนี้ เห็นคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟาใหญ่กลางห้อง ลืมไปว่ายังมีเอกสารสำคัญในซองสีน้ำตาลวางทิ้งอยู่ที่โต๊ะกระจกข้างหัวเตียง...
“พี่ป๊อป พี่พัชรขา” เสียงใสปรับเป็นสำเนียงกรุงเทพฯ เรียกคนเป็นพี่ชายและว่าพี่สะใภ้
ทั้งสองต่างหันมาพร้อมกันราวกับนัดหมายไว้ สายตาของทั้งคู่จับจ้องมายังร่างสูงระหงในเครื่องแบบข้าราชการสีกากีแขนยาวเต็มยศดูภูมิฐานขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย เห็นใบหน้าสวยหวานบนโครงหน้ากลมกึ่งรูปไข่ภายใต้ผมยาวสลวยเปิดให้เห็นหน้าผากโค้งได้รูปกำลังส่งยิ้มมาให้ ดูยังไงก็น่ารักเสมอในสายตาของคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้
ป๊อปยังคงมองตามร่างระหงที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างไม่วางตา รู้สึกภูมิใจและยินดีไปกับน้องสาวคนนี้อยู่ไม่น้อยเมื่อได้เห็น นึกถึงความหลังครั้งก่อนที่น้องสาวของเขาพร่ำบอกเสมอว่าจะสอบเป็นข้าราชการให้ได้ และตอนนี้ทำได้สำเร็จแล้ว
ร่างสูงระหงหย่อนตัวลงนั่งข้างคนตัวใหญ่ ทันใดนั้นมือหนาใหญ่ของอีกฝ่ายเอื้อมมาลูบผมอ่อนนุ่มยาวสลวยอย่างเอ็นดู
“<<วันนี้น้องสาวของพี่ดูโตขึ้นเยอะเลย>>” ไม่บ่อยนักที่ป๊อปจะออกปากชมน้องสาวให้ได้ยินต่อหน้า แต่กลายเป็นว่า…
“<<แหวะ พี่ป๊อปน้ำเน่าแต่เช้าเลยน้า>>” พูดจบใบหม่อนแกล้งแลบลิ้นหลอกใส่พี่ชาย แต่ลึกๆ แล้วหัวใจของสาวเจ้ากลับพองโตด้วยความปลื้มใจที่ได้ยินคำชมจากปากของพี่ชายแท้ๆ ที่แสนจะปากแข็งคนนี้
“วันนี้น้องใบหม่อนดูสวยขึ้นเยอะเลย ว่าไหมป๊อป” คราวนี้ว่าที่พี่สะใภ้ออกปากชมก่อนหันไปหาคนรักให้ช่วยเป็นพยานด้วย คราวนี้ป๊อปยิ้มรับและพยักหน้าตอบแบบไม่ลังเล
ใบหม่อนยิ่งปลื้มใจมากกว่าเดิมเมื่อได้รับคำชมจากทั้งพี่ชายแท้ๆ และว่าที่พี่สะใภ้ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่สวยมากอย่างว่าที่พี่สะใภ้คนนี้จะออกปากชมเจ้าตัวได้ จริงอยู่ที่รู้จักและสนิทสนมกันมานานและได้ยินคำชมจากปากของอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกพิเศษมากกว่าครั้งก่อนๆ เสียอีก
“<<เช้านี้กินข้าวด้วยกันไหมล่ะ หรือยังไงดี>>” คนเป็นพี่ชายอย่างป๊อปเอ่ยถามขึ้น ลึกๆ อยากชวนให้น้องสาวคนนี้อยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันก่อน
“<<หึ ไม่ดีกว่าพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนส่ายหน้าปฏิเสธ “<<เดี๋ยวหนูไปกินกับพี่ๆ ที่ทำงานดีกว่า ไม่งั้นหนูไปสายแน่เลย>>”
ได้ฟังดังนั้น ป๊อปได้แต่พยักหน้าและคลี่ยิ้มบางๆ อย่างเข้าใจ แต่อดเป็นห่วงไม่ได้ตามประสาคนเป็นพี่ชาย “<<ว่าแต่ ไม่ลืมอะไรแล้วนะใบหม่อน>>”
“<<หนูว่าหนูไม่ลืมอะไรแล้วนะพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบคนเป็นพี่ชาย ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มหวานยืนยันว่าไม่ลืมอะไรจริงๆ “<<งั้นหนูไปทำงานก่อนนะคะพี่ป๊อป พี่พัชร ไว้เจอกันค่า>>” ใบหม่อนบอกลาพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ มือเล็กยกขึ้นพนมมือแต้ก่อนลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กสีชมพูสดใสขึ้นมาสะพาย
“<<ขับรถดีๆ>>” ป๊อปพูดทิ้งท้ายสั้นๆ แต่สายตาของเขาส่งความห่วงใยไปถึงคนที่เพิ่งลุกจากไป
“ไว้เจอกันใหม่นะจ๊ะน้องใบหม่อน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับโบกมือไปมาหลังจากคนรักพูดจบลง
ใบหม่อนหันมาส่งยิ้มหวานให้กับคู่รักที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้อีกครั้ง พร้อมกับโบกมือตอบ เพียงคำพูดสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากปากของพี่ชายแท้ๆ กับคำลาของว่าที่พี่สะใภ้ เปรียบดั่งน้ำทิพย์ชโลมหัวใจดวงน้อยให้ชุ่มชื้นขึ้น พร้อมเผชิญหน้ากับการทำงานในวันนี้อย่างเต็มที่
ป๊อปหันไปมองตามร่างสูงระหงของน้องสาวที่เพิ่งเดินออกไปจนลับตา ก่อนหันกลับมาส่งสายตาหวานซึ้งให้กับคนรู้ใจที่อยู่เคียงข้างเขาในตอนนี้ ขณะที่พัชรส่งสายตาบ่งบอกความรู้สึกเดียวกันตอบกลับมาอย่างรู้ใจว่าคนรักของเจ้าตัวคิดอะไรอยู่
“ว่าไปนะป๊อป น้องใบหม่อนใส่ชุดกากีแบบนี้ดูน่ารักไปอีกแบบนะ” คราวนี้พัชรออกปากชมว่าที่น้องสะใภ้กับคนรักที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกเมื่อแรกเห็นยังคงติดตาอยู่ถึงตอนนี้
“น้องสาวเราน่ารักเสมอแหละพัชร” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี มือขวาของเขายกขึ้นไปบีบจมูกโด่งเชิดรั้นของคนรักเบาๆ “แต่สำหรับเราน่ะ พัชรทั้งสวยทั้งน่ารักที่สุดเลย”
พัชรถึงกับหน้าแดงเมื่อได้ยินคำชมอันแสนน้ำเน่าจากคนรู้ใจตรงหน้า หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะพร้อมกับอาการร้อนวูบวาบบนใบหน้าจนต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลดความตื่นเต้นของตัวเองลง
“บ้า…อ่ะ” มือเล็กตีเบาๆ ลงบนท่อนแขนคนรัก “งั้นเค้าเตรียมตัวไปทำงานก่อนน้า วันนี้เข้าออฟฟิศเก้าโมงอ่ะ”
พูดจบร่างบางในชุดเสื้อเบลาส์สีเทาควันบุหรี่สกรีนรูปหอไอเฟลคลุมทับกางเกงขากว้างสีขาวที่ยาวจนลงไปกองกับพื้นลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊คและเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะทำงานของเจ้าของห้องขึ้นมาสะพาย ขณะที่คนเป็นเจ้าของห้องหันไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมของแฟนสาวขึ้นมาวางบนโซฟาเตรียมไว้ให้พร้อม
“ป๊อป ไปส่งเค้าที่รถหน่อยสิ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ อย่างเต็มใจตามไปด้วยอย่างไม่ลังเล นอกจากน้องสาวและครอบครัวของเขาแล้ว คนรักที่คบมานานกว่าสิบสองปีคนนี้เป็นอีกหนึ่งคนที่เขาพร้อมจะยอมให้ทุกอย่าง ขณะที่คนที่เพิ่งออกปากขอให้คนรักตามไปส่งก้มลงเลิกขากางเกงขึ้น หยิบรองเท้าบูทหนังสีดำขึ้นมาสวมและรูดซิปให้เรียบร้อยเสียก่อน
ด้านคนรอคอยปรายตามองอย่างขัดใจเล็กๆ ที่ต้องรอนาน แม้จะรู้ว่าคนรู้ใจตัวเองชอบใส่รองเท้าบูทขนาดไหนก็ตาม ‘มันจะนานก็ตรงใส่รองเท้านี่แหละ’ เขานึกในใจ
“ไปเถอะป๊อป” สติของชายหนุ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อเสียงหวานน่าฟังลอยมากระทบโสตประสาท เขาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมของอีกฝ่ายถือตามหลังคนรักลงลิฟต์ไปยังชั้นล่าง เดินต่อไปยังที่รถเก๋งสีดำที่จอดตรงพื้นที่จอดรถบุคคลภายนอก เมื่อไปถึง มือเล็กของหญิงสาวกดปุ่มตรงมือจับสั่งปลดล็อกประตูทั้งสี่บาน ประตูหลังฝั่งคนขับถูกเปิดขึ้นพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมวางลงไปด้วยฝีมือของชายหนุ่ม
“ขับรถดีๆ” คำอวยพรเดิมๆ ที่เขาพูดกับแฟนสาวมาตลอดสิบกว่าปีถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
“จ้า เค้าไปก่อนนะ” เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนรู้ใจอีกหนึ่งที
ทั้งสองต่างโผเข้ากอดกันและกัน ต่างคนต่างโน้มใบหน้าเข้าหากัน ปากหยักได้รูปค่อยๆ ประทับลงบนปากเรียวสวย ตวัดลิ้นเกี่ยวกันฝากรสจูบอันแสนหวานของกันและกันจนอิ่ม ร่างบางค่อยๆ ผละออกอย่างช้าๆ พาตัวเองไปนั่งเบาะฝั่งคนขับพร้อมกับปิดประตูลง เสียงสตาร์ตเครื่องยนต์เทอร์โบดังขึ้น รถเก๋งสีดำคันงามเคลื่อนตัวออกไป ดวงตาคู่สวยยังคงมองคนรักที่ยืนมองตามผ่านกระจกมองหลังจนลับตาไป...
....................................................................................
คอมพิวเตอร์ไอแม็คถูกเปิดขึ้นหลังจากเจ้าของห้องกลับขึ้นมา เตรียมตัวลงมือทำงานที่รับไว้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ถึงแม้สเกลงานจะมีเวลาเหลือเฟือ แต่เขาเลือกที่จะลงมือทำทันทีเพื่อไม่ให้คั่งค้างจนไฟลนก้นส่งผลให้งานผิดพลาดได้ มือซ้ายของเขาจับเมาส์ปากกาถูไปบนแป้น รีทัชรูปที่อยู่บนหน้าจออย่างคล่องแคล่ว รู้ตัวอีกทีเขาทำงานผ่านไปแล้วสองรูป แต่ว่าเขากลับรู้สึกไม่พอใจสิ่งที่เห็นตรงหน้าสักเท่าไหร่ แอบกลัวว่างานจะถูกตีกลับจึงเริ่มต้นทำใหม่อีกครั้ง ส่วนรูปแรกเขาส่งไปให้โปรดิวเซอร์คู่ใจตรวจก่อนแล้ว
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อป รูปที่ส่งมาถ้าลูกค้าจะให้แก้เดี๋ยวหนูไฟต์ให้นะ :
ข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้น นัยน์ตาเข้มละสายตาจากหน้าจอคอมพ์ไปยังสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่วางไว้ข้างๆ ก่อนละมือจากงานพิมพ์ตอบกลับไป
@@POPENGL@@ : ทำไมล่ะบิว :
@@Bewpetch@@ : ก็พี่ป๊อปทำซะดูแพงขนาดนี้ หนูตรวจแล้วตรงกับคอนเซปต์งานทุกอย่างแล้ว :
ป๊อปค่อยใจชื้นขึ้นเมื่ออ่านข้อความตอบกลับมา รู้สึกทันทีว่าเขามาถูกทางแล้ว นิ้วมือหนาจิ้มลงไปบนหน้าจอพิมพ์ตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว
@@POPENGL@@ : โอเค.ๆ เดี๋ยวอีกสี่รูปพี่ส่งตามไปนะ ภายในสามวันน่าจะเสร็จหมด เผื่อเวลาแก้ไว้ด้วย :
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปไม่ต้องรีบก็ได้ สเกลงานสองอาทิตย์ แต่ลูกค้าบอกเลตได้อีกไม่เกินห้าวัน มีเวลาเหลือเฟือเลยล่ะ :
@@POPENGL@@ : แต่พี่รีบนี่หว่าบิว งานจะได้ไม่ค้างคา หมดงานนี้พี่ขอพักก่อนนะเว้ย เว้นแต่งานสเกลเล็กๆ สามรูปหนึ่งอาทิตย์อะไรงี้ค่อยส่งให้พี่ งานสเกลใหญ่ให้คนอื่นทำบ้าง เข้าใจไหม :
@@Bewpetch@@ : จ้าพี่ป๊อป เดี๋ยวนี้ทำไมเลือกงานจัง เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเป็นเลย อย่าบอกนะว่าเดี๋ยวนี้ติดสาวแล้ว คริๆ :
@@POPENGL@@ : เออๆ พี่ติดสาว น้องสาวพี่เองแหละ แฟนพี่ด้วย พี่อยากให้เวลากับเขาหน่อย:
@@Bewpetch@@ : จ้า โอเค. พี่ป๊อปทำงานต่อเถอะ:
ป๊อปหันกลับไปแก้งานอีกครั้ง คราวนี้เขาตั้วใจจะทำออกมาให้ดีไปเลยเพื่อจะได้ไม่ถูกตีกลับมาให้แก้อีก แต่ว่าเพียงแค่จรดเมาส์ปากกาลงบนแป้นไม่ทันไร แอพพลิเคชั่นสีเขียวส่งเสียงเรียกเข้ามาอีกครั้งหนึ่งในโหมดโทรศัพท์ หน้าจอขึ้นภาพโปรไฟล์ของน้องสาวของเขา มือหนาต้องวางเมาส์ปากกาลงและหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาสไลด์กดรับ
@@POPENGL@@ : [[<<ฮัลโหลครับใบหม่อน มีอะไรเนี่ย โทร.หาพี่แต่วันเลย>>]]
@@Baimon@@ : [[<<พี่ป๊อป หนูลืมเอกสารอ่ะ พี่ป๊อปเอามาให้หนูหน่อยสิ>>]]
@@POPENGL@@ : [[<<ลืมไว้ไหนเหรอ>>]]
@@Baimon@@ : [[<<หนูจำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะกระจกข้างหัวเตียงหนูอ่ะพี่ป๊อป>>]]
@@POPENGL@@ : [[<<ได้ๆ เดี๋ยวพี่เอาไปให้นะ ไปถึงสายนิดนึง รีบใช้ไหมล่ะ>>]]
@@Baimon@@ : [[<<รีบสิพี่ นั่นเอกสารสำคัญเลยนะ>>]]
@@POPENGL@@ : [[<<โอเค.ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปให้ พี่ขอเข้าไปหาในห้องเราก่อนนะ>>]]
@@Baimon@@ : [[<<รีบๆ ล่ะพี่ป๊อป>>]]
ปลายสายถูกตัดไปในที่สุด ร่างสูงรีบลุกจากโต๊ะทำงานเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาวทันที เขากวาดสายตามองที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างหัวเตียงอยู่สักพัก เห็นซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่ มือหนาหยิบซองเอกสารออกมาก่อนเดินมาปิดคอมพ์ คว้ารีโมตกุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงพร้อม ล็อกห้องเสร็จรีบพาตัวเองไปที่ลิฟต์เตรียมลงไปยังชั้นลานจอดรถ แต่ก็ต้องหัวเสียเมื่อตอนนี้ลิฟต์ไม่ว่างเลยแม้แต่ตัวเดียว
“เฮ้ย มาไม่ว่างอะไรตอนนี้วะเนี่ย คนยิ่งรีบๆ อยู่นะเว้ย” เขาสบถเบาๆ อย่างหงุดหงิดใจ
ไม่กี่อึดใจ ลิฟต์ตัวหนึ่งที่ว่างจอดเทียบพอดี ร่างสูงรีบจ้ำอ้าวเข้าไป มือหนายังกอดซองเอกสารไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะร่วงหล่นจนถึงลานจอดรถชั้นล่าง เขารีบพาตัวเองไปที่รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำที่จอดอยู่ตรงหน้าให้เร็วที่สุด นิ้วโป้งหนากดรีโมตสั่งให้รถปลดล็อก พาตัวเองขึ้นประจำที่หลังพวงมาลัย มือหนาบิดกุญแจสตาร์ตสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงส่งเสียงคำรามดังกระหึ่มพร้อมทำหน้าที่ลากตัวถังหนักเกือบสองตันออกจากลานจอดรถมุ่งสู่ถนนใหญ่ แต่ต้องเจอกับการจราจรที่เคลื่อนตัวค่อนข้างช้าพอสมควร นัยน์ตาสองชั้นหลบมองผ่านรถคันหน้าที่เตี้ยกว่าเห็นว่าคันที่ขับนำหน้าค่อยๆ คลานไปอย่างใจเย็นทั้งที่ถนนข้างหน้าค่อนข้างโล่ง เหลือบมองเลนซ้ายว่างอยู่ เขารอจังหวะเล็กน้อยเมื่อรถคันข้างๆ ขับเลยไป มือหนารีบหักพวงมาลัยออกซ้าย เท้าขวากดคันเร่งแซงรถที่กำลังขับช้าคลานต้วมเตี้ยมข้างหน้าก่อนหักกลับเข้าเลนเดิม เร่งความเร็วไปเรื่อยๆ จนมาถึงแยกเกียกกาย เขาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเจอกับการจราจรติดขัดตรงหน้า
“เฮ้ย มาติดอะไรตอนนี้วะ คนยิ่งรีบๆ อยู่นะเว้ย ใบหม่อนด่ากูยับแน่ถ้าไปไม่ทัน” ป๊อปสบถขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเริ่มหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อเจอการจราจรติดขัดจนแทบขยับไม่ได้ ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้นเมื่อนึกถึงน้องสาวของเขาที่กำลังรอเอกสารสำคัญฉบับนี้อยู่ แอบกลัวน้องสาวจะด่าให้ถ้าเอาไปให้ไม่ทัน แต่แล้วการจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้หลังปรากฎสัญญาณไฟเขียว รีบกดคันเร่งสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบกู่ร้องคำรามขึ้นอีกครั้ง พาให้รถแวนเจ็ดที่นั่งคันเขื่องเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสลับกับการชะลอเป็นระยะๆ ด้วยอยู่ในเขตเมือง ไหนจะต้องระมัดระวังคนข้ามถนน ระมัดระวังรถมอเตอร์ไซค์ที่พร้อมจะผ่าไฟแดงขี่ตัดหน้าได้ตลอดทุกเวลา จนเมื่อพ้นแยกซังฮี้มาได้ การจราจรตรงหน้าเริ่มไหลลื่นคล่องตัวมากขึ้นจนถึงแยกสี่เสาเทเวศร์ในที่สุด
รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวหาที่จอดรถเท่าที่จะจอดได้อย่างช้าๆ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยยวดยานจอดเรียงรายเต็มไปหมดจนเริ่มหาที่จอดรถได้ยากขึ้น ป๊อปเริ่มหงุดหงิดอีกครั้งหลังจากหาที่จอดรถแทบไม่ได้ แต่แล้วเห็นมีช่องหนึ่งที่ว่างติดกับรั้วที่ทำงานของน้องสาวพอดี มือหนาทั้งสองข้างสาวพวงมาลัยเลี้ยวกลับรถในซอยตลาดเทวราช เคลื่อนไปจอดยังช่องจอดที่ว่างอยู่จนได้...
ขณะเดียวกัน
ใบหม่อนนั่งทำงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด ในใจยังคงกังวลถึงเอกสารสำคัญที่ตัวเองลืมไว้แต่ก็ต้องกลบเกลื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยปกติไม่ให้ใครสังเกตเห็น ยังดีที่เจ้าตัวโทร.บอกให้คนเป็นพี่ชายให้เอามาให้แล้ว
สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินส่งเสียงแจ้งเตือนพร้อมกับข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้น ดวงตาคู่สวยละจากงานตรงหน้า มือเล็กหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาดูหน้าจอ
@@POPENGL@@ : ใบหม่อน พี่มาถึงแล้ว :
ใบหม่อนรีบพิมพ์ตอบทันทีหลังจากอ่านข้อความจบ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาไม่น้อยเมื่อเห็นข้อความตรงหน้า
@@Baimon@@ : เอาเอกสารหนูมาด้วยเปล่า เดี๋ยวหนูลงไปหา รอแป๊ปนะ :
@@POPENGL@@ : เอามาด้วยสิ เนี่ยอยู่ในรถแล้ว :
ป๊อปนั่งรออยู่ในรถหลังจากแชตกับน้องสาวเสร็จ มือหนาเอื้อมไปคว้าซองเอกสารสำคัญบนเบาะข้างคนขับก่อนลงไปยืนรอข้างนอก เผื่อน้องสาวเขาออกมาจะได้เจอได้เลย เวลาผ่านไปไม่นานนัก ร่างสูงระหงในเครื่องแบบสีกากีเดินออกมาจากด้านในรั้วมาใกล้กับคนตัวใหญ่ที่ยืนเหม่ออยู่
“<<พี่ป๊อป>>” เสียงใสเรียกชื่อคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าคร้ามหันมาหาคนที่ออกปากเรียกชื่อเขาเมื่อสักครู่ สีหน้าบ่งบอกอาการตกใจเล็กๆ ก่อนยื่นซองเอกสารในมือให้
“<<อ่ะนี่ใบหม่อน>>” เสียงเข้มเว้นหายใจสักพัก “<<ไหนบอกว่าไม่ลืมอะไรไงเมื่อเช้า แต่ทำไมโทร.เรียกให้พี่เอามาให้ล่ะหืม>>” ป๊อปว่าให้แบบไม่จริงจังนัก มือหนายกขึ้นยีผมยาวสลวยของหญิงสาวเบาๆ หลังจากส่งซองเอกสารเสร็จ
“<<ก็หนูลืมจริงๆ นี่นา>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอด ดวงตาคู่สวยเริ่มเปล่งประกายบ่งบอกถึงความรู้สึกผิด
ป๊อปเห็นดังนั้นถึงกับใจอ่อนลงทันที ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาแพ้ทางน้องสาวคนนี้ทุกครั้ง “<<เอาน่าๆ ไม่เป็นไร พี่ก็เอามาให้แล้วนี่ไงคะ>>”
“<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป หนูขอโทษน้าที่ทำให้พี่ป๊อปลำบากเอามาให้อ่ะ>>” ใบหม่อนกล่าวขอบคุณและขอโทษคนเป็นพี่อีกครั้งหนึ่ง “<<เดี๋ยวหนูเข้าไปทำงานก่อนน้า พี่ป๊อปขี่รถกลับบ้านดีๆ ล่ะ ไปล่ะ บ๊ายบาย>>”
พูดจบร่างสูงระหงหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างใน หันกลับมาโบกมือและส่งยิ้มหวานให้และเดินจากไปจนลับตาในที่สุด ขณะที่ป๊อปยืนมองตามคนที่เดินจากไป ปากหยักคลี่ยิ้มบางๆ รู้ตัวอีกทีเขากลับเข้ามานั่งประจำการหลังพวงมาลัยของรถแวนคู่ใจอีกครั้ง มือหนาบิดกุญแจสตาร์ตเครื่องขับออกสู่ถนนใหญ่ตรงหน้าในเวลาต่อมา มุ่งหน้ากลับไปสะสางงานที่ยังค้างอยู่ ตั้งเป้าหมายจะให้เสร็จในวันนี้อย่างน้อยสักสองรูป
.....................................................................................
รถเก๋งคันเล็กสีดำจอดสนิทในช่องจอดประจำตัวเคียงข้างรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันใหญ่ พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์สามสูบใต้ฝากระโปรงที่ดับลงเพียงปลายนิ้วมือเล็กสัมผัสบนปุ่มสตาร์ตเครื่อง ร่างสูงระหงในเครื่องแบบสีกากีก้าวลงจากรถพร้อมกับหยิบกระเป๋าสัมภาระออก มือเล็กกดบนมือจับประตูฝั่งคนขับล็อกรถเสร็จ พาตัวเองไปยังลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกล ที่หมายคือชั้น 23 ที่ห้องพักของพี่ชายที่ตัวเองได้มาพักอาศัยอยู่ในตอนนี้
ป๊อปยังคงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเดิม สมาธิทั้งหมดของเขาโฟกัสไปกับงานที่ยังทำค้างไว้ เดิมตั้งเป้าไว้ว่าจะทำแค่สองรูปแล้วพักก่อน แต่ตอนนี้เขาทำเลยจนมาถึงรูปที่สามแล้ว ในสมองของเขาเต็มไปด้วยบรีฟงานที่ได้รับผสมกับไอเดียที่พลุ่งพล่านพร้อมจะถ่ายทอดออกมาบนตัวงาน ตั้งใจจะให้ลูกค้าเห็นแล้วประทับใจที่สุดจนไม่ต้องตีกลับมาให้แก้อีก
ใบหม่อนทาบคีย์การ์ดสั่งให้ประตูห้องปลดล็อกก่อนเปิดประตูเข้าไป ก้มลงถอดรองเท้าแตะสีชมพูที่เปลี่ยนตั้งแต่อยู่ในรถ กระเป๋าถือใบย่อมเต็มไปด้วยสัมภาระจุกจิกตามประสาผู้หญิงวางลงบนโซฟาใหญ่กลางห้อง พาตัวเองเข้าไปหาพี่ชายที่ตอนนี้กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับงานที่อยู่ตรงหน้า
“<<พี่ป๊อปทำอิหยัง?>>”
คนถูกเรียกชื่อหันกลับมาหลังได้ยินเสียงใสที่คุ้นหูแว่วกระทบโสตประสาท ยอมผละตัวเองจากงานตรงหน้าหันมาหาเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อเขาเมื่อสักครู่
“<<อ้าวกลับมาแล้วเหรอใบหม่อน>>”
“<<ก็กลับมาแล้วน่ะสิ ไม่งั้นหนูจะมายืนตรงนี้เหรอ ถามแปลกๆ>>” ใบหม่อนย้อนให้ นึกระอาความบ้างานของพี่ชายตัวเองอยู่ไม่น้อย
“<<เออๆ สงสัยพี่คงทำงานจนลืมมั้งเนี่ย>>” ป๊อปกดเสียงต่ำลง มือหนายกขึ้นเกาหัวตัวเองแก้เขิน
“<<พี่ป๊อปอ่ะ อย่าบ้างานมาก ดูสิแทบจะลืมน้องลืมนุ่งแล้วมั้งเนี่ย>>” ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนัก มือเล็กยื่นแฟลชไดรฟ์ที่ถือติดมือมาส่งให้กับคนตรงหน้า “<<พี่ป๊อป หนูรบกวนรีทัชรูปให้หนูหน่อยสิ รูปจะเอาไปติดบัตรข้าราชการอ่ะ ถ่ายมาแล้วมีสิวด้วย>>” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังชี้สิวเม็ดแดงๆ เหนือคิ้วขวาให้ดูด้วย
“<<ได้ๆ เดี๋ยวพี่ทำให้ แป๊ปนะ>>” มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธ มือหนารีบคว้าแฟลชไดรฟ์จากมือน้องสาวไปเสียบเตรียมโหลดรูปทันที ไม่ลืมที่จะเซฟงานที่ทำค้างไว้ก่อนเปิดหน้าต่างงานใหม่รอท่า สักพักหนึ่ง ภาพใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวในเครื่องแบบปกติขาวกำลังส่งยิ้มน้อยๆ ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้เขาต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อ…
“<<ฮ่าๆๆๆๆๆ เฮ้ย นี่ใบหม่อนเหรอเนี่ย ใช้ไฟกี่ดวงวะเนี่ยถึงขาวได้ขนาดนี้ โอ๊ยขำว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ>>” ป๊อปยังหัวเราะไม่หยุดเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เห็นใบหน้าของคนในรูปขาวกระจ่างใสมากกว่าปกติ
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อถูกพี่ชายหัวเราะเชิงล้อเลียนใส่ ดวงตาคู่สวยถลึงใส่คนที่กำลังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างขุ่นเคือง “<<หน้าหนูขาวแค่นี้มันตลกเหรอไงพี่ป๊อปถึงหัวเราะเนี่ย ห๊า!!! ว่าหนูดำเหรอ พี่ป๊อปก็ดำเหมือนหนูนี่แหละ เชอะ!!!>>”
เมื่อเห็นใบหม่อนปรี๊ดแตกจนควันออกหูเพราะโกรธที่ถูกล้อ ป๊อปรีบหยุดหัวเราะแทบจะทันที แต่ยังกลั้นขำไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นรูปน้องสาวของเขาบนหน้าจอคอมพ์ รีบดึงสติกลับมาหาตัวให้เร็วที่สุด
“<<พี่แซวเล่นน่า พี่ขอโทษนะคะใบหม่อน โอ๋ๆ ไม่โกรธพี่นะ>>”
เหมือนน้ำเย็นราดลงบนกองไฟเมื่อใบหม่อนอารมณ์เย็นลงหลังจากได้ยินคำขอโทษจากปากของพี่ชาย ลืมอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นไปจนหมดสิ้น แต่ยังหมั่นไส้ที่เห็นพี่ชายแอบขำอยู่ “<<ไม่ต้องมาขำหนูเลยพี่ป๊อป ลบสิวให้หนูด้วย ถ้าหนูออกมาแล้วพี่ยังทำไม่เสร็จหนูโกรธพี่จริงๆ ด้วย>>”
ใบหม่อนออกปากคาดโทษกับพี่ชายทันทีก่อนเดินผละออกไปที่ห้องนอนของตัวเองด้านหลังโต๊ะทำงาน ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายเริ่มลงมือรีทัชรูปไปคนเดียว
‘เฮ้อ เป็นน้องหรือเป็นแม่เนี่ย ได้ทีสั่งใหญ่เลย’ ป๊อปบ่นในใจ ก่อนรวบรวมสมาธิทั้งหมดไปที่รูปถ่ายของน้องสาวตรงหน้า มือซ้ายจับเมาส์ปากกาเลื่อนไปบนแป้นอย่างคล่องแคล่ว ใช้ทักษะการรีทัชที่ตัวเองมีอยู่จัดการลบสิวและเกลี่ยสีผิวให้ออกมาเป็นธรรมชาติและดูดีที่สุดเพื่อให้รูปของน้องสาวของเขาสวยที่สุดเมื่อมันไปอวดโฉมบนบัตรข้าราชการ ใช้เวลาไม่นานนัก การรีทัชรูปติดบัตรข้าราชการของน้องสาวก็เสร็จสิ้นลงหลังจากกดเซฟผลงาน
นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงยังเพ่งพินิจไปที่รูปที่อยู่ตรงหน้า ตอนแรกที่เขากลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่เมื่อเห็นใบหน้าของน้องสาวขาวจนเท่ากับสีผิวของคนรักผิดจากสีผิวจริงที่คล้ำราวกับสีน้ำผึ้ง แต่ตอนนี้เขาเริ่มตกตะลึงในความสวยของคนในรูปมากขึ้นหลังจากผ่านการรีทัชเสร็จ จริงอยู่น้องสาวของเขาหน้าตาสวยหวานน่ารักจนมองยังไงก็ไม่เบื่อ แต่ในรูปนี้ยิ่งขับเน้นความสวยให้เปล่งประกายมากขึ้น
ร่างระหงในชุดเสื้อผ้าอยู่บ้าน ผมยาวสลวยถูกเกล้ามวยขึ้นเปิดเผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานบนโครงหน้าค่อนข้างกลม เดินออกมาจากห้องนอนหลังอาบน้ำเสร็จ มุ่งมายังโต๊ะทำงานของพี่ชายที่ตอนนี้คนเป็นเจ้าของกำลังนั่งตรวจผลงานอยู่
“<<เสร็จยังพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยถามขึ้น
ป๊อปไม่พูดอะไรนอกจากกระเถิบเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่หลีกให้น้องสาวเข้ามาดูรูปตัวเองหลังจากรีทัชเสร็จ และแล้วผลที่ออกมาเป็นไปตามที่เขาคาดไว้เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟันของเจ้าของรูปหลังจากที่ได้เห็นผลงานของเขา
“<<สวยมากเลยอ่ะพี่ป๊อป ขอบคุณมากนะคะที่พี่ป๊อปลบสิวให้หนู>>” เสียงใสออกปากชมขึ้นมาหลังจากเห็นรูปของตัวเองผ่านการรีทัชจนออกมาดูดีกว่าที่คิดไว้
“<<เป็นไง ฝีมือพี่ใช้ได้ไหมล่ะ>>” ป๊อปย้อนถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับน้องสาวหนึ่งที
“<<ว้าวชอบเลยล่ะพี่ป๊อป ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าพี่ชายของหนูจะทำได้ขนาดนี้>>” ใบหม่อนทำท่าเอียงคอน่ารักพร้อมกับชมคนเป็นพี่ชายอีกครั้งหนึ่ง
“<<ถ้าชอบก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ปรินท์และตัดให้ งั้นเดี๋ยวพี่ขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวกินข้าวกันเนาะ>>” ป๊อปเอ่ยทิ้งท้ายก่อนกระเถิบตัวเองกลับมาประจำที่อีกครั้ง
“<<จ้าพี่ป๊อป เดี๋ยวคืนนี้หนูทำกับข้าวให้กิน รอแป๊ปน้า>>”
พูดจบร่างสูงระหงแยกไปที่ตู้เย็นหลังครัว เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมื้อเย็นวันนี้ ขณะที่ป๊อปรีบลงมือทำงานตรงหน้าต่อ กะให้เสร็จทันอาหารมื้อเย็นวันนี้
..........................................................................
ไข่เจียวหมูสับหอมหัวใหญ่มะเขือเทศ ผัดกะเพราหมูชิ้นฝีมือใบหม่อนถูกวางบนโต๊ะกินข้าวหลังครัวเรียบร้อย รวมกับต้มยำกุ้งร้อนๆ ที่เจ้าของห้องซื้อไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยง และคนลงมือทำกับข้าวยังเตรียมคดข้าวใส่จานทั้งสองใบ รอเพียงคนที่กำลังทำงานมานั่งร่วมโต๊ะด้วยเท่านั้น
“<<พี่ป๊อปมากินข้าว>>” เสียงใสเรียกคนเป็นพี่ชายที่กำลังดำดิ่งอยู่กับงานตรงหน้า
“<<แป๊ปนะใบหม่อน พี่ขอเซฟงานก่อน>>” ป๊อปตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด นิ้วมือขวากดคำสั่งเซฟงานบนแป้นพิมพ์
ร่างสูงใหญ่ลุกจากเก้าอี้ไปยังโต๊ะกินข้าวที่ตอนนี้น้องสาวของเขารออยู่ จะไม่ให้พลาดอาหารมื้อเย็นฝีมือน้องสาวคนนี้ได้ยังไง ยิ่งเห็นกับข้าวร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมฉุยยิ่งชวนให้อยากลิ้มรสอาหารมื้อพิเศษมื้อนี้ว่าจะยังอร่อยเหมือนเดิมหรือไม่
“<<ลองดูซิ ว่าฝีมือน้องสาวพี่จะเหมือนเดิมไหม>>” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นก่อนลงมือตักผัดกะเพราลงบนจานข้าวของตัวเองก่อนลงมือกินด้วยอาการหิว แต่แล้ว… “<<ฮื้ม ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย คิดถึงมากเลยนะเนี่ย>>”
ป๊อปออกปากชมน้องสาวอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กินกับข้าวฝีมือน้องสาวคนนี้ หลังจากไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน ถึงแม้จะเจอกันบ้างเมื่ออีกฝ่ายลงมาเยี่ยมถึงกรุงเทพฯ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องโทร.สั่งอาหารมากิน และเขาไม่ได้กลับบ้านเลยเป็นเวลาเกือบสองปี ทำให้ไม่มีโอกาสได้กินกับข้าวฝีมือของน้องสาวอีกเลยนับแต่นั้น
“<<ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ เลยพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบรับคำชมของคนเป็นพี่ชาย “<<นานแล้วนะที่หนูไม่ได้ทำกับข้าวแบบนี้ให้พี่กิน คิดถึงเมื่อตอนเด็กๆ เลยนะพี่ป๊อป>>”
ใบหน้าคร้ามเงยขึ้นมองใบหน้าสวยหวานของคนที่เพิ่งพูดจบหนึ่งทีก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ “<<พี่ก็คิดถึงเหมือนกันแหละใบหม่อน>>” เขาพูดทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก “<<ตอนใบหม่อนทำกับข้าวให้พี่กินครั้งแรก พี่จำได้ลางๆ ว่าตอนเราเรียน ป.5 มั้ง พี่เองเรียน ม.3 แล้วนะถ้าจำไม่ผิด จำได้เลย ไข่ไหม้ ฮิๆ>>”
“<<ก็นั่นมันครั้งแรกป่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนย้อนให้ ดวงตากลมโตมองค้อนใส่ “<<ตอนนั้นหนูยังทำไม่คล่องเลย จำที่แม่กับแม่คุณสอนให้แล้วลองทำดูแค่นั้นเอง>>”
“<<ตอนนั้นใบหม่อนบังคับให้พี่กินทุกครั้งเลยนี่>>” ป๊อปได้โอกาสสวนกลับไปบ้าง “<<จำได้เลยเราขู่พี่ตลอด ถ้าพี่ป๊อปไม่กินกับข้าวฝีมือหนูนะ หนูจะงอนไม่พูดกับพี่เลยคอยดูบ้าง หรือไม่ก็จะร้องไห้บ้าง โอ๊ยยังมีอีกเยอะเดียวนึกก่อนนะ ฮ่าๆ>>”
ใบหม่อนถึงกับหน้าแดงเมื่อถูกพี่ชายล้อเข้าให้ “<<พอได้แล้วพี่ป๊อป ไม่ต้องมาล้อหนูเลย>>”
“<<อ้าวๆ ก็จริงนี่นา เล่นบังคับให้พี่กินแบบนั้นน่ะ>>” คราวนี้ป๊อปวางช้อนในมือลง ลุกขึ้นโน้มตัวเอื้อมมือมาจับมวยผมเหนือศีรษะของคนเป็นน้องสาว แต่ว่า…
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลย>>” ไม่พูดเปล่า มือเล็กผลักมือใหญ่ของอีกฝ่ายออก “<<กินข้าวอยู่มาจับหน้าจับผมคนอื่นได้ไง มันไม่ดีนะพี่ป๊อป แล้วที่หนูบังคับให้พี่กินกับข้าวฝีมือหนูน่ะเพราะหนูตั้งใจจะทำให้พี่ชายคนเดียวของหนูได้กินไงล่ะ ถ้าพี่ป๊อปไม่กินหนูเสียใจแย่เลยน้า>>”
ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายขึ้นเมื่อได้ให้เหตุผลกับคนเป็นพี่ชาย จริงๆ แล้วในตอนนั้นกะเอาคืนด้วยเพราะพี่ชายคนนี้ชอบแกล้งตัวเองเหลือเกิน แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังโดนพี่ชายคนนี้แกล้งเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากการกระทำเป็นคำพูดคำแซวเท่านั้น
“<<ว่าแต่พี่ป๊อปเหอะ นอกจากไข่เจียวแล้วพี่ป๊อปทำกับข้าวอย่างอื่นเป็นรึยังล่ะ>>” ใบหม่อนเริ่มเปิดหัวข้อใหม่ขึ้นมาบ้าง
คราวนี้ป๊อปทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินคำถามจากน้องสาว นัยน์ตาสองชั้นหลบเริ่มออกอาการล่อกแล่ก ชั่งใจอยู่ว่าจะรักษาฟอร์มความเป็นพี่ชายหรือจะตอบออกไปตรงๆ ‘เป็นไงล่ะ ทีนี้มึงโดนเอาคืนบ้างไอ้ป๊อป’ เขานึกในใจ
“<<เอาตรงๆ เลยนะ ไม่เป็นเลย>>” ตัดสินใจตอบน้องสาวไปตรงๆ
คราวนี้ใบหม่อนยิ้มกระตุกๆ พร้อมส่งสายตาเย้ยใส่ “<<ตายแล้วพี่ป๊อป แล้วพี่จะทำยังไงอ่ะถ้าพี่แต่งงานกับพี่พัชร สมัยไหนแล้วที่จะเอาแต่รอให้ผู้หญิงทำกับข้าวให้อ่ะ ผู้ชายสมัยนี้ต้องทำกับข้าวเป็นแล้วนะ>>” ใบหม่อนได้ทีใส่คนเป็นพี่ชายใหญ่ แอบสะใจเล็กๆ ที่ได้แกล้งพี่ชายคนนี้บ้าง
“<<เออน่า มันไม่ใช่แนวพี่นี่หว่า พี่เลยไม่ทำดีกว่า>>” ยิ่งตอบยิ่งเปิดแผลให้เหวอะมากขึ้น
ใบหม่อนถึงกับหัวเราะสุดเสียงหลังจากเห็นท่าทางยอมแพ้ของคนตรงหน้า “<<คริๆ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะ พี่ชายของหนูทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่างเลย เป็นแต่เจียวไข่ ฮ่าๆๆ>>” หญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะใส่คนตรงหน้า
“<<เออๆ พี่ห่วยเองแหละใบหม่อน ใครจะทำเป็นได้ทุกอย่างเหมือนน้องสาวหน้ากลมคนนี้ล่ะหืม>>” และแล้ว ป๊อปก็ต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา แล้วก็ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายหุบยิ้มลง ดวงตากลมโตเปลี่ยนเป็นมองดุใส่ กลีบปากอวบอิ่มสวยคว่ำลง ทำแก้มป่องบ่งบอกถึงความรู้สึกเสียอาการให้เห็น
“<<พี่ป๊อปอ่ะ ล้อหนูหน้ากลมอีกแล้วน้า>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอด แอบผิดหวังที่เอาชนะพี่ชายคนนี้ไม่ได้สักที
คราวนี้ป๊อปหัวเราะอย่างผู้ชนะที่แท้จริงหลังจากหยุดน้องสาวคนนี้ได้สำเร็จ ขณะที่คนโดนล้อยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ด้วยการตัดพ้อคนเป็นพี่ชายขึ้นมา
“<<พี่ป๊อปใจร้ายอ่ะ ทำไม หนูไม่สวยเหมือนพี่พัชรเหรอไงถึงต้องล้อหนูแบบนี้อ่ะ>>” พูดจบใบหน้าสวยหวานเริ่มบูดบึ้ง คราวนี้จะโกรธจริงๆ แล้ว
เจอแบบนี้เข้าไป คราวนี้ป๊อปรู้สึกหวิวในใจขึ้นมา และเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับน้องสาวคนนี้เสียที “<<โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะคะ ไม่โกรธพี่นะคะ น้องสาวพี่คนนี้สวยเสมอสำหรับพี่เลยนะ>>”
หัวใจดวงน้อยพองโตขึ้นมาหลังจากได้ยินคำขอโทษจากปากคนเป็นพี่ชาย แต่สิ่งที่แสดงออกไปนั้น สาวเจ้าเลือกที่จะทำเป็นเล่นตัว กะแกล้งปั่นหัวอีกฝ่ายเล่นๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายใจอ่อนทุกครั้งเมื่อเห็นตัวเองทำท่าจะร้องไห้หรือโกรธอย่างจริงจัง อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ ‘คริๆ ชอบล้อหนูนักใช่ไหมพี่ป๊อป คราวนี้ต้องแกล้งให้หนักเลย’ ใบหม่อนต่อให้ในใจ
“<<หนูไม่พูดกับพี่ป๊อปแล้ว เชอะ คำก็หน้ากลม สองคำก็หน้ากลม>>” ใบหม่อนตัดพ้อพี่ชายตัวเองขึ้นมา
คราวนี้ได้ผลเมื่อป๊อปเริ่มมีท่าทีร้อนรนมากขึ้นกว่าเดิม ทำเอาใบหม่อนแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่ แต่สีหน้าของสาวเจ้าตอนนี้ยังดูเรียบเฉยปกติ พยายามเก็บอาการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอผ่านไปนานๆ เข้าเริ่มไม่ขำแล้วเมื่อเห็นแววตารู้สึกผิดของคนตรงหน้า กลับรู้สึกสงสารมากกว่าจนแกล้งต่อไม่ลงแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าขอความเห็นใจจากคนที่เจ้าตัวกำลังแกล้งก็ยิ่งทำให้ใจอ่อนมากกว่าเดิมอีก
“<<ก็ได้ๆ พี่ป๊อป หนูพูดกับพี่เหมือนเดิมก็ได้>>”
สุดท้ายแล้วใบหม่อนก็ต้องยอมแพ้ให้กับพี่ชายของตัวเองจนได้เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว เมื่อใดที่เห็นสีหน้าแววตาแสดงอาการรู้สึกผิดของเขาแล้วก็ต้องใจอ่อนทุกที แต่เพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม หญิงสาวเลยตัดบทเอาดื้อๆ
“<<กินข้าวเหอะพี่ป๊อป ไม่ต้องมามองหน้าหนูแล้ว>>”
คราวนี้ป๊อปกลับมายิ้มได้อีกครั้งหลังจากง้อน้องสาวสุดที่รักได้สำเร็จ แต่ไม่ลืมที่จะทิ้งบอมบ์อีกครั้ง “<<ครับใบหม่อน น้องสาวหน้ากลมของพี่>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนถลึงตาใส่คนตรงหน้าหลังจากโดนล้ออีกครั้ง
สองพี่น้องลงมือกินข้าวกันต่อโดยไม่พูดกันอีก แต่คราวนี้ป๊อปชำเลืองมองอีกฝ่ายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินกับข้าวฝีมือตัวเองจนกับข้าวพร่องลงไปอย่างรวดเร็ว
‘ไหนบอกให้พี่กินเยอะๆ ไงใบหม่อน แต่ตอนนี้พี่กินไม่ทันเราแล้วนะ กินจุนะเนี่ย’ ป๊อปนึกในใจขึ้นมา แอบยิ้มเล็กน้อย
.........................................................................
เวลาผ่านเลยไปจนถึงเย็นวันศุกร์
ป๊อปยังคงง่วนกับงานตรงหน้ากับไอแม็คคู่ใจเครื่องเดิม ถึงแม้งานที่แล้วจะเสร็จไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้โปรดิวเซอร์คู่ใจขอร้องให้เขารับงานใหม่อีก ทำให้เขาต้องขลุกอยู่กับงานต่อจนแทบไม่มีเวลาไปไหน หรือแม้แต่น้องสาวของเขาก็แทบจะไม่มีเวลาให้เลยนอกจากตอนกินข้าวหรือตอนพักเท่านั้น
ใบหม่อนหยิบคีย์การ์ดทาบเซ็นเซอร์จนประตูห้องปลดล็อก มือเล็กข้างที่ว่างคว้าลูกบิดเปิดประตูห้องเข้าไปข้างใน ก้มลงถอดรองเท้าผ้าใบราคาแพงก่อนเดินเข้าไปวางสัมภาระที่โซฟาใหญ่กลางห้อง เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนตัวใหญ่นั่งจับเมาส์ปากกา จ้องหน้าจอคอมพ์อย่างเคร่งเครียด
หญิงสาวย่นจมูกขึ้นอย่างอิดหนาระอาใจเมื่อเห็นพี่ชายแท้ๆ เอาแต่ทำงาน ตั้งแต่วันทำงานวันแรกจนถึงวันนี้กลับมาเมื่อไหร่เห็นแต่อีกฝ่ายเอาแต่ทำงานทุกครั้ง ร่างสูงระหงในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินตามนโยบายแต่งผ้าไทยทุกวันศุกร์เดินเข้าไปหาคนที่กำลังบ้างานจนแทบไม่หันมามองเลยว่ามีใครกำลังเข้ามาอยู่
“<<พี่ป๊อป>>”
เสียงใสดังแว่วกระทบหู ทำให้ป๊อปต้องถอนตัวจากงานตรงหน้าชั่วคราว ใบหน้าเข้มภายใต้หนวดเครารกครึ้มหันมาหาเจ้าของเสียงที่เพิ่งเรียกเขาไป นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงมองใบหน้าสวยหวานภายใต้ผมถักเปียอย่างแปลกใจระคนดีใจเล็กๆ
“<<อ้าวกลับมาแล้วเหรอ ดูสิถักเปียซะน่ารักเชียว ฮิๆ>>” พูดจบร่างสูงใหญ่ลุกขึ้น มือหนาเอื้อมมาจับหางเปียสะบัดเล่นด้วยความมันเขี้ยวเล็กๆ
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนแกะมือหนาออก “<<พี่ป๊อปนี่น้า เอาแต่บ้างานๆๆ จนลืมน้องลืมนุ่งแล้วมั้งเนี่ย หนูมาทีไรเห็นพี่เอาแต่ทำงานตลอดเลย>>” คราวนี้เริ่มตัดพ้อขึ้นมาด้วยอาการน้อยใจเล็กๆ
ป๊อปรู้สึกหวิวในใจแปลกๆ เมื่อได้ยินน้องสาวของตัวเองตัดพ้อ ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเคราคลี่ยิ้มบางๆ นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงพยายามแสดงออกให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่ในใจแอบรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“<<จะให้พี่ลืมน้องสาวหน้ากลมคนนี้ได้ไงล่ะ ฮิๆๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!! ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะ>>” ใบหม่อนแหวใส่ “<<ไม่คุยกับพี่ป๊อปแล้ว บ้าบอ คุยทีไรปวดประสาททุกทีเลย เชอะ>>”
ร่างสูงระหงเดินจากไปพร้อมกับคำบ่นทิ้งท้าย ขณะที่คนโดนบ่นหันไปมองตามไปยิ้มไปจนอีกฝ่ายปิดประตูห้องนอนตัวเองไปแล้ว ใบหน้าคร้ามหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่หุบลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“เฮ้อ พี่ขอโทษนะใบหม่อนที่เอาแต่ทำงาน” เขาพูดกับรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน “เดี๋ยวพี่จะรับงานให้น้อยลงแล้วนะใบหม่อน พี่จะได้มีเวลาให้กับเราบ้าง”
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ร่างสูงระหงในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ ผมอันยาวสลวยยังคงเปียกอยู่ เดินย่างกรายไปที่เคาน์เตอร์หลังครัวเตรียมลงมือทำอาหารมื้อเย็น แวะวางสมาร์ทโฟนเครื่องหรูไว้ที่โต๊ะทำงานก่อน
ป๊อปตัดสินใจวางเมาส์ปากกาลงบนแป้นก่อนลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งทำงานอยู่ตั้งนาน จริงอยู่ที่ตอนนี้งานของเขายังไม่เสร็จ แต่เขาเลือกที่จะหยุดพักก่อนเพื่อที่จะให้เวลากับน้องสาวบ้าง นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองร่างระหงที่กำลังลงมือทำกับข้าวอยู่หลังครัว เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนที่กำลังทำกับข้าวอย่างเงียบเชียบ ตอนนี้อยากรู้ว่าน้องสาวคนนี้จะทำอะไรให้เขากิน
ใบหม่อนก้มหน้าก้มตาปรุงอาหารมื้อเย็นอย่างสุดฝีมือโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครยืนดูอยู่ข้างหลัง กลิ่นหอมหวลชวนให้ลิ้มรสโชยมาเตะจมูกอย่างจังจนคนที่ยืนดูต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เวลาผ่านไปไม่นานนัก ไฟบนเตาไฟฟ้าดับลงด้วยปลายนิ้วมือเล็กก่อนยกกระทะขึ้นเทอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จใส่จาน เตรียมตัวหันไปเรียกคนบ้างานกินข้าว แต่ว่า…
“<<พี่ป๊อ…>>” เสียงใสถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ใกล้ๆ “<<ตกใจ! พี่ป๊อปมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย>>” ใบหม่อนร้องเสียงหลง ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยอาการตกใจ
“<<พี่มาตั้งแต่เรากำลังทำกับข้าวแล้วล่ะ ฮึๆ>>” เสียงเข้มตอบก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ “<<พี่รอกินข้าวอยู่เนี่ย>>”
“<<บ้าบออ่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าให้ไม่จริงจังนัก “<<พี่ป๊อปมายืนข้างหลังไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้เขาเรียกว่าโรคจิตน้า รู้ตัวบ้างไหมเนี่ยหืม>>”
“<<อ้าวมาว่าพี่โรคจิตอีกนะ>>” ป๊อปแกล้งทำเป็นไขสือ “<<ก็พี่อยากรู้นี่หว่าว่าวันนี้น้องสาวพี่จะทำอะไรให้กิน>>”
“<<พี่ป๊อปยกกับข้าวไปที่โต๊ะกินข้าวก่อน>>” ใบหม่อนถือโอกาสสั่งอีกฝ่ายทันทีเป็นการตัดบท
ป๊อปยอมทำตามคำสั่งของน้องสาวแต่โดยดี จานกับข้าวส่งกลิ่นหอมฉุยถูกนำไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวใกล้ๆ เมนูวันนี้เป็นผัดกะเพราหมูกรอบและไข่ดาวสองฟอง ขณะที่ใบหม่อนคดข้าวจากหม้อและถือจานข้าวทั้งสองใบตามมาติดๆ ก่อนวางบนโต๊ะ ขณะเดียวกัน เหยือกน้ำเย็นและแก้วเปล่าทั้งสองใบถูกนำวางไว้ทีหลังจากวางจานกับข้าวเสร็จ สองพี่น้องเริ่มลงมือทานอาหารมื้อเย็นหลังจากทุกอย่างเสร็จแล้ว
“<<พี่ป๊อป หนูถามจริงๆ เหอะ งานพี่เยอะมากไหมเนี่ย หนูกลับมาทีไรเห็นพี่นั่งทำงานตลอดเลย>>”
ใบหม่อนเริ่มชวนคนร่วมโต๊ะคุยขึ้นมาก่อน ถือโอกาสถามในสิ่งที่เจ้าตัวเก็บความสงสัยมาตลอดอาทิตย์นี้
“<<เยอะอยู่นะใบหม่อน>>” ป๊อปตอบทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “<<ช่วงนี้พวกบริษัทโฆษณาติดต่อเอเจนซีที่พี่รับงานมาเยอะ พี่ก็บอกโปรดิวเซอร์แล้วว่าแบ่งให้คนอื่นทำบ้าง แต่นี่มันเยอะจริงๆ พี่เลยต้องทำน่ะ>>”
เขาตอบไปตรงๆ เพราะอยากให้น้องสาวคนนี้รับรู้อยู่แล้ว “<<ช่วงนี้พี่เลยต้องรีบเคลียร์งานน่ะ พี่จะได้มีเวลาให้กับเราเยอะๆ ไงล่ะ>>”
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อได้ฟังคำตอบจากอีกฝ่าย รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยหลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมด “<<ตายแล้ว แบบนี้พี่ป๊อปจะทำยังไงอ่ะ>>”
“<<ก็บอกไปแล้วไงว่าพี่ต้องรีบเคลียร์ ถึงจะไม่ได้นอนก็ต้องยอมแหละ>>” คราวนี้ป๊อปตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาลงกว่าเดิม ก่อนปรับน้ำเสียงให้กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง “<<ว่าแต่ใบหม่อนเถอะ ที่ทำงานเป็นไงบ้างล่ะ ไม่เห็นเล่าให้พี่ฟังเลย>>”
“<<ตอนนี้หนูก็ไม่ต่างจากพี่แหละ>>” ใบหม่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “<<วันๆ ถ้าหนูไม่นั่งหน้าคอมพ์ก็วิ่งวุ่นจัดประชุมจัดสัมมนาอ่ะพี่ป๊อป วิ่งกันขาขวิดเลย ยิ่งช่วงหนูทดลองงานก็ตรงกับมีงานสัมมนาอีก หนูได้นั่งหน้าคอมพ์ฯ แค่วันจันทร์วันเดียวอ่ะ ที่พี่เอาเอกสารไปให้หนูไง ไหนหนูจะต้องทำแบบประเมิน วิ่งติดต่อ ก.จ.อีก>>”
ป๊อปพยักหน้ารับฟังคำตอบพลางหลับตาลงนึกตามสิ่งที่น้องสาวจาระไนให้ฟังทั้งหมด นึกเห็นใจอยู่ไม่น้อยทั้งที่รู้อยู่ว่าน้องสาวคนนี้เคยผ่านงานเหล่านี้มาหมดแล้วก็ตาม
“<<เอาน่าๆ เป็นข้าราชการแล้ว ไม่มีอะไรที่ใบหม่อนทำไม่ได้หรอก พี่เชิ่อว่าเราทำได้หมด>>” ป๊อปพูดเชิงปลอบใจ “<<อย่างน้อยใบหม่อนเหนือกว่าพี่อยู่หลายขุมเลยนะ ถ้าพี่เป็นเราล่ะก็ตายกันพอดี ฮิๆ>>”
จากที่เครียดๆ อยู่ หญิงสาวก็กลับอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีหลังจากได้รับคำปลอบโยนจากคนเป็นพี่ “<<รู้ตัวดีนี่พี่ป๊อป คริๆ>>” ได้ทีล้อเลียนพี่ชายตัวเองบ้าง “<<คนแบบพี่ป๊อปน้า เท่าที่หนูดูแล้วถ้าพี่รับราชการละก็ ไม่พ้นทดลองงานพี่ลาออกก่อนแน่เลย คริๆ>>”
ป๊อปหัวเราะในลำคอเบาๆ ตามสไตล์เมื่อถูกน้องสาวจี้จุดเข้าให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่คงจะทะเลาะกันแล้ว แต่ด้วยวัยที่เข้าเลขสามเต็มตัว ผ่านประสบการณ์ในชีวิตมากพอสมควร จึงได้แต่ยอมรับความจริงว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำในจุดนั้นได้อีกแล้ว
“<<จริงอย่างที่เราพูดแหละใบหม่อน>>” เสียงเข้มอันแผ่วเบาหลุดรอดจากปากหยักได้รูปของชายหนุ่ม “<<ตอนนี้พี่คงไม่อยากกลับไปทำงานประจำแล้วล่ะ ทำฟรีแลนซ์แบบนี้แหละดีแล้ว จะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หยุดทีก็ต้องทำใจนะว่ากว่างานจะเข้าอีกนี่ก็นานเลยล่ะ>>”
“<<พี่ป๊อปยังดีที่เลือกรับงานได้นะ ไม่อยากทำเมื่อไหร่ก็หยุดได้ แต่หนูนี่สิ มีงานอะไรมาก็ต้องทำ ยิ่งมาเจอพวกชอบเหยียดชอบแบ่งชนชั้นแบบนี้ด้วย หนูไม่ชอบเลย พ้นทดลองงานหนูจะเขียนย้ายเลยคอยดู>>” ใบหม่อนพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความจริงจังมากขึ้น “<<จริงๆ นะพี่ป๊อป หนูยอมลำบากยอมย้ายไปที่ไกลๆ ได้นะถ้าหนูไปแล้วทำงานอย่างมีความสุขอ่ะ>>”
“<<เอาน่าใบหม่อน เราผ่านมันไปได้แหละ พี่เชื่อ>>” ป๊อปพูดปลอบใจน้องสาวอีกเป็นครั้งที่สอง
เหมือนน้ำทิพย์ชโลมหัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเมื่อได้รับกำลังใจจากพี่ชาย กลีบปากอวบอิ่มฉีกยิ้มจนสุดเผยให้เห็นฟันครบทุกซี่ ดวงตากลมโตคู่สวยส่งสายตาบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีอยู่ในใจให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้รับรู้
ป๊อปคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขารู้สึกอย่างไร แต่แล้วก็ต้องแทบสำลักข้าวเมื่อจู่ๆ สาวเจ้าก็โพล่งขึ้นมา
“<<ที่จริงหนูก็แอบอิจฉาพี่ป๊อปเหมือนกันนะที่ทำงานฟรีแลนซ์อ่ะ>>”
คราวนี้จากอาการสำลักข้าวกลายเป็นต้องกลั้นขำเมื่อได้ยินเข้า ปากหยักลอบยิ้มบางๆ “<<เฮอะ จะอิจฉาพี่ทำไม อุตส่าห์สอบข้าราชการได้ แล้วนี่อยู่ๆ อยากจะเป็นฟรีแลนซ์แบบพี่>>” เขาพูดไปกลั้วหัวเราะไป
“<<ก็จะได้ไม่ต้องเจอคนบ้าๆ บอๆ ไม่ต้องรีบตื่นเช้าไปทำงาน ไม่ต้องไปใช้เวลาหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานไงล่ะ>>” หญิงสาวย้อนให้ไม่จริงจังนัก “<<อีกอย่างมันเลือกเวลาทำงานได้ แถมยังได้เงินเยอะกว่าทำงานประจำอีก ดูซิเงินเดือนหนูเริ่มต้นหมื่นสาม แต่พี่ป๊อปได้ทีเป็นแสน>>”
“<<เฮอะๆ น้องพี่นี่แปลก เมื่อกี้เพิ่งจะว่าพี่ให้เรื่องพี่เอาแต่ทำงาน แต่ทำไมจู่ๆ อยากมาทำงานแบบพี่ได้นะ>>” ป๊อปพูดขึ้นทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวไม่หมดปาก “<<แต่พี่จะบอกให้ว่า งานฟรีแลนซ์เหมือนสบายๆ ที่จริงไม่เลยนะ งานมาทีรัวๆ เลย แทบไม่มีเวลาว่างเลย ยิ่งถ้างานไหนเจอลูกค้าเขี้ยวๆ ถ้าไม่เคลียร์ให้ดีนี่จบเลยนะ>>”
“<<หนูว่าหนูก็ทำได้เหมือนกันแหละพี่ป๊อป>>” เสียงใสแฝงความมั่นใจตอบกลับมา พลางเงยหน้าขึ้นมาสบตาตรงๆ “<<งานฟรีแลนซ์ที่ว่าไม่ใช่งานรีทัชเชอร์หรืองานกราฟิกแบบที่พี่ป๊อปทำปะ ก็มีอย่างอื่นนี่ทั้งออร์แกไนซ์อะไรอย่างนี้ปะ>>”
“<<ฮิๆ พี่รู้ครับว่าน้องพี่เก่งขนาดไหน>>” ป๊อปตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวนเล็กๆ “<<เชื่อพี่เหอะ รับราชการแหละดีแล้ว งานฟรีแลนซ์นี่หินกว่างานประจำเยอะเลยบอกตรงๆ เรื่องผลตอบแทนมันเยอะก็จริง แต่ต้องแลกกับการที่ไม่มิอะไรเลย พี่มีแค่ประกันสังคมกับประกันชีวิตที่ทำไว้เองนะ ของเรานี่สิ ใช้สิทธิ์เบิกได้อะไรได้ ดีกว่าของพี่เยอะเลย>>” เขาเว้นหายใจเล็กน้อย “<<อีกอย่างคือเวลาส่วนตัวแทบจะไม่มีเลยนะ เพราะขึ้นชื่อว่างานฟรีแลนซ์ อะไรมาก็ต้องทำให้หมด ไม่งั้นเขาไม่จ้าง ว่างงานยาวๆ เลยพี่พูดตรงๆ>>”
ใบหม่อนได้ยินดังนั้นเข้าทำเอาหัวใจที่กำลังพองโตแฟบลงไปอย่างรวดเร็ว คิดตามคำที่คนเป็นพี่ชายพูดแล้วก็เห็นด้วยทุกอย่าง เพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ได้กลับบ้านเลยเป็นเวลาถึงสองปี และยิ่งมาเห็นสภาพแบบนี้ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้ก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวต้องยอมเข้าใจแต่โดยดี
“<<งืมๆ หนูเข้าใจแล้ว หนูรับราชการแบบนี้ดีกว่า อื้ม กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะได้เก็บจานล้างน้า พี่ป๊อปกินเยอะๆ น้า หนูอุตส่าห์ทำให้กินอย่างสุดฝีมือเลย>>”
ป๊อปยอมทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อเริ่มลงมือจัดการอาหารมื้อเย็นที่น้องสาวทำให้ตรงหน้า แต่แอบชำเลืองมองอีกฝ่ายที่เริ่มลงมือละเลียดอาหารมื้อเย็นจนพร่องลงไปอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปไม่นานนัก อาหารมื้อเย็นวันนี้หมดลงอย่างราบคาบ คราวนี้ป๊อปขอทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีด้วยการลงมือล้างจานทั้งหมดให้ด้วยความเต็มใจ จนใบหม่อนรู้สึกแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงของพี่ชายตัวเองอยู่ไม่น้อย
“<<อะไรน้าที่ทำให้พี่ชายของหนูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หนูยังจำได้น้าว่าพี่ชายของหนูเป็นคนขี้เกียจมาก แถมเป็นภาระให้หนูตามเก็บตามเช็ดให้อีก จานใบเดียวพี่ยังไม่ยอมล้างเลย>>”
ใบหม่อนออกปากถามขึ้นมาระหว่างยืนดูอีกฝ่ายกำลังลงมือล้างจานอยู่
“<<เพราะพี่อยู่คนเดียวด้วยมั้งใบหม่อน>>” ป๊อปตอบพลางเก็บจานทั้งสี่ใบเรียงบนชั้นอย่างเรียบร้อย “<<ไม่มีคนคอยทำให้เลยต้องทำทุกอย่างเองหมดแหละ ดีแล้วล่ะพี่จะได้หัดรับผิดชอบบ้าง พี่เองตั้งใจไว้แล้ว ถ้าเรามาอยู่ด้วยพี่จะดูแลเราให้เต็มที่น่ะ>>”
“<<แหวะ น้ำเน่าอ่ะ>>” ใบหม่อนแกล้งทำเสียงอ้วกล้อเลียน “<<จะดูแลหนูเหรอ เลิกบ้างานให้ได้ก่อนน้า อีกอย่างหนูโตขนาดนี้แล้ว หนูดูแลตัวเองได้ พี่ป๊อปไม่ต้องห่วงหรอกน่า คริๆ>>” ใบหม่อนแกล้งย้อนพี่ชายให้ แต่ลึกๆ แอบปลื้มใจพี่ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย
ป๊อปหันมายิ้มให้กับน้องสาวหนึ่งทีก่อนออกปากบอก “<<พี่ไปอาบน้ำก่อนนะใบหม่อน>>”
“<<จ้าพี่ชาย>>”
.......................................................................
ตกกลางคืน ป๊อปยังใช้เวลากับงานที่อยู่ตรงหน้า กะว่าจะรีทัชอีกรูปให้เสร็จเพื่อจะได้มีเวลาให้กับคนเป็นน้องสาวบ้าง นัยน์สองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงยังจ้องเขม็งไปที่หน้าจอไอแม็คกับงานโฆษณาตรงหน้า มือซ้ายยังจับเมาส์ปากกาลากไปบนแป้นออกคำสั่งเหลาหน้าท้องนางแบบโฆษณาตรงหน้าอย่างคล่องมือ อีกด้านหนึ่งบนโซฟาใหญ่กลางโถงรับแขก ร่างสูงระหงนอนทอดกายเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสลับกับชำเลืองมองดูละครบนทีวีจอใหญ่ตรงหน้า ต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีบทสนทนาด้วยกันเลยตั้งแต่ฝ่ายแรกกลับออกมาจากหน้องนอนหลังอาบน้ำเสร็จ
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากรีทัชรูปตรงหน้าเสร็จ รู้ตัวอีกทีงานชิ้นนี้เขาทำเสร็จสมบูรณ์ลงได้ในเวลาเพียงสามวันเท่านั้น ทั้งที่งานนี้มีกำหนดส่งได้ภายในวันจันทร์หน้า ป๊อปตัดสินใจส่งงานนี้ไปยังโปรดิวเซอร์คู่ใจผ่านอีเมล รอไปได้สักพักใหญ่ ข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมา
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปทำงานเร็วไปไหมเนี่ย หนูกลัวพี่ทำงานหลุดมากเลยนะ :
@@POPNGL@@ : ตรวจดูอีกทีซิว่าหลุดไหม พี่ทำสุดฝีมือแล้วนะเว้ย :
@@Bewpetch@@ : หนูล้อเล่นจ้า หนูตรวจแล้ว งานพี่ป๊อปไม่ผิดบรีฟ ทุกอย่างแก้ตรงหมด อย่างเนี้ยบด้วย ยังไงไม่มีปัญหาหรอก:
@@POPENGL@@ : งานใหม่มาให้คนอื่นทำบ้างนะ พี่โดนน้องสาวพี่บ่นแล้วนะเนี่ย :
@@Bewpetch@@ : จ้า แหมพอน้องสาวพี่ป๊อปมาอยู่ด้วยนี่ พี่ป๊อปมาตรฐานตกไปเยอะเลยนะ พี่ป๊อปรู้ไหมว่าพี่นุ่นเริ่มถามหนูแล้วนะว่าทำไมเดี๋ยวนี้พี่ป๊อปเลือกงาน ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยที่มีงานอะไรมาพี่ป๊อปทำหมด :
@@POPENGL@@ : เดี๋ยวนี้พี่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วน่ะ ตอนนี้น้องสาวพี่ขึ้นมาอยู่กับพี่แล้ว พี่อยากให้เวลากับน้องสาวพี่บ้าง เรื่องงานที่พี่เลือกรับเพราะเหตุผลนี้แหละ เอางี้ มีงานสเกลใหญ่และสำคัญยังไงก็ส่งมาให้พี่ได้ พี่ทำให้ได้อยู่น่ะ :
@@Bewpetch@@ : งืมๆ เดี๋ยวหนูสกรีนงานให้ละกัน พี่ป๊อปไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวงานใหม่หนูส่งให้อีกทีวันจันทร์เลย โอเค.ไหม :
@@POPENGL@@ : โอเค.ขอบคุณมากบิว :
ป๊อปถอนหายใจสั้นๆ หลังจากส่งงานและคุยงานกับโปรดิวเซอร์เสร็จ นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงแอบชำเลืองมองไปที่โซฟาใหญ่กลางห้อง เห็นร่างระหงนั่งเอกเขนกเล่นสมาร์ทโฟนในมืออย่างสบายอารมณ์ เขาลอบยิ้มบางๆ ก่อนลุกขึ้นพร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตัวเอง เดินไปที่โซฟาใหญ่ที่น้องสาวของเขาจับจองอยู่
ร่างสูงใหญ่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ด้วยแรงยุบตัวของโซฟาทำให้คนที่นั่งอยู่ก่อนรู้สึกตัวได้ว่ามีอีกคนมานั่งอยู่ข้างๆ แล้ว ดวงตากลมโตคู่สวยละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือหันไปหาคนที่มานั่งเคียงข้างตัวเองเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“<<พี่ป๊อปทำงานเสร็จแล้วเหรอ>>”
“<<อืม>>” ป๊อปออกเสียงในลำคอเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าตอบคนถาม ปากหยักภายใต้หนวดเคราหนาครึ้มคลี่ยิ้มบางๆ “<<ก็เมื่อเย็นใครน้อยใจว่าพี่ไม่มีเวลาให้ล่ะ นี่พี่รีบปั่นงานให้เสร็จเพื่อเราเลยนะเนี่ย ฮิๆ>>”
ใบหม่อนถึงกับเบะปากมองบนเมื่อถูกพี่ชายย้อนให้ กะว่าจะไม่คิดอะไรแล้ว ตอนแรกดีใจอยู่ที่พี่ชายคนนี้รีบทำงานเสร็จเพื่อจะได้แบ่งเวลาให้ แต่เมื่อถูกฟื้นฝอยหาตะเข็บแบบนี้ยิ่งกระตุ้นให้ตัวเองต้องคิดเล็กคิดน้อยบ้าง
“<<ไม่ต้องมาว่าหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” เสียงใสว่าให้ไปหนึ่งที “<<ก็พี่ป๊อปเอาแต่บ้างานแบบนี้ ไม่ให้หนูน้อยใจได้ไงล่ะหืม>>”
“<<โอ๋ๆ ไม่ต้องน้อยใจพี่แล้วนะคะ พี่มานั่งอยู่นี่แล้วไง>>” ป๊อปไม่พูดเปล่า ยกมือขึ้นยีผมยาวสลวยของอีกฝ่ายจนฟูด้วยความมันเขี้ยวในใจเล็กๆ
“<<พอได้แล้วพี่ป๊อป เล่นผมหนูอยู่นั่นแหละ>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอด มือเล็กที่เหลืออยู่ข้างเดียวพยายามปัดป้องมือใหญ่ที่กำลังจู่โจมเหนือศีรษะตัวเองอยู่ “<<พี่ป๊อปอยากทำอะไรก็ทำไปเลยนะ หนูขอเล่นเกมก่อน>>”
ป๊อปยิ้มบางๆ และไม่พูดอะไรต่อเมื่อถูกตัดบทขนาดนี่แล้ว แอบลอบมองคนติดเกมก่อนละสายตากลับมาที่หน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือของตัวเองที่กำลังเปิดดูตารางหุ้นอยู่ คราวนี้เขายิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นพอร์ตหุ้นของตัวเองมีแต่ตัวเลขสีเขียว บ่งบอกถึงผลกำไรงามๆ ที่กำลังงอกเงยขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งนึกถึงเงินปันผลที่ตัวเองจะได้รับก็ยิ่งยิ้มกว้างอย่างมีความสุขอยู่ไม่น้อย เพราะนั่นเท่ากับเขาจะมีเงินจัดการกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อีกมากโขเลยทีเดียว เขาตั้งใจแต่แรกอยู่แล้วว่าจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในห้องทั้งหมด กะจะไม่รบกวนเงินของน้องสาวเลย ยิ่งช่วงแรกรู้ว่าน้องสาวตัวเองอาจจะยังไม่ได้เงินเดือนเพราะตกเบิก เผื่อจะได้มีเงินช่วยสำรองค่าใช้จ่ายให้ด้วย
“<<หนูขอนอนตักพี่ป๊อปหน่อยน้า>>”
พูดจบร่างสูงระหงของหญิงสาวทอดตัวลงนอน ศีรษะกลมสวยได้รูปหนุนลงบนหน้าตักแกร่งของชายหนุ่ม ดวงตาคู่สวยยังจับจ้องไปที่หน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือ ไม่แม้กระทั่งจะสบตาคนที่ตัวเองนอนหนุนตักอยู่แม้แต่น้อย
ป๊อปละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือลงมองใบหน้าสวยหวานของน้องสาว ลอบยิ้มบางๆ อดย้อนนึกถึงตอนเด็กๆ ไม่ได้ ในตอนนั้นใบหม่อนชอบนอนหนุนตักเขาอยู่บ่อยๆ จนเขาไม่กล้าขยับตัวไปไหนเพราะไม่อยากให้น้องสาวสะดุ้งตื่นและร้องไห้อย่างขัดใจ มาถึงวันนี้ ความรู้สึกในตอนนั้นกลับมาอีกครั้ง
“<<วันนี้นึกยังไงถึงอยากนอนหนุนตักพี่ล่ะใบหม่อน>>” ป๊อปเริ่มชวนน้องสาวคุย
ดวงตากลมโตคู่สวยละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาสบตากับคนที่ตัวเองนอนหนุนตักอยู่ กลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน เผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มลงไปอย่างชัดเจน
“<<ตอนนี้หนูก็อยากนอนหนุนตักพี่ชายของหนูบ้างนี่นา>>” เสียงใสเอ่ยตอบกลับมา ดวงตากลมโตยังจับจ้องใบหน้าของคนถามอย่างไม่วางตา
“<<ตอนเด็กๆ ใบหม่อนนอนหนุนตักพี่เกือบทุกครั้งเลย ตอนไหนพี่จะลุกไปทำอย่างอื่นเราก็ไม่ยอม รั้งพี่ไว้อยู่นั่นแหละ พอพี่จะลุกเราก็ร้อง ฮิๆ>>” ป๊อปย้อนรำลึกความหลังขึ้นมา มือหนาวางสมาร์ทโฟนเครื่องหรูลงข้างตัว เอื้อมไปลูบเรือนผมยาวสลวยของน้องสาวอย่างเอ็นดู
“<<ก็นั่นมันเมื่อก่อนปะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนย้อนขึ้นมา จากกำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าสวยหวานหงิกงอลงอย่างขัดใจ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเข้าหากัน “<<ตอนนี้หนูยี่สิบห้าแล้วน้า หนูไม่ร้องง่ายๆ หรอกน่า แต่หนูก็ไม่อยากให้พี่ป๊อปลุกไปไหนอยู่แหละ อยากนอนหนุนตักพี่ป๊อปนานๆ นะๆๆๆ พี่ป๊อป>>”
ป๊อปถอนหายใจพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนขี้อ้อน เมื่ออ้อนกันถึงขนาดนี้มีหรือที่เขาจะไม่ยอม เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเคยยอมน้องสาวของเขาอย่างไร ถึงวันนี้เขาก็ยังยอมน้องสาวคนนี้อยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง…
..................................................................
ใบหม่อนยืนหมุนตัวไปมาหน้ากระจก สำรวจเรือนร่างสูงระหงที่สวมเครื่องแบบข้าราชการสีกากีแขนยาวอย่างประเมิน ดูความเรียบร้อยของเครื่องแบบอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องแล้ว ก่อนละสายตาขึ้นมาสำรวจใบหน้าสวยหวานภายใต้โครงหน้ากลมกึ่งรูปไข่ที่ถูกฉาบทาด้วยเครื่องสำอางเบาๆ สำรวจผมอันยาวสลวยที่ถูกรีดให้ตรงม้วนปลายเล็กน้อย ติดกิ๊บเล็กๆ เปิดให้เห็นหน้าผากโค้งมนสวยได้รูป เมื่อสำรวจทุกอย่างครบแล้ว มือเล็กเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้สีชมพูใบย่อมที่เต็มไปด้วยของใช้จุกจิกตามประสาผู้หญิงและรีโมตรถส่วนตัว รวมทั้งสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในเคสใสพร้อมพาวเวอร์แบงก์ พาตัวเองออกมายังห้องโถงกลางเพื่อเตรียมตัวไปทำงานในวันนี้ เห็นคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟาใหญ่กลางห้อง ลืมไปว่ายังมีเอกสารสำคัญในซองสีน้ำตาลวางทิ้งอยู่ที่โต๊ะกระจกข้างหัวเตียง...
“พี่ป๊อป พี่พัชรขา” เสียงใสปรับเป็นสำเนียงกรุงเทพฯ เรียกคนเป็นพี่ชายและว่าพี่สะใภ้
ทั้งสองต่างหันมาพร้อมกันราวกับนัดหมายไว้ สายตาของทั้งคู่จับจ้องมายังร่างสูงระหงในเครื่องแบบข้าราชการสีกากีแขนยาวเต็มยศดูภูมิฐานขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย เห็นใบหน้าสวยหวานบนโครงหน้ากลมกึ่งรูปไข่ภายใต้ผมยาวสลวยเปิดให้เห็นหน้าผากโค้งได้รูปกำลังส่งยิ้มมาให้ ดูยังไงก็น่ารักเสมอในสายตาของคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้
ป๊อปยังคงมองตามร่างระหงที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างไม่วางตา รู้สึกภูมิใจและยินดีไปกับน้องสาวคนนี้อยู่ไม่น้อยเมื่อได้เห็น นึกถึงความหลังครั้งก่อนที่น้องสาวของเขาพร่ำบอกเสมอว่าจะสอบเป็นข้าราชการให้ได้ และตอนนี้ทำได้สำเร็จแล้ว
ร่างสูงระหงหย่อนตัวลงนั่งข้างคนตัวใหญ่ ทันใดนั้นมือหนาใหญ่ของอีกฝ่ายเอื้อมมาลูบผมอ่อนนุ่มยาวสลวยอย่างเอ็นดู
“<<วันนี้น้องสาวของพี่ดูโตขึ้นเยอะเลย>>” ไม่บ่อยนักที่ป๊อปจะออกปากชมน้องสาวให้ได้ยินต่อหน้า แต่กลายเป็นว่า…
“<<แหวะ พี่ป๊อปน้ำเน่าแต่เช้าเลยน้า>>” พูดจบใบหม่อนแกล้งแลบลิ้นหลอกใส่พี่ชาย แต่ลึกๆ แล้วหัวใจของสาวเจ้ากลับพองโตด้วยความปลื้มใจที่ได้ยินคำชมจากปากของพี่ชายแท้ๆ ที่แสนจะปากแข็งคนนี้
“วันนี้น้องใบหม่อนดูสวยขึ้นเยอะเลย ว่าไหมป๊อป” คราวนี้ว่าที่พี่สะใภ้ออกปากชมก่อนหันไปหาคนรักให้ช่วยเป็นพยานด้วย คราวนี้ป๊อปยิ้มรับและพยักหน้าตอบแบบไม่ลังเล
ใบหม่อนยิ่งปลื้มใจมากกว่าเดิมเมื่อได้รับคำชมจากทั้งพี่ชายแท้ๆ และว่าที่พี่สะใภ้ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่สวยมากอย่างว่าที่พี่สะใภ้คนนี้จะออกปากชมเจ้าตัวได้ จริงอยู่ที่รู้จักและสนิทสนมกันมานานและได้ยินคำชมจากปากของอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกพิเศษมากกว่าครั้งก่อนๆ เสียอีก
“<<เช้านี้กินข้าวด้วยกันไหมล่ะ หรือยังไงดี>>” คนเป็นพี่ชายอย่างป๊อปเอ่ยถามขึ้น ลึกๆ อยากชวนให้น้องสาวคนนี้อยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันก่อน
“<<หึ ไม่ดีกว่าพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนส่ายหน้าปฏิเสธ “<<เดี๋ยวหนูไปกินกับพี่ๆ ที่ทำงานดีกว่า ไม่งั้นหนูไปสายแน่เลย>>”
ได้ฟังดังนั้น ป๊อปได้แต่พยักหน้าและคลี่ยิ้มบางๆ อย่างเข้าใจ แต่อดเป็นห่วงไม่ได้ตามประสาคนเป็นพี่ชาย “<<ว่าแต่ ไม่ลืมอะไรแล้วนะใบหม่อน>>”
“<<หนูว่าหนูไม่ลืมอะไรแล้วนะพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบคนเป็นพี่ชาย ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มหวานยืนยันว่าไม่ลืมอะไรจริงๆ “<<งั้นหนูไปทำงานก่อนนะคะพี่ป๊อป พี่พัชร ไว้เจอกันค่า>>” ใบหม่อนบอกลาพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ มือเล็กยกขึ้นพนมมือแต้ก่อนลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กสีชมพูสดใสขึ้นมาสะพาย
“<<ขับรถดีๆ>>” ป๊อปพูดทิ้งท้ายสั้นๆ แต่สายตาของเขาส่งความห่วงใยไปถึงคนที่เพิ่งลุกจากไป
“ไว้เจอกันใหม่นะจ๊ะน้องใบหม่อน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับโบกมือไปมาหลังจากคนรักพูดจบลง
ใบหม่อนหันมาส่งยิ้มหวานให้กับคู่รักที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้อีกครั้ง พร้อมกับโบกมือตอบ เพียงคำพูดสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากปากของพี่ชายแท้ๆ กับคำลาของว่าที่พี่สะใภ้ เปรียบดั่งน้ำทิพย์ชโลมหัวใจดวงน้อยให้ชุ่มชื้นขึ้น พร้อมเผชิญหน้ากับการทำงานในวันนี้อย่างเต็มที่
ป๊อปหันไปมองตามร่างสูงระหงของน้องสาวที่เพิ่งเดินออกไปจนลับตา ก่อนหันกลับมาส่งสายตาหวานซึ้งให้กับคนรู้ใจที่อยู่เคียงข้างเขาในตอนนี้ ขณะที่พัชรส่งสายตาบ่งบอกความรู้สึกเดียวกันตอบกลับมาอย่างรู้ใจว่าคนรักของเจ้าตัวคิดอะไรอยู่
“ว่าไปนะป๊อป น้องใบหม่อนใส่ชุดกากีแบบนี้ดูน่ารักไปอีกแบบนะ” คราวนี้พัชรออกปากชมว่าที่น้องสะใภ้กับคนรักที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกเมื่อแรกเห็นยังคงติดตาอยู่ถึงตอนนี้
“น้องสาวเราน่ารักเสมอแหละพัชร” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี มือขวาของเขายกขึ้นไปบีบจมูกโด่งเชิดรั้นของคนรักเบาๆ “แต่สำหรับเราน่ะ พัชรทั้งสวยทั้งน่ารักที่สุดเลย”
พัชรถึงกับหน้าแดงเมื่อได้ยินคำชมอันแสนน้ำเน่าจากคนรู้ใจตรงหน้า หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะพร้อมกับอาการร้อนวูบวาบบนใบหน้าจนต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลดความตื่นเต้นของตัวเองลง
“บ้า…อ่ะ” มือเล็กตีเบาๆ ลงบนท่อนแขนคนรัก “งั้นเค้าเตรียมตัวไปทำงานก่อนน้า วันนี้เข้าออฟฟิศเก้าโมงอ่ะ”
พูดจบร่างบางในชุดเสื้อเบลาส์สีเทาควันบุหรี่สกรีนรูปหอไอเฟลคลุมทับกางเกงขากว้างสีขาวที่ยาวจนลงไปกองกับพื้นลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊คและเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะทำงานของเจ้าของห้องขึ้นมาสะพาย ขณะที่คนเป็นเจ้าของห้องหันไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมของแฟนสาวขึ้นมาวางบนโซฟาเตรียมไว้ให้พร้อม
“ป๊อป ไปส่งเค้าที่รถหน่อยสิ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ อย่างเต็มใจตามไปด้วยอย่างไม่ลังเล นอกจากน้องสาวและครอบครัวของเขาแล้ว คนรักที่คบมานานกว่าสิบสองปีคนนี้เป็นอีกหนึ่งคนที่เขาพร้อมจะยอมให้ทุกอย่าง ขณะที่คนที่เพิ่งออกปากขอให้คนรักตามไปส่งก้มลงเลิกขากางเกงขึ้น หยิบรองเท้าบูทหนังสีดำขึ้นมาสวมและรูดซิปให้เรียบร้อยเสียก่อน
ด้านคนรอคอยปรายตามองอย่างขัดใจเล็กๆ ที่ต้องรอนาน แม้จะรู้ว่าคนรู้ใจตัวเองชอบใส่รองเท้าบูทขนาดไหนก็ตาม ‘มันจะนานก็ตรงใส่รองเท้านี่แหละ’ เขานึกในใจ
“ไปเถอะป๊อป” สติของชายหนุ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อเสียงหวานน่าฟังลอยมากระทบโสตประสาท เขาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมของอีกฝ่ายถือตามหลังคนรักลงลิฟต์ไปยังชั้นล่าง เดินต่อไปยังที่รถเก๋งสีดำที่จอดตรงพื้นที่จอดรถบุคคลภายนอก เมื่อไปถึง มือเล็กของหญิงสาวกดปุ่มตรงมือจับสั่งปลดล็อกประตูทั้งสี่บาน ประตูหลังฝั่งคนขับถูกเปิดขึ้นพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมวางลงไปด้วยฝีมือของชายหนุ่ม
“ขับรถดีๆ” คำอวยพรเดิมๆ ที่เขาพูดกับแฟนสาวมาตลอดสิบกว่าปีถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
“จ้า เค้าไปก่อนนะ” เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนรู้ใจอีกหนึ่งที
ทั้งสองต่างโผเข้ากอดกันและกัน ต่างคนต่างโน้มใบหน้าเข้าหากัน ปากหยักได้รูปค่อยๆ ประทับลงบนปากเรียวสวย ตวัดลิ้นเกี่ยวกันฝากรสจูบอันแสนหวานของกันและกันจนอิ่ม ร่างบางค่อยๆ ผละออกอย่างช้าๆ พาตัวเองไปนั่งเบาะฝั่งคนขับพร้อมกับปิดประตูลง เสียงสตาร์ตเครื่องยนต์เทอร์โบดังขึ้น รถเก๋งสีดำคันงามเคลื่อนตัวออกไป ดวงตาคู่สวยยังคงมองคนรักที่ยืนมองตามผ่านกระจกมองหลังจนลับตาไป...
....................................................................................
คอมพิวเตอร์ไอแม็คถูกเปิดขึ้นหลังจากเจ้าของห้องกลับขึ้นมา เตรียมตัวลงมือทำงานที่รับไว้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ถึงแม้สเกลงานจะมีเวลาเหลือเฟือ แต่เขาเลือกที่จะลงมือทำทันทีเพื่อไม่ให้คั่งค้างจนไฟลนก้นส่งผลให้งานผิดพลาดได้ มือซ้ายของเขาจับเมาส์ปากกาถูไปบนแป้น รีทัชรูปที่อยู่บนหน้าจออย่างคล่องแคล่ว รู้ตัวอีกทีเขาทำงานผ่านไปแล้วสองรูป แต่ว่าเขากลับรู้สึกไม่พอใจสิ่งที่เห็นตรงหน้าสักเท่าไหร่ แอบกลัวว่างานจะถูกตีกลับจึงเริ่มต้นทำใหม่อีกครั้ง ส่วนรูปแรกเขาส่งไปให้โปรดิวเซอร์คู่ใจตรวจก่อนแล้ว
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อป รูปที่ส่งมาถ้าลูกค้าจะให้แก้เดี๋ยวหนูไฟต์ให้นะ :
ข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้น นัยน์ตาเข้มละสายตาจากหน้าจอคอมพ์ไปยังสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่วางไว้ข้างๆ ก่อนละมือจากงานพิมพ์ตอบกลับไป
@@POPENGL@@ : ทำไมล่ะบิว :
@@Bewpetch@@ : ก็พี่ป๊อปทำซะดูแพงขนาดนี้ หนูตรวจแล้วตรงกับคอนเซปต์งานทุกอย่างแล้ว :
ป๊อปค่อยใจชื้นขึ้นเมื่ออ่านข้อความตอบกลับมา รู้สึกทันทีว่าเขามาถูกทางแล้ว นิ้วมือหนาจิ้มลงไปบนหน้าจอพิมพ์ตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว
@@POPENGL@@ : โอเค.ๆ เดี๋ยวอีกสี่รูปพี่ส่งตามไปนะ ภายในสามวันน่าจะเสร็จหมด เผื่อเวลาแก้ไว้ด้วย :
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปไม่ต้องรีบก็ได้ สเกลงานสองอาทิตย์ แต่ลูกค้าบอกเลตได้อีกไม่เกินห้าวัน มีเวลาเหลือเฟือเลยล่ะ :
@@POPENGL@@ : แต่พี่รีบนี่หว่าบิว งานจะได้ไม่ค้างคา หมดงานนี้พี่ขอพักก่อนนะเว้ย เว้นแต่งานสเกลเล็กๆ สามรูปหนึ่งอาทิตย์อะไรงี้ค่อยส่งให้พี่ งานสเกลใหญ่ให้คนอื่นทำบ้าง เข้าใจไหม :
@@Bewpetch@@ : จ้าพี่ป๊อป เดี๋ยวนี้ทำไมเลือกงานจัง เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเป็นเลย อย่าบอกนะว่าเดี๋ยวนี้ติดสาวแล้ว คริๆ :
@@POPENGL@@ : เออๆ พี่ติดสาว น้องสาวพี่เองแหละ แฟนพี่ด้วย พี่อยากให้เวลากับเขาหน่อย:
@@Bewpetch@@ : จ้า โอเค. พี่ป๊อปทำงานต่อเถอะ:
ป๊อปหันกลับไปแก้งานอีกครั้ง คราวนี้เขาตั้วใจจะทำออกมาให้ดีไปเลยเพื่อจะได้ไม่ถูกตีกลับมาให้แก้อีก แต่ว่าเพียงแค่จรดเมาส์ปากกาลงบนแป้นไม่ทันไร แอพพลิเคชั่นสีเขียวส่งเสียงเรียกเข้ามาอีกครั้งหนึ่งในโหมดโทรศัพท์ หน้าจอขึ้นภาพโปรไฟล์ของน้องสาวของเขา มือหนาต้องวางเมาส์ปากกาลงและหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาสไลด์กดรับ
@@POPENGL@@ : [[<<ฮัลโหลครับใบหม่อน มีอะไรเนี่ย โทร.หาพี่แต่วันเลย>>]]
@@Baimon@@ : [[<<พี่ป๊อป หนูลืมเอกสารอ่ะ พี่ป๊อปเอามาให้หนูหน่อยสิ>>]]
@@POPENGL@@ : [[<<ลืมไว้ไหนเหรอ>>]]
@@Baimon@@ : [[<<หนูจำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะกระจกข้างหัวเตียงหนูอ่ะพี่ป๊อป>>]]
@@POPENGL@@ : [[<<ได้ๆ เดี๋ยวพี่เอาไปให้นะ ไปถึงสายนิดนึง รีบใช้ไหมล่ะ>>]]
@@Baimon@@ : [[<<รีบสิพี่ นั่นเอกสารสำคัญเลยนะ>>]]
@@POPENGL@@ : [[<<โอเค.ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปให้ พี่ขอเข้าไปหาในห้องเราก่อนนะ>>]]
@@Baimon@@ : [[<<รีบๆ ล่ะพี่ป๊อป>>]]
ปลายสายถูกตัดไปในที่สุด ร่างสูงรีบลุกจากโต๊ะทำงานเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาวทันที เขากวาดสายตามองที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างหัวเตียงอยู่สักพัก เห็นซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่ มือหนาหยิบซองเอกสารออกมาก่อนเดินมาปิดคอมพ์ คว้ารีโมตกุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงพร้อม ล็อกห้องเสร็จรีบพาตัวเองไปที่ลิฟต์เตรียมลงไปยังชั้นลานจอดรถ แต่ก็ต้องหัวเสียเมื่อตอนนี้ลิฟต์ไม่ว่างเลยแม้แต่ตัวเดียว
“เฮ้ย มาไม่ว่างอะไรตอนนี้วะเนี่ย คนยิ่งรีบๆ อยู่นะเว้ย” เขาสบถเบาๆ อย่างหงุดหงิดใจ
ไม่กี่อึดใจ ลิฟต์ตัวหนึ่งที่ว่างจอดเทียบพอดี ร่างสูงรีบจ้ำอ้าวเข้าไป มือหนายังกอดซองเอกสารไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะร่วงหล่นจนถึงลานจอดรถชั้นล่าง เขารีบพาตัวเองไปที่รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำที่จอดอยู่ตรงหน้าให้เร็วที่สุด นิ้วโป้งหนากดรีโมตสั่งให้รถปลดล็อก พาตัวเองขึ้นประจำที่หลังพวงมาลัย มือหนาบิดกุญแจสตาร์ตสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงส่งเสียงคำรามดังกระหึ่มพร้อมทำหน้าที่ลากตัวถังหนักเกือบสองตันออกจากลานจอดรถมุ่งสู่ถนนใหญ่ แต่ต้องเจอกับการจราจรที่เคลื่อนตัวค่อนข้างช้าพอสมควร นัยน์ตาสองชั้นหลบมองผ่านรถคันหน้าที่เตี้ยกว่าเห็นว่าคันที่ขับนำหน้าค่อยๆ คลานไปอย่างใจเย็นทั้งที่ถนนข้างหน้าค่อนข้างโล่ง เหลือบมองเลนซ้ายว่างอยู่ เขารอจังหวะเล็กน้อยเมื่อรถคันข้างๆ ขับเลยไป มือหนารีบหักพวงมาลัยออกซ้าย เท้าขวากดคันเร่งแซงรถที่กำลังขับช้าคลานต้วมเตี้ยมข้างหน้าก่อนหักกลับเข้าเลนเดิม เร่งความเร็วไปเรื่อยๆ จนมาถึงแยกเกียกกาย เขาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเจอกับการจราจรติดขัดตรงหน้า
“เฮ้ย มาติดอะไรตอนนี้วะ คนยิ่งรีบๆ อยู่นะเว้ย ใบหม่อนด่ากูยับแน่ถ้าไปไม่ทัน” ป๊อปสบถขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเริ่มหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อเจอการจราจรติดขัดจนแทบขยับไม่ได้ ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้นเมื่อนึกถึงน้องสาวของเขาที่กำลังรอเอกสารสำคัญฉบับนี้อยู่ แอบกลัวน้องสาวจะด่าให้ถ้าเอาไปให้ไม่ทัน แต่แล้วการจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้หลังปรากฎสัญญาณไฟเขียว รีบกดคันเร่งสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบกู่ร้องคำรามขึ้นอีกครั้ง พาให้รถแวนเจ็ดที่นั่งคันเขื่องเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสลับกับการชะลอเป็นระยะๆ ด้วยอยู่ในเขตเมือง ไหนจะต้องระมัดระวังคนข้ามถนน ระมัดระวังรถมอเตอร์ไซค์ที่พร้อมจะผ่าไฟแดงขี่ตัดหน้าได้ตลอดทุกเวลา จนเมื่อพ้นแยกซังฮี้มาได้ การจราจรตรงหน้าเริ่มไหลลื่นคล่องตัวมากขึ้นจนถึงแยกสี่เสาเทเวศร์ในที่สุด
รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวหาที่จอดรถเท่าที่จะจอดได้อย่างช้าๆ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยยวดยานจอดเรียงรายเต็มไปหมดจนเริ่มหาที่จอดรถได้ยากขึ้น ป๊อปเริ่มหงุดหงิดอีกครั้งหลังจากหาที่จอดรถแทบไม่ได้ แต่แล้วเห็นมีช่องหนึ่งที่ว่างติดกับรั้วที่ทำงานของน้องสาวพอดี มือหนาทั้งสองข้างสาวพวงมาลัยเลี้ยวกลับรถในซอยตลาดเทวราช เคลื่อนไปจอดยังช่องจอดที่ว่างอยู่จนได้...
ขณะเดียวกัน
ใบหม่อนนั่งทำงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด ในใจยังคงกังวลถึงเอกสารสำคัญที่ตัวเองลืมไว้แต่ก็ต้องกลบเกลื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยปกติไม่ให้ใครสังเกตเห็น ยังดีที่เจ้าตัวโทร.บอกให้คนเป็นพี่ชายให้เอามาให้แล้ว
สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินส่งเสียงแจ้งเตือนพร้อมกับข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้น ดวงตาคู่สวยละจากงานตรงหน้า มือเล็กหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาดูหน้าจอ
@@POPENGL@@ : ใบหม่อน พี่มาถึงแล้ว :
ใบหม่อนรีบพิมพ์ตอบทันทีหลังจากอ่านข้อความจบ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาไม่น้อยเมื่อเห็นข้อความตรงหน้า
@@Baimon@@ : เอาเอกสารหนูมาด้วยเปล่า เดี๋ยวหนูลงไปหา รอแป๊ปนะ :
@@POPENGL@@ : เอามาด้วยสิ เนี่ยอยู่ในรถแล้ว :
ป๊อปนั่งรออยู่ในรถหลังจากแชตกับน้องสาวเสร็จ มือหนาเอื้อมไปคว้าซองเอกสารสำคัญบนเบาะข้างคนขับก่อนลงไปยืนรอข้างนอก เผื่อน้องสาวเขาออกมาจะได้เจอได้เลย เวลาผ่านไปไม่นานนัก ร่างสูงระหงในเครื่องแบบสีกากีเดินออกมาจากด้านในรั้วมาใกล้กับคนตัวใหญ่ที่ยืนเหม่ออยู่
“<<พี่ป๊อป>>” เสียงใสเรียกชื่อคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าคร้ามหันมาหาคนที่ออกปากเรียกชื่อเขาเมื่อสักครู่ สีหน้าบ่งบอกอาการตกใจเล็กๆ ก่อนยื่นซองเอกสารในมือให้
“<<อ่ะนี่ใบหม่อน>>” เสียงเข้มเว้นหายใจสักพัก “<<ไหนบอกว่าไม่ลืมอะไรไงเมื่อเช้า แต่ทำไมโทร.เรียกให้พี่เอามาให้ล่ะหืม>>” ป๊อปว่าให้แบบไม่จริงจังนัก มือหนายกขึ้นยีผมยาวสลวยของหญิงสาวเบาๆ หลังจากส่งซองเอกสารเสร็จ
“<<ก็หนูลืมจริงๆ นี่นา>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอด ดวงตาคู่สวยเริ่มเปล่งประกายบ่งบอกถึงความรู้สึกผิด
ป๊อปเห็นดังนั้นถึงกับใจอ่อนลงทันที ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาแพ้ทางน้องสาวคนนี้ทุกครั้ง “<<เอาน่าๆ ไม่เป็นไร พี่ก็เอามาให้แล้วนี่ไงคะ>>”
“<<ขอบคุณมากนะคะพี่ป๊อป หนูขอโทษน้าที่ทำให้พี่ป๊อปลำบากเอามาให้อ่ะ>>” ใบหม่อนกล่าวขอบคุณและขอโทษคนเป็นพี่อีกครั้งหนึ่ง “<<เดี๋ยวหนูเข้าไปทำงานก่อนน้า พี่ป๊อปขี่รถกลับบ้านดีๆ ล่ะ ไปล่ะ บ๊ายบาย>>”
พูดจบร่างสูงระหงหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างใน หันกลับมาโบกมือและส่งยิ้มหวานให้และเดินจากไปจนลับตาในที่สุด ขณะที่ป๊อปยืนมองตามคนที่เดินจากไป ปากหยักคลี่ยิ้มบางๆ รู้ตัวอีกทีเขากลับเข้ามานั่งประจำการหลังพวงมาลัยของรถแวนคู่ใจอีกครั้ง มือหนาบิดกุญแจสตาร์ตเครื่องขับออกสู่ถนนใหญ่ตรงหน้าในเวลาต่อมา มุ่งหน้ากลับไปสะสางงานที่ยังค้างอยู่ ตั้งเป้าหมายจะให้เสร็จในวันนี้อย่างน้อยสักสองรูป
.....................................................................................
รถเก๋งคันเล็กสีดำจอดสนิทในช่องจอดประจำตัวเคียงข้างรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันใหญ่ พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์สามสูบใต้ฝากระโปรงที่ดับลงเพียงปลายนิ้วมือเล็กสัมผัสบนปุ่มสตาร์ตเครื่อง ร่างสูงระหงในเครื่องแบบสีกากีก้าวลงจากรถพร้อมกับหยิบกระเป๋าสัมภาระออก มือเล็กกดบนมือจับประตูฝั่งคนขับล็อกรถเสร็จ พาตัวเองไปยังลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกล ที่หมายคือชั้น 23 ที่ห้องพักของพี่ชายที่ตัวเองได้มาพักอาศัยอยู่ในตอนนี้
ป๊อปยังคงนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเดิม สมาธิทั้งหมดของเขาโฟกัสไปกับงานที่ยังทำค้างไว้ เดิมตั้งเป้าไว้ว่าจะทำแค่สองรูปแล้วพักก่อน แต่ตอนนี้เขาทำเลยจนมาถึงรูปที่สามแล้ว ในสมองของเขาเต็มไปด้วยบรีฟงานที่ได้รับผสมกับไอเดียที่พลุ่งพล่านพร้อมจะถ่ายทอดออกมาบนตัวงาน ตั้งใจจะให้ลูกค้าเห็นแล้วประทับใจที่สุดจนไม่ต้องตีกลับมาให้แก้อีก
ใบหม่อนทาบคีย์การ์ดสั่งให้ประตูห้องปลดล็อกก่อนเปิดประตูเข้าไป ก้มลงถอดรองเท้าแตะสีชมพูที่เปลี่ยนตั้งแต่อยู่ในรถ กระเป๋าถือใบย่อมเต็มไปด้วยสัมภาระจุกจิกตามประสาผู้หญิงวางลงบนโซฟาใหญ่กลางห้อง พาตัวเองเข้าไปหาพี่ชายที่ตอนนี้กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับงานที่อยู่ตรงหน้า
“<<พี่ป๊อปทำอิหยัง?>>”
คนถูกเรียกชื่อหันกลับมาหลังได้ยินเสียงใสที่คุ้นหูแว่วกระทบโสตประสาท ยอมผละตัวเองจากงานตรงหน้าหันมาหาเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อเขาเมื่อสักครู่
“<<อ้าวกลับมาแล้วเหรอใบหม่อน>>”
“<<ก็กลับมาแล้วน่ะสิ ไม่งั้นหนูจะมายืนตรงนี้เหรอ ถามแปลกๆ>>” ใบหม่อนย้อนให้ นึกระอาความบ้างานของพี่ชายตัวเองอยู่ไม่น้อย
“<<เออๆ สงสัยพี่คงทำงานจนลืมมั้งเนี่ย>>” ป๊อปกดเสียงต่ำลง มือหนายกขึ้นเกาหัวตัวเองแก้เขิน
“<<พี่ป๊อปอ่ะ อย่าบ้างานมาก ดูสิแทบจะลืมน้องลืมนุ่งแล้วมั้งเนี่ย>>” ใบหม่อนว่าให้แบบไม่จริงจังนัก มือเล็กยื่นแฟลชไดรฟ์ที่ถือติดมือมาส่งให้กับคนตรงหน้า “<<พี่ป๊อป หนูรบกวนรีทัชรูปให้หนูหน่อยสิ รูปจะเอาไปติดบัตรข้าราชการอ่ะ ถ่ายมาแล้วมีสิวด้วย>>” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังชี้สิวเม็ดแดงๆ เหนือคิ้วขวาให้ดูด้วย
“<<ได้ๆ เดี๋ยวพี่ทำให้ แป๊ปนะ>>” มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธ มือหนารีบคว้าแฟลชไดรฟ์จากมือน้องสาวไปเสียบเตรียมโหลดรูปทันที ไม่ลืมที่จะเซฟงานที่ทำค้างไว้ก่อนเปิดหน้าต่างงานใหม่รอท่า สักพักหนึ่ง ภาพใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวในเครื่องแบบปกติขาวกำลังส่งยิ้มน้อยๆ ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้เขาต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อ…
“<<ฮ่าๆๆๆๆๆ เฮ้ย นี่ใบหม่อนเหรอเนี่ย ใช้ไฟกี่ดวงวะเนี่ยถึงขาวได้ขนาดนี้ โอ๊ยขำว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ>>” ป๊อปยังหัวเราะไม่หยุดเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เห็นใบหน้าของคนในรูปขาวกระจ่างใสมากกว่าปกติ
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อถูกพี่ชายหัวเราะเชิงล้อเลียนใส่ ดวงตาคู่สวยถลึงใส่คนที่กำลังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างขุ่นเคือง “<<หน้าหนูขาวแค่นี้มันตลกเหรอไงพี่ป๊อปถึงหัวเราะเนี่ย ห๊า!!! ว่าหนูดำเหรอ พี่ป๊อปก็ดำเหมือนหนูนี่แหละ เชอะ!!!>>”
เมื่อเห็นใบหม่อนปรี๊ดแตกจนควันออกหูเพราะโกรธที่ถูกล้อ ป๊อปรีบหยุดหัวเราะแทบจะทันที แต่ยังกลั้นขำไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นรูปน้องสาวของเขาบนหน้าจอคอมพ์ รีบดึงสติกลับมาหาตัวให้เร็วที่สุด
“<<พี่แซวเล่นน่า พี่ขอโทษนะคะใบหม่อน โอ๋ๆ ไม่โกรธพี่นะ>>”
เหมือนน้ำเย็นราดลงบนกองไฟเมื่อใบหม่อนอารมณ์เย็นลงหลังจากได้ยินคำขอโทษจากปากของพี่ชาย ลืมอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นไปจนหมดสิ้น แต่ยังหมั่นไส้ที่เห็นพี่ชายแอบขำอยู่ “<<ไม่ต้องมาขำหนูเลยพี่ป๊อป ลบสิวให้หนูด้วย ถ้าหนูออกมาแล้วพี่ยังทำไม่เสร็จหนูโกรธพี่จริงๆ ด้วย>>”
ใบหม่อนออกปากคาดโทษกับพี่ชายทันทีก่อนเดินผละออกไปที่ห้องนอนของตัวเองด้านหลังโต๊ะทำงาน ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายเริ่มลงมือรีทัชรูปไปคนเดียว
‘เฮ้อ เป็นน้องหรือเป็นแม่เนี่ย ได้ทีสั่งใหญ่เลย’ ป๊อปบ่นในใจ ก่อนรวบรวมสมาธิทั้งหมดไปที่รูปถ่ายของน้องสาวตรงหน้า มือซ้ายจับเมาส์ปากกาเลื่อนไปบนแป้นอย่างคล่องแคล่ว ใช้ทักษะการรีทัชที่ตัวเองมีอยู่จัดการลบสิวและเกลี่ยสีผิวให้ออกมาเป็นธรรมชาติและดูดีที่สุดเพื่อให้รูปของน้องสาวของเขาสวยที่สุดเมื่อมันไปอวดโฉมบนบัตรข้าราชการ ใช้เวลาไม่นานนัก การรีทัชรูปติดบัตรข้าราชการของน้องสาวก็เสร็จสิ้นลงหลังจากกดเซฟผลงาน
นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงยังเพ่งพินิจไปที่รูปที่อยู่ตรงหน้า ตอนแรกที่เขากลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่เมื่อเห็นใบหน้าของน้องสาวขาวจนเท่ากับสีผิวของคนรักผิดจากสีผิวจริงที่คล้ำราวกับสีน้ำผึ้ง แต่ตอนนี้เขาเริ่มตกตะลึงในความสวยของคนในรูปมากขึ้นหลังจากผ่านการรีทัชเสร็จ จริงอยู่น้องสาวของเขาหน้าตาสวยหวานน่ารักจนมองยังไงก็ไม่เบื่อ แต่ในรูปนี้ยิ่งขับเน้นความสวยให้เปล่งประกายมากขึ้น
ร่างระหงในชุดเสื้อผ้าอยู่บ้าน ผมยาวสลวยถูกเกล้ามวยขึ้นเปิดเผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานบนโครงหน้าค่อนข้างกลม เดินออกมาจากห้องนอนหลังอาบน้ำเสร็จ มุ่งมายังโต๊ะทำงานของพี่ชายที่ตอนนี้คนเป็นเจ้าของกำลังนั่งตรวจผลงานอยู่
“<<เสร็จยังพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยถามขึ้น
ป๊อปไม่พูดอะไรนอกจากกระเถิบเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่หลีกให้น้องสาวเข้ามาดูรูปตัวเองหลังจากรีทัชเสร็จ และแล้วผลที่ออกมาเป็นไปตามที่เขาคาดไว้เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟันของเจ้าของรูปหลังจากที่ได้เห็นผลงานของเขา
“<<สวยมากเลยอ่ะพี่ป๊อป ขอบคุณมากนะคะที่พี่ป๊อปลบสิวให้หนู>>” เสียงใสออกปากชมขึ้นมาหลังจากเห็นรูปของตัวเองผ่านการรีทัชจนออกมาดูดีกว่าที่คิดไว้
“<<เป็นไง ฝีมือพี่ใช้ได้ไหมล่ะ>>” ป๊อปย้อนถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับน้องสาวหนึ่งที
“<<ว้าวชอบเลยล่ะพี่ป๊อป ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าพี่ชายของหนูจะทำได้ขนาดนี้>>” ใบหม่อนทำท่าเอียงคอน่ารักพร้อมกับชมคนเป็นพี่ชายอีกครั้งหนึ่ง
“<<ถ้าชอบก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ปรินท์และตัดให้ งั้นเดี๋ยวพี่ขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวกินข้าวกันเนาะ>>” ป๊อปเอ่ยทิ้งท้ายก่อนกระเถิบตัวเองกลับมาประจำที่อีกครั้ง
“<<จ้าพี่ป๊อป เดี๋ยวคืนนี้หนูทำกับข้าวให้กิน รอแป๊ปน้า>>”
พูดจบร่างสูงระหงแยกไปที่ตู้เย็นหลังครัว เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมื้อเย็นวันนี้ ขณะที่ป๊อปรีบลงมือทำงานตรงหน้าต่อ กะให้เสร็จทันอาหารมื้อเย็นวันนี้
..........................................................................
ไข่เจียวหมูสับหอมหัวใหญ่มะเขือเทศ ผัดกะเพราหมูชิ้นฝีมือใบหม่อนถูกวางบนโต๊ะกินข้าวหลังครัวเรียบร้อย รวมกับต้มยำกุ้งร้อนๆ ที่เจ้าของห้องซื้อไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยง และคนลงมือทำกับข้าวยังเตรียมคดข้าวใส่จานทั้งสองใบ รอเพียงคนที่กำลังทำงานมานั่งร่วมโต๊ะด้วยเท่านั้น
“<<พี่ป๊อปมากินข้าว>>” เสียงใสเรียกคนเป็นพี่ชายที่กำลังดำดิ่งอยู่กับงานตรงหน้า
“<<แป๊ปนะใบหม่อน พี่ขอเซฟงานก่อน>>” ป๊อปตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด นิ้วมือขวากดคำสั่งเซฟงานบนแป้นพิมพ์
ร่างสูงใหญ่ลุกจากเก้าอี้ไปยังโต๊ะกินข้าวที่ตอนนี้น้องสาวของเขารออยู่ จะไม่ให้พลาดอาหารมื้อเย็นฝีมือน้องสาวคนนี้ได้ยังไง ยิ่งเห็นกับข้าวร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมฉุยยิ่งชวนให้อยากลิ้มรสอาหารมื้อพิเศษมื้อนี้ว่าจะยังอร่อยเหมือนเดิมหรือไม่
“<<ลองดูซิ ว่าฝีมือน้องสาวพี่จะเหมือนเดิมไหม>>” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นก่อนลงมือตักผัดกะเพราลงบนจานข้าวของตัวเองก่อนลงมือกินด้วยอาการหิว แต่แล้ว… “<<ฮื้ม ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย คิดถึงมากเลยนะเนี่ย>>”
ป๊อปออกปากชมน้องสาวอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กินกับข้าวฝีมือน้องสาวคนนี้ หลังจากไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน ถึงแม้จะเจอกันบ้างเมื่ออีกฝ่ายลงมาเยี่ยมถึงกรุงเทพฯ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องโทร.สั่งอาหารมากิน และเขาไม่ได้กลับบ้านเลยเป็นเวลาเกือบสองปี ทำให้ไม่มีโอกาสได้กินกับข้าวฝีมือของน้องสาวอีกเลยนับแต่นั้น
“<<ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ เลยพี่ป๊อป>>” เสียงใสตอบรับคำชมของคนเป็นพี่ชาย “<<นานแล้วนะที่หนูไม่ได้ทำกับข้าวแบบนี้ให้พี่กิน คิดถึงเมื่อตอนเด็กๆ เลยนะพี่ป๊อป>>”
ใบหน้าคร้ามเงยขึ้นมองใบหน้าสวยหวานของคนที่เพิ่งพูดจบหนึ่งทีก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ “<<พี่ก็คิดถึงเหมือนกันแหละใบหม่อน>>” เขาพูดทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก “<<ตอนใบหม่อนทำกับข้าวให้พี่กินครั้งแรก พี่จำได้ลางๆ ว่าตอนเราเรียน ป.5 มั้ง พี่เองเรียน ม.3 แล้วนะถ้าจำไม่ผิด จำได้เลย ไข่ไหม้ ฮิๆ>>”
“<<ก็นั่นมันครั้งแรกป่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนย้อนให้ ดวงตากลมโตมองค้อนใส่ “<<ตอนนั้นหนูยังทำไม่คล่องเลย จำที่แม่กับแม่คุณสอนให้แล้วลองทำดูแค่นั้นเอง>>”
“<<ตอนนั้นใบหม่อนบังคับให้พี่กินทุกครั้งเลยนี่>>” ป๊อปได้โอกาสสวนกลับไปบ้าง “<<จำได้เลยเราขู่พี่ตลอด ถ้าพี่ป๊อปไม่กินกับข้าวฝีมือหนูนะ หนูจะงอนไม่พูดกับพี่เลยคอยดูบ้าง หรือไม่ก็จะร้องไห้บ้าง โอ๊ยยังมีอีกเยอะเดียวนึกก่อนนะ ฮ่าๆ>>”
ใบหม่อนถึงกับหน้าแดงเมื่อถูกพี่ชายล้อเข้าให้ “<<พอได้แล้วพี่ป๊อป ไม่ต้องมาล้อหนูเลย>>”
“<<อ้าวๆ ก็จริงนี่นา เล่นบังคับให้พี่กินแบบนั้นน่ะ>>” คราวนี้ป๊อปวางช้อนในมือลง ลุกขึ้นโน้มตัวเอื้อมมือมาจับมวยผมเหนือศีรษะของคนเป็นน้องสาว แต่ว่า…
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลย>>” ไม่พูดเปล่า มือเล็กผลักมือใหญ่ของอีกฝ่ายออก “<<กินข้าวอยู่มาจับหน้าจับผมคนอื่นได้ไง มันไม่ดีนะพี่ป๊อป แล้วที่หนูบังคับให้พี่กินกับข้าวฝีมือหนูน่ะเพราะหนูตั้งใจจะทำให้พี่ชายคนเดียวของหนูได้กินไงล่ะ ถ้าพี่ป๊อปไม่กินหนูเสียใจแย่เลยน้า>>”
ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายขึ้นเมื่อได้ให้เหตุผลกับคนเป็นพี่ชาย จริงๆ แล้วในตอนนั้นกะเอาคืนด้วยเพราะพี่ชายคนนี้ชอบแกล้งตัวเองเหลือเกิน แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังโดนพี่ชายคนนี้แกล้งเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากการกระทำเป็นคำพูดคำแซวเท่านั้น
“<<ว่าแต่พี่ป๊อปเหอะ นอกจากไข่เจียวแล้วพี่ป๊อปทำกับข้าวอย่างอื่นเป็นรึยังล่ะ>>” ใบหม่อนเริ่มเปิดหัวข้อใหม่ขึ้นมาบ้าง
คราวนี้ป๊อปทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินคำถามจากน้องสาว นัยน์ตาสองชั้นหลบเริ่มออกอาการล่อกแล่ก ชั่งใจอยู่ว่าจะรักษาฟอร์มความเป็นพี่ชายหรือจะตอบออกไปตรงๆ ‘เป็นไงล่ะ ทีนี้มึงโดนเอาคืนบ้างไอ้ป๊อป’ เขานึกในใจ
“<<เอาตรงๆ เลยนะ ไม่เป็นเลย>>” ตัดสินใจตอบน้องสาวไปตรงๆ
คราวนี้ใบหม่อนยิ้มกระตุกๆ พร้อมส่งสายตาเย้ยใส่ “<<ตายแล้วพี่ป๊อป แล้วพี่จะทำยังไงอ่ะถ้าพี่แต่งงานกับพี่พัชร สมัยไหนแล้วที่จะเอาแต่รอให้ผู้หญิงทำกับข้าวให้อ่ะ ผู้ชายสมัยนี้ต้องทำกับข้าวเป็นแล้วนะ>>” ใบหม่อนได้ทีใส่คนเป็นพี่ชายใหญ่ แอบสะใจเล็กๆ ที่ได้แกล้งพี่ชายคนนี้บ้าง
“<<เออน่า มันไม่ใช่แนวพี่นี่หว่า พี่เลยไม่ทำดีกว่า>>” ยิ่งตอบยิ่งเปิดแผลให้เหวอะมากขึ้น
ใบหม่อนถึงกับหัวเราะสุดเสียงหลังจากเห็นท่าทางยอมแพ้ของคนตรงหน้า “<<คริๆ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะ พี่ชายของหนูทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่างเลย เป็นแต่เจียวไข่ ฮ่าๆๆ>>” หญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะใส่คนตรงหน้า
“<<เออๆ พี่ห่วยเองแหละใบหม่อน ใครจะทำเป็นได้ทุกอย่างเหมือนน้องสาวหน้ากลมคนนี้ล่ะหืม>>” และแล้ว ป๊อปก็ต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา แล้วก็ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายหุบยิ้มลง ดวงตากลมโตเปลี่ยนเป็นมองดุใส่ กลีบปากอวบอิ่มสวยคว่ำลง ทำแก้มป่องบ่งบอกถึงความรู้สึกเสียอาการให้เห็น
“<<พี่ป๊อปอ่ะ ล้อหนูหน้ากลมอีกแล้วน้า>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอด แอบผิดหวังที่เอาชนะพี่ชายคนนี้ไม่ได้สักที
คราวนี้ป๊อปหัวเราะอย่างผู้ชนะที่แท้จริงหลังจากหยุดน้องสาวคนนี้ได้สำเร็จ ขณะที่คนโดนล้อยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ด้วยการตัดพ้อคนเป็นพี่ชายขึ้นมา
“<<พี่ป๊อปใจร้ายอ่ะ ทำไม หนูไม่สวยเหมือนพี่พัชรเหรอไงถึงต้องล้อหนูแบบนี้อ่ะ>>” พูดจบใบหน้าสวยหวานเริ่มบูดบึ้ง คราวนี้จะโกรธจริงๆ แล้ว
เจอแบบนี้เข้าไป คราวนี้ป๊อปรู้สึกหวิวในใจขึ้นมา และเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับน้องสาวคนนี้เสียที “<<โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะคะ ไม่โกรธพี่นะคะ น้องสาวพี่คนนี้สวยเสมอสำหรับพี่เลยนะ>>”
หัวใจดวงน้อยพองโตขึ้นมาหลังจากได้ยินคำขอโทษจากปากคนเป็นพี่ชาย แต่สิ่งที่แสดงออกไปนั้น สาวเจ้าเลือกที่จะทำเป็นเล่นตัว กะแกล้งปั่นหัวอีกฝ่ายเล่นๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายใจอ่อนทุกครั้งเมื่อเห็นตัวเองทำท่าจะร้องไห้หรือโกรธอย่างจริงจัง อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ ‘คริๆ ชอบล้อหนูนักใช่ไหมพี่ป๊อป คราวนี้ต้องแกล้งให้หนักเลย’ ใบหม่อนต่อให้ในใจ
“<<หนูไม่พูดกับพี่ป๊อปแล้ว เชอะ คำก็หน้ากลม สองคำก็หน้ากลม>>” ใบหม่อนตัดพ้อพี่ชายตัวเองขึ้นมา
คราวนี้ได้ผลเมื่อป๊อปเริ่มมีท่าทีร้อนรนมากขึ้นกว่าเดิม ทำเอาใบหม่อนแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่ แต่สีหน้าของสาวเจ้าตอนนี้ยังดูเรียบเฉยปกติ พยายามเก็บอาการให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอผ่านไปนานๆ เข้าเริ่มไม่ขำแล้วเมื่อเห็นแววตารู้สึกผิดของคนตรงหน้า กลับรู้สึกสงสารมากกว่าจนแกล้งต่อไม่ลงแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าขอความเห็นใจจากคนที่เจ้าตัวกำลังแกล้งก็ยิ่งทำให้ใจอ่อนมากกว่าเดิมอีก
“<<ก็ได้ๆ พี่ป๊อป หนูพูดกับพี่เหมือนเดิมก็ได้>>”
สุดท้ายแล้วใบหม่อนก็ต้องยอมแพ้ให้กับพี่ชายของตัวเองจนได้เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว เมื่อใดที่เห็นสีหน้าแววตาแสดงอาการรู้สึกผิดของเขาแล้วก็ต้องใจอ่อนทุกที แต่เพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม หญิงสาวเลยตัดบทเอาดื้อๆ
“<<กินข้าวเหอะพี่ป๊อป ไม่ต้องมามองหน้าหนูแล้ว>>”
คราวนี้ป๊อปกลับมายิ้มได้อีกครั้งหลังจากง้อน้องสาวสุดที่รักได้สำเร็จ แต่ไม่ลืมที่จะทิ้งบอมบ์อีกครั้ง “<<ครับใบหม่อน น้องสาวหน้ากลมของพี่>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนถลึงตาใส่คนตรงหน้าหลังจากโดนล้ออีกครั้ง
สองพี่น้องลงมือกินข้าวกันต่อโดยไม่พูดกันอีก แต่คราวนี้ป๊อปชำเลืองมองอีกฝ่ายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินกับข้าวฝีมือตัวเองจนกับข้าวพร่องลงไปอย่างรวดเร็ว
‘ไหนบอกให้พี่กินเยอะๆ ไงใบหม่อน แต่ตอนนี้พี่กินไม่ทันเราแล้วนะ กินจุนะเนี่ย’ ป๊อปนึกในใจขึ้นมา แอบยิ้มเล็กน้อย
.........................................................................
เวลาผ่านเลยไปจนถึงเย็นวันศุกร์
ป๊อปยังคงง่วนกับงานตรงหน้ากับไอแม็คคู่ใจเครื่องเดิม ถึงแม้งานที่แล้วจะเสร็จไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้โปรดิวเซอร์คู่ใจขอร้องให้เขารับงานใหม่อีก ทำให้เขาต้องขลุกอยู่กับงานต่อจนแทบไม่มีเวลาไปไหน หรือแม้แต่น้องสาวของเขาก็แทบจะไม่มีเวลาให้เลยนอกจากตอนกินข้าวหรือตอนพักเท่านั้น
ใบหม่อนหยิบคีย์การ์ดทาบเซ็นเซอร์จนประตูห้องปลดล็อก มือเล็กข้างที่ว่างคว้าลูกบิดเปิดประตูห้องเข้าไปข้างใน ก้มลงถอดรองเท้าผ้าใบราคาแพงก่อนเดินเข้าไปวางสัมภาระที่โซฟาใหญ่กลางห้อง เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนตัวใหญ่นั่งจับเมาส์ปากกา จ้องหน้าจอคอมพ์อย่างเคร่งเครียด
หญิงสาวย่นจมูกขึ้นอย่างอิดหนาระอาใจเมื่อเห็นพี่ชายแท้ๆ เอาแต่ทำงาน ตั้งแต่วันทำงานวันแรกจนถึงวันนี้กลับมาเมื่อไหร่เห็นแต่อีกฝ่ายเอาแต่ทำงานทุกครั้ง ร่างสูงระหงในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินตามนโยบายแต่งผ้าไทยทุกวันศุกร์เดินเข้าไปหาคนที่กำลังบ้างานจนแทบไม่หันมามองเลยว่ามีใครกำลังเข้ามาอยู่
“<<พี่ป๊อป>>”
เสียงใสดังแว่วกระทบหู ทำให้ป๊อปต้องถอนตัวจากงานตรงหน้าชั่วคราว ใบหน้าเข้มภายใต้หนวดเครารกครึ้มหันมาหาเจ้าของเสียงที่เพิ่งเรียกเขาไป นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงมองใบหน้าสวยหวานภายใต้ผมถักเปียอย่างแปลกใจระคนดีใจเล็กๆ
“<<อ้าวกลับมาแล้วเหรอ ดูสิถักเปียซะน่ารักเชียว ฮิๆ>>” พูดจบร่างสูงใหญ่ลุกขึ้น มือหนาเอื้อมมาจับหางเปียสะบัดเล่นด้วยความมันเขี้ยวเล็กๆ
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนแกะมือหนาออก “<<พี่ป๊อปนี่น้า เอาแต่บ้างานๆๆ จนลืมน้องลืมนุ่งแล้วมั้งเนี่ย หนูมาทีไรเห็นพี่เอาแต่ทำงานตลอดเลย>>” คราวนี้เริ่มตัดพ้อขึ้นมาด้วยอาการน้อยใจเล็กๆ
ป๊อปรู้สึกหวิวในใจแปลกๆ เมื่อได้ยินน้องสาวของตัวเองตัดพ้อ ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเคราคลี่ยิ้มบางๆ นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงพยายามแสดงออกให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่ในใจแอบรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
“<<จะให้พี่ลืมน้องสาวหน้ากลมคนนี้ได้ไงล่ะ ฮิๆๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!! ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะ>>” ใบหม่อนแหวใส่ “<<ไม่คุยกับพี่ป๊อปแล้ว บ้าบอ คุยทีไรปวดประสาททุกทีเลย เชอะ>>”
ร่างสูงระหงเดินจากไปพร้อมกับคำบ่นทิ้งท้าย ขณะที่คนโดนบ่นหันไปมองตามไปยิ้มไปจนอีกฝ่ายปิดประตูห้องนอนตัวเองไปแล้ว ใบหน้าคร้ามหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่หุบลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“เฮ้อ พี่ขอโทษนะใบหม่อนที่เอาแต่ทำงาน” เขาพูดกับรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน “เดี๋ยวพี่จะรับงานให้น้อยลงแล้วนะใบหม่อน พี่จะได้มีเวลาให้กับเราบ้าง”
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ร่างสูงระหงในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ ผมอันยาวสลวยยังคงเปียกอยู่ เดินย่างกรายไปที่เคาน์เตอร์หลังครัวเตรียมลงมือทำอาหารมื้อเย็น แวะวางสมาร์ทโฟนเครื่องหรูไว้ที่โต๊ะทำงานก่อน
ป๊อปตัดสินใจวางเมาส์ปากกาลงบนแป้นก่อนลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งทำงานอยู่ตั้งนาน จริงอยู่ที่ตอนนี้งานของเขายังไม่เสร็จ แต่เขาเลือกที่จะหยุดพักก่อนเพื่อที่จะให้เวลากับน้องสาวบ้าง นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองร่างระหงที่กำลังลงมือทำกับข้าวอยู่หลังครัว เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนที่กำลังทำกับข้าวอย่างเงียบเชียบ ตอนนี้อยากรู้ว่าน้องสาวคนนี้จะทำอะไรให้เขากิน
ใบหม่อนก้มหน้าก้มตาปรุงอาหารมื้อเย็นอย่างสุดฝีมือโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครยืนดูอยู่ข้างหลัง กลิ่นหอมหวลชวนให้ลิ้มรสโชยมาเตะจมูกอย่างจังจนคนที่ยืนดูต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เวลาผ่านไปไม่นานนัก ไฟบนเตาไฟฟ้าดับลงด้วยปลายนิ้วมือเล็กก่อนยกกระทะขึ้นเทอาหารที่เพิ่งปรุงเสร็จใส่จาน เตรียมตัวหันไปเรียกคนบ้างานกินข้าว แต่ว่า…
“<<พี่ป๊อ…>>” เสียงใสถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ใกล้ๆ “<<ตกใจ! พี่ป๊อปมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย>>” ใบหม่อนร้องเสียงหลง ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยอาการตกใจ
“<<พี่มาตั้งแต่เรากำลังทำกับข้าวแล้วล่ะ ฮึๆ>>” เสียงเข้มตอบก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ “<<พี่รอกินข้าวอยู่เนี่ย>>”
“<<บ้าบออ่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าให้ไม่จริงจังนัก “<<พี่ป๊อปมายืนข้างหลังไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้เขาเรียกว่าโรคจิตน้า รู้ตัวบ้างไหมเนี่ยหืม>>”
“<<อ้าวมาว่าพี่โรคจิตอีกนะ>>” ป๊อปแกล้งทำเป็นไขสือ “<<ก็พี่อยากรู้นี่หว่าว่าวันนี้น้องสาวพี่จะทำอะไรให้กิน>>”
“<<พี่ป๊อปยกกับข้าวไปที่โต๊ะกินข้าวก่อน>>” ใบหม่อนถือโอกาสสั่งอีกฝ่ายทันทีเป็นการตัดบท
ป๊อปยอมทำตามคำสั่งของน้องสาวแต่โดยดี จานกับข้าวส่งกลิ่นหอมฉุยถูกนำไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวใกล้ๆ เมนูวันนี้เป็นผัดกะเพราหมูกรอบและไข่ดาวสองฟอง ขณะที่ใบหม่อนคดข้าวจากหม้อและถือจานข้าวทั้งสองใบตามมาติดๆ ก่อนวางบนโต๊ะ ขณะเดียวกัน เหยือกน้ำเย็นและแก้วเปล่าทั้งสองใบถูกนำวางไว้ทีหลังจากวางจานกับข้าวเสร็จ สองพี่น้องเริ่มลงมือทานอาหารมื้อเย็นหลังจากทุกอย่างเสร็จแล้ว
“<<พี่ป๊อป หนูถามจริงๆ เหอะ งานพี่เยอะมากไหมเนี่ย หนูกลับมาทีไรเห็นพี่นั่งทำงานตลอดเลย>>”
ใบหม่อนเริ่มชวนคนร่วมโต๊ะคุยขึ้นมาก่อน ถือโอกาสถามในสิ่งที่เจ้าตัวเก็บความสงสัยมาตลอดอาทิตย์นี้
“<<เยอะอยู่นะใบหม่อน>>” ป๊อปตอบทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “<<ช่วงนี้พวกบริษัทโฆษณาติดต่อเอเจนซีที่พี่รับงานมาเยอะ พี่ก็บอกโปรดิวเซอร์แล้วว่าแบ่งให้คนอื่นทำบ้าง แต่นี่มันเยอะจริงๆ พี่เลยต้องทำน่ะ>>”
เขาตอบไปตรงๆ เพราะอยากให้น้องสาวคนนี้รับรู้อยู่แล้ว “<<ช่วงนี้พี่เลยต้องรีบเคลียร์งานน่ะ พี่จะได้มีเวลาให้กับเราเยอะๆ ไงล่ะ>>”
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อได้ฟังคำตอบจากอีกฝ่าย รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยหลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมด “<<ตายแล้ว แบบนี้พี่ป๊อปจะทำยังไงอ่ะ>>”
“<<ก็บอกไปแล้วไงว่าพี่ต้องรีบเคลียร์ ถึงจะไม่ได้นอนก็ต้องยอมแหละ>>” คราวนี้ป๊อปตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาลงกว่าเดิม ก่อนปรับน้ำเสียงให้กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง “<<ว่าแต่ใบหม่อนเถอะ ที่ทำงานเป็นไงบ้างล่ะ ไม่เห็นเล่าให้พี่ฟังเลย>>”
“<<ตอนนี้หนูก็ไม่ต่างจากพี่แหละ>>” ใบหม่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “<<วันๆ ถ้าหนูไม่นั่งหน้าคอมพ์ก็วิ่งวุ่นจัดประชุมจัดสัมมนาอ่ะพี่ป๊อป วิ่งกันขาขวิดเลย ยิ่งช่วงหนูทดลองงานก็ตรงกับมีงานสัมมนาอีก หนูได้นั่งหน้าคอมพ์ฯ แค่วันจันทร์วันเดียวอ่ะ ที่พี่เอาเอกสารไปให้หนูไง ไหนหนูจะต้องทำแบบประเมิน วิ่งติดต่อ ก.จ.อีก>>”
ป๊อปพยักหน้ารับฟังคำตอบพลางหลับตาลงนึกตามสิ่งที่น้องสาวจาระไนให้ฟังทั้งหมด นึกเห็นใจอยู่ไม่น้อยทั้งที่รู้อยู่ว่าน้องสาวคนนี้เคยผ่านงานเหล่านี้มาหมดแล้วก็ตาม
“<<เอาน่าๆ เป็นข้าราชการแล้ว ไม่มีอะไรที่ใบหม่อนทำไม่ได้หรอก พี่เชิ่อว่าเราทำได้หมด>>” ป๊อปพูดเชิงปลอบใจ “<<อย่างน้อยใบหม่อนเหนือกว่าพี่อยู่หลายขุมเลยนะ ถ้าพี่เป็นเราล่ะก็ตายกันพอดี ฮิๆ>>”
จากที่เครียดๆ อยู่ หญิงสาวก็กลับอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีหลังจากได้รับคำปลอบโยนจากคนเป็นพี่ “<<รู้ตัวดีนี่พี่ป๊อป คริๆ>>” ได้ทีล้อเลียนพี่ชายตัวเองบ้าง “<<คนแบบพี่ป๊อปน้า เท่าที่หนูดูแล้วถ้าพี่รับราชการละก็ ไม่พ้นทดลองงานพี่ลาออกก่อนแน่เลย คริๆ>>”
ป๊อปหัวเราะในลำคอเบาๆ ตามสไตล์เมื่อถูกน้องสาวจี้จุดเข้าให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่คงจะทะเลาะกันแล้ว แต่ด้วยวัยที่เข้าเลขสามเต็มตัว ผ่านประสบการณ์ในชีวิตมากพอสมควร จึงได้แต่ยอมรับความจริงว่าตัวเองไม่สามารถที่จะทำในจุดนั้นได้อีกแล้ว
“<<จริงอย่างที่เราพูดแหละใบหม่อน>>” เสียงเข้มอันแผ่วเบาหลุดรอดจากปากหยักได้รูปของชายหนุ่ม “<<ตอนนี้พี่คงไม่อยากกลับไปทำงานประจำแล้วล่ะ ทำฟรีแลนซ์แบบนี้แหละดีแล้ว จะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หยุดทีก็ต้องทำใจนะว่ากว่างานจะเข้าอีกนี่ก็นานเลยล่ะ>>”
“<<พี่ป๊อปยังดีที่เลือกรับงานได้นะ ไม่อยากทำเมื่อไหร่ก็หยุดได้ แต่หนูนี่สิ มีงานอะไรมาก็ต้องทำ ยิ่งมาเจอพวกชอบเหยียดชอบแบ่งชนชั้นแบบนี้ด้วย หนูไม่ชอบเลย พ้นทดลองงานหนูจะเขียนย้ายเลยคอยดู>>” ใบหม่อนพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความจริงจังมากขึ้น “<<จริงๆ นะพี่ป๊อป หนูยอมลำบากยอมย้ายไปที่ไกลๆ ได้นะถ้าหนูไปแล้วทำงานอย่างมีความสุขอ่ะ>>”
“<<เอาน่าใบหม่อน เราผ่านมันไปได้แหละ พี่เชื่อ>>” ป๊อปพูดปลอบใจน้องสาวอีกเป็นครั้งที่สอง
เหมือนน้ำทิพย์ชโลมหัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเมื่อได้รับกำลังใจจากพี่ชาย กลีบปากอวบอิ่มฉีกยิ้มจนสุดเผยให้เห็นฟันครบทุกซี่ ดวงตากลมโตคู่สวยส่งสายตาบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีอยู่ในใจให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้รับรู้
ป๊อปคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขารู้สึกอย่างไร แต่แล้วก็ต้องแทบสำลักข้าวเมื่อจู่ๆ สาวเจ้าก็โพล่งขึ้นมา
“<<ที่จริงหนูก็แอบอิจฉาพี่ป๊อปเหมือนกันนะที่ทำงานฟรีแลนซ์อ่ะ>>”
คราวนี้จากอาการสำลักข้าวกลายเป็นต้องกลั้นขำเมื่อได้ยินเข้า ปากหยักลอบยิ้มบางๆ “<<เฮอะ จะอิจฉาพี่ทำไม อุตส่าห์สอบข้าราชการได้ แล้วนี่อยู่ๆ อยากจะเป็นฟรีแลนซ์แบบพี่>>” เขาพูดไปกลั้วหัวเราะไป
“<<ก็จะได้ไม่ต้องเจอคนบ้าๆ บอๆ ไม่ต้องรีบตื่นเช้าไปทำงาน ไม่ต้องไปใช้เวลาหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานไงล่ะ>>” หญิงสาวย้อนให้ไม่จริงจังนัก “<<อีกอย่างมันเลือกเวลาทำงานได้ แถมยังได้เงินเยอะกว่าทำงานประจำอีก ดูซิเงินเดือนหนูเริ่มต้นหมื่นสาม แต่พี่ป๊อปได้ทีเป็นแสน>>”
“<<เฮอะๆ น้องพี่นี่แปลก เมื่อกี้เพิ่งจะว่าพี่ให้เรื่องพี่เอาแต่ทำงาน แต่ทำไมจู่ๆ อยากมาทำงานแบบพี่ได้นะ>>” ป๊อปพูดขึ้นทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวไม่หมดปาก “<<แต่พี่จะบอกให้ว่า งานฟรีแลนซ์เหมือนสบายๆ ที่จริงไม่เลยนะ งานมาทีรัวๆ เลย แทบไม่มีเวลาว่างเลย ยิ่งถ้างานไหนเจอลูกค้าเขี้ยวๆ ถ้าไม่เคลียร์ให้ดีนี่จบเลยนะ>>”
“<<หนูว่าหนูก็ทำได้เหมือนกันแหละพี่ป๊อป>>” เสียงใสแฝงความมั่นใจตอบกลับมา พลางเงยหน้าขึ้นมาสบตาตรงๆ “<<งานฟรีแลนซ์ที่ว่าไม่ใช่งานรีทัชเชอร์หรืองานกราฟิกแบบที่พี่ป๊อปทำปะ ก็มีอย่างอื่นนี่ทั้งออร์แกไนซ์อะไรอย่างนี้ปะ>>”
“<<ฮิๆ พี่รู้ครับว่าน้องพี่เก่งขนาดไหน>>” ป๊อปตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวนเล็กๆ “<<เชื่อพี่เหอะ รับราชการแหละดีแล้ว งานฟรีแลนซ์นี่หินกว่างานประจำเยอะเลยบอกตรงๆ เรื่องผลตอบแทนมันเยอะก็จริง แต่ต้องแลกกับการที่ไม่มิอะไรเลย พี่มีแค่ประกันสังคมกับประกันชีวิตที่ทำไว้เองนะ ของเรานี่สิ ใช้สิทธิ์เบิกได้อะไรได้ ดีกว่าของพี่เยอะเลย>>” เขาเว้นหายใจเล็กน้อย “<<อีกอย่างคือเวลาส่วนตัวแทบจะไม่มีเลยนะ เพราะขึ้นชื่อว่างานฟรีแลนซ์ อะไรมาก็ต้องทำให้หมด ไม่งั้นเขาไม่จ้าง ว่างงานยาวๆ เลยพี่พูดตรงๆ>>”
ใบหม่อนได้ยินดังนั้นเข้าทำเอาหัวใจที่กำลังพองโตแฟบลงไปอย่างรวดเร็ว คิดตามคำที่คนเป็นพี่ชายพูดแล้วก็เห็นด้วยทุกอย่าง เพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ได้กลับบ้านเลยเป็นเวลาถึงสองปี และยิ่งมาเห็นสภาพแบบนี้ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้ก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวต้องยอมเข้าใจแต่โดยดี
“<<งืมๆ หนูเข้าใจแล้ว หนูรับราชการแบบนี้ดีกว่า อื้ม กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะได้เก็บจานล้างน้า พี่ป๊อปกินเยอะๆ น้า หนูอุตส่าห์ทำให้กินอย่างสุดฝีมือเลย>>”
ป๊อปยอมทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อเริ่มลงมือจัดการอาหารมื้อเย็นที่น้องสาวทำให้ตรงหน้า แต่แอบชำเลืองมองอีกฝ่ายที่เริ่มลงมือละเลียดอาหารมื้อเย็นจนพร่องลงไปอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปไม่นานนัก อาหารมื้อเย็นวันนี้หมดลงอย่างราบคาบ คราวนี้ป๊อปขอทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีด้วยการลงมือล้างจานทั้งหมดให้ด้วยความเต็มใจ จนใบหม่อนรู้สึกแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงของพี่ชายตัวเองอยู่ไม่น้อย
“<<อะไรน้าที่ทำให้พี่ชายของหนูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หนูยังจำได้น้าว่าพี่ชายของหนูเป็นคนขี้เกียจมาก แถมเป็นภาระให้หนูตามเก็บตามเช็ดให้อีก จานใบเดียวพี่ยังไม่ยอมล้างเลย>>”
ใบหม่อนออกปากถามขึ้นมาระหว่างยืนดูอีกฝ่ายกำลังลงมือล้างจานอยู่
“<<เพราะพี่อยู่คนเดียวด้วยมั้งใบหม่อน>>” ป๊อปตอบพลางเก็บจานทั้งสี่ใบเรียงบนชั้นอย่างเรียบร้อย “<<ไม่มีคนคอยทำให้เลยต้องทำทุกอย่างเองหมดแหละ ดีแล้วล่ะพี่จะได้หัดรับผิดชอบบ้าง พี่เองตั้งใจไว้แล้ว ถ้าเรามาอยู่ด้วยพี่จะดูแลเราให้เต็มที่น่ะ>>”
“<<แหวะ น้ำเน่าอ่ะ>>” ใบหม่อนแกล้งทำเสียงอ้วกล้อเลียน “<<จะดูแลหนูเหรอ เลิกบ้างานให้ได้ก่อนน้า อีกอย่างหนูโตขนาดนี้แล้ว หนูดูแลตัวเองได้ พี่ป๊อปไม่ต้องห่วงหรอกน่า คริๆ>>” ใบหม่อนแกล้งย้อนพี่ชายให้ แต่ลึกๆ แอบปลื้มใจพี่ชายคนนี้อยู่ไม่น้อย
ป๊อปหันมายิ้มให้กับน้องสาวหนึ่งทีก่อนออกปากบอก “<<พี่ไปอาบน้ำก่อนนะใบหม่อน>>”
“<<จ้าพี่ชาย>>”
.......................................................................
ตกกลางคืน ป๊อปยังใช้เวลากับงานที่อยู่ตรงหน้า กะว่าจะรีทัชอีกรูปให้เสร็จเพื่อจะได้มีเวลาให้กับคนเป็นน้องสาวบ้าง นัยน์สองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงยังจ้องเขม็งไปที่หน้าจอไอแม็คกับงานโฆษณาตรงหน้า มือซ้ายยังจับเมาส์ปากกาลากไปบนแป้นออกคำสั่งเหลาหน้าท้องนางแบบโฆษณาตรงหน้าอย่างคล่องมือ อีกด้านหนึ่งบนโซฟาใหญ่กลางโถงรับแขก ร่างสูงระหงนอนทอดกายเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสลับกับชำเลืองมองดูละครบนทีวีจอใหญ่ตรงหน้า ต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีบทสนทนาด้วยกันเลยตั้งแต่ฝ่ายแรกกลับออกมาจากหน้องนอนหลังอาบน้ำเสร็จ
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากรีทัชรูปตรงหน้าเสร็จ รู้ตัวอีกทีงานชิ้นนี้เขาทำเสร็จสมบูรณ์ลงได้ในเวลาเพียงสามวันเท่านั้น ทั้งที่งานนี้มีกำหนดส่งได้ภายในวันจันทร์หน้า ป๊อปตัดสินใจส่งงานนี้ไปยังโปรดิวเซอร์คู่ใจผ่านอีเมล รอไปได้สักพักใหญ่ ข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมา
@@Bewpetch@@ : พี่ป๊อปทำงานเร็วไปไหมเนี่ย หนูกลัวพี่ทำงานหลุดมากเลยนะ :
@@POPNGL@@ : ตรวจดูอีกทีซิว่าหลุดไหม พี่ทำสุดฝีมือแล้วนะเว้ย :
@@Bewpetch@@ : หนูล้อเล่นจ้า หนูตรวจแล้ว งานพี่ป๊อปไม่ผิดบรีฟ ทุกอย่างแก้ตรงหมด อย่างเนี้ยบด้วย ยังไงไม่มีปัญหาหรอก:
@@POPENGL@@ : งานใหม่มาให้คนอื่นทำบ้างนะ พี่โดนน้องสาวพี่บ่นแล้วนะเนี่ย :
@@Bewpetch@@ : จ้า แหมพอน้องสาวพี่ป๊อปมาอยู่ด้วยนี่ พี่ป๊อปมาตรฐานตกไปเยอะเลยนะ พี่ป๊อปรู้ไหมว่าพี่นุ่นเริ่มถามหนูแล้วนะว่าทำไมเดี๋ยวนี้พี่ป๊อปเลือกงาน ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยที่มีงานอะไรมาพี่ป๊อปทำหมด :
@@POPENGL@@ : เดี๋ยวนี้พี่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วน่ะ ตอนนี้น้องสาวพี่ขึ้นมาอยู่กับพี่แล้ว พี่อยากให้เวลากับน้องสาวพี่บ้าง เรื่องงานที่พี่เลือกรับเพราะเหตุผลนี้แหละ เอางี้ มีงานสเกลใหญ่และสำคัญยังไงก็ส่งมาให้พี่ได้ พี่ทำให้ได้อยู่น่ะ :
@@Bewpetch@@ : งืมๆ เดี๋ยวหนูสกรีนงานให้ละกัน พี่ป๊อปไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวงานใหม่หนูส่งให้อีกทีวันจันทร์เลย โอเค.ไหม :
@@POPENGL@@ : โอเค.ขอบคุณมากบิว :
ป๊อปถอนหายใจสั้นๆ หลังจากส่งงานและคุยงานกับโปรดิวเซอร์เสร็จ นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงแอบชำเลืองมองไปที่โซฟาใหญ่กลางห้อง เห็นร่างระหงนั่งเอกเขนกเล่นสมาร์ทโฟนในมืออย่างสบายอารมณ์ เขาลอบยิ้มบางๆ ก่อนลุกขึ้นพร้อมกับหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตัวเอง เดินไปที่โซฟาใหญ่ที่น้องสาวของเขาจับจองอยู่
ร่างสูงใหญ่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ด้วยแรงยุบตัวของโซฟาทำให้คนที่นั่งอยู่ก่อนรู้สึกตัวได้ว่ามีอีกคนมานั่งอยู่ข้างๆ แล้ว ดวงตากลมโตคู่สวยละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือหันไปหาคนที่มานั่งเคียงข้างตัวเองเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“<<พี่ป๊อปทำงานเสร็จแล้วเหรอ>>”
“<<อืม>>” ป๊อปออกเสียงในลำคอเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าตอบคนถาม ปากหยักภายใต้หนวดเคราหนาครึ้มคลี่ยิ้มบางๆ “<<ก็เมื่อเย็นใครน้อยใจว่าพี่ไม่มีเวลาให้ล่ะ นี่พี่รีบปั่นงานให้เสร็จเพื่อเราเลยนะเนี่ย ฮิๆ>>”
ใบหม่อนถึงกับเบะปากมองบนเมื่อถูกพี่ชายย้อนให้ กะว่าจะไม่คิดอะไรแล้ว ตอนแรกดีใจอยู่ที่พี่ชายคนนี้รีบทำงานเสร็จเพื่อจะได้แบ่งเวลาให้ แต่เมื่อถูกฟื้นฝอยหาตะเข็บแบบนี้ยิ่งกระตุ้นให้ตัวเองต้องคิดเล็กคิดน้อยบ้าง
“<<ไม่ต้องมาว่าหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” เสียงใสว่าให้ไปหนึ่งที “<<ก็พี่ป๊อปเอาแต่บ้างานแบบนี้ ไม่ให้หนูน้อยใจได้ไงล่ะหืม>>”
“<<โอ๋ๆ ไม่ต้องน้อยใจพี่แล้วนะคะ พี่มานั่งอยู่นี่แล้วไง>>” ป๊อปไม่พูดเปล่า ยกมือขึ้นยีผมยาวสลวยของอีกฝ่ายจนฟูด้วยความมันเขี้ยวในใจเล็กๆ
“<<พอได้แล้วพี่ป๊อป เล่นผมหนูอยู่นั่นแหละ>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอด มือเล็กที่เหลืออยู่ข้างเดียวพยายามปัดป้องมือใหญ่ที่กำลังจู่โจมเหนือศีรษะตัวเองอยู่ “<<พี่ป๊อปอยากทำอะไรก็ทำไปเลยนะ หนูขอเล่นเกมก่อน>>”
ป๊อปยิ้มบางๆ และไม่พูดอะไรต่อเมื่อถูกตัดบทขนาดนี่แล้ว แอบลอบมองคนติดเกมก่อนละสายตากลับมาที่หน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือของตัวเองที่กำลังเปิดดูตารางหุ้นอยู่ คราวนี้เขายิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นพอร์ตหุ้นของตัวเองมีแต่ตัวเลขสีเขียว บ่งบอกถึงผลกำไรงามๆ ที่กำลังงอกเงยขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งนึกถึงเงินปันผลที่ตัวเองจะได้รับก็ยิ่งยิ้มกว้างอย่างมีความสุขอยู่ไม่น้อย เพราะนั่นเท่ากับเขาจะมีเงินจัดการกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อีกมากโขเลยทีเดียว เขาตั้งใจแต่แรกอยู่แล้วว่าจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในห้องทั้งหมด กะจะไม่รบกวนเงินของน้องสาวเลย ยิ่งช่วงแรกรู้ว่าน้องสาวตัวเองอาจจะยังไม่ได้เงินเดือนเพราะตกเบิก เผื่อจะได้มีเงินช่วยสำรองค่าใช้จ่ายให้ด้วย
“<<หนูขอนอนตักพี่ป๊อปหน่อยน้า>>”
พูดจบร่างสูงระหงของหญิงสาวทอดตัวลงนอน ศีรษะกลมสวยได้รูปหนุนลงบนหน้าตักแกร่งของชายหนุ่ม ดวงตาคู่สวยยังจับจ้องไปที่หน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือ ไม่แม้กระทั่งจะสบตาคนที่ตัวเองนอนหนุนตักอยู่แม้แต่น้อย
ป๊อปละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือลงมองใบหน้าสวยหวานของน้องสาว ลอบยิ้มบางๆ อดย้อนนึกถึงตอนเด็กๆ ไม่ได้ ในตอนนั้นใบหม่อนชอบนอนหนุนตักเขาอยู่บ่อยๆ จนเขาไม่กล้าขยับตัวไปไหนเพราะไม่อยากให้น้องสาวสะดุ้งตื่นและร้องไห้อย่างขัดใจ มาถึงวันนี้ ความรู้สึกในตอนนั้นกลับมาอีกครั้ง
“<<วันนี้นึกยังไงถึงอยากนอนหนุนตักพี่ล่ะใบหม่อน>>” ป๊อปเริ่มชวนน้องสาวคุย
ดวงตากลมโตคู่สวยละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาสบตากับคนที่ตัวเองนอนหนุนตักอยู่ กลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ภายใต้เหล็กดัดฟัน เผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มลงไปอย่างชัดเจน
“<<ตอนนี้หนูก็อยากนอนหนุนตักพี่ชายของหนูบ้างนี่นา>>” เสียงใสเอ่ยตอบกลับมา ดวงตากลมโตยังจับจ้องใบหน้าของคนถามอย่างไม่วางตา
“<<ตอนเด็กๆ ใบหม่อนนอนหนุนตักพี่เกือบทุกครั้งเลย ตอนไหนพี่จะลุกไปทำอย่างอื่นเราก็ไม่ยอม รั้งพี่ไว้อยู่นั่นแหละ พอพี่จะลุกเราก็ร้อง ฮิๆ>>” ป๊อปย้อนรำลึกความหลังขึ้นมา มือหนาวางสมาร์ทโฟนเครื่องหรูลงข้างตัว เอื้อมไปลูบเรือนผมยาวสลวยของน้องสาวอย่างเอ็นดู
“<<ก็นั่นมันเมื่อก่อนปะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนย้อนขึ้นมา จากกำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าสวยหวานหงิกงอลงอย่างขัดใจ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเข้าหากัน “<<ตอนนี้หนูยี่สิบห้าแล้วน้า หนูไม่ร้องง่ายๆ หรอกน่า แต่หนูก็ไม่อยากให้พี่ป๊อปลุกไปไหนอยู่แหละ อยากนอนหนุนตักพี่ป๊อปนานๆ นะๆๆๆ พี่ป๊อป>>”
ป๊อปถอนหายใจพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนขี้อ้อน เมื่ออ้อนกันถึงขนาดนี้มีหรือที่เขาจะไม่ยอม เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเคยยอมน้องสาวของเขาอย่างไร ถึงวันนี้เขาก็ยังยอมน้องสาวคนนี้อยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง…
..................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ