เจ้าหญิงของฉัน
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) Wonderful Tonight
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเย็นวันศุกร์ในสัปดาห์ต่อมา
ป๊อปนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาตัวใหญ่ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ หลังจากส่งงานชิ้นสุดท้ายที่โปรดิวเซอร์ส่งมาให้ตั้งแต่วันจันทร์ต้นสัปดาห์ ถือโอกาสพักสายตาไปด้วยในตัวหลังจากเอาแต่จ้องหน้าคอมพ์มาตลอดถึงสี่วันรวด ศีรษะทุยค่อยๆ หย่อนลงพิงกับพนักด้านหลังพอให้ผ่อนคลายจากอาการเมื่อยขบที่สะสมมาตั้งแต่เช้า
เสียงประตูห้องเปิดขึ้นจนเขาหันไปหา เห็นร่างสูงระหงในชุดเสื้อผ้าขาวม้าของคนที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเดินเข้ามาก้มลงถอดรองเท้าอยู่
“<<กลับมาแล้วเหรอใบหม่อน>>”
คนที่เพิ่งกลับมาหันมามองตามต้นเสียง เห็นใบหน้าคร้ามกำลังส่งยิ้มมาให้ เห็นแล้วรู้สึกใจชื้นขึ้นมาไม่น้อยหลังจากต้องผจญกับความเครียดกับการทำงานมาตลอดทั้งวัน กลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มตอบกลับไป
“<<ทำอะไรอยู่เหรอพี่ป๊อป ไม่ทำงานเหรอวันนี้>>” ใบหม่อนเอ่ยถามพี่ชายขึ้นมา
“<พี่ทำงานเสร็จแล้วน่ะ>>” ป๊อปตอบด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลลงกว่าเดิม พูดจบปากหยักคลี่ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “<<พักสายตาบ้างน่ะ พี่นั่งจ้องคอมพ์มาตั้งสี่วันแล้ว เรายังบ่นพี่อยู่เลยไม่ใช่เหรอ>>”
ร่างสูงระหงเดินมาที่โซฟาใหญ่กลางห้อง หย่อนตัวลงนั่งข้างคนเป็นพี่ชายพร้อมกับส่งยิ้มตอบกลับมาให้อีกครั้งอย่างดีใจที่วันนี้พี่ชายมีเวลาให้กับตัวเองสักทีหลังจากเห็นอีกฝ่ายเอาแต่หมกมุ่นกับการทำงานมาตลอดก่อนหน้านี้
“<<พี่ป๊อป ดูอะไรนี่>>” เสียงใสเอ่ยกับคนเป็นพี่ชาย มือเล็กหยิบบัตรข้าราชการจากกระเป๋าใบเล็กที่เจ้าตัวสะพายอยู่ “<<หนูได้บัตรข้าราชการแล้วน้าพี่ป๊อป>>”
ปากหยักได้รูปยิ้มบางๆ เมื่อได้เห็นบัตรข้าราชการในมือของน้องสาวด้วยความรู้สึกยินดี นัยน์ตาสองชั้นหลบอ่านรายละเอียดบนบัตรอย่างครบถ้วน แต่ก็ต้องสะดุดตากับรูปติดบัตรฝีมือตัวเองรีทัชให้ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สลับกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่ของเจ้าของบัตรก่อนละกลับไปดูรูปอีกที คราวนี้เขาแทบกลั้นขำไม่อยู่อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะทนไม่ไหวระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเต็มที่ แต่คนในรูปตอนนี้เริ่มหน้าหงิกแล้วเมื่อถูกอีกฝ่ายหัวเราะใส่ถึงขนาดนี้
“<<พี่ป๊อปอ่ะ! ไม่ต้องดูแล้ว ทำไม รูปหนูมันตลกมากนักหรือไงห๊า!!>>”
ใบหม่อนแหวใส่พี่ชายก่อนชักบัตรข้าราชการในมือหนี ปากอวบอิ่มยังต่อว่าอีกฝ่ายต่อ “<<ทำไม รูปหนูหน้าขาวนี่มันแปลกสำหรับพี่หรือไง พี่ป๊อปก็ดำเหมือนหนูนี่แหละ ไม่คุยกับพี่ป๊อปแล้ว ปวดประสาท ชิ!!!>>”
พูดจบร่างระหงสะบัดตัวเดินหนีไปอย่างงอนๆ ทิ้งให้คนที่เพิ่งหัวเราะเมื่อสักครู่สำนึกผิดไปคนเดียว นัยน์ตาสองชั้นหลบมองตามคนที่เดินจากไป กลั้นขำไว้ไม่อยู่จริงๆ เมื่อเห็นท่าทางงอนๆ ของน้องสาว ย้อนนึกถึงรูปถ่ายในชุดข้าราชการแล้วก็ยิ่งขำมากกว่าเดิมเมิ่อเห็นหน้าน้องสาวดูขาวกระจ่างใสจนเท่ากับแฟนสาวของตัวเอง
“ฮื้ม ตัวจริงดำขนาดนี้ รูปไม่ตรงปกนะเนี่ย ฮิๆ” เขาบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนหันกลับมาอ่านหนังสือในมือต่อ
แต่ยังไม่ทันที่จะได้อ่านหนังสือต่อ สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำที่อยู่บนโต๊ะทำงานส่งเสียงกรีดร้องขึ้นพร้อมกับสั่นตัวเองอย่างบ้าคลั่งจนเสียงดังลั่น ชายหนุ่มวางหนังสือลงข้างตัวก่อนรีบลุกไปคว้าสมาร์ทโฟนบนโต๊ะทำงาน หยิบขึ้นมาดูหน้าจอเห็นรูปคนรักโชว์ขึ้นพร้อมเบอร์โทร. นิ้วมือหนาสไลด์กดรับอย่างรวดเร็ว
ป๊อป : [[ฮัลโหลพัชร โทร.มามีอะไรเหรอ]]
พัชร : [[ป๊อปลงมารับเค้าหน่อยสิ ตอนนี้เค้าอยู่ที่คอนโดฯ ป๊อปแล้วน้า]]
ป๊อป : [[อ้าวมาก็ไม่บอกเราด้วยนะ]]
พัชร : [[ก็เซอร์ไพรส์ไงล่ะ คริๆ ลงมารับเค้าเลย เนี่ยเค้าซื้อของกินมาตั้งเยอะตั้งแยะเลยเนี่ย]]
ป๊อป : [[ได้ๆ แป๊ปนะ เดี๋ยวรีบลงไป]]
วางสายเสร็จสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือถูกเก็บใส่กระเป๋ากางเกง มือหนาคว้ากระเป๋าสตางค์กับคีย์การ์ดบนโต๊ะทำงานรีบลงไปรับแฟนสาว...
ใบหม่อนเดินออกมาจากห้องนอนตัวเองหลังจากอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวจะไปทำกับข้าวมื้อเย็นเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา ดวงตากลมโตคู่สวยมองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้ไร้เงาของคนเป็นพี่ชาย
“<<พี่ป๊อปหายไปไหนน้า>>” หญิงสาวบ่นพึมพำพลางสอดส่ายสายตามองหาคนเป็นพี่ชาย เมื่อไม่เจอตัว ไหล่ลู่ยักขึ้นเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างระอา
“<<ฮื้ม ไปไหนก็ไม่บอกกันเลยพี่ป๊อปนี่>>” ใบหม่อนว่าให้คนที่ไม่อยู่ในตอนนี้พร้อมกับถอนหายใจอีกรอบ ร่างสูงระหงเดินกลับไปที่หลังครัว เตรียมตัวทำอาหารมื้อเย็นรอคนเป็นเจ้าของห้องกลับมา
ขณะเดียวกัน
ร่างสูงใหญ่เดินออกจากลิฟต์อย่างเร่งรีบกลัวแฟนสาวจะรอนาน เขากวาดสายตาไปรอบๆ จนเห็นรถเก๋งสีดำคันเป้าหมายจอดอยู่ไม่ไกลนัก เห็นร่างบางกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงประตูหลังรถ
“พัชร” เสียงเข้มเอ่ยเรียกคนรัก
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา หันมาหาเจ้าของเสียงเข้มที่คุ้นหู กลีบปากเรียวเล็กคลี่ยิ้มขึ้นอย่างดีใจเมื่อได้เห็นหน้าคนที่กำลังคิดถึงอยู่
“ป๊อป” เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า มือทั้งสองข้างวางของลงบนเบาะหลัง ปิดประตูหลังรถก่อนโผเข้าไปสวมกอดกับร่างสูงใหญ่
มือหนาสวมกอดร่างบางตอบด้วยความรู้สึกดีใจและคิดถึง ต่างฝ่ายต่างโน้มใบหน้าเข้าหากัน ฝากรสจูบอันแสนหวานแทนความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้กัน ใบหน้าสวยหวานถอยห่างออกมาเล็กน้อยเพื่อมองหน้าคนรักให้เห็นเต็มตา
“ป๊อป ช่วยเค้ายกของหน่อยสิ”
“ได้” ป๊อปคลี่ยิ้มน้อยๆ มือหนายื่นไปรับของจากมือคนรัก นัยน์ตาสองชั้นหลบก้มลงมองของในถุงอย่างพินิจพิเคราะห์ “ว่าแต่พัชรซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะเลยเนี่ย เต็มถุงเลย”
หญิงสาวทำท่าเอียงคอ ยิ้มเขินๆ “ก็เค้าซื้อของสดมาทำกับข้าวไง เห็นป๊อปเล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้น้องใบหม่อนทำกับข้าวให้กินนี่นา เค้าเลยซื้อมาฝากด้วยเลย”
ศีรษะทุยพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ ปากหยักคลี่ยิ้มแก้เขินเล็กน้อย “ไปกันเถอะพัชร ป่านนี้ใบหม่อนคงทำกับข้าวรออยู่แล้วล่ะ”
..........................................................................
ประตูห้องถูกเปิดขึ้นด้วยฝีมือของแฟนสาวเจ้าของห้อง ขณะที่คนเป็นเจ้าของห้องถือสัมภาระจนมือไม่ว่างพอที่จะทำอะไรได้ สัมภาระในมือถูกวางลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องยกเว้นของสดที่ยังอยู่ในมือ เดินเลยไปที่เคาน์เตอร์หลังครัว เห็นร่างระหงกำลังยืนปรุงอาหารมื้อเย็นอยู่
“<<ใบหม่อน>>”
ใบหน้าสวยหวานหันกลับมาหาเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อเจ้าตัวเมื่อสักครู่ ดวงตากลมโตส่งค้อนวงใหญ่ให้อย่างขุ่นเคือง
“<<พี่ป๊อปไปไหนมา ทำไมไม่บอกหนู>>” ใบหม่อนต่อว่าพี่ชายเป็นการใหญ่ ‘ชอบหายไปแล้วไม่บอกทุกที หนูเป็นห่วงนะพี่ป๊อป’ ใบหม่อนต่อให้ในใจ
คนโดนต่อว่าคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของน้องสาว รู้อยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเขาขนาดไหน “<<พี่ขอโทษนะใบหม่อนที่พี่ไปแล้วไม่ได้บอกเรา แต่ดูซิ ใครมา>>” พูดจบร่างสูงใหญ่เดินหลีกไปเก็บของสดที่ตู้เย็น
“น้องใบหม่อน”
“พี่พัชรสวัสดีค่ะ” ใบหม่อนวางตะหลิวลง ยกมือไหว้คนที่มาใหม่ “ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าพี่พัชรจะมา หนูทำกับข้าวพอแค่หนูกับพี่ป๊อปกินเท่านั้นอ่า”
“ไม่เป็นไรจ้าน้องใบหม่อน ว่าแต่ น้องใบหม่อนทำอะไรกินล่ะ เดี๋ยวพี่ช่วย เอาไหม” เสียงหวานเอ่ยกับว่าที่น้องสะใภ้ ถือโอกาสเสนอตัวเป็นลูกมือด้วยซะเลย
“ไม่เป็นไรหรอกพี่พัชร หนูเกรงใจ” ใบหม่อนรีบตอบปฏิเสธอย่างเกรงใจไม่น้อย
“ว่าแต่เย็นนี้น้องใบหม่อนทำอะไรเหรอ พี่ดูซิ” ร่างบางรีบเดินเข้าไปหาโดยไม่ฟังคำปฏิเสธของอีกฝ่าย มือเล็กคว้าผ้ากันเปื้อนอีกผืนที่วางอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาสวม “หืม หอมจังเลยจ้า ท่าทางน่ากินเหมือนกันนะเนี่ย”
ใบหม่อนถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อจู่ๆ ว่าที่พี่สะใภ้เข้ามาถึงขนาดนี้ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อยแต่จะปฏิเสธอีกครั้งก็ใช่ที่ หญิงสาวเลยต้องยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาเป็นลูกมือทำกับข้าวเย็นมื้อนี้เสียเลย “งั้นพี่พัชรช่วยหนูทำอีกอย่างดีไหมคะ ตอนนี้หนูทำแค่ผัดกะเพรากับไข่ดาวอ่ะ ไม่พอกินแน่เลย”
“แล้วน้องใบหม่อนอยากทำอะไรล่ะจ๊ะ” พัชรย้อนถามว่าที่น้องสะใภ้
“แล้วแต่พี่พัชรเลยค่ะ หนูอยากกินกับข้าวฝีมือพี่พัชรอ่ะ นะๆๆๆ” ใบหม่อนได้ทีอ้อนว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่
สองสาวช่วยกันทำกับข้าวมื้อเย็นด้วยกันอย่างเพลิดเพลินตามประสาผู้หญิง คราวนี้ใบหม่อนถือโอกาสเรียนรู้สูตรอาหารใหม่ๆ จากว่าที่พี่สะใภ้คนนี้ด้วยเสียเลย ขณะเดียวกัน คนเป็นเจ้าของห้องแอบมองไปยิ้มไปอย่างมีความสุขอยู่ในใจไม่น้อย เห็นน้องสาวกับแฟนสาวเข้ากันได้ดีขนาดนี้ก็ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกอยากขอแฟนสาวคนนี้แต่งงานเร็วๆ เหลือเกิน แต่ติดที่ว่าตัวเองยังไม่กล้าขอแต่งงานสักที เพราะความไม่มั่นใจตัวเองว่าจะมีฐานะมั่นคงพอที่จะดูแลคนรักของเขาได้ตลอดไปหรือไม่
ผัดกะเพราลูกชิ้นปลากราย ไข่ดาวสามฟอง และตบท้ายด้วยแกงจืดตำลึงหมูสับฝีมือของผู้มาเยือนถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวด้วยฝีมือของทั้งสองสาว และก็เป็นหน้าที่ของใบหม่อนที่ต้องเรียกคนเป็นเจ้าของห้องมากินอาหารมื้อเย็นด้วยกัน
“<<พี่ป๊อปมากินข้าว>>”
คนตัวใหญ่ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานอย่างว่าง่าย ก่อนหย่อนตัวลงนั่งเคียงข้างคนรัก ข้าวทั้งสามจานที่ถูกคดโดยคนเป็นน้องสาวเจ้าของห้องถูกวางตรงหน้าพร้อม เวลาอาหารเย็นของทั้งสามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“อื้มพัชร จะมาค้างกับเรากี่คืนล่ะ” ป๊อปเอ่ยปากถามแฟนสาว พลางเอื้อมมือไปตักผัดกะเพราฝีมือน้องสาวใส่จานของคนที่ถูกถาม
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าคร้าม กลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มน้อยๆ “เค้าอยู่ด้วยถึงวันจันทร์อ่ะป๊อป ดีใจไหม”
“ไม่ให้ดีใจได้ไงล่ะพัชร แฟนทั้งคนนี่นา” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้วยอาการดีใจไม่น้อย หันกลับไปถามคนเป็นน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม “<<แล้วใบหม่อนว่าไงล่ะ>>”
“<<จะให้หนูว่าไงล่ะพี่ป๊อป หนูก็ดีใจด้วยสิ>>” เสียงใสเอ่ยตอบคนเป็นพี่ชาย ก่อนหันไปคุยกับว่าที่พี่สะใภ้ต่อ รีบปรับเป็นสำเนียงกรุงเทพฯ อย่างรวดเร็ว “ดีเลย หนูจะได้ขอสูตรทำกับข้าวกับพี่พัชรด้วยเลย”
“ได้เลยจ้าน้องใบหม่อน” พัชรไม่ปฏิเสธคำขอของว่าที่น้องสะใภ้ “อื้ม ว่าไปน้องใบหม่อนทำกับข้าวอร่อยเหมือนกันนะเนี่ย จริงไหมป๊อป” หญิงสาวออกปากชมขึ้นมาหลังจากได้ลิ้มรสกับข้าวฝีมือของว่าที่น้องสะใภ้คนนี้ ไม่ลืมที่จะหันไปถามคนรักด้วย
“จริงสิพัชร” เสียงเข้มตอบทันควัน พลางตักผัดกะเพราใส่จานของหญิงสาวอีกรอบ “น้องสาวเราทำกับข้าวเก่งมากเลยล่ะพัชร เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่บ้านนะ ใบหม่อนทำกับข้าวให้เรา ให้พ่อให้แม่กับแม่คุณกินตลอดเลย ตอนใบหม่อนหัดทำกับข้าวใหม่ๆ ใบหม่อนบังคับให้เรากินตลอดเลยล่ะ ฮิๆ”
“<<พี่ป๊อป!>>” ใบหม่อนว่าเสียงขุ่นใส่ “<<ไม่ต้องมาเผาหนูให้พี่พัชรฟังเลยนะ>>”
พัชรถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นพี่น้องคู่นี้ทะเลาะกัน ยิ่งเห็นแฟนหนุ่มต่อปากต่อคำกับว่าที่น้องสะใภ้อย่างทันกันก็ยิ่งทำให้ขำไม่หยุด ถึงรู้ว่าปกติคนรักของเจ้าตัวเหมือนจะเป็นคนไม่ทันคนเลยก็ตาม แต่กับคนที่เขาโต้เถียงตรงหน้า นี่คือข้อยกเว้น
“พอแล้วๆ ไม่ต้องทะเลาะกันแล้วพี่น้องคู่นี้ เค้ากินข้าวไม่อร่อยนะถ้าป๊อปกับน้องใบหม่อนยังทะเลาะกันอ่ะ” เสียงหวานเอ่ยปรามสองพี่น้องที่กำลังโต้เถียงอย่างดุเดือดอยู่ในตอนนี้
ได้ผลเมื่อทั้งสองเงียบลง แต่ใบหม่อนยังคงส่งสายตาค้อนใส่คนเป็นพี่ไม่หยุด ขณะที่คนโดนค้อนใส่ทำยักไหล่ใส่เป็นเชิงไม่ยอมแพ้ แต่จริงๆ แล้วในใจของเขายอมแพ้ให้กับน้องสาวคนนี้ไปแล้ว
“<<พี่ป๊อป พรุ่งนี้หนูไปงานแต่งงานเพื่อนรุ่นพี่สมัยเรียนนะ พี่ป๊อปไปส่งหนูด้วย>>”
ใบหม่อนถือโอกาสนี้ขอร้องให้ป๊อปไปส่งเจ้าตัวไปงานในวันพรุ่งนี้ หลังจากหายโกรธอีกฝ่ายแล้ว
“<<ได้สิใบหม่อน>>” เสียงเข้มเว้นเล็กน้อย “<<เพื่อน้องสาวพี่ทำได้อยู่แล้ว ว่าแต่ไปเมื่อไหร่ล่ะ จะได้เตรียมตัวถูก>>”
“<<หนูไปตอนเย็นอ่ะพี่ป๊อป งานเริ่มทุ่มนึง>>” เสียงใสตอบกลับมา
“<<ได้ใบหม่อน เพื่อน้องสาวหน้ากลมคนนี้พี่ทำได้เสมอ>>” ป๊อปให้คำมั่นกับน้องสาว พลางยักคิ้วให้หนึ่งที แต่ว่า…
“<<พี่ป๊อป! ล้อหนูหน้ากลมอีกแล้วนะ>>” ใบหม่อนแหวใส่คนเป็นพี่ “<<พี่ล้อหนูแบบนี้มายี่สิบกว่าปีแล้วน้า>>”
ทั้งสามต่างระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งระหว่างทานอาหารมื้อเย็นวันนี้ เมื่อสองพี่น้องเจ้าของห้องต่างฝ่ายต่างล้อไปล้อมาอย่างสนุกสนาน ทำเอาผู้มาเยือนอย่างพัชรถึงกับกลั้นขำไม่หยุดจนกับข้าวแทบพุ่ง
.......................................................................
วันต่อมา
วันนี้ใบหม่อนมีนัดไปงานแต่งงานของเพื่อนรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตลอดบ่ายวันนี้เจ้าตัวใช้เวลาหมดไปกับการแต่งตัว โดยมีว่าที่พี่สะใภ้อย่างพัชรช่วยแต่งหน้าทำผมให้
“น้องใบหม่อนปล่อยผมตรงแบบนี้พี่ว่าดีแล้วน้า” พัชรเริ่มออกความเห็นขึ้นมา ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วยกันทำให้มองออกเลยว่า ว่าที่น้องสะใภ้คนนี้ทำผมยาวตรงเหมือนตัวเองแล้วดูดีมาก
“จะดีเหรอพี่พัชร หนูอยากดัดวอลลุ่มบ้างดีไหมอ่ะ” ใบหม่อนถามเสียงอ้อมแอ้ม บ่งบอกถึงความไม่มั่นใจ
พัชรเหยียดริมฝีปากเรียวเล็กพร้อมกับเหลือบดวงตาคู่สวยลงมองต่ำ ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าแสดงอาการกังวลใจของว่าที่น้องสะใภ้ ดวงตาคู่สวยกลอกขึ้นกลับมาสบตาอีกครั้ง
“พี่ว่าใบหน้ากลมๆ ของน้องใบหม่อนเข้ากับผมตรงแบบพี่ดีกว่านะ คริๆ”
“พี่พัชรอ่ะ” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอด ใบหน้าสวยหวานทำแก้มป่องใส่อย่างเซ็งๆ “ติดมาจากพี่ป๊อปหรือไงฮ้า ล้อหนูหน้ากลมเนี่ย”
“พี่ล้อเล่นนะคะน้องใบหม่อน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาจากอีกฝ่ายที่เหมือนจะโกรธ “ใบหม่อนโกรธพี่ไหมคะ”
“หนูไม่โกรธพี่พัชรหรอกค่ะ” ใบหม่อนตอบเสียงแผ่วเบาลงกว่าเดิม ยังมีร่องรอยอาการเซ็งให้เห็นบนใบหน้า “ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่สนิทกันจริงๆ หนูโกรธไปแล้วค่ะ แต่พี่พัชรไม่ใช่คนอื่นสำหรับหนูนี่นา”
“ถ้าเป็นพี่ป๊อปล่ะคะน้องใบหม่อน คริๆ” พัชรได้ทีแกล้งถามจี้จุด
“รายนั้นหนูยิ่งไม่โกรธใหญ่เลยล่ะ เห็นหนูชอบตวาดชอบว่าเขาก็เถอะ ก็เขาเป็นพี่ชายของหนูนี่นา” ใบหม่อนรีบตอบแบบไม่ลังเลหลังจากถูกยิงคำถาม “แต่พี่ป๊อปชอบล้อหนูหน้ากลมแบบนี้ทุกวันอ่า ล้อมาเป็นยี่สิบปีแล้วน้า”
พัชรได้ฟังดังนั้นถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่ ไม่คิดว่าคนรักของตัวเองจะปากเสียได้แม้กระทั่งกับน้องสาวของตัวเอง ถึงแม้จะเคยเห็นมานานนับสิบปีตลอดเวลาที่คบกันก็ตาม ขอให้ได้แซว ขอให้ได้ล้อสักครั้งหนึ่งเหอะ
“เอาน่าน้องใบหม่อน ผมตรงแบบพี่นี่แหละสวยแล้ว มาๆ เดี๋ยวพี่ฉีดสเปรย์ให้น้า”
หญิงสาวหันหลังให้อย่างว่าง่าย ขณะเดียวกัน พัชรหยิบกิ๊บติดผมอันเล็กสีดำขึ้นมา มืออีกข้างเลิกผมยาวสลวยสีดำสนิทขึ้นเปิดให้เห็นหน้าผากโค้งมนก่อนติดกิ๊บลงไป สเปรย์ฉีดผมถูกละเลงให้ทั่วจนผมยาวสลวยของใบหม่อนเปล่งประกายเงางามขึ้นกว่าเดิม
ใบหม่อนสังเกตผมของตัวเองที่ถูกเลิกขึ้นเปิดให้เห็นหน้าผากโค้งมนผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้าอย่างประเมิน กลีบปากเรียวเล็กคลี่ยิ้มขึ้นบ่งบอกความรู้สึกพึงพอใจกับทรงผมของเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย
“เป็นไงบ้างน้องใบหม่อน ชอบไหมเอ่ย” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น
“ชอบมากเลยอ่ะพี่พัชร” ใบหม่อนหันกลับไปหาเจ้าของเสียงหวานน่าฟังเมื่อสักครู่ “ไม่คิดเลยนะว่าพี่พัชรจะทำให้ผมหนูสวยได้ขนาดนี้ กดไลค์เลยล่ะ คริๆ”
พัชรได้แต่ฟังคำชมไปยิ้มไปอย่างแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะปกติไม่เคยได้มีโอกาสทำผมให้ใครแบบจริงๆ จังๆ เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเองต้องสวมบทช่างทำผมจำเป็นให้กับว่าที่น้องสะใภ้คนนี้
ใบหม่อนหมุนตัวไปมาหน้ากระจก สำรวจรอบตัวว่ามีอะไรที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางหรือต้องแต่งเพิ่ม ก่อนเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจกข้างหัวเตียง ลงมือละเลงแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าตามที่อยากให้เป็น ขณะที่ผู้ช่วยมือหนึ่งอย่างพัชรคอยดูและเป็นลูกมือช่วยแต่งหน้าด้วย
“พี่ว่าน้องใบหม่อนแต่งหน้าจัดๆ ไม่สวยนะ” พัชรเริ่มออกความเห็นขึ้นมา หลังจากพินิจพิเคราะห์ใบหน้าสวยหวานของว่าที่น้องสะใภ้อยู่สักพัก “น้องใบหม่อนหน้ายังเด็กอยู่ แต่งนิดเดียวก็พอแล้ว”
ใบหม่อนเลือกที่จะเชื่อคำของอีกฝ่าย มือเล็กเอื้อมไปหยิบทิชชู่เปียกขึ้นมาเช็ดบลัชออนบนพวงแก้มนุ่มที่ถูกปัดจนเป็นสีแดงเข้มออกจนหมด ก่อนเลยขึ้นไปเช็ดอายไลเนอร์ที่ถูกกรีดจนเข้มออกจนไม่เหลือร่องรอยเดิม คราวนี้หญิงสาวเริ่มต้นแต่งหน้าตัวเองใหม่ด้วยการปัดบลัชออนบนแก้มบางๆ พอแค่ให้เห็น ลิปกลอสสีแดงถูกหยิบขึ้นมาฉาบทากลีบปากอวบอิ่มสวยได้รูปจนเสร็จในเวลาต่อมา
“พี่พัชร หน้าหนูเป็นไงบ้างอ่ะ” เสียงใสเอ่ยถามว่าที่พี่สะใภ้อีกครั้งให้แน่ใจ
ดวงตาคู่สวยของพัชรมองใบหน้าสวยหวานที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแต่พอดีของว่าที่น้องสะใภ้อย่างประเมินอีกครั้ง คราวนี้เปลี่ยนไปจากตอนแต่งหน้าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด ด้วยสัญชาตญาณความเป็นผู้หญิงด้วยกันทำให้เจ้าตัวรู้เลยว่าวันนี้ว่าที่น้องสะใภ้ดูสวยเป็นพิเศษกว่าครั้งก่อนที่เคยเห็นมาแน่นอน
“น้องใบหม่อนสวยมากเลยจ้า อื้ม ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่ป๊อปรอนานนะ”
ร่างสูงระหงลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มือเล็กหยิบกระเป๋าสะพายใบย่อมเข้าชุดที่บรรจุของจุกจิกและสมาร์ทโฟนเครื่องหรู เตรียมตัวจะออกไปที่ห้องโถงกลาง แต่ไม่ลืมที่จะหยุดสำรวจเรือนร่างของตัวเองอีกครั้งผ่านกระจกบานใหญ่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนเดินตามว่าที่พี่สะใภ้ออกจากห้องไป
“<<พี่ป๊อป หนูแต่งตัวเสร็จแล้วน้า>>”
คนตัวใหญ่ละสายตาจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือหันไปมองตามเสียงใสเอ่ยเรียกชื่อของเขา แต่แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังยืนส่งยิ้มมาให้เขาในตอนนี้ ขณะที่พัชรเดินมานั่งข้างๆ ตัวเขาแล้ว
ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีน้ำตาลดูเรียบหรูขับเน้นผิวสีน้ำผึ้งของหญิงสาวให้โดดเด่นขึ้น ใบหน้าสวยหวานบนโครงหน้าค่อนข้างกลมถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเบาๆ เน้นโทนสีธรรมชาติขับเน้นให้เครื่องหน้าดูมีมิติมากกว่าเดิม ผมยาวตรงถึงกลางหลังสีดำขลับถูกปล่อยสยายอออก
“<<วันนี้น้องสาวพี่สวยมากเลย>>” ป๊อปอดไม่ได้ที่จะออกปากชมตามที่เห็นอยู่
ใบหม่อนถึงกับหน้าแดงเมื่อได้ยินคำชมจากปากพี่ชาย เพราะปกติแล้วพี่ชายของตัวเองไม่ค่อยจะชมเจ้าตัวเท่าไหร่ แถมยังชอบล้ออยู่บ่อยๆ “<<จริงเหรอพี่ป๊อป>>”
“<<จริงสิใบหม่อน>>” รอยยิ้มอย่างจริงใจผุดขึ้นบนใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเครา มือหนาเอื้อมไปลูบเรือนผมยาวสลวยของคนเป็นน้องสาวที่ตอนนี้พาตัวเองมานั่งข้างๆ เขาแล้ว “<<คืนนี้น้องสาวพี่สวยที่สุดแล้ว เผลอๆ สวยกว่าจะเจ้าสาวอีกนะ ฮิๆ>>”
“<<เว่อร์แล้วพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนปฏิเสธเสียงกระเง้ากระงอด ดวงตากลมโตคว่ำลง “<<จะให้หนูสวยกว่าเจ้าสาวได้ไงอ่ะพี่ป๊อป เจ้าสาวก็ต้องสวยที่สุดในงานสิ>>”
“<<สำหรับพี่แล้ว น้องสาวพี่สวยที่สุดเสมอแหละ>>” ป๊อปเอ่ยชมทิ้งท้ายอีกรอบ เรียกรอยยิ้มหวานจากน้องสาวของเขาได้อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกัน พัชรแอบเบะปากมองบนใส่คนรักอย่างหมั่นไส้ ‘เชอะ ที่กับเค้าไม่เคยชมกันบ้างเลยนะ’
“<<ไปเถอะใบหม่อน เย็นวันเสาร์รถยิ่งติดอยู่>>”
พูดจบก็เอื้อมมือไปคว้าข้อมือเล็กของน้องสาว จะพาไปยังประตูหน้าห้อง แต่ว่า…
“<<พี่ป๊อปเดี๋ยวก่อนสิ หนูยังไม่ได้ใส่รองเท้าเลย>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดพร้อมกับขืนตัวเองให้หยุด แกะมือหนาของพี่ชายตัวเองออก เดินหลีกออกไปหยิบรองเท้าส้นสูงที่เจ้าตัวเพิ่งสั่งมาก่อนหน้านี้ไม่นาน ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ร่างระหงที่เล็กกว่ากำลังก้มลงเลิกขากางเกงยีนขึ้น สวมรองเท้าบูทส้นสูงหนังสีดำคู่เดิมเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้คนตัวใหญ่ที่ตอนนี้สวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเรียบร้อยต้องเป็นฝ่ายยืนรอ
‘ฮื้ม มันจะนานก็ตรงตอนใส่รองเท้านี่แหละ’ เขาบ่นพึมพำในใจระหว่างรอ
“<<เสร็จแล้วพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับพาร่างสูงระหงเดินนำหน้าคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ออกจากห้องไป...
..............................................................................
รถแวนเจ็ดที่นั่งตราโบไทสีดำที่ขับโดยป๊อปกำลังแล่นไปบนทางด่วนอย่างรวดเร็วท่ามกลางการจราจรรอบข้างที่ค่อนข้างโล่งไม่มียวดยานพาหนะคันอื่นมากนัก มือหนาหักพวงมาลัยพายานพาหนะคู่ใจหลบรถที่ขับช้าแช่ในเลนนั้นอย่างคล่องแคล่ว และนั่นทำให้อีกสองสาวที่เป็นผู้โดยสารเริ่มออกอาการหวาดผวา โดยเฉพาะใบหม่อนที่ออกอาการมากกว่าว่าที่พี่สะใภ้เสียอีก
“<<พี่ป๊อปอ่ะ ขี่รถแรงจังเลย หนูเตือนไม่รู้กี่รอบแล้วน้า>>” ใบหม่อนเริ่มออกปากเตือนพี่ชาย
“นั่นสิป๊อป เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาไม่คุ้มนะ ไม่ตายก็พิการนะป๊อป” พัชรเสริมว่าที่น้องสะใภ้อีกทีหนึ่ง
ได้ผลเมื่อป๊อปยอมถอนคันเร่งลดความเร็วลงพร้อมกับไม่หักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนอีก ผิดกับตอนแรกที่กดคันเร่งอย่างหนักและหักพวงมาลัยเลี้ยวปาดไปปาดมาหลบรถที่ขับช้าจนชวนให้เวียนหัว ความเร็วในตอนนี้ลดลงเหลือเพียง 110 กม.ต่อชั่วโมงเท่านั้น
“พี่พัชรๆ ตอนพี่พัชรนั่งรถไปกับพี่ป๊อปนี่พี่ป๊อปขี่รถเร็วแบบนี้ไหมอ่ะ” คราวนี้ใบหม่อนหันกลับไปถามพี่สะใภ้
“ป๊อปขับรถเร็วแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะจ้ะ แต่ตอนนี้พี่ชินแล้วล่ะ ขนาดพี่ชินแล้วนะเนี่ยยังผวาอยู่เลยจ้า” พัชรตอบเสียงเรียบๆ ก่อนคลี่ยิ้มออกมา ดวงตาคู่สวยแฝงอาการหวาดกลัวเล็กๆ ให้เห็น
“หูย หนูยังกลัวเลยอ่ะพี่พัชร หนูเสียวพี่ป๊อปพลาดท่าไปชนคนอื่นอ่ะ ขี่รถปาดไปปาดมาแบบนี้อันตรายมากเลย”
ใบหม่อนว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย แสดงความรู้สึกหวาดกลัวให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ถึงแม้จะเคยนั่งรถที่พี่ชายขับมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังทำใจให้ชินกับสไตล์การขับรถของพี่ชายคนนี้ไม่ได้สักที
ป๊อปขับรถไปฟังบทสนทนาของน้องสาวกับคนรักไป เกิดนึกสนุกอยากเล่นอีกรอบ ประจวบเหมาะกับมีรถแวนเจ็ดที่นั่งแบรนด์เจ้าตลาดขับช้าแช่ขวากั๊กอยู่ตรงหน้า มือหนาหมุนพวงมาลัยหักเลี้ยวออกไปยังเลนข้างๆ ก่อนมุดกลับมาปาดหน้ารถที่ขับช้าแช่ขวาคันนั้นพร้อมกับกดคนเร่งหนีอย่างรวดเร็ว ทว่ารถที่ขับช้าแช่ขวาคันนั้นออกาอาการไม่พอใจด้วยการยิงไฟสูงใส่หนึ่งที
“<<พี่ป๊อป หนูขอร้องล่ะ>>” ใบหม่อนว่าเสียงดุใส่คนขี้แกล้ง “<<ช่วยขี่รถธรรมดาๆ เหมือนคนอื่นหน่อยได้ไหม หนูจะอ้วกแล้วนะพี่ป๊อป ปาดไปปาดมาจังเลยนะ>>”
คนโดนน้องสาวดุรีบถอนคันเร่งลดความเร็วลง พร้อมประคองพวงมาลัยค่อยๆ พารถเลี้ยวหลีกไปที่เลนกลาง ลดความเร็วลงเท่ากับคนปกติเขาขับกัน แต่ใบหน้าคร้ามแอบยิ้มเจ้าเล่ห์หลังแกล้งน้องสาวได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน พัชรที่แอบสังเกตอยู่นานเริ่มออกปากเตือนคนรัก
“ป๊อปอย่าแกล้งน้องแบบนี้สิ”
“รู้แล้วน่าพัชร เมื่อกี้หูชาเลยเนี่ย เป็นน้องหรือเป็นแม่เนี่ย โวะ” เสียงเข้มตอบกลับมาจากปากโชเฟอร์ แอบแซะน้องสาวเล็กน้อยหลังจากโดนบ่นไปรอบหนึ่ง
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนแหว และถลึงตาดุใส่พี่ชาย แอบเคืองเล็กน้อยเมื่อถูกแซะ
รู้ตัวอีกที ป๊อปขับมาจนถึงทางลงละแวกเพลินจิตแล้ว มือหนาหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาออกสู่ถนนเพลินจิต แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอมวลมหาการจราจรติดขัดในยามหัวค่ำวันเสาร์แบบไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปได้สักที
“<<ใบหม่อน โรงแรมอยู่ตรงหัวมุมข้างหน้าใช่ไหม>>”
“<<ใช่แล้วพี่ป๊อป อย่าขี่เลยล่ะ>>” เสียงใสเอ่ยตอบกลับมา
การจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้เมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฎขึ้น รถแวนเจ็ดที่นั่งค่อยๆ หักเข้าเลนซ้ายสุดอย่างคล่องแคล่ว ขับตามรถคันข้างหน้าไปเรื่อยๆ จนถึงแยกวิทยุ มือหนาหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนวิทยุ ค่อยๆ ตะล่อมไปตามทางจนถึงทางเข้าโรงแรม The Okura Prestige อันเป็นที่หมายในวันนี้ รถแวนเจ็ดที่นั่งค่อยๆ จอดเทียบให้ตรงกับช่องประตูทางเข้าตามที่ รปภ. ให้สัญญาณ
“<<หนูไปก่อนน้าพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยกับคนเป็นพี่ชาย มือเล็กหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ก่อนเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่คนเป็นโชเฟอร์กลับห้ามไว้เสียอย่างนั้น ก่อนลงจากประตูฝั่งคนขับเดินอ้อมไปยังประตูฝั่งคนนั่งด้านหน้า พร้อมกับเปิดประตูให้และยื่นมือหนามารอรับ
“<<เชิญครับน้องใบหม่อน เจ้าหญิงของพี่>>”
ร่างระหงก้าวลงจากรถอย่างช้าๆ มือเล็กยื่นมารับมือหนาที่ยื่นมา พร้อมกับส่งยิ้มให้เป็นการตอบแทนที่พี่ชายคนนี้ขับรถมาส่งให้ถึงที่ในค่ำคืนนี้
“<<วันนี้น้องสาวของพี่สวยที่สุดเลย>>” ป๊อปอดไม่ได้ที่จะออกปากชมน้องสาวของเขาอีกครั้ง
ใบหม่อนถึงกับหน้าแดงอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำชม “<<หนูไปก่อนนะพี่ป๊อป กลับเมื่อไหร่เดี๋ยวหนูไลน์หาพี่ป๊อปน้า อย่าลืมมารับหนูล่ะ>>”
หญิงสาวหันมาโบกมือและส่งยิ้มหวานให้กับคนเป็นพี่ชายก่อนพาตัวเองเดินผ่านประตูกระจกบานใหญ่เข้าไปข้างใน ขณะที่ป๊อปยืนมองไปยิ้มไปจนอีกฝ่ายลับตาไปในที่สุด…
………………………………………………
รถแวนเจ็ดที่นั่งที่ขับโดยป๊อปกำลังขับพาแฟนสาวไปเดินเล่นต่อที่เซ็นทรัล เอมบาสซีที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่หมายนัก แต่ติดที่ว่าต้องขับรถเลยไปกลับรถอีกไกลพอสมควรและต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรที่กำลังติดขัดอย่างหนักถึงแม้จะเป็นวันเสาร์ก็ตาม ทั้งสองต่างนั่งเงียบรอเวลาไปอย่างเซ็งๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สัญญาณไฟจราจรจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว เวลาผ่านไปไม่นานนัก ยวดยานพาหนะเริ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้งอย่างช้าๆ จนไปถึงที่หมายเมื่อเวลาผ่านไปได้ราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง
“พัชรอยากกินข้าวหรืออยากเดินเล่นก่อนล่ะ” ป๊อปหันไปถามแฟนสาวหลังจากจอดรถเสร็จ
หญิงสาวกลอกตามองบนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก “งั้นกินก่อนดีกว่าป๊อป ตอนนี้เค้าหิวอ่ะ กว่าน้องใบหม่อนจะกลับเค้าว่านานอยู่น้า”
ได้ฟังคำตอบดังนั้นแล้ว ป๊อปตัดสินใจพาตัวเองลงจากฝั่งคนขับเดินอ้อมด้านหน้าไปเปิดประตูคนนั่งด้านหน้า ทำกิริยาเดียวกับที่เขาเพิ่งทำให้น้องสาวเมื่อตอนไปส่งถึงหน้าโรงแรม เพียงแต่เปลี่ยนเป็นคนรักของเขาเท่านั้น
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ร่างระหงในชุดเสื้อซีทรูสีดำกับกางเกงยีนขาม้าก้าวลงจากรถช้าๆ มือเล็กขาวราวงาช้างยื่นมือจับมือหนาพร้อมกับหันมาส่งยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณทั้งหมด มือหนาอีกข้างกดรีโมตสั่งล็อกรถก่อนจูงมือแฟนสาวเดินเข้าไปข้างในก่อนเปลี่ยนเป็นควงแขนกันในเวลาต่อมา
ณ ร้าน Muteki by Mugendai
ป๊อปตัดสินใจพาแฟนสาวมานั่งดินเนอร์รอน้องสาวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นบนชั้นหกของห้างแห่งนี้ ท่ามกลางความรู้สึกแปลกใจเล็กๆ ของพัชร ไม่คิดว่าคนรักจะพามากินร้านอาหารแพงๆ ได้ถึงขนาดนี้ ถึงแม้ตลอดสิบกว่าปีที่คบกันมาจะมีหลายครั้งมากที่คนรักของเจ้าตัวพาไปกินร้านอาหารหรูก็ตาม รู้อยู่ว่าเขาเป็นคนที่คิดมากเรื่องการใช้เงินพอสมควร
“ป๊อป เค้าว่าร้านนี้มันแพงไปไหมอ่ะ” เสียงหวานเอ่ยถามแฟนหนุ่ม ดวงตาคู่สวยมองบรรยากาศภายในร้านอย่างประเมิน
“เอาน่า มาแถวนี้ทั้งที ลองกินดูสักครั้งสิ” ป๊อปตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี มือหนายังคงกุมมือบางของคนรักไว้
ทั้งสองพากันเดินมานั่งโต๊ะที่พนักงานร้านพามาก่อนหย่อนตัวลงนั่ง ป๊อปรับเมนูจากพนักงานเสิร์ฟขึ้นมาอ่าน ขณะที่พัชรหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมาเช็คโซเชียลมีเดียส่วนตัวเล็กน้อยก่อนอ่านเมนูที่พนักงานเสิร์ฟยื่นมาให้
ระหว่างรออาหารที่สั่ง ทั้งสองต่างพูดคุยกระหนุงกระหนิงกันตามประสาคนรักเป็นการฆ่าเวลาสลับกับเล่นสมาร์ทโฟนในมือเป็นระยะ ยิ่งได้มานั่งรับประทานอาหารกันสองต่อสองด้วยกันแบบนี้แล้วยิ่งเพิ่มดีกรีความหวานขึ้นไปอีก
“ป๊อปนึกยังไงถึงพาเค้ามานั่งกินอาหารญี่ปุ่นราคาแพงแบบนี้ล่ะ” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยถามขึ้น อยากรู้ว่าคนรักกำลังคิดอะไรอยู่
“ก็อยากให้พัชรได้ลองอะไรใหม่ๆ บ้างน่ะ” เสียงเข้มเว้นหายใจเล็กน้อย นัยน์ตาสองชั้นหลบมองตรงมายังดวงตาคู่สวยของคนรักตรงหน้า “เห็นพัชรบ่นๆ กับเราตั้งนานแล้วว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ”
คำตอบที่ได้ยินตรงกับความคิดในใจพอดี ดวงตากลมโตคู่สวยเบิกโพลงขึ้นอย่างประหลาดใจก่อนหรี่ลงพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานส่งไปให้คนรู้ใจหนึ่งที “ป๊อปนี่ยังรู้ใจเค้าไม่เปลี่ยนเลย เค้ากำลังอยากกินอยู่เลยล่ะ คริๆ”
“รู้มาเป็นสิบปีแล้วล่ะพัชร” ป๊อปว่าพลางทำหน้ากรุ้มกริ่ม “รู้แม้กระทั่งว่าแฟนของตัวเองมีเชื้อสายญวนด้วยล่ะ ฮ่าๆ”
“จ้า” พัชรว่าเสียงสะบัดใส่เป็นเชิงประชด ใบหน้าสวยหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุก เกิดอาการร้อนวูบวาบขึ้นมา “<<พ่อหมาเมืองสุพรรณ คริๆ>>” ยังไม่หนำใจเมื่อสาวเจ้าแกล้งล้อสำเนียงเมืองสุพรรณใส่คนรักอีก
“++ครับ แม่ลูกสาวหล่า++” มีหรือที่เขาจะยอมแพ้ ไอ้หมาคนนี้ขอสวนกลับด้วยสำเนียงพิ้นบ้านเมืองน้ำดำบ้าง ทำเอาคนโดนสวนกลับถึงกับไปไม่เป็น
“พอได้แล้วป๊อป อายเค้า” พัชรเอ่ยปรามขึ้นมาทั้งที่หน้ายังแดงอยู่
“แล้วใครเริ่มก่อนล่ะพัชรหืม” ป๊อปแกล้งว่าให้แบบไม่จริงจังนัก ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ป๊อปนั่นแหละเริ่ม ล้อเค้าอ่ะ” พัชรว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่คนรัก ใบหน้าสวยหวานเริ่มบูดบึ้งงอง้ำจนป๊อปเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ
“งั้นเราขอโทษนะ”
อาหารที่สั่งไปเริ่มทะยอยนำมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ ทั้งสองต่างรับจานอาหารที่นำมาเสิร์ฟพร้อมกับกล่าวขอบคุณพนักงานเสิร์ฟ ก่อนเริ่มลงมือจัดการกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ สลับกับหันไปดูสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของแต่ละคนเป็นะระยะ ฝ่ายชายหนุ่มเริ่มทำหน้าที่คนรักด้วยการป้อนอาหารให้คนรักไปด้วย
“เป็นไงบ้างล่ะพัชร อร่อยไหม”
พัชรไม่ตอบอะไรเพราะยังเคี้ยวอยู่เต็มปากหลังจากลงมือละเลียดอาหารที่อยู่ตรงหน้า ได้แต่ส่งสายตาแสดงความรู้สึกออกมาเท่านั้น
นิ้วมือหนาของป๊อปเขี่ยไปบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของตัวเองไปเรื่อยๆ จนไปเจอภาพที่เพิ่งอัพล่าสุดจากไอจีของน้องสาว
“พัชร ดูอะไรนี่” ป๊อปออกปากเรียกแฟนสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารญี่ปุ่นตรงหน้า พร้อมหันหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือให้อีกฝ่ายดู
ใบหน้าสวยหวานเงยขึ้นทั้งที่สาหร่ายยังคาปากอยู่ก่อนรีบกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่สวยดูรูปที่ปรากฎบนหน้าจอสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวกับที่ตัวเองใช้อยู่อย่างประเมิน รอยยิ้มหวานผุดขึ้นมา
“น้องใบหม่อนสวยจังเลยอ่ะป๊อป” พัชรถึงกับอุทานออกมาเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ป๊อปรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจอยู่ไม่น้อยหลังจากได้ยินคำชมจากปากของคนรัก นึกดีใจแทนคนเป็นน้องสาว “วันนี้น้องเราสวยมากเลย เหมือนเจ้าหญิงเลยล่ะ” ปากหยักได้รูประบายยิ้มบางๆ เมื่อพูดถึงน้องสาวของตัวเอง
พัชรถือวิสาสะใช้นิ้วเรียวสวยเขี่ยหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูของคนรักตรงหน้า เลื่อนดูภาพในไอจีส่วนตัวของใบหม่อนที่กำลังทะยอยลงภาพชุดงานแต่งงานในวันนี้มาให้ชมเรื่อยๆ ยิ่งเห็นยิ่งเพิ่มความประทับใจในตัวน้องสะใภ้คนนี้อยู่ไม่น้อย ภาพของใบหม่อนในอิริยาบถต่างๆ ในงานผ่านดวงตาคู่สวยของหญิงสาวไปเรื่อยๆ และด้วยองค์ประกอบในภาพยิ่งขับเน้นให้เจ้าของไอจีตรงหน้าโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กำลังดูเพลินๆ ชายหนุ่มกลับชักสมาร์ทโฟนเครื่องหรูออกไปเสียเฉยๆ
“กินก่อนไหมพัชร ไหนบอกว่าหิวไง ฮิๆ” ป๊อปพูดไปกลั้วหัวเราะไป ก่อนลงมือจัดการอาหารตรงหน้าต่อ
พัชรทำหน้ามู่ทู่บ่งบอกอาการเซ็งอยู่ไม่น้อย กำลังดูรูปว่าที่น้องสะใภ้อยู่เพลินๆ กลับเอามือถือหนีออกไปเสียได้ เริ่มลงมือละเลียดอาหารญี่ปุ่นในจานตรงหน้า แต่ว่ามีช้อนจากฝั่งตรงข้ามตักอาหารในจานอีกใบที่อยู่ใกล้ๆ ยื่นเข้ามาด้วย
“กินเยอะๆ นะพัชร อร่อยนะ”
“ป๊อป พอก่อนไหม เค้าเริ่มจุกแล้วอ่ะ” เสียงหวานเอ่ยปรามขึ้นเมื่อคนตรงข้ามระดมตักอาหารมาให้แบบไม่ยั้งมือ ตอนนี้สาวเจ้าเริ่มกินไม่ทันแล้ว
ป๊อปแทบจะกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นท่าทีของคนรักที่เริ่มทำหน้าเหยเกเมื่อเห็นอาหารพูนจานของตัวเองตรงหน้า คิดจะเอาอกเอาใจคนรักสักหน่อยแต่กลับกลายเป็นว่า…
“ไม่ต้องขำเลยนะป๊อป” พัชรแหวใส่คนขี้เล่นตรงหน้า “เล่นตักมารัวๆ แบบนี้ใครจะกินทันล่ะหืม ประสาท” ไม่วายกัดแฟนหนุ่มไปอีกหนึ่งที
“ก็…” ป๊อปยังคงหัวเราะไม่หยุด “พัชรบอกเราเองว่าหิว เราก็กลัวว่าพัชรจะไม่อิ่มเลยตักให้น่ะ ฮิๆ”
มือเล็กเอื้อมมาทำท่าจะทุบคนขี้แกล้ง แต่ว่าคนขี้แกล้งคนนี้กลับเอี้ยวตัวหลบ จึงได้แต่ทำฮึดฮัดใส่ด้วยอาการโมโห ‘คนอะไร ขี้แกล้งได้ตลอดเวลาเลย ชิ’ พัชรต่อว่าคนรักในใจ
ป๊อปไม่พูดอะไรต่อนอกจากเหยียดยิ้มบางๆ อย่างผู้ชนะ ก่อนลงมือจัดการอาหารตรงหน้าต่อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝ่ายหญิงสาวสลัดอาการโมโหออกก่อนลงมือจัดการอาหารตรงหน้าต่อจนหมด กระทั่งเวลาผ่านไปราวๆ ชั่วโมง อาหารที่สั่งมาถูกจัดการจนหมดด้วยฝีมือของทั้งสอง...
หลังจากคนตัวใหญ่จ่ายเงินและรับเงินทอนเสร็จ ทั้งสองพากันเดินออกจากร้านไปเดินเล่นดูบรรยากาศในห้างต่อเป็นการย่อยอาหารและถือโอกาสช็อปปิ้งไปด้วยในตัว โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่คิดไว้แล้วว่าจะไปช็อปอะไรต่อ
ทั้งสองพากันลงบันใดเลื่อนลงมายังชั้นสามของห้าง ก่อนหญิงสาวจะจูงแขนคนรักลากไปที่ร้าน Uniqlo ที่อยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร ไม่กี่อึดใจทั้งสองพากันเดินมาถึงก่อนจะเริ่มเลือกดูเสื้อผ้าในโซนสุภาพสตรี กะว่าจะซื้อเสื้อใส่ทำงานสักตัวหนึ่ง ขณะที่ป๊อปไม่ได้คิดจะซื้ออะไรอยู่แล้ว จึงได้แต่เดินตามดูแฟนสาวเลือกเสื้อไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปไม่นานนัก เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกหยิบออกจากราวแขวนด้วยฝีมือของหญิงสาวก่อนเดินไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์
“พัชรไม่ต้อง เดี๋ยวเราจ่ายเอง” ป๊อปเริ่มแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการหยิบบัตรเดบิตออกมายื่นให้กับพนักงานแคชเชียร์ตัดหน้าแฟนสาว
ความรู้สึกของพัชรในตอนนี้ระคนระหว่างอาการดีใจกับอาการขุ่นเคืองที่แฟนหนุ่มชิงจ่ายเงินก่อน รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็แอบปลื้มใจที่แฟนหนุ่มลงมือควักเงินจ่ายค่าเสื้อให้
“เอาตัวเดียวเหรอพัชร”
“งืม พอแล้วอ่ะ เดี๋ยวป๊อปกลับไปรับน้องใบหม่อนไม่ทันเค้าไม่รู้น้า” เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไป
มือหนาใหญ่ข้างหนึ่งถือถุงพลาสติกที่บรรจุเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายไว้ ขณะที่มืออีกข้างยังคงกุมมือเล็กที่เต็มไปด้วยไออุ่นของคนรักพาเดินเล่นรอเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นทั้งสองแวะเข้าไปดูร้านรวงต่างๆ ตามรายทาง จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในกระเป๋ากางเกงชายหนุ่มดังขึ้น
มือหนาปล่อยมือเล็กของคนรักมาหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูหน้าจอ เห็นข้อความจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวปรากฎขึ้นบนหน้าจอ
@@Baimon@@ : หนูจะกลับแล้วนะพี่ป๊อป มารับหนูด้วย :
นิ้วมือหนาสไลด์ปลดล็อกหน้าจอก่อนพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
@@POPENGL@@ : จะกลับแล้วใช่ไหม รอแป๊ปนะ พี่พาพี่พัชรมาเดินเล่นเซ็นทรัล ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเจอกัน :
@@Baimon@@ : (ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์)
“น้องใบหม่อนไลน์ให้ไปรับแล้วเหรอป๊อป” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นมาเหมือนรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องไปรับว่าที่น้องสะใภ้แล้ว
“ใช่แล้วล่ะพัชร ไปเถอะ เดี๋ยวใบหม่อนรอนาน”
....................................................................
ทั้งสองพากันเดินกลับไปที่รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันเขื่อง นิ้วมือหนาของคนเป็นเจ้าของกดรีโมตปลดล็อกประตูทั้งสี่บานก่อนขึ้นประจำที่นั่งฝั่งคนขับพร้อมกับคนรักของเจ้าตัวที่ตอนนี้ขึ้นนั่งบนเบาะข้างคนขับ เสียงเครื่องยนต์ดีเซลดังกระหึ่มขึ้นหลังจากบิดกุญแจสตาร์ต ทำหน้าที่พาตัวถังใหญ่โตแล่นออกสู่ถนนใหญ่ตรงหน้าท่ามกลางการจราจรติดขัดจนเคลื่อนตัวได้ช้า มือหนาค่อยๆ สาวพวงมาลัยพารถแวนคู่ใจสอดแทรกตามช่องจราจรที่ว่างเข้าไปยังเลนขวาสุดได้ แต่ก็ต้องหยุดนิ่งสนิทเมื่อติดสัญญาณไฟแดงอยู่ตรงหน้า
นัยน์ตาสองชั้นหลบจ้องเขม็งไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นสัญญาณไฟแดงอันยาวนานจนไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว มือหนาทั้งสองข้างยิ่งกำพวงมาลัยแน่นขึ้น ในใจของเขาพะว้าพะวงกลัวว่าน้องสาวจะรอนาน
ไม่กี่อึดใจ สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เท้าขวาของชายหนุ่มกดคันเร่งสั่งให้ยานพาหนะคู่ใจเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เลี้ยวออกสู่ถนนเพชรบุรี ตรงไปยังแยกมิตรสัมพันธ์ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่ก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อติดสัญญาณไฟแดงอีกครั้งหนึ่ง
“จะไปทันไหมวะเนี่ย” ป๊อปเริ่มสบถออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด กว่าจะหลุดจากถนนวิทยุได้ก็ใช้เวลานานพอแล้ว ไหนจะต้องมาติดซ้ำที่แยกนี้อีก
“ป๊อปใจเย็นๆ น่า เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
อารมณ์ของชายหนุ่มเย็นลงแทบจะทันทีเมื่อได้ยินเสียงหวานของคนรักเอ่ยขึ้น แต่ความกังวลในใจของเขายังมีอยู่ กระทั่งสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมให้สัญญาณเลี้ยวขวาได้ มือหนาหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยนานา ที่คราวนี้การจราจรไหลลื่นเคลื่อนตัวได้ตลอดทาง ค่อยทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาได้ แต่ด้วยความใจร้อนของเขาทำให้เขารีบกดคันเร่งและหักพวงมาลัยปาดไปปาดมา หวังจะไปให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด
“ป๊อปค่อยๆ ขับนะ ไม่ต้องรีบ”
เมื่อได้ยินเสียงหวานน่าฟังที่เต็มไปด้วยความห่วงใย สติของชายหนุ่มเริ่มกลับมาอีกครั้ง เท้าขวาค่อยๆ ถอนคันเร่งจนความเร็วลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่พอมีช่องว่าง เขาหักพวงมาลัยพาให้ยานพาหนะคู่ใจแซงรถคันที่ขับนำหน้าไปอย่างช้าๆ จนถึงแยกข้างหน้ารอเลี้ยวขวาในเวลาไม่นานนัก
‘ใบหม่อนรอพี่ก่อนนะ พี่กำลังไป’
ณ ล็อบบี้โรงแรม The Okura Prestige
ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีน้ำตาลนั่งเล่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างรอพี่ชายมารับ หลังจากร่วมแสดงความยินดีในวันที่พี่รหัสที่เจ้าตัวสนิทด้วยสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเข้าพิธีแต่งงาน และได้เจอกับเพื่อนร่วมรุ่นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้สาวเจ้ามีอาการเมาอยู่ไม่น้อยหลังจากซัดไวน์ในงานไปพอสมควร เวลาผ่านไปได้สักพัก เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้นพร้อมกับข้อความจากคนที่เจ้าตัวกำลังรอถูกส่งมา
@@POPENGL@@ : ใบหม่อนอยู่ไหนแล้วตอนนี้ พี่มาถึงแล้วนะ รีบๆ ล่ะ เดี๋ยวยามจะไล่พี่เอา :
@@Baimon@@ : มาถึงแล้วใช่ไหมพี่ป๊อป เดี๋ยวหนูออกไปนะ :
ใบหม่อนรีบพาตัวเองลุกจากโซฟาตัวใหญ่ใจกลางล็อบบี้เดินผ่านประตูใหญ่ที่มีเจ้าหน้าที่รอเปิดประตูให้ออกมายังลานเทียบรถข้างหน้า เห็นรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันเดิมที่คุ้นเคยจอดอยู่พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของพี่ชายเจ้าตัวยืนประจำการรออยู่ที่ประตูตอนหลังพร้อมกับเปิดประตูให้
“<<ขึ้นรถก่อนนะใบหม่อน>>”
“<<จ้าพี่ป๊อป>>”
หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับคนที่ทำหน้าที่เปิดประตูให้ก่อนพาตัวเองก้าวขึ้นบันใดข้างและเขยิบตัวขึ้นนั่งบนเบาะ และด้วยอาการเมาเล็กๆ ของเจ้าตัวทำให้รู้สึกลำบากอยู่ไม่น้อย ทางด้านป๊อปรู้อยู่แล้วว่าสาวเจ้ามีอาการเมาอยู่ รีบยื่นมือเข้าไปประคองร่างระหงจนขึ้นนั่งเรียบร้อย
คนตัวใหญ่รีบพาตัวเองกลับไปประจำที่นั่งคนขับ มือหนาเอื้อมไปเลื่อนคันเกียร์พร้อมกับกดคันเร่งพาตัวถังหนักเกือบสองตันและบรรทุกผู้โดยสารรวมถึงตัวเขาด้วยเป็นสามชีวิตออกสู่ถนนวิทยุ มุ่งหน้าสู่ถนนพระรามที่ 4 ท่ามกลางการจราจรที่ค่อนข้างโล่งในยามดึกคืนนี้
ร่างสูงระหงของหญิงสาวค่อยๆ ทอดกายลงไปตามความยาวของเบาะนั่งแถวสองในอิริยาบถกึ่งนั่งกึ่งนอน อาการเมายังคงแล่นไปทั่วเรือนร่างของเจ้าตัวจนอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตืน มือเล็กยังคงรูดไปยังหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูอยู่ทั้งที่ดวงตากลมโตคู่สวยใกล้จะปิดแล้ว
“ป๊อป ที่จริงให้เค้าขับรถให้ก็ได้น้า ป๊อปจะได้พักด้วย เค้ากลัวป๊อปง่วงแล้วหลับในอ่ะ” พัชรถือโอกาสเสนอตัวขอขับรถให้ เมื่อเห็นว่าคนรักเริ่มมีอาการล้าหลังจากขับรถมาตลอดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำถึงตอนนี้
“ไม่เป็นไรหรอกพัชร” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสองชั้นหลบยังมองทางข้างหน้าอยู่ “เรายังขับไหวอยู่ พัชรไม่ต้องห่วงหรอก อีกอย่าง เดี๋ยวพัชรก็บ่นอีกว่ารถเราพวงมาลัยหนัก ขับที่ไรเมื่อยทุกที ฮิๆ”
ป๊อปถือโอกาสขุดความหลังขึ้นมาเล่า เพราะตั้งแต่เขาซื้อรถคันนี้มาด้วยเงินของตัวเองบวกกับเงินจากทางบ้าน เขาเคยให้แฟนสาวขับหลายครั้ง และมักจะลงเอยด้วยเสียงบ่นของอีกฝ่ายในที่สุด
คนโดนแฉถึงกับหน้าร้อนฉ่าวูบวาบทันทีที่ได้ยิน “ก็ได้ย่ะ ไม่ให้เค้าบ่นได้ไง ก็รถป๊อปพวงมาลัยหนักจริง สาวพวงมาลัยทีเมื่อยแขนจะตาย” พัชรว่าให้แบบไม่จริงจังก่อนหันกลับไปให้ความสนใจกับสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือต่อ แต่ไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าป๊อปขับไม่ไหวยังไงก็จอดให้เค้าเปลี่ยนไปขับให้ก็ได้นะ”
นัยน์ตาสองชั้นหลบยังคงจ้องมองทางข้างหน้าที่ค่อนข้างโล่ง เมื่อขึ้นทางด่วนตรงด่านเลยแยกสาทร-สุรศักดิ์ หลังจากจ่ายค่าทางด่วนเสร็จ เท้าขวาของเขากดคันเร่งสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลทำหน้าที่ฉุดลากตัวถังไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เหลือบมองน้องสาวที่ยังคงนอนเล่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูทั้งๆ ที่ตาจะปิดแหล่มิปิดแหล่ด้วยฤทธิ์เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ผ่านกระจกมองหลัง
“<<ใบหม่อนเมาเปล่าเนี่ย ไม่ใช่พรุ่งนี้พี่มานั่งเช็ดอ้วกให้เรานะ ขิๆๆ>>” ป๊อปเริ่มชวนน้องสาวคุย แต่ไม่ลืมที่จะหยอกเล่นตามปกตินิสัย
“<<หนูไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นซะหน่อย>>” ใบหม่อนย้อนให้เมื่อถูกพี่ชายแกล้งใส่ความ “<<หนูยังไหวน่าพี่ป๊อป>>”
“<<เอาน่า ถ้าง่วงก็หลับไปเลยนะใบหม่อน ถึงแล้วเดี๋ยวพี่เรียก>>”
“<<หนูจะนอนไม่หลับเพราะนั่งรถที่พี่ป๊อปขี่นี่แหละ>>” ใบหม่อนย้อนเสียงสะบัดใส่คนที่กำลังขับรถในตอนนี้ “<<เดี๋ยวเบรก เดี๋ยวปาดไปปาดมา เดี๋ยวกระตุกกระชาก หนูจะเมารถเพราะพี่ป๊อปนี่แหละ>>”
ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเครารกครึ้มคลี่ยิ้มขึ้นหลังจากถูกน้องสาวว่าให้ ยอมรับความจริงว่าตัวเองยังขับรถเร็วและชอบเปลี่ยนเลนบ่อย หลายครั้งที่เขาขับมุดไปมุดมาจนถูกเพื่อนร่วมทางบีบแตรต่อว่าบ้าง ยิงไฟสูงใส่บ้าง โดนตามไล่บี้เอาคืนอยู่หลายครั้ง หรือปาดหน้ามากะเบรกให้ชนบ้าง แต่ครั้งนี้คนที่เขารักมากที่สุดทั้งน้องสาวและคนรักของเขานั่งมาด้วย ถึงแม้ขามาเขาจะขับรถเร็วก็ตาม แต่ครั้งนี้เขาพยายามที่จะขับให้นิ่งที่สุดเพื่อให้คนที่เขารักทั้งสองถึงที่พักโดยปลอดภัย
“<<เอาน่าใบหม่อน ไม่ต้องกลัวพี่หรอก พี่ขับดีๆ แล้ว>>” ป๊อปตอบคนเป็นน้องสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบานิ่มนวล เหลือบมองคนนั่งเบาะหลังที่กำลังขมักเขม้นกับสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือทั้งๆ ที่ตาจะปิดอยู่แล้ว ก่อนละสายตากลับมามองทางข้างหน้าต่อ ขณะเดียวกัน หญิงสาวที่นั่งเบาะข้างคนขับเคียงข้างได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาชำเลืองมองคนรักที่เผลอหลับไปก่อนยิ้มกระตุกๆ ที่มุมปาก
“ไหนบอกจะช่วยเราขับรถไง ทำไมหลับไปซะล่ะ” เขาแกล้งพูดกับคนรักเบาๆ
ใบหม่อนเริ่มรู้สึกง่วงมากขึ้นด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่เจ้าตัวดื่มในงาน ร่างสูงระหงค่อยๆ ทอดลงไปบนเบาะรองนั่ง ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงเรื่อยๆ จนปิดสนิทในที่สุด ยังคงพ่นลมหายใจที่เจือด้วยกลิ่นไวน์สม่ำเสมอ มือเล็กยังคงกำสมาร์ทโฟนเครื่องหรูไว้แน่น
“ไปซะแล้ว น้องสาวหน้ากลมของพี่” ป๊อปพึมพำเบาๆ เมื่อไม่เห็นร่างสูงระหงอยู่ในท่านั่ง รู้เลยว่าตอนนี้หลับไปแล้ว
ป๊อปยังคงขับรถต่อไปถึงแม้จะเริ่มมีอาการง่วงเข้ามาบ้าง แต่ยังคงประคองสติให้ควบคุมรถไว้ได้เพื่อให้คนที่เขารักทั้งสองถึงที่หมายโดยรวดเร็วและปลอดภัยที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้...
....................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ