เจ้าหญิงของฉัน

-

เขียนโดย POPENGL

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.

  27 ตอน
  35 วิจารณ์
  11.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) Keep The Dream Alive

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
สองเดือนต่อมา
ใบหม่อนทาบคีย์การ์ดบนเซ็นเซอร์สั่งให้ประตูห้องปลดล็อกก่อนเอื้อมมือคว้าลูกบิดเปิดประตูเข้าไปข้างใน หันไปเรียกเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทที่วันนี้ชวนมาทำเอกสารด้วยกันถึงแม้วันนี้จะเสร็จสิ้นภารกิจเรื่องโอนย้ายแล้วก็ตาม แต่ยังมีเรื่องหนังสือส่งตัวที่ต้องหอบมาทำต่ออีก
“เข้ามาก่อนสิคะพี่บี้”
สองสาวต่างวัยพากันเดินเข้าไปข้างในห้อง ต่างคนต่างก้มลงถอดรองเท้าวางบนชั้นให้เรียบร้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมา เห็นร่างใหญ่ของเจ้าของห้องนั่งเค้เก้จ้องหน้าจอคอมพ์ลากเมาส์ปากกาไปบนแป้นซึ่งเป็นภาพที่คุ้นตาไปแล้ว
ใบหม่อนหันไปยิ้มร้ายให้กับเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทที่ยิ้มตอบกลับมาอย่างรู้กันก่อนค่อยๆ ย่องไปหาคนบ้างานอย่างเงียบเชียบ ร่างสูงระหงหยุดประเมินอยู่สักพักว่าจะแกล้งพี่ชายด้วยวิธีอะไร ปนกับอารมณ์น้อยใจที่ขนาดตัวเองเข้ามาในห้องแล้วยังไม่แม้แต่จะหันมามอง สุดท้ายแล้ว นิ้วเรียวเล็กกับเล็บที่ถูกไว้จนยาวฉาบทาด้วยสีทาเล็บประดับกากเพชรสีสันสดใสเอื้อมไปสะกิดไหล่ข้างซ้ายเบาๆ เท่านั้น
คนตัวใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโดนสะกิดด้วยวัตถุอะไรบางอย่าง สมาธิในการทำงานหายหมด ใบหน้าคร้ามหันกลับมาหาต้นเหตุที่ทำให้เขาหลุดจากสมาธิในการทำงาน
“<<อ้าวใบหม่อนเองเหรอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย>>”
“<<คริๆ พี่ป๊อปแต๋วแตกเลยเหรอ>>” เสียงใสปนหัวเราะย้อนกลับมา ยิ่งเห็นสีหน้าของพี่ชายในตอนนี้ยิ่งขำมากกว่าเดิม
ป๊อปใช้วิธีเดียวกับคนเป็นน้องสาวเวลาเบี่ยงประเด็นด้วยการมองข้ามไปเฉยๆ หันไปยกมือไหว้แขกผู้มาเยือนตามมารยาทพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ
“อ้าวพี่บี้สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้าอีป๊อป” คนมีอายุมากกว่ารับไหว้พี่ชายของน้องสาวคนสนิท ก่อนเดินหลีกไปนั่งที่โซฟาเหมือนจะรอดูพี่น้องคู่นี้เคลียร์กัน
“<<มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยนะใบหม่อน พี่กำลังเก็บงานอยู่เนี่ย>>” คนตัวใหญ่หันไปบ่นให้กับน้องสาวที่ตอนนี้เริ่มเป็นขี้แกล้งไม่ต่างไปจากตัวเองแล้วในตอนนี้
“<<ก็พี่ป๊อปเอาแต่บ้างานไม่สนใจน้องสนใจนุ่งเลยนี่นา>>”
ใบหม่อนเปลี่ยนเข้าสู่โหมดอ้อนอย่างรวดเร็ว มือเรียวเล็กทั้งสองข้างคว้าแขนของคนเป็นพี่ชายพลางซบใบหน้าสวยหวานลงบนท่อนแขน ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองใบหน้าคร้ามที่กำลังคลี่ยิ้มออกมาด้วยสายตาเว้าวอนเรียกร้องความสนใจ แล้วก็ได้ผลเมื่อคนโดนอ้อนยอมใจอ่อนลงอย่างง่ายดาย
ทางด้านผู้มาเยือนได้แต่เบะปากมองบนอย่างหมั่นไส้ในมารยาของรุ่นน้องคนสนิทที่เอาคนเป็นพี่ชายไว้ได้อย่างอยู่หมัด
‘แหมร้ายนะยะอินังใบหม่อน’
“<<อืมๆ พี่ขอโทษนะคะใบหม่อน วันนี้พี่จะปิดโปรเจกต์น่ะ เออีเร่งพี่ใหญ่เลยให้เสร็จภายในเที่ยงคืนนี้น่ะ>>” เสียงเข้มโทนนุ่มนวลเอ่ยอย่างแผ่วเบา พลางโอบแผ่นหลังบางก่อนเลื่อนมือขึ้นมาจับผมยาวสลวยที่ถูกรวบหางม้ายกสูงรัดด้วยโบสีขาวโยกไปมาเชิงหยอกล้อ “<<เสร็จโปรเจกต์นี้พี่ก็ว่างแล้วล่ะค่ะ แต่นี่พี่เครียดมากเลย โดนกดดันหนักเลยเนี่ย>>”
จากตอนแรกใบหม่อนกะใช้มารยาส่วนตัวอ้อนคนเป็นพี่ชายต่อ แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลแล้วกลับต้องเป็นฝ่ายใจอ่อนเสียเอง ค่อยๆ ถอนศีรษะตัวเองออกจากท่อนแขนใหญ่ที่อบอุ่นทุกครั้งเวลาที่ได้ซบออกมามองหน้าของคนเป็นพี่ชายให้เต็มตา กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มหวานเชิงให้กำลังใจ
“<<ไม่เป็นไรน้าพี่ชาย เดี๋ยวคืนนี้ก็เสร็จแล้ว>>” เสียงใสเว้นหายใจสักพัก “<<พี่ป๊อป หนูมีอะไรจะบอก>>”
หญิงสาวจงใจหยุดคำสนทนาไว้เพียงเท่านี้ ทิ้งช่วงรออีกฝ่ายออกปากถามอย่างใจจดใจจ่อ
“<<ทำไมเหรอใบหม่อน>>”
“<<หนูทำเรื่องย้ายแล้วน้าพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนมีท่าทางร่าเริงขึ้นมาทันทีเมื่อได้พูดถึงเรื่องนี้
“<<เฮ้ย จริงเหรอ ว่าแต่ย้ายไปไหนล่ะใบหม่อน>>” ป๊อปอดที่จะดีใจตามไปด้วยไม่ได้เมื่อได้ยินคำตอบของน้องสาว ต่อมความอยากรู้เริ่มทำงานแล้วว่าอีกฝ่ายจะได้ย้ายไปที่ไหน แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ...
“<<ไม่บอก ไม่บอก แบร่...>>”
ใบหม่อนส่ายศีรษะสวยไปมาพร้อมกับโยกตัวไปมาก่อนแลบลิ้นหลอกใส่ กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ตัวเลยว่ากิริยาท่าทางเมื่อสักครู่นั้นถูกเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทเก็บภาพและเผยแพร่ลงกลุ่มในแอพพลิเคชั่นสีเขียวไปแล้ว...
‘คราวนี้แกดังแน่อินังใบหม่อน’ บี้ทำเบะปากส่งสายตามุ่งร้ายไปหารุ่นน้องคนสนิท ยิ่งช็อตที่เก็บได้เป็นจังหวะสาวเจ้ากำลังแลบลิ้นพอดี
“<<เออๆ ไม่บอกก็ไม่บอก นี่พี่นี่เชื้อตัวเองนะเว้ยยังไม่บอกกันเลย ฮื้ม>>” แกล้งว่าให้ไปงั้น รู้นิสัยของอีกฝ่ายดีว่าถ้าไม่บอกเรื่องอะไรแล้วก็ไม่สมควรไปเซ้าซี้อีก
“<<งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนน้า เดี๋ยววันนี้กินกับข้าวฝีมือพี่บี้กัน อ้อ เดี๋ยวหนูขอใช้คอมพ์พี่ป๊อปด้วย>>”
“<<ได้เลยๆ>>”
ร่างสูงระหงเดินจากไปอย่างอารมณ์ดีหลังจากใช้เวลาโต้เถียงกับคนเป็นพี่ชายอยู่สักพัก ไม่ได้เดินจากไปแค่ตัวคนเดียวเมื่อหนีบเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทกลับเข้าห้องไปด้วยกัน
ป๊อปยืนอมยิ้มมองตามร่างระหงของทั้งสองจนลับตาไป หันกลับมาที่ไอแม็คคู่ใจลงมือทำงานต่อระหว่างรอ แต่ตอนนี้ต้องเร่งมือเก็บงานส่วนที่ค้างอยู่ให้เสร็จทันเวลาก่อนที่สองสาวจะออกมาขอใช้คอมพ์ทำงานต่อ มือซ้ายเร่งมือลากเมาส์ปากกาถูไปบนแป้นอย่างรวดเร็วเก็บงานรีทัชรูปตรงหน้า มือขวากดคำสั่งเปลี่ยนฟิลเตอร์และเซฟงานบนแป้นคีย์บอร์ดไปเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน
“นี่นังใบหม่อน แกคิดอะไรของแกถึงไม่บอกอีป๊อปเขาล่ะว่าย้ายไปไหน”
บี้ออกปากถามรุ่นน้องคนสนิทที่ตอนนี้กำลังทาครีมบำรุงผิวอยู่หน้าโต๊ะกระจกตรงหัวเตียง หลังจากเก็บความสงสัยไว้ในใจเพราะถูกอีกฝ่ายพาดึงไปเรื่องเอกสารส่งตัวที่กำลังจะทำต่อในคืนนี้
ใบหม่อนละสายตาจากหน้ากระจกหันไปหารุ่นพี่ที่อายุห่างกันถึงสิบห้าปีพลางกลอกตามองบนทำสีหน้าครุ่นคิด ปากอวบอิ่มค่อยๆ ยิ้มขึ้นพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์
“ก็หนูอยากจะเซอร์ไพรส์พี่ชายของหนูนี่นา ให้ไปรู้ในวันที่หนูย้ายไงล่ะคะพี่บี้”
สีหน้าเจ้าเล่ห์เมื่อสักครู่ถูกปรับเปลี่ยนกลับมาสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง น้ำเสียงใสเริ่มหม่นหมองลงกว่าตอนแรก  
“ถ้าหนูย้ายไปสุพรรณฯ หนูก็ได้กลับไปอยู่บ้าน อยู่กับแม่คุณ อยู่กับพ่อแม่เหมือนเดิมแหละ แต่ว่าถ้าหนูกลับบ้าน ใครจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ป๊อปล่ะคะพี่บี้ หนูเลยย้ายไปกรมชลฯ ที่ปากเกร็ดนี่แหละ หนูจะได้ไม่ต้องห่างพี่ป๊อปด้วยไงล่ะ”
บี้พยักหน้ารับฟังอย่างเข้าใจความรู้สึกของรุ่นน้องคนสนิทคนนี้ รับรู้ตั้งแต่วันแรกที่มายังห้องนี้แล้วว่ารุ่นน้องคนนี้ติดพี่ชายมากขนาดไหน
“เออ ฉันรู้ว่าแกคิดยังไงถึงย้ายไปกรมชลฯ แกก็มีคอนเนคชั่นอยู่ที่นั่นแล้วไม่ใช่เหรอไง”
“ใช่แล้วจ้ะพี่บี้” เสียงใสเว้นเล็กน้อยพอให้หายใจหายคอได้ “ที่กรมชลฯ เขาล็อกตำแหน่งไว้ให้หนูด้วย เหลือแต่หนังสือส่งตัวจากที่นี่แหละพี่บี้ เนี่ยหนูเลยชวนพี่มาทำด้วยไงเผื่อได้ย้ายไปพร้อมกัน”
ร่างระหงลุกจากโต๊ะกระจกเดินมายังเตียงใหญ่กลางห้องที่รุ่นพี่คนสนิทนั่งอยู่ โน้มตัวโผเข้ากอดร่างบางที่เหี่ยวย่นไปตามวัยแต่ยังคงความสวยไว้ครบถ้วนอย่างกับแมวประจบเจ้าของ
บี้กอดตอบทันทีแบบไม่ลังเล ไม่ลืมที่จะออกปากแซะตามปกตินิสัย “จ้าน้องรัก แหวะ หมั่นไส้คนติดพี่ชายจังเลย แถมพี่ชายยังติสต์ยังบ้าๆ บอๆ อีก ถ้าฉันเป็นแกนะฉันทิ้งอีป๊อปไปแล้ว”
ไม่ได้แซะแค่รุ่นน้องคนสนิทเท่านั้น ยังลามไปถึงบุคคลที่สามที่กำลังนั่งทำงานอยู่ด้านนอกอีก แต่แล้วมือเล็กของคนที่โอบกอดสะกิดเข้าที่แผ่นหลังบางให้
“พี่บี้อย่าไปว่าพี่ป๊อปสิ หนูก็รักพี่ชายของหนูเหมือนกันน้า”
“จ้า” บี้แกล้งลากเสียงสะบัดอย่างหมั่นไส้ “แล้วนี่จะออกไปได้ยัง ฉันรอไม่ไหวแล้วนะยะที่จะอวดฝีมือทำกับข้าวให้น้องฉันกิน ไม่สิ ทำให้พี่ชายของน้องฉันกินด้วย เดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจขึ้นมาก็อดนะยะ”
สิ้นเสียงแหลมชวนแสบแก้วหูของผู้อาวุโส ทั้งสองสาวพากันลุกเดินกลับออกไปข้างนอกห้องอีกครั้งหลังจากนั่งพูดคุยกันอยู่นาน
...................................................................................
ผัดยอดแขนงหมูกรอบ ไก่คั่วเกลือฝีมือแขกผู้มาเยือนถูกเสิร์ฟพร้อมกับแกงจืดเต้าหู้หมูสาหร่ายที่น้องสาวเจ้าของห้องซื้อติดมือมาระหว่างทางกลับบ้าน ตามด้วยข้าวสวยร้อนๆ ทั้งสามจานถูกจัดวางไว้ตามตำแหน่งด้วยฝีมือของทั้งสองสาว เหลือแต่เรียกให้คนเป็นเจ้าของห้องมากินด้วยเท่านั้น
“<<พี่ป๊อปขา มากินข้าวได้แล้วน้า>>”
คนตัวใหญ่ที่กำลังหมกมุ่นกับงานผุดลุกขึ้นราวต้องมนต์สะกดเมื่อได้ยินเสียงใสน่าฟังของคนเป็นน้องสาวเรียก เดินมานั่งประจำที่เคียงข้างเจ้าของเสียงใสเมื่อสักครู่ ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ของแขกผู้มาเยือนที่รับหน้าที่แม่ครัวในมื้อนี้
ต่างคนต่างเริ่มลงมือละเลียดอาหารมื้อเย็นในจานของตัวเองไป กับบทสนทนาระหว่างทั้งสองสาวต่างวัยช่วยสร้างบรรยากาศไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป กับประเด็นที่มีแต่เรื่องงาน เรื่องโอนย้ายและเรื่องวางแผนชีวิตในอนาคตของทั้งสองที่ต้องเติบโตตามวิถีการเป็นข้าราชการในวันข้างหน้า
ชายหนุ่มได้แต่นั่งฟังไปกินข้าวไป ในสมองเริ่มประมวลผลตามบทนสนทนาของทั้งคู่ไปเรื่อยๆ นึกย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วเริ่มรู้สึกละอายใจ เมื่อน้องสาวของเขาเป็นถึงข้าราชการถึงแม้ตอนนี้จะเพิ่งบรรจุก็ตาม แต่ยังมีอนาคตที่มั่นคงกว่าและมีโอกาสเติบโต ผิดกับตัวเองที่เป็นเพียงแค่ฟรีแลนซ์ที่หาความมั่นคงในชีวิตไม่ได้เลย ถ้าไม่มีงานก็คือคนว่างงานดีๆ นี่เอง
“นี่อีป๊อป แล้วแกไม่คิดจะสอบอะไรกับเขาบ้างเหรอ ไม่อายน้องแกบ้างเหรอไงเนี่ยหืม” บี้เริ่มหันมาถามคนตัวใหญ่ด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง
ได้ยินคำถามนี้เข้าไปแล้วทำเอาคนตัวใหญ่ถึงกับพูดไม่ออก เริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ท่าทางอึกอักพร้อมกับใบหน้าคร้ามที่เริ่มทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกผสมกับความรู้สึกละอายใจตัวเองยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ใบหม่อนถลึงตาใส่รุ่นพี่คนสนิทเป็นเชิงปรามเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองแสดงความรู้สึกทางสีหน้าให้เห็น
“พี่บี้อย่าไปถามพี่ป๊อปแบบนี้สิ”
แต่เหมือนกับว่าผู้อาวุโสจะไม่ยอมง่ายๆ เพราะความหมั่นไส้ส่วนตัวด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกใจหนึ่งรู้สึกเอ็นดูห่วงใยพี่ชายของรุ่นน้องคนสนิทคนนี้มากกว่านับตั้งแต่คุ้นเคยกันมากขึ้นกว่าวันแรกที่เจอกัน
“อิป๊อป แกก็โตมากแล้วนะ อายุก็เข้าเลขสามแล้ว ต้องเป็นหลักเป็นฐานมั่นคงได้แล้วนะ แล้วแกจะมาทำงานฟรีแลนซ์แบบนี้ได้ตลอดไปเหรอ พี่ขอให้แกคิดให้ดีก่อนนะ”
น้ำเสียงแผดแหลมสูงเอ่ยอย่างนิ่มนวลลงกว่าตอนแรก มองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่เปลือกตาเริ่มหย่อนคล้อยเหี่ยวย่นไปตามวัยที่ส่งสายตาแฝงความอบอุ่นมาให้คนตัวใหญ่ได้รับรู้
ความรู้สึกอึดอัดในตอนแรกค่อยๆ ลดลง เริ่มมีอาการผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้เห็นสายตาจากผู้อาวุโสตรงหน้า หันไปมองหน้าของคนที่นั่งอยู่เคียงข้างพลางส่งสายตาเชิงขอกำลังใจ เห็นรอยยิ้มน้อยๆ เผยให้เห็นฟันเหล็กภายใต้กลีบปากอิ่มสวยได้รูป ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายสดใสราวกับจะบอกให้เขาไม่ต้องคิดมากในเรื่องนี้
ใบหน้าคร้ามหันกลับไปหาใบหน้าสวยหวานที่หย่อนคล้อยตามวัยอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าที่ผ่อนคลายลงกว่าเดิม
“ผมเคยสอบไปแล้วไงพี่ ตั้งสามครั้งแน่ะแต่สุดท้ายก็ไม่รอดครับ ฮิๆ” เสียงเข้มเว้นหัวเราะเล็กน้อย “ผมก็แบบอืม ท้อเลยน่ะพี่ ตัวเองก็จบกราฟิกดีไซน์มาก็เลยไปทำงานประจำก่อน อยู่ๆ ไปมันก็เบื่อครับเลยลาออกมาจับงานฟรีแลนซ์แบบนี้แหละ ผมกลายเป็นไม่ชอบงานประจำที่ต้องเข้างานเป็นเวลาไปแล้วน่ะพี่”
บี้พยักหน้ารับฟังชายหนุ่มรุ่นน้องตามมารยาท พยายามเปิดใจให้กว้าง ทำความเข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมา
“ฉันเข้าใจแกอิป๊อป ฉันก็เคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน แต่แกอย่าลืมนะว่าอายุแกเยอะขึ้นทุกวัน แล้วแกจะมั่นใจได้ไงว่างานฟรีแลนซ์จะเลี้ยงตัวแกเอง เลี้ยงครอบครัวของแก เลี้ยงน้องแกแฟนแกได้ตลอด อายุขนาดแกต้องมีความมั่นคงได้แล้วนะ”
“ผมก็คิดอยู่เหมือนกันครับพี่บี้ แต่ตอนนี้ผมยอมรับเลยว่าผมยังสนุกกับงานฟรีแลนซ์แบบนี้อยู่ อีกอย่างคือผมไม่ใช่คนเก่งอะไรมาก ไม่มีความเป็นมัลติทาสก์แบบใบหม่อนหรือแบบพี่เลย ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันไม่รอดเลยครับ เดี๋ยวนี้ข้าราชการต้องมัลติทาสก์ถึงจะไปรอดไม่ใช่เหรอพี่”
ใบหม่อนพยักหน้าตามคำพูดของพี่ชายด้วยสีหน้าแสดงออกถึงความเข้าใจ เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าพี่ชายคนนี้ทำงานแทบไม่เก่งเลย และทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้ ตรงข้ามกับตัวเองที่ทำทุกอย่างเป็นหมดทุกงานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“มันไม่ใช่ประเด็นเปล่าวะแกไอ้เรื่องมัลติทาสก์น่ะ ประเด็นคือ แกกล้าที่จะที่กลับไปเผชิญหน้ากับการสอบ ภาค ก. ให้ได้รึเปล่า แกกล้าที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับงานประจำรึเปล่า เชื่อพี่นะอิป๊อป แกทำได้ แกได้บรรจุเป็นข้าราชการได้แน่ถ้าแกมีความมุ่งมั่น น้องแกก็ทำให้แกเห็นแล้วนี่ เนี่ยมีน้องเป็นข้าราชการ ก็ให้น้องแกติวไปสิ แกก็เปิดใจหน่อย อ่านหนังสือสอบ พยายามหาสอบหน่อยสิ ไม่งั้นแกก็จะจมอยู่กับงานที่ไม่มีความมั่นคงแบบนี้ไปเรื่อยๆ มองไม่เห็นอนาคตแบบนี้ ฉันถามจริงเถอะ แกอยู่ได้เหรอ”
บรรยากาศเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้งหนึ่งเมื่อบี้เริ่มเทศนาพี่ชายของรุ่นน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้นถึงแม้จะพยายามปรับน้ำเสียงให้ซอฟต์ลงแล้วก็ตาม
“พี่บี้พอก่อนดีไหมอ่ะ มันเครียดจนกินข้าวไม่อร่อยแล้วน้า”
เหมือนระฆังช่วยชีวิตชายหนุ่มเมื่อเสียงใสของคนนั่งเคียงข้างเอ่ยขึ้นตัดบทสนทนาขึ้นมา บรรยากาศในโต๊ะอาหารกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากอยู่ในโหมดจริงจังอยู่นาน และหัวข้อสนทนาใหม่เริ่มขึ้นจากแขกผู้มาเยือนคนเดิมกับเรื่องตลกที่พบเจอในที่ทำงานบ้างหรือเรื่องประสบการณ์จากชีวิตส่วนตัวบ้าง เรียกเสียงหัวเราะจากสองพี่น้องเจ้าของห้องได้ตลอดเวลาจนรู้สึกเจริญอาหารตามไปด้วย
“<<พี่ป๊อป เดี๋ยวหนูช่วยพี่ล้างจานด้วยนะ>>” เสียงใสเอ่ยกับคนเป็นพี่ชายระหว่างเคลียร์โต๊ะกินข้าวด้วยกัน
“<<ฮื้ม ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวพี่ล้างให้ เดี๋ยวเราต้องทำเอกสารสำคัญกับพี่บี้ไม่ใช่เหรอ>>” ป๊อปบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะทำงานประจำตัวที่ตอนนี้แขกรับเชิญนั่งเตรียมงานอยู่
“<<นะๆๆ พี่ป๊อป ช่วยกันล้างนะจะได้เสร็จ หนูจะได้รีบทำงานให้เสร็จไง พี่ป๊อปมีทำงานต่อไม่ใช่เหรอ>>”
สุดท้ายป๊อปก็ต้องยอมเมื่อเห็นดวงตากลมโตเปล่งประกายอ้อนวอนกับสีหน้ามู่ทู่ของหญิงสาว ยังไงเขาไม่มีทางเอาชนะน้องสาวสุดที่รักคนนี้ได้อยู่แล้ว
สองพี่น้องช่วยกันล้างจานที่มีจำนวนมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาเพียงหนึ่งใบจนเสร็จในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก แล้วก็เป็นหน้าที่ของคนตัวใหญ่ที่เป็นคนเก็บจานเรียงคืนชั้นเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดอยู่ในสายตาของแขกผู้มาเยือนตลอด เมื่อทั้งสองแยกย้ายกันแล้ว...
“แหมหมั่นไส้พี่น้องคู่นี้จริงๆ เลย” บี้ออกปากแซวน้องสาวคนสนิทที่ลากเก้าอี้จากโต๊ะกินข้าวมานั่งด้วย
ใบหม่อนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่รุ่นพี่คนสนิทพูด กลับออกคำสั่งในฐานะเจ้าของห้องกับอีกฝ่าย “พี่บี้นั่งเก้าอี้นี่ เดี๋ยวหนูนั่งเก้าอี้พี่ป๊อป ทำงานกันจ้าพี่บี้”
บี้ยอมลุกออกจากเก้าอี้สำนักงานตัวใหญ่แต่โดยดีเมื่อถูกขอร้องถึงขนาดนี้ ขณะเดียวกันใบหม่อนหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่พลางเอื้อมมือลงไปโยกคันโยกปรับเก้าอี้ให้ต่ำลงเพราะพี่ชายปรับไว้สูงเหลือเกินจนพิมพ์งานแทบไม่ถนัด ทั้งสองสาวเริ่มลงมือทำงานที่เตรียมไว้โดยเฉพาะหนังสือส่งตัวที่ต้องหอบกลับมาพิมพ์เอง
ป๊อปหันไปชำเลืองมองสองสาวที่กำลังพิมพ์งานตรงหน้าผ่านไอแม็คคู่ใจของตัวเองอย่างขะมักเขม้น เริ่มรู้สึกเกรงใจแขกผู้มาเยือนถึงแม้จะคุ้นเคยมากกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วก็ตาม ร่างสูงใหญ่ลุกจากโซฟากำลังจะหันกลับไปที่ห้องตัวเอง แต่ว่า...
“<<อะแฮ่ม! พี่ป๊อปจะไปไหน>>”
คนตัวใหญ่หยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงใสแต่แฝงไปด้วยมนต์สะกด ใบหน้าคร้ามหันกลับไปทางโต๊ะทำงานตัวเอง เห็นน้องสาวสุดที่รักจ้องเขม็งมาที่ตัวเขา ดวงตากลมโตคู่สวยเปล่งประกายอ้อนส่งมาให้เขารับรู้
“<<อ๋อ พี่ไปเอาแม็คบุ๊คในห้องน่ะ>>” ป๊อปตอบไปตามความจริงเพียงครึ่งเดียว พยายามเสมองไปทางอื่นเพราะขืนหันไปมองหน้าน้องสาวตรงๆ เขาต้องยอมใจอ่อนให้กับอีกฝ่ายแน่ๆ
“<<เข้าไปเอาได้ แต่พี่ป๊อปต้องมาอยู่เป็นเพื่อนหนูนะไม่ใช่หนีเข้าไปอยู่ในห้อง เข้าใจไหม>>”
เสียงใสเอ่ยย้ำพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนจนทำให้คนเป็นพี่ชายต้องยอมแพ้ ขณะที่ผู้มาเยือนที่มีอายุมากกว่าทั้งสองย้ำคำพูดของหญิงสาวขึ้นมาอีก
“อิป๊อป อย่าทิ้งกันดิ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน ให้ฉันคุยกับอินังใบหม่อนคนเดียวมันก็เบื่อเหมือนกันนะ เจอกันแทบจะทุกวันจนจะเบื่อหน้าแย่แล้วเนี่ย ให้ฉันได้ด่าได้ว่าแกบ้างจะได้ไม่เบื่อ”
สีหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ออกอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้งเมื่อถูกขอร้องกันถึงขนาดนี้ รีบเดินกลับไปในห้องนอนตัวเองคว้าแม็คบุ๊คพร้อมสายชาร์จก่อนเดินกลับออกมาอีกครั้ง ยึดพื้นที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟาตัวใหญ่เป็นโต๊ะทำงานชั่วคราว หันไปชำเลืองมองน้องสาวกับแขกพิเศษที่กำลังทำงานไปเมาท์มอยเสียงเจี๊ยวจ๊าวตามประสาผู้หญิงไป นึกขึ้นได้ว่าลืมถอดเมาส์ปากกาจากไอแม็คที่โต๊ะทำงาน
คนตัวใหญ่เดินไปที่โต๊ะทำงานแทรกกลางระหว่างสองสาวไปแบบดื้อๆ ท่ามกลางสายตางุนงงที่หันมามองอย่างพร้อมเพรียง
“<<มีอิหยังพี่ป๊อปเดินมาแทรกหนูเนี่ย>>”
“<<ก็มาเอาเมาส์น่ะสิ ไม่งั้นพี่ทำงานไม่ได้เลยนะ>>”
ป๊อปเลิกคิ้วขึ้นก่อนให้คำตอบ พลางก้มลงไปคว้าแป้นเมาส์พร้อมกับถอดสายต่อออกมา ก่อนไปไม่ลืมที่จะหันมาเล่นกับคนถามอีกครั้งด้วยการเอื้อมมือไปจับผมยาวสลวยที่ถูกเกล้าจุกเหนือศีรษะโยกไปมา
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป ไปทำงานไป๊>>” เสียงใสออกปากไล่พลางแกะมือคนเป็นพี่ชายออก ดวงตากลมโตถลึงตาดุใส่อย่างขัดใจ
“นี่อิป๊อป แกชอบเล่นผมอินังใบหม่อนเหรอไง” บี้อดเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ถึงแม้จะเห็นอยู่บ่อยๆ แล้วก็ตาม
“ฮิๆ ปกติผมหยอกน้องผมแบบนี้อยู่แล้วครับ” ป๊อปตอบไปกลั้วหัวเราะไปเบาๆ “ตั้งแต่เด็กๆ แล้วพี่ ใบหม่อนไว้ผมยาวมาตลอดจนผมนึกหน้าน้องตอนไว้ผมสั้นไม่ออกแล้วล่ะ แล้วน้องเขาชอบมัดจุกไง ผมเห็นก็แบบเอ่อ น่าจับดึงเล่นโยกเล่นน่ะพี่”
“ดูสิพี่บี้ หนูมัดจุกทีไรพี่ป๊อปชอบมาดึงผมหนูเล่นตลอดเลย” ใบหม่อนเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดกับรุ่นพี่คนสนิท ถือโอกาสฟ้องไปด้วยเลย
“หมั่นไส้พี่น้องคู่นี้จริงๆ เล้ย เล่นกันแกล้งกันตลอด นี่ทะเลาะกันแทบจะทุกวันเลยสิเนี่ยหืม” แทนที่คนกลางจะต่อว่าคนเป็นพี่ กลับหล่นความเห็นของตัวเองออกมาเสียอย่างนั้น
ป๊อปหันไปชำเลืองมองน้องสาวที่ส่งสายตาเชิงปรามมาให้ราวกับจะบอกให้เขาไม่ต้องพูดอะไร ตอนนี้เขาทำได้แต่ยิ้มและสงบปากสงบคำเท่านั้น เพราะรู้ว่าถ้าเผลอพูดแล้วจะโดนอีกฝ่ายเล่นงานแน่นอน
“ช่างเหอะพี่บี้ หนูกับพี่ป๊อปก็อยู่กันแบบนี้แหละ ทำงานกันเถอะเดี๋ยวเสร็จไม่ทันส่งพรุ่งนี้หนูไม่รู้ด้วยน้า”
สุดท้ายเป็นใบหม่อนที่หาทางลงได้สำเร็จเพราะรู้นิสัยรุ่นพี่คนนี้ดี  ทางด้านบี้เจอไม้นี้เข้าไปก็ต้องยอมจบแต่โดยดีเพราะขืนดึงไปมากกว่านี้รังแต่จะทำให้เสียเวลาทำงานเปล่าๆ และกลัวจะผิดใจกับรุ่นน้องคนสนิทคนนี้ด้วย
คนตัวใหญ่ถือโอกาสปลีกตัวกลับมานั่งกับพื้นหน้าโต๊ะกระจกที่ใช้เป็นโต๊ะทำงานชั่วคราวอีกครั้ง ใช้เบาะรองนั่งโซฟาเป็นที่รองหลัง นิ้วมือหนากดเปิดแม็คบุ๊คคู่ใจก่อนโหลดงานที่ทำค้างไว้ขึ้นมาทำต่อ และด้วยหน้าจอที่มีขนาดเล็กกว่าไอแม็คที่ถูกยึดไปโดยน้องสาวสุดที่รักทำให้เข้าต้องเพ่งสายตาในการทำงานมากกว่าเดิม มือซ้ายยังจับเมาส์ปากกาลากถูไปบนแป้นออกคำสั่งให้รีทัชรูปในหน้าจอไปเรื่อยๆ มือขวากดคำสั่งบนแป้นพิมพ์เซฟงานสลับกับเปลี่ยนเครื่องมือรีทัชไปตามสเต็ปของงาน นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงเพ่งไปที่หน้าจอสลับกับหันไปอ่านบรีฟงานบนหน้าจอสมาร์ทโฟนสีดำที่วางอยู่ด้านข้าง
สองสาวยังคงทำงานไปคุยไป แต่ครั้งนี้ใบหม่อนไม่ได้เอาแม็คบุ๊คส่วนตัวมาให้รุ่นพี่คนสนิทยืมใช้เพราะกะว่าจะให้อีกฝ่ายใช้ไอแม็คคู่ใจของพี่ชายต่อเลยหลังจากตัวเองทำงานเสร็จ ดวงตากลมโตคู่สวยกวาดไปรอบๆ หน้าจอตรวจเช็ครายละเอียดหนังสือตรงหน้าว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่พลางชำเลืองมองหน้าจอสมาร์ทโฟนคู่ใจที่กำลังเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียว อ่านแชตในกลุ่มข้าราชการใหม่ที่กำลังทำเรื่องย้ายอยู่ว่ามีอะไรเคลื่อนไหวบ้าง
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
“พี่บี้มาทำต่อเลย จะได้เสร็จๆ”
เสียงใสหันไปบอกรุ่นพี่คนสนิทพร้อมกับพาตัวเองลุกจากเก้าอี้ทำงานตัวเขื่อง หลีกให้ร่างระหงที่มีรูปร่างเตี้ยกว่าตัวเองเข้าประจำที่แทน ย้ายตัวเองไปนั่งเก้าอี้ที่ยกมาจากโต๊ะกินข้าวนั่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทไปเล่นสมาร์ทโฟนไประหว่างรอ
“จ้าอินังใบหม่อน ฉันไม่รีบเหมือนแกนี่ยะ ที่ที่แกไปเขาล็อกตำแหน่งไว้ให้แล้วนี่ แค่เดินเอกสารเสร็จ หนังสือส่งตัวมาเมื่อไหร่แกก็ได้ไปแล้ว” บี้ออกปากแขวะรุ่นน้องคนสนิทเล็กน้อยพอขำๆ ก่อนก้มลงไปหยิบแว่นสายตาในกระเป๋าถือคู่กายขึ้นมาสวม รวบรวมสมาธิทั้งหมดไปที่หน้าจอไอแม็คตรงหน้า
ใบหม่อนนั่งดูเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทนั่งพิมพ์งานไปเรื่อยๆ แอบสังเกตการกรีดนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่วไหลลื่นกับกิริยาท่วงท่าที่ดูสง่างามบ่งบอกถึงประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมา ลอบยิ้มให้กับตัวเองด้วยอาการอิจฉาเล็กๆ
แต่พอเงียบไปได้สักพัก...
“ไอแม็คนี่มันใช้ยากเหมือนกันนะอินังใบหม่อน ดูสิปุ่มคำสั่งอะไรมันเปลี่ยนไปหมดเลย ฉันล่ะหงุดหงิดจริงๆ”
ใบหม่อนได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อได้ฟังรุ่นพี่คนสนิทบ่นกะปอดกะแปดตามประสาผู้หญิงวัยทองระยะแรก
“พี่บี้อ่ะ หนูอุตส่าห์ขอคอมพ์พี่ป๊อปให้ทำงานเลยนะเนี่ย” เสียงใสเอ่ยกระเง้ากระงอดพลางปรายตามองหน้ารุ่นพี่คนสนิท “ตอนแรกหนูก็งงๆ เหมือนกันแหละตอนพี่ป๊อปซื้อแม็คบุ๊คให้หนูอ่ะ แต่ตอนนี้หนูทำได้ทั้งสองอย่างแล้วน้า”
ได้ทีอวดรุ่นพี่คนสนิทเป็นการใหญ่ ทำเอาผู้อาวุโสกว่าเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ “ย่ะ แม่ไฮโซ ฉันไม่ได้มีตังค์ขนาดซื้อแม็คใช้เหมือนแกนี่นาอินังใบหม่อน”
“ก็พี่บี้หอบโน้ตบุ๊คของพี่มาเองตลอดนี่นา แล้วทำไมวันนี้ไม่เอามาล่ะคะ มายืมใช้คอมพ์หนูแล้วมาบ่นอีก” เสียงใสเผลอดังแว่วไปจนถึงคนตัวใหญ่ผู้เป็นเจ้าของตัวจริงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกระจก
“<<ฮื้ม คอมพ์พี่ต่างหากใบหม่อน>>”
ผู้อาวุโสถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นน้องสาวคนสนิทมีอาการจ๋อยหลังจากถูกเจ้าของคอมพ์ตัวจริงสวนกลับมา แต่มีหรือที่คนอายุน้อยที่สุดในห้องตอนนี้จะยอมแพ้ง่ายๆ
“<<จ้า คอมพ์พี่ป๊อป แต่หนูเป็นน้องพี่ป๊อปไม่ใช่เหรอ คอมพ์พี่ก็เหมือนคอมพ์หนูแหละ คริๆ>>”
ปากหยักได้รูประบายยิ้มน้อยๆ ก่อนส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ลอบยิ้มให้กับโชคชะตาของตัวเองที่ต้องยอมน้องสาวสุดน่ารักคนนี้เป็นเวลากว่ายี่สิบหกปีแล้ว และก็ต้องยอมต่อไปด้วยความเต็มใจเพราะรักน้องสาวคนนี้มากเหลือเกิน
“แหวะ หมั่นไส้พี่น้องคู่นี้จริงๆ เลย” บี้เอ่ยเสียงสะบัดพลางเบะปากมองบนอีกหนึ่งที เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งสองจนดังลั่นห้อง
เวลาผ่านไปจนเกือบสามทุ่ม
“อินังใบหม่อน อิป๊อป ฉันกลับก่อนนะ”
ร่างระหงในชุดทำงานหันมาบอกลาสองพี่น้องเจ้าของห้องก่อนก้มลงหยิบรองเท้ามาสวม ขณะที่ใบหม่อนเดินเข้าไปหาพร้อมยื่นมือไปกุมข้อมือเล็กของอีกฝ่ายไว้
“จ้า เดี๋ยวหนูลงไปส่งนะพี่บี้”
สองสาวมองตากันก่อนส่งยิ้มให้กันและกันอย่างรู้ใจ และไม่ลืมที่จะหันไปบอกคนเป็นพี่ชายที่ตามมาส่งด้วย
“<<พี่ป๊อป หนูลงไปส่งพี่บี้ก่อนน้า>>”
ป๊อปยิ้มให้กับหญิงสาวก่อนหันมายกมือไหว้บอกลา “สวัสดีครับพี่บี้”
“สวัสดีจ้าอิป๊อป เดี๋ยววันหลังถ้าอินังใบหม่อนชวนพี่มาเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่มาทำกับข้าวให้กินนะ พี่ไปก่อนล่ะ บ๊ายบาย”
สองสาวพากันเดินออกจากห้องไปหลังจากร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ป๊อปยืนยิ้มน้อยๆ มองประตูห้องที่เพิ่งถูกปิดไปพลางครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยๆ อยู่สักพักก่อนย้ายฐานที่มั่นกลับไปที่ไอแม็คคู่ใจอีกครั้ง จัดแจงเสียบเมาส์ปากกาและเอ็กซ์เทอร์นัลไดรฟ์กลับคืนเหมือนเดิมก่อนเริ่มลงมือทำงานที่ดำเนินมาจนถึงรูปสุดท้ายสำหรับโปรเจกต์เซสซั่นนี้แล้ว นึกถึงวันที่โปรเจกต์นี้สำเร็จและเดินทางไกลไปถึงญี่ปุ่น รู้สึกได้ถึงความสำเร็จที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้...
มือข้างซ้ายจับเมาส์ปากกาลากถูไปบนแป้นพร้อมกับใช้มือขวากดคำสั่งเปลี่ยนเครื่องมือและเซฟงานเป็นระยะ นัยน์ตาสองชั้นหลบภายใต้แว่นกรองแสงจับจ้องไปที่หน้าจอไอแม็คเครื่องใหญ่ตรงหน้า ตอนนี้คนตัวใหญ่นั่งโน้มตัวมาข้างหน้าเพ่งหน้าจอเต็มที่จนหลังแทบไม่ติดพนักพิงเก้าอี้
.................................................................................................
ใบหม่อนกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้งหลังส่งเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทกลับบ้านเสร็จ ดวงตากลมโตชำเลืองมองไปยังคนบ้างานที่นั่งขลุกอยู่ที่โต๊ะคอมพ์ก่อนถอนหายใจหนึ่งที ร่างสูงระหงค่อยๆ เดินย่องเข้าไปหาก่อนยื่นมือเรียวสวยทั้งสองข้างกุมท่อนแขนแกร่งไว้อย่างเบามือพลางยื่นใบหน้าสวยหวานที่กำลังคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเหล็กเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าคร้าม
“<<อ้าว ส่งพี่บี้เสร็จแล้วเหรอใบหม่อน>>”
หันไปถามคนเป็นน้องสาวที่ตอนนี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมบำรุงผิว มองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่ฉายแววขี้เล่นเล็กๆ เอื้อมมือข้างที่ใช้กดคำสั่งบนแป้นพิมพ์ขึ้นมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเป็นเชิงหยอกล้อ ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเคราหนาครึ้มคลี่ยิ้มให้อย่างมันเขี้ยว
“<<ยังไม่นอนเหรอใบหม่อน>>”
“<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป>>”
ใบหม่อนแกะมือของคนเป็นพี่ชายออกก่อนขยับศีรษะสวยถอยออกมา จากแววตาขี้เล่นเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นแววตาขุ่นเคืองในทันที ทำเบะปากใส่คนตัวใหญ่ที่กำลังหัวเราะร่วนอารมณ์ดีหนึ่งทีก่อนเดินหลีกไปคว้าเก้าอี้ตัวเดิมมาใกล้ๆ ก่อนหย่อนตัวลงนั่งในเวลาต่อมา ตั้งใจว่าจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายจนกว่าอีกฝ่ายจะทำงานเสร็จ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอยู่ในใจ
“<<พี่ป๊อปคืนนี้จะได้นอนไหมเนี่ย>>”
“<<ก็คงจะได้นอนแหละ>>” ป๊อปเอ่ยตอบทั้งที่ยังจดจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพ์ ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่เคียงข้าง “<<เออี โปรดิวเซอร์บรีฟมาเลย งานต้องเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้น่ะ>>”
ใบหม่อนพยักหน้าพลางเสมองไปทางอื่น กลีบปากอิ่มสวยเบะลงเล็กน้อย “<<งั้นพี่ป๊อปจะกินนมอุ่นไหมล่ะ เดี๋ยวหนูชงให้ ทำงานดึกๆ แบบนี้กินนมอุ่นสักแก้วก็ดีน้า>>”
มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธ “<<กินสิคะถ้าใบหม่อนจะชงให้พี่น่ะ>>”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ หลังจากพูดจบ ก่อนละสายตาจากหน้าจอคอมพ์หันไปหาหญิงสาวที่กำลังคลี่ยิ้มโชว์ฟันขาวภายใต้เหล็กดัดฟันครบทุกซี่เป็นการตอบรับ
“<<รอแป๊ปน้าพี่ป๊อป>>”
ร่างสูงระหงลุกจากเก้าอี้เดินไปยังหลังครัว มือเล็กเอื้อมไปเปิดฝาเครื่องชงน้ำร้อนเช็คดูระดับน้ำข้างในจนเมื่อเห็นว่าน้ำเต็มแล้วรีบปิดฝาคืนก่อนกดปุ่มเปิดให้ทำงาน เดินไปหยิบแก้วกาแฟใบที่คนเป็นพี่ชายใช้เป็นประจำออกมาจากชั้นวางบนเคาน์เตอร์เหนือเตาไฟฟ้ามาวางเตรียมไว้ ก่อนไปหยิบขวดนมสดในตู้เย็นออกมาเทใส่เพียงครึ่งแก้ว เหลือเพียงแต่รอเวลาน้ำเดือดเท่านั้น
เสียงใสฮีมฮัมทำนองเพลงป๊อปสมัยนิยมดังแว่วกระทบโสตประสาทของคนที่กำลังคร่ำเคร่งกับงานตรงหน้าจนทำให้หยุดชะงักลงได้ราวกับต้องมนต์สะกด ใบหน้าคร้ามหันไปหาเจ้าของเสียงใสที่กำลังยืนฮัมเพลงไปเขี่ยหน้าจอเครื่องมือสื่อสารสีน้ำเงินในมือไปอย่างอารมณ์ดี ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเคราหนาคลี่ยิ้มกว้างออกมา นึกในใจถึงสิ่งที่สาวเจ้าปฏิเสธที่จะร้องเพลงมาตลอดกับเหตุผลที่ว่าตัวเองร้องเพี้ยน แต่สิ่งที่เขาได้ยินในตอนนี้ไม่ได้มีความใกล้เคียงกับคำว่าเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย แถมยังร้องได้น่าฟังอีกต่างหาก
“<<ไม่เห็นจะเพี้ยนตรงไหนเลยใบหม่อน>>”
จู่ๆ ป๊อปโพล่งออกมา และนั่นทำให้หญิงสาวหยุดฮัมเพลงไปเสียดื้อๆ พร้อมกับปรายตามองดุใส่ “<<อะไรๆ พี่ป๊อป ทำงานไปเลย เดี๋ยวงานไม่เสร็จหนูไม่รู้ด้วยนะ>>”
ป๊อปหัวเราะร่วนในลำคอเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงใสเอ่ยปฏิเสธ ปากหยักลอบยิ้มให้กับตัวเองก่อนเปรยออกมาเบาๆ
“<<เฮ้ย คนสุพรรณฯ นี่เลือดศิลปินมีอยู่ในตัวทุกคนนะ>>”
“<<แต่นั่นไม่ใช่หนู>>” ร่างสูงระหงเดินถือแก้วนมอุ่นทั้งสองใบมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ “<<หนูไม่เป็นเรื่องนี้สักอย่างอ่ะ ให้ไปร้องเพลงให้ไปทำอะไรแบบนั้นหนูไม่เอาด้วยหรอก ไม่ใช่พี่ป๊อปนี่ จับอะไรแล้วเล่นได้หมดอ่ะ>>”
ป๊อปยื่นมือรับแก้วนมอุ่นจากคนเป็นน้องสาวพร้อมกับหันไปยิ้มขอบคุณ ไม่รอช้าจัดการยกแก้วนมอุ่นในมือขึ้นจิบเบาๆ รู้สึกตาสว่างขึ้นทันทีที่ได้จิบอึกแรกเข้าไป ขณะเดียวกัน คนเสิร์ฟนมเมื่อสักครู่หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ประจำตัว ยกแก้วขึ้นละเลียดนมอุ่นฝีมือตัวเองชงเช่นกัน
“<<เป็นไงบ้างพี่ป๊อป นมอุ่นฝีมือหนู อร่อยไหม>>” ใบหม่อนเอ่ยถามขึ้นมาหลังละเลียดนมในแก้วตัวเองอึกแรกเสร็จ
ป๊อปละสายตาจากหน้าคอคอมพ์หันไปหาคนถามเมื่อสักครู่ เห็นสีหน้าของสาวเจ้าในตอนนี้แล้วอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เมื่อสาวเจ้าคลี่ยิ้มแห้งๆ กลีบปากอวบอิ่มได้รูปเผยให้เห็นฟันเหล็กข้างในชัดเจน มองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยกำลังเปล่งประกายเว้าวอนอยากรู้คำตอบจากปากของเขาเหลือเกิน
“<<อร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยค่ะใบหม่อน>>”
คำตอบของคนเป็นพี่ชายทำให้สาวเจ้ารู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาทันที กลีบปากอวบอิ่มเผยอยิ้มกว้างกว่าเดิม “<<จริงรึเปล่า อย่าโกหกหนูน้าพี่ป๊อป>>”
“<<พี่ไม่โกหกหรอกค่าใบหม่อน>>” พูดจบยกแก้วขึ้นซดอีกหนึ่งทีก่อนหันกลับไปมุ่งมั่นกับงานตรงหน้าต่อ
“<<จ้า พี่ป๊อปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวหนูไปดูละครดีกว่า>>”
ร่างสูงระหงลุกจากเก้าอี้ที่ลากมาจากโต๊ะกินข้าวพร้อมกับหยิบแก้วนมอุ่นกับเครื่องมือสื่อสารไปวางไว้ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟาใหญ่กลางห้องก่อนเดินกลับไปเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย เดินกลับมายึดโซฟาใหญ่กลางห้องเป็นฐานที่มั่นเพราะไม่อยากรบกวนสมาธิของพี่ชายมาก เปิดทีวีติดผนังจอใหญ่ตรงหน้าดูละครฆ่าเวลาสลับกับแชตในแอพพลิเคชั่นสีเขียวและสีฟ้ากับเพื่อนสนิทและคนรักไปเรื่อยๆ พลางจิบนมอุ่นฝีมือตัวเองชงในแก้วที่เริ่มเย็นชืดลงเมื่อผ่านเวลาไปนาน
ป๊อปยังมุ่งมั่นอยู่กับรูปสุดท้ายของโปรเจกต์ใหญ่หลังจากฝ่าฟันมานานถึงเกือบสี่เดือนไม่รวมช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาที่ให้เวลากับน้องสาวและคนรักเต็มที่ จนมาถึงวันนี้เดินทางมาถึงรูปสุดท้ายแล้วกับกำหนดส่งภายในเที่ยงคืนนี้
นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองนาฬิกาบนหน้าจอคอมพ์ที่ระบุเวลาเลยไปจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง ความรู้สึกกดดันยิ่งทวีเข้ามามากขึ้น เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวบนหน้าจอสมาร์ทโฟนสีดำคู่กายดังระรัวถี่ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อความจากเออีและโปรดิวเซอร์ที่ส่งมาถามความคืบหน้าและกระหน่ำทวงงานเพราะเวลางวดใกล้เข้ามาทุกที
@@Watcharaporn@@ : ป๊อป ทำงานเสร็จรึยัง ทุกคนรอป๊อปคนเดียวนะ จะเที่ยงคืนแล้ว รีบๆ ล่ะ :
ชายหนุ่มได้แค่ชำเลืองมองข้อความที่ปรากฎบนหน้าจอเครื่องมือสื่อสารคู่ใจก่อนหันกลับไปมองหน้าจอคอมพ์ต่อ ประจวบเหมาะกับงานตรงหน้าได้เดินทางมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายหลังจากปรับแก้และรีทัชตามบรีฟที่ได้รับ เหลือเพียงแต่ตรวจทานและเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้แว่นกรองแสงกวาดสายตาไปรอบๆ ชิ้นงานตรงหน้าสัมพันธ์กับมือซ้ายที่ลากเมาส์ปากกาไปบนแป้นเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นเกลี่ยสีให้เข้าที่ รีทัชซ้ำในจุดที่พลาด จนเวลาผ่านเลยไปจนถึงสี่ทุ่มครึ่งกว่าๆ นิ้วมือขวากดคำสั่งบนแป้นพิมพ์สั่งให้เซฟงานขั้นสุดท้าย และท้ายสุด ส่งงานตรงเข้าอีเมล์ของเออีและสำรองไฟล์ส่งโปรดิวเซอร์เผื่อเกิดผิดพลาดกลางทาง ไม่ลืมที่จะเก็บสำเนางานไว้กับคอมพ์ของตัวเองด้วย
“เฮ้อ”
ป๊อปถอนหายใจยาวหลังจากกดส่งงานเสร็จ รู้สึกโล่งราวกับยกก้อนหินที่แสนหนักอึ้งออกจากอกได้สำเร็จกับโปรเจกต์ใหญ่ที่ลุยมาตลอดสี่เดือนเศษ แต่ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปจะต้องเจอกับงานอะไรอีก
เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มดังแว่วไปกระทบโสตประสาทของใบหม่อนเข้าอย่างจัง หญิงสาวหันไปหาเจ้าของเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อสักครู่ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ดวงตากลมโตจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าคร้ามด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ร่างสูงระหงลุกจากโซฟาเดินไปหาคนตัวใหญ่ที่โต๊ะทำงานในที่สุด
“<<ทำงานเสร็จแล้วเหรอพี่ป๊อป>>”                      
ป๊อปหันไปหาเจ้าของเสียงใสที่เอ่ยถามเมื่อสักครู่ด้วยสีหน้าแสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตอนนี้ตัวเขาเองรู้สึกอย่างไร ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้างก่อนให้คำตอบ
“<<เสร็จแล้ว เฮ้อ ทำมาตั้งสี่เดือน>>” ไม่วายที่จะถอนหายใจอีกรอบ “<<พรุ่งนี้คงรู้แหละว่างานจะผ่านไม่ผ่าน>>”
ใบหม่อนทิ้งตัวลงยื่นพวงแก้มนุ่มซบท่อนแขนใหญ่ของคนเป็นพี่ชายพลางเงยหน้ามองใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา กลีบปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มหวาน มือเรียวทั้งสองข้างที่เกาะแขนของอีกฝ่ายไว้เลื่อนไปบีบมือใหญ่เชิงให้กำลังใจ
“<<พี่ป๊อปอ่ะคิดมาก อาจไม่มีอะไรก็ได้น้า>>” หญิงสาวเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดใส่ ‘พี่ชายหนูนี่คิดมากจังเลย เฮ้อ หนูจะเครียดแทนแล้วเนี่ย’
“<<ไม่มีอะไรหรอกใบหม่อน>>” เสียงเข้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างเอื้อมมือมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะของหญิงสาวโยกเล่นเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับวันนี้ “<<ว่าแต่เราเถอะ ยังไม่นอนอีกเหรอไง นี่จะห้าทุ่มแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ขับรถไม่ไหวพี่ไม่รู้ด้วยนะ>>”
“<<ก็หนูยังไม่ง่วงนี่นา>>” ใบหม่อนยังเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนเดิม “<<สงสัยหนูเป็นห่วงพี่ป๊อปจนนอนไม่หลับมั้ง ก็พี่ป๊อปเล่นทำงานดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน ไม่ให้หนูเป็นห่วงได้ไงล่ะ>>”
มือหนายอมปล่อยมือจากผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยลงมากุมข้อมือเล็กของหญิงสาวไว้ “<<พี่ขอบคุณมากนะใบหม่อนที่อยู่เป็นเพื่อนพี่น่ะ>>”
น้ำเสียงแผ่วเบาอบอุ่นกับคำขอบคุณที่ออกมาจากใจของคนเป็นพี่ชายทำให้หัวใจดวงน้อยของใบหม่อนพองโตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง รู้สึกดีใจและปลื้มใจไม่น้อยที่พี่ชายคนนี้รับรู้ถึงความรักความห่วงใยที่เจ้าตัวมีให้ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สายใยของความเป็นพี่น้องยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง...
สุดท้ายแล้ว โปรเจกต์โฆษณาใหญ่ที่ลุยมาตลอดสี่เดือนสำเร็จลงได้ถึงแม้จะมีข้อติบ้าง แต่นั่นกลับทำให้บริษัทเอเจนซีที่ชายหนุ่มทำงานให้มีเครดิตมากขึ้นในวงการจนตอนนี้มีงานจากต่างประเทศมาว่าจ้างให้ทำให้อย่างไม่หยุดไม่หย่อน และงานนี้ยังทำเงินให้กับชายหนุ่มได้มากโขกับรายได้หลักล้านครั้งแรกของเขาตั้งแต่เริ่มทำงานมา...
......................................................................................................
สี่เดือนผ่านไป จนถึงคืนวันสุดท้ายที่ใบหม่อนทำงานที่ทำงานเก่า
ป๊อปยังคงหมกตัวอยู่หน้าคอมพ์ทำงานตามปกติเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา กับโปรเจกต์ย่อยที่มีสเกลงานเพียงหนึ่งเดือนที่ได้รับมาเมื่อเดือนที่แล้ว เพียงแต่ในค่ำคืนนี้แฟนสาวของเขามาค้างคืนอยู่เป็นเพื่อนด้วย และกำลังรอน้องสาวและว่าที่น้องสะใภ้ของพวกเขาที่ยังไม่กลับห้องในตอนนี้เพราะติดที่ทำงานเลี้ยงส่งอยู่ในตอนนี้...
พัชรทอดตัวนอนเล่นสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมือบนโซฟาใหญ่กลางห้องไปดูละครไป บังเอิญนิ้วเรียวสวยเขี่ยไล่ดูแอพโซเชียลมีเดียสีน้ำเงินจนไปเจอโพสต์ของว่าที่น้องสะใภ้ที่โพสต์รูปภาพวันสุดท้ายในการทำงานก่อนจะย้ายไปที่หน่วยงานใหม่ในสัปดาห์หน้าที่กำลังจะมาถึง
“ป๊อปๆ ดูน้องใบหม่อนลงรูปสิ” เสียงหวานเรียกคนตัวใหญ่ด้วยท่าทางตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
ป๊อปละสายตาจากหน้าจอคอมพ์มาหาคนรักที่ตอนนี้รีบพาตัวเองมาใกล้ๆ พร้อมกับชูสมาร์ทโฟนในมือให้ดู ทันใดนั้นปากหยักได้รูปยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นรูปน้องสาวสุดที่รักคลี่ยิ้มหวานสู้กล้องรับของขวัญจากผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน รู้สึกดีใจตามไปด้วย
“นี่รูปเมื่อตอนกลางวันนี่นา น้องเราเพิ่งโพสต์แน่เลย” ป๊อปเอ่ยกับแฟนสาวด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลลงกว่าเดิม ปากหยักได้รูปยังยิ้มไม่หุบ
ยังไม่ทันที่จะกลับไปทำงานต่อ เสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับข้อความแจ้งเตือนที่ระบุชื่อของคนที่เพิ่งกล่าวถึงเมื่อสักครู่ไว้ให้เห็นว่าเพิ่งโพสต์รูปเพิ่มเติมไปเมื่อสักครู่ อาศัยดูจากหน้าจอเครื่องมือสื่อสารของแฟนสาวดูเสียเลย
ภาพหญิงสาวในชุดเสื้อผ้าขาวม้ารวบหางม้าสูงเหนือกระหม่อมผูกโบสีขาวโดดเด่นทำท่าเอียงคอส่งยิ้มให้กล้องร่วมกับเพื่อนข้าราชการที่บรรจุด้วยกันที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืนกับรวมภาพบรรยากาศโดยรอบพร้อมข้อความบรรยายถึงความรู้สึกขอบคุณปรากฎต่อสายตาของทั้งคู่ที่พร้อมใจกันยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็น โดยเฉพาะคนเป็นพี่ชายที่ตอนนี้ยังยิ้มไม่หุบลงง่ายๆ ตอนนี้ความรู้สึกอยากทำงานได้มลายหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่รอให้น้องสาวสุดที่รักกลับมาเท่านั้น
ไอแม็คถูกชัตดาวน์ลงชั่วคราวโดยคนเป็นเจ้าของ ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำของใบหม่อนซึ่งเข้าได้อีกตรงประตูใกล้กับเคาน์เตอร์หลังครัวก่อนออกมาหาคนรักที่ตอนนี้เปลี่ยนอิริยาบถเป็นท่านั่งเขี่ยสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมืออยู่ ใบหน้าคร้ามยื่นเข้าไปหอมพวงแก้มนุ่มลื่นของหญิงสาวหนึ่งทีก่อนถอยออกมาในระยะที่มองเห็นหน้าสวยหวานที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศสุกของหญิงคนรักได้ถนัด
“ป๊อปนี่ชอบฉวยโอกาสจังเลยนะ” เสียงหวานแหวใส่กลบเกลื่อนอาการเขินอาย ดวงตากลมโตคู่สวยมองดุใส่
ปากหยักได้รูประบายยิ้มบางๆ แกล้งทำเป็นใสซื่อตอบกลับไป “ก็ฉวยโอกาสแค่แฟนคนเดียว ไม่น่าจะผิดนะครับ ฮิๆๆ”
พัชรถึงกับเบะปากมองบนเมื่อได้ยินคำตอบอันยียวนจากชายคนรัก มีเหรอที่จะยอมง่ายๆ เมื่อมือเรียวสวยหนีบเข้าที่เนื้อแขนแน่นๆ เข้าให้อย่างเต็มแรง กลบเกลื่อนอาการร้อนหน้าร้อนตาที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสักครู่
“โอ๊ย!”
“สมน้ำหน้า คนฉวยโอกาส ชิ” เสียงหวานกดต่ำอย่างเย็นเยียบหลุดออกมาจากปากเรียวสวยได้รูป ดวงตาคู่สวยหรี่ลงอย่างมุ่งร้าย
จู่ๆ สมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำของชายหนุ่มส่งเสียงเพลงบริทป๊อปร้องเรียกให้คนเป็นเจ้าของรับสาย มือหนาไม่รอช้ารีบหยิบขึ้นมาดูหน้าจอเห็นภาพน้องสาวของตัวเองกำลังทำท่าเอียงคอมองมาที่เขาด้วยแววตาอ่อนโยน รีบสไลด์รับสายในทันที
ป๊อป : [[<<ถึงแล้วเหรอใบหม่อน>>]]
ใบหม่อน : [[<<หนูมาถึงแล้ว พี่ป๊อปลงมาหน่อยสิ มาช่วยขนของหน่อย เนี่ยของเต็มรถเลย>>]]
ป๊อป : [[<<ได้ๆ เดี๋ยวพี่ลงไป>>]]
หลังจากวางสาย ป๊อปหันไปเรียกคนรักที่ตอนนี้เปลี่ยนจากนั่งพิงโซฟาลงไปนอนโดยใช้หน้าตักของเขาเป็นหมอนหนุนแล้วในตอนนี้
“พัชร ลงไปรับน้องเรากัน น้องเรากลับมาแล้ว”
ร่างระหงที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อโอเวอร์ไซส์สีดำกับกางเกงขากว้างสีขาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยหวานแสดงอาการดีใจให้เห็นชัดเจน
“ไปสิป๊อป รอเค้าแป๊ปน้า”
พูดจบร่างระหงของหญิงสาวรีบลุกไปยังชั้นวางรองเท้าหน้าประตู ไม่ทันที่จะได้ยินคนรักร้องปรามแต่อย่างใด ก้มลงเลิกขากางเกงขึ้นก่อนหยิบรองเท้าบูทหนังสีดำขึ้นมาสวมอย่างลวกๆ ไม่ทันได้รูดซิป หันมามองหาคนรักที่กำลังเดินตามไปพร้อมกับคีย์การ์ดในมือ
ทั้งสองพากันลงลิฟต์มายังชั้นลานจอดรถใต้อาคาร เดินมุ่งหน้าไปยังช่องจอดรถประจำของตัวเอง มองเห็นรถเก๋งคันเล็กสีดำจอดเคียงข้างรถแวนเจ็ดที่นั่งสีเดียวกัน เสียงเครื่องยนต์สามสูบใต้ฝากระโปรงยังคงครางฮือๆ ไฟ DRL ยังไม่ดับลงอันหมายถึงคนเป็นเจ้าของยังอยู่ในรถ
ใบหม่อนนั่งเขี่ยหน้าจอไล่อ่านแชตในแอพพลิเคชั่นสีเขียวผ่านเครื่องมือสื่อสารรอเวลาอยู่ตรงที่นั่งฝั่งคนขับไปเรื่อยๆ ยังเพลิดเพลินกับห้องแชตของหมู่ข้าราชการที่บรรจุใหม่กับหัวข้อสนทนาเรื่องเลี้ยงส่งกับคำร่ำลาระหว่างกันและกัน บังเอิญหางตาเหลือบมองเห็นเงาตะคุ่มๆ ของคนสองคนตรงกระจกประตูฝั่งคนขับ ไม่รอช้ารีบละสายตาหันไปมองเจ้าของเงาตะคุ่มทั้งสอง และด้วยแสงไฟในลานจอดรถที่ค่อนข้างสว่างพอสมควรถึงแม้จะติดฟิล์มมืด แต่พอทำให้มองเห็นใบหน้าของทั้งสองได้ถนัดถนี่
พอรู้ว่าเป็นใครแล้วนิ้วเรียวเล็กกดเปิดกระจกลงทันทีเผยให้เห็นหน้าของคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้กำลังส่งยิ้มมาให้
“<<พี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยเรียกชื่อพี่ชายพร้อมยกมือไหว้ทั้งที่ยังถือสมาร์ทโฟนอยู่ “<<พี่พัชรสวัสดีค่ะ>>” เลยไปไหว้ทักทายว่าที่พี่สะใภ้ที่อยู่ข้างกัน
ระยะหลังใบหม่อนเริ่มพูดเหน่อกับว่าที่พี่สะใภ้มากขึ้นกว่าเดิมผิดจากเมื่อก่อนที่พูดสำเนียงกรุงเทพฯ กับอีกฝ่ายทุกครั้ง เหตุผลคือเรื่องความสนิทสนมที่มีมากขึ้นกว่าเดิมและเป็นการเพิ่มความคุ้นชินกับสำเนียงเหน่อให้กับว่าที่พี่สะใภ้เพราะรู้ว่ายังไงอีกฝ่ายต้องก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวอีกคนแน่นอนแล้ว รอเพียงแต่พี่ชายตัวเองขออีกฝ่ายแต่งงานเท่านั้น
“สวัสดีจ้าน้องใบหม่อน”
“<<พี่ป๊อป พี่พัชร ช่วยหนูขนของหน่อยสิ>>”  
พูดจบแล้วมือเล็กดึงสวิตช์บนแผงข้างประตูปิดกระจกกลับคืนเหมือนเดิมก่อนเสียงเครื่องยนต์จะดับลงเพียงปลายนิ้วสัมผัส ร่างสูงระหงที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าขาวม้าสีสันสดใสกับกางเกงขายาวเอวสูงรัดรูปคลุมทับรองเท้าผ้าใบราคาแพงที่พี่ชายซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้วก้าวลงมาจากรถ ก่อนเอื้อมมือไปเปิดประตูตอนหลังของรถให้เห็นของขวัญที่ถูกอัดแน่นจนเต็มเบาะหลังไปหมด
“<<โห อย่างเยอะเลยนะเนี่ย>>” ป๊อปเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่สีหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยอาการตกตะลึง
“<<พี่ป๊อปเอาของใหญ่ไปเลย เดี๋ยวหนูกับพี่พัชรเก็บของเล็กๆ เอง>>” ใบหม่อนหันไปออกคำสั่งกับพี่ชายทันที
มีหรือที่จะกล้าขัดคำสั่งเมื่อคนตัวใหญ่ก้มลงหยิบเอาของใหญ่ที่มีทั้งตุ๊กตาโดราเอมอนตัวใหญ่ เครื่องปิ้งขนมปัง และของกระจุกกระจิกจำนวนหนึ่งออกมา ชำเลืองมองไปอีกฝั่งหนึ่งเห็นคนรักเข้าไปช่วยน้องสาวขนของอีกจำนวนหนึ่งออกมาจากรถจนเต็มไม้เต็มมือไปหมดแล้ว...
ทั้งสามช่วยกันขนของขวัญที่หญิงสาวได้รับกลับขึ้นมาบนห้องอย่างทุลักทุเลพอสมควรโดยเฉพาะคนเป็นเจ้าของห้องที่แทบจะไม่มีมือว่างให้เปิดประตูแล้วในตอนนี้ ขณะที่แขกประจำอย่างพัชรอยู่ในสภาพไม่ต่างกับแฟนหนุ่มในตอนนี้ด้วยว่าของขวัญมีจำนวนมากเหลือเกิน ร้อนถึงคนเป็นเจ้าของที่เหลือมือว่างเพียงข้างเดียวล้วงคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าถือแบรนด์เนมออกมาอย่างยากลำบากก่อนทาบลงไปบนเซ็นเซอร์สั่งให้ประตูห้องปลดล็อก
“<<นี่ใครให้อะไรมาบ้างเนี่ยใบหม่อน>>” อดไม่ได้ที่จะหันไปถามน้องสาวหลังจากวางของไว้บนโซฟาใหญ่กลางห้องเสร็จ
รอยยิ้มแห้งๆ ปรากฎบนใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวเมื่อเห็นสายตากดดันจากพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ที่จับจ้องเจ้าตัวเป็นตาเดียวกัน “<<ก็ทั้งของพวกพี่บี้ ของ ผ.อ. ของพี่ๆ คนอื่นแหละพี่ป๊อป พี่พัชร หนูยังตกใจเลยไม่คิดว่าจะมีคนให้ของขวัญหนูเยอะขนาดนี้แน่ะ>>”
ป๊อปรู้ได้ทันทีว่าเพราะอะไรน้องสาวตัวเองถึงได้ของขวัญเยอะขนาดนี้ รู้นิสัยของน้องสาวคนนี้อยู่แล้วว่าเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายและมีวุฒิภาวะสูงกว่าตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยว่าจะเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานจนได้รับของขวัญเยอะขนาดนี้ ย้อนนึกถึงตัวเองที่มีนิสัยค่อนข้างติสต์ เข้ากับคนอื่นยาก และปากหมาพอสมควรจนหาคนรักยาก เว้นแต่คนที่เข้าใจและรู้นิสัยจริงๆ เท่านั้น ตอนลาออกจากงานประจำจึงจบไม่สวยเท่าไหร่นัก...
ใบหม่อนเห็นพี่ชายยืนเหม่อลอยอยู่นานจนรู้สึกแปลกใจ ชำเลืองมองใบหน้าคร้ามฉายแววกังวลออกมาให้เห็นชวนให้รู้สึกกังวลใจตามไปด้วย หันไปส่งสายตากับว่าที่พี่สะใภ้อย่างรู้กัน
“<<คิดอะไรอยู่เหรอพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยถามอ้อมแอ้ม กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ เชิงให้กำลังใจ
“<<ไม่มีอะไรหรอกใบหม่อน>>”  ปากหยักคลี่ยิ้มเล็กน้อย “<<ไป เก็บของในห้องเรากันเถอะ>>”
ทั้งสามช่วยกันขนของขวัญที่ได้มาเข้าไปเก็บในห้องนอนของหญิงสาว และด้วยปริมาณของขวัญที่ได้รับมีจำนวนมากจนไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ที่มุมไหนในห้องได้บ้าง ถึงแม้คนเป็นเจ้าของห้องพยายามจะจัดให้เข้าที่แล้วก็ตาม สุดท้ายแล้วต้องวางยัดไปตามที่ว่างเท่าที่จะมีให้วางได้...
...............................................................................................................
สองพี่น้องกับหนึ่งว่าที่สะใภ้ของครอบครัวนั่งรวมตัวกันที่โซฟาใหญ่กลางห้องดูซีรีส์เกาหลีผ่านทีวีติดผนังจอใหญ่อย่างเพลิดเพลิน เพราะวันพรุ่งนี้ตรงกับวันหยุดเลยทำให้นอนดึกได้เต็มที่ ประจวบเหมาะกับอารมณ์ในการทำงานของป๊อปได้หมดลงไปตั้งแต่ตอนหัวค่ำแล้ว
ป๊อปพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาในซีรีส์ตรงหน้าเพราะตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองดูไม่รู้เรื่องและตามไม่ทันอีกสองสาวที่กำลังอินกับเนื้อเรื่องจนจิกหมอนเป็นระยะๆ กับบทสนทนาที่เป็นที่รู้กันระหว่างทั้งสองล้วนแล้วแต่เป็นการสปอยล์เนื้อเรื่องสลับกับเรื่องเมาท์มอยทั่วไปตามประสาผู้หญิง ปล่อยให้ตัวเองที่นั่งอยู่ระหว่างกลางเป็นหัวหลักหัวตอหน้าตาเฉย ยิ่งดูนานๆ เข้า พอเข้าใจและปะติดปะต่อเนื้อเรื่องที่กำลังดูอยู่ตรงหน้าได้ สมาธิตอนนี้จดจ้องอยู่กับซีรีส์ตรงหน้าจนแทบจะลืมบอกรักกับคนรักที่อยู่เคียงข้างเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา จนอีกฝ่ายรู้สึกแปลกใจเพราะปกติแล้วตัวเองมักจะโดนขโมยหอมแก้มบ้าง ขโมยจูบบ้างโดยเฉพาะเวลาที่ดูทีวีด้วยกัน
“น้องใบหม่อนคิดเมื่อกับที่พี่คิดไหมจ๊ะ ป๊อปดูเงียบแปลกๆ นะ” หันไปถามว่าที่น้องสะใภ้ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไปอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนแล้ว
ใบหน้าสวยหวานหันมามองหน้าว่าที่พี่สะใภ้ด้วยสายตางุนงง “ทำไมเหรอพี่พัชร”
“ตอนนี้พี่ชายเราดูเงียบมากเลยจ้ะน้องใบหม่อน ปกติเขาจะเล่นกับพี่ตลอดเลยนะ ทั้งขโมยจูบ ขโมยหอมแก้มพี่น่ะ” เสียงหวานเอ่ยคำถามที่มีอยู่ในใจให้ว่าที่น้องสะใภ้ได้รับรู้
กลีบปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มน้อยๆ ส่งไปหาว่าที่พี่สะใภ้ราวกับจะบอกว่าไม่ต้องคิดมาก เมื่อรู้ว่าตอนนี้พี่ชายตัวเองกำลังจดจ่ออยู่กับซีรีส์ตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทนเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ได้แล้ว...
สมาธิในการพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่องของซีรีส์ตรงหน้าถูกทำลายลงเมื่อถูกนิ้วเรียวสวยสะกิดที่แขนข้างซ้ายจนต้องละสายตาจากซีรีส์ที่ฉายอยู่ตรงหน้าหันไปมองใบหน้าสวยหวานของคนเป็นน้องสาวที่กำลังส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ ถึงแม้จะอารมณ์เสียเล็กน้อยก็ตาม
“<<มีอะไรเหรอใบหม่อน พี่กำลังใช้สมาธิดูหนังอยู่นะ>>” หันไปตอบด้วยน้ำเสียงเข้มกดต่ำ ไม่ได้มีเจตนาจะต่อว่าแต่อย่างใด
ใบหม่อนยิ้มตอบอย่างไม่ยี่หระเมื่อเห็นใบหน้าคร้ามเริ่มปั้นหน้าดุใส่ “<<ทำไมวันนี้พี่ป๊อปตั้งใจดูซีรีส์จังเลย เห็นเมื่อก่อนแทบไม่ดูเลยไม่ใช่เหรอพี่ป๊อป ดูสิพี่พัชรรอพี่ป๊อปขโมยหอมแก้มจนเฉาแล้วน้า คริๆ>>”
เห็นกิริยาท่าทางแสนน่ารักบวกกับน้ำเสียงใสน่าฟังของคนเป็นน้องสาวเข้าไป มีหรือที่เขาจะโกรธลง อารมณ์หงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะหายไปอย่างรวดเร็ว ปากหยักได้รูประบายยิ้มบางๆ เอื้อมมือมายีผมยาวสลวยของหญิงสาวจนฟู “<<ก็พี่ลองทำความเข้าใจกับเรื่องบ้างน่ะ เดี๋ยวคุยกับเราไม่รู้เรื่องไง>>”
“<<แหมพี่ป๊อป ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง คิดมากนะเราอ่ะ>>” เสียงใสเว้นหายใจเล็กน้อย “<<หนูดูไปไม่ได้คิดอะไรหรอก ดูแค่สนุกๆ ตอนฟินๆ ก็แค่จิกหมอนเฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไรแบบพี่ป๊อปเลย>>” กลีบปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มกว้างหลังจากพูดจบ
“<<เลิกเล่นผมหนูได้แล้วนะพี่ป๊อป โน่น ไปเล่นกับพี่พัชรบ้างสิ>>” ได้โอกาสเชียร์ให้พี่ชายหันไปเล่นกับว่าที่พี่สะใภ้เสียเลย
ป๊อปยอมทำตามคำของน้องสาวแต่โดยดีเมื่อยอมปล่อยมือจากผมยาวสลวยที่ถูกยีจนฟูได้ที่ออก ลอบมองไปทางคนรักที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขี่ยหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือสลับกับเงยหน้าดูซีรีส์ไป อาศัยจังหวะทีเผลอยื่นหน้าเข้าไปประทับรอยจูบอันแสนหวานบนพวงแก้มนุ่มเจือกลิ่นหอมอ่อนๆ หนึ่งที บังเอิญตรงกับฉากเลิฟซีนในซีรีส์ที่ฉายอยู่ตรงหน้าอย่างพอดิบพอดีราวกับจับวาง...
“อ๊าย…” พัชรร้องเสียงหลง รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้าเมื่อได้รับรสจูบอันแสนหวานจากชายคนรัก อารมณ์จิกหมอนกับซีรีส์ตรงหน้าหายไปในทันที่ อยากจะเปลี่ยนไปจิกแขนคนขโมยจูบแทน
“ป๊อปเอาอีกแล้วนะ ทำไมชอบขโมยจูบเค้าจังเลย” ใบหน้าของสาวเจ้ายังแดงไม่หาย ขณะที่คนขโมยจูบระบายยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองคนหน้าแดงอย่างพึงพอใจ
“ทำไมวันนี้ป๊อปตั้งใจดูซีรีส์ล่ะ เมื่อก่อนพอเค้าชวนดูหน่อยก็บ่ายเบี่ยงหรือเอาแต่เล่นมือถือ เอาแต่ขโมยหอมแก้มเค้าแบบเมื่อกี้” พัชรอดเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ได้ ถือโอกาสถามเสียเลยในตอนนี้
“เราว่าเราตอบน้องเราไปหมดแล้วนะ พัชรก็น่าจะได้ยิน” เสียงเข้มเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา “อีกอย่าง เผื่อเราจะได้จำและเอามาใช้กับพัชรไงล่ะ อยากลองสักรอบไหมล่ะ ฮิๆๆ” พูดจบไม่รอช้ารีบจู่โจมด้วยการยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ หวังจะประทับรอยจูบบนพวงแก้มขาวใสอีกครั้ง…
พัชรรีบยกมือขึ้นดันใบหน้าของชายคนรักให้ออกห่างจากใบหน้าของตัวเองทันที ขืนปล่อยไว้มีหวังได้หลอมละลายอีกเป็นครั้งที่สอง กลีบปากเรียวสวยแว้ดแหวไม่หยุดด้วยสารพัดคำด่าคำต่อว่าเท่าที่จะนึกได้ กลบเกลื่อนอาการหลอมละลายจนร้อนวูบวาบไปหมด หัวใจดวงน้อยยังเต้นระรัวไม่หยุด
“ไอ้โรคจิต อีตาบ้า อีผีทะเล บ้ากามๆๆๆๆ ไม่ต้องเลยนะ ไปเลยดูซีรีส์ไป”
คนโดนผลักหน้าได้แต่หัวเราะร่วนเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนรัก ยังไงก็ต้องยอมอยู่แล้วเมื่อถูกต่อต้านจนถึงขนาดนี้
“ก็ได้ๆ ไม่ทำก็ได้ ไว้ตอนนอนดีกว่า ฮิๆ” ป๊อปเอ่ยเหมือนจะยอม แต่แอบยักคิ้วหลิ่วตาให้กับคนรักเชิงเจ้าเล่ห์เล็กๆ
“ไม่ต้องเลยนะป๊อป นอน-กอด-กัน-เฉยๆ-เข้า-ใจ-ไหม”
พัชรจงใจเน้นทีละประโยค บ่งบอกถึงอาการปฏิเสธในสิ่งที่คนรักตั้งใจจะทำในค่ำคืนนี้ แถมยังส่งค้อนวงใหญ่ทิ้งท้ายให้อีกหนึ่งที ‘แค่จูบเค้าก็ละลายแล้วนะป๊อป ถ้าขืนคืนนี้เค้ามีอะไรกับป๊อปมีหวังไม่เหลืออะไรแน่ๆ ขี้หื่นจังเลยนะป๊อป ชิ’
ใบหม่อนได้แต่นั่งขำเมื่อเห็นพี่ชายทำหน้าจ๋อยทั้งที่หัวเราะร่วนเมื่อถูกปฏิเสธถึงขนาดนี้ ‘สมน้ำหน้า อยากหื่นกับพี่พัชรทำไม คริๆ’ หญิงสาวนึกในใจ ดวงตากลมโตคู่สวยชำเลืองมองใบหน้าคร้ามด้วยสายตาเย้ยหยันเล็กๆ
ตอนแรกใบหม่อนยังนั่งพิงพนักพิงดูซีรีส์ไปเขี่ยหน้าจอเครื่องมือสื่อสารไปหันไปคุยกับว่าที่พี่สะใภ้ไป เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ร่างสูงระหงค่อยๆ ไถลตัวลงเปลี่ยนเป็นท่านอน ทิ้งศีรษะสวยได้รูปลงบนหน้าตักแกร่งของคนเป็นพี่ชายอาศัยหนุนแทนหมอนไปแล้วในตอนนี้
“<<หนูขอนอนตักพี่ป๊อปหน่อยสิ>>” เสียงใสเอ่ยขออนุญาต ถึงแม้จะไม่แม้แต่จะหันมาสบตากับเจ้าของตักเลยก็ตาม
ป๊อปรู้สึกเหมือนมีอะไรที่อ่อนนุ่มทิ้งน้ำหนักบนหน้าตักตัวเอง ละสายตาจากหน้าจอทีวีลงมามองศีรษะสวยได้รูปของน้องสาวหนุนหน้าตักอยู่ ปากหยักได้รูปพลันคลี่ยิ้มบางๆ ลดมือลงจากพนักโซฟาลงมาลูบเรือนผมยาวสลวยที่ถูกรีดให้ตรงเรียบอย่างนุ่มนวล ส่งผ่านไออุ่นให้คนนอนหนุนตักตัวเองอยู่ให้ซึมซับ หันไปหาคนรักที่กำลังจดจ่ออยู่กับซีรีส์ตรงหน้าอยู่
“พัชร ดูนี่สิ”
ใบหน้าสวยหวานหันมาด้วยสีหน้างงปนหงุดหงิดเล็กๆ แต่เมื่อเห็นว่าที่น้องสะใภ้ลงไปนอนหนุนหน้าตักคนรักแทนหมอน จากสีหน้าหงุดหงิดเมื่อสักครู่กลับมายิ้มได้อีกครั้งหนึ่ง แอบอิจฉาว่าที่น้องสะใภ้ที่มีพี่ชายให้นอนหนุนหัว ผิดกับตัวเองที่มีแต่พี่สาวและอายุห่างกันเป็นสิบปี ไม่มีโอกาสได้มีความทรงจำแบบนี้เลยตั้งแต่จำความได้
ปากหยักได้รูปของชายหนุ่มยังระบายยิ้มไม่หุบเมื่อความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้ง ละสายตาจากทีวีตรงหน้าชำเลืองมองศีรษะสวยของคนเป็นน้องสาวที่กำลังหนุนหน้าตักตัวเองด้วยความรู้สึกเอ็นดูในใจอยู่ไม่น้อย นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเด็กจนมาถึงวันนี้ วันที่น้องสาวคนนี้มาอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานเกือบปี เขายังเต็มใจที่จะสละหน้าตักของเขาให้น้องสาวคนนี้หนุนไปจนกว่าจะถึงวันที่อีกฝ่ายต้องออกเรือนไปหรือวันที่ตัวเองแต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมานาน ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงตอนไหน...
ซีรีส์ในทีวีตรงหน้าดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ จนถึงฉากเลิฟซีนที่เป็นจุดพีคของเรื่อง ใบหม่อนที่นอนกอดหมอนบนโซฟาต่างตุ๊กตาออกอาการฟินจนนอนพลิกไปพลิกมากลิ้งไปบนหน้าตักแกร่ง กลีบปากอิ่มสวยบ่นเพ้อไปตามความรู้สึกดีต่อใจเป็นพิเศษ ไปๆ มาๆ กรงเล็บเรียวสวยยังขย้ำๆ ไปที่หมอนไม่หยุด ไม่รู้ตัวเลยว่ากิริยาท่าทางของหญิงสาวอยู่ในสายตาของคนเป็นเจ้าของหน้าตักแกร่งที่สละพื้นที่ให้หญิงสาวได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาในตอนนี้...
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสองชั้นหลบละสายตาจากหน้าจอชำเลืองมองไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นแล้วยิ่งดูน่ารักน่าชังในสายตาของเขา หันไปมองคนรักที่นั่งจิกหมอนอยู่ข้างๆ เห็นใบหน้าสวยหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับตำลึงสุก ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายวาบวับจนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกฟินไปกับเนื้อเรื่อง มีเพียงตัวเขาคนเดียวที่ยังเข้าไม่ถึงความรู้สึกนี้เลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ จิกหมอนกันทั้งคู่เลยนะ”
ซีรีส์ยังคงดำเนินเรื่องต่อเพราะเป็นโปรแกรมฉายต่อเนื่องเป็นเวลาผ่านมากว่าสองชั่วโมงแล้ว ชำเลืองมองดูนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน แต่ซีรีส์ตรงหน้ายังไม่จบสักที
ป๊อปหันไปสำรวจบรรยากาศรอบๆ ที่เริ่มเงียบสนิท มีเพียงแต่เสียงพากย์จากจอทีวีเท่านั้น เสียงใสที่เคยเจื้อยแจ้วเมื่อสักครู่เงียบลงไป ใบหน้าคร้ามก้มลงมองเจ้าของเสียงใสที่ตอนนี้ตกอยู่ในห้วงนิทราคาตักของเขาไปแล้ว มีเพียงความรู้สึกอุ่นๆ จากลมหายใจสม่ำเสมอที่พ่นออกมาเป็นคำตอบเท่านั้นเมื่อสาวเจ้ายังอยู่ในท่านอนตะแคงหันหน้าไปทางหน้าจอทีวีอยู่ ปากหยักคลี่ยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา
‘ไปซะแล้วน้องสาวหน้ากลมของพี่ แต่ตอนนี้พี่ไม่กล้าลุกไปไหนเลยว่ะ’ นึกบ่นในใจไปยิ้มไปเมื่อเห็นน้องสาวสุดที่รักหลับคาตักตัวเองอยู่ในตอนนี้
เขาชำเลืองมองไปทางคนรักที่เริ่มตาปรือๆ ด้วยอาการง่วงแต่ยังไม่หลับเสียทีเดียว ยังจดจ่ออยู่กับซีรีส์ตรงหน้าอยู่ ว่าแล้วเอื้อมมือไปสะกิดที่แขนเรียวเล็กขาวราวงาช้างเบาๆ
“พัชรๆ”
ใบหน้าสวยหวานหันมาหาด้วยสีหน้างุนงง ดวงตาคู่สวยเริ่มทำท่าจะหลับแหล่มิหลับแหล่ “ป๊อปนี่ เค้ากำลังดูเพลินๆ อยู่ เรียกเค้าทำไมเนี่ย เค้าดูไม่รู้เรื่องนะ” เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปดใส่
ป๊อปทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่คนรักบ่นไป พลางชี้ชวนให้อีกฝ่ายก้มลงดูคนที่อยู่ในห้วงนิทราในตอนนี้ “พัชรดูน้องเราสิ เนี่ยหลับคาตักเราเลย”
พัชรรู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าที่น้องสะใภ้นอนหลับตาพริ้มพ่นลมหายใจสม่ำเสมอหนุนหน้าตักแกร่งของชายคนรัก เผลอยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นสีหน้านิ่งกับรอยยิ้มน้อยๆ ดูยังไงก็น่ารักน่าเอ็นดูทุกครั้งที่ได้เห็น
“ป๊อปไปส่งน้องใบหม่อนเข้านอนสิ เดี๋ยวเค้าไปเปิดประตูห้องให้” เสียงหวานเอ่ยกับคนรัก พลางบุ้ยหน้าไปทางประตูห้องนอนของคนที่กำลังกล่าวถึง
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ พลางส่งสายตาหวานเชื่อมมาหาอย่างรู้ใจ “อืม ก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณมากนะพัชร”
พัชรไม่พูดอะไรอีกนอกจากคลี่ยิ้มหวานให้ก่อนลุกเดินไปเปิดประตูห้องนอนของว่าที่น้องสะใภ้รอท่าไว้ก่อน ขณะเดียวกัน ป๊อปค่อยๆ ขยับศีรษะของหญิงสาวออกจากหน้าตักของตัวเองอย่างเบามือไปวางไว้บนหมอนที่อยู่ข้างๆ เพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นได้ ถึงแม้เจ้าของศีรษะสวยจะส่งเสียงครางฮือๆ ในลำคอพร้อมกับขมวดคิ้วเรียวสวยเป็นเชิงประท้วงก็ตาม มือทั้งสองข้างค่อยๆ ช้อนร่างสูงระหงของคนที่เพิ่งส่งเสียงประท้วงเมื่อสักครู่ขึ้นมาอยู่ในระดับอกแกร่งของตัวเองพาเดินไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานไม่ไกลนัก
ป๊อปค่อยๆ วางร่างสูงระหงที่อยู่ในห้วงนิทราลงบนเตียงนุ่มๆ และทำทุกอย่างให้เหมือนกับทุกครั้งที่เขาส่งหญิงสาวเข้านอน ชำเลืองมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังนอนหลับสนิทพ่นลมหายใจสม่ำเสมอด้วยสายตาที่เอ็นดูจนทำให้อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ จนถึงขั้นตอนสุดท้ายเมื่อผ้านวมลายการ์ตูนน่ารักคลุมทับร่างสูงระหงไว้หมด เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานชวนฝันไว้
พัชรเดินเข้ามายืนเคียงข้างคนตัวใหญ่พลางยื่นมือไปกุมมือใหญ่ของอีกฝ่ายไว้ ต่างคนต่างก้มลงมองใบหน้าสวยหวานที่อยู่ในห้วงนิทราด้วยความรู้สึกเอ็นดู ก่อนหันกลับมาส่งสายตาและส่งยิ้มให้กันและกัน รู้ตัวอีกทีหน้าของทั้งสองโน้มเข้าหากัน ประทับรสจูบอันแสนหวานแทนความรู้สึกในใจของกันและกันต่อหน้าคนนอนหลับเสียแล้ว...
........................................................................................
เช้าวันจันทร์ถัดมา
ร่างสูงระหงในเครื่องแบบข้าราชการสีกากีที่เปลี่ยนเพียงเครื่องหมายสังกัดใหม่พร้อมสะพายกระเป๋าทำงานแบรนด์เนมใบโปรดเดินออกมาจากห้องนอนอย่างอารมณ์ดี ดวงตากลมโตคู่สวยสอดส่ายสายตามองหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ตอนนี้กำลังยืนซดกาแฟพลอดรักกันอยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง ส่งกลิ่นอบอวลไปด้วยความรักชวนหวานเลี่ยนจนสาวเจ้ารู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวพาตัวเองไปยังระเบียงหน้าห้องแบบเงียบๆ ไม่ให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้รู้ตัว ลอบยิ้มร้ายๆ ยื่นนิ้วเรียวสวยสะกิดลงบนแผ่นหลังแกร่งของคนตัวใหญ่เบาๆ
“<<อ้าวใบหม่อน มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย>>”
ป๊อปหันกลับมาหาคนที่เพิ่งสะกิดหลังเขาเมื่อสักครู่ เห็นใบหน้าสวยหวานภายใต้ผมยาวสลวยที่ถูกรีดให้ตรงรวบปอยเล็กๆ คาดด้วยโบผูกผมสีขาวโดดเด่นทำหน้าล้อเลียนใส่แล้วอดที่จะกลั้นขำไม่ได้
 “<<นึกว่าไปไหน หลบมาสวีทอยู่ตรงนี้นี่เอง ว้ายเหมือนความรักจังเลย แหวะ จะอ้วก คริๆ>>”
ใบหม่อนทำท่าเอียงคอคลี่ยิ้มหวาน ออกปากล้อเลียนพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เป็นการใหญ่ก่อนส่งท้ายด้วยเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
“น้องใบหม่อนมาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยนะ พี่ตกใจหมดแล้วเนี่ย” กลายเป็นพัชรที่ย้อนถามกลับมาก่อน
“คริๆ” ใบหม่อนยังหัวเราะไม่หยุด นิ้วชี้เรียวสวยทั้งสองข้างจิ้มเข้าหากันอย่างเขินๆ “ก็หนูเห็นพี่ป๊อปทำอะไรกับพี่พัชรอยู่ที่นอกระเบียงนี่นา เลยอยากแกล้งพี่ป๊อปซะหน่อยแค่นั้นเองค่า”
เห็นกิริยาท่าทางของหญิงสาวในตอนนี้แล้วยังไงก็โกรธไม่ลง รู้ตัวเองดีว่ากำลังถูกเอาคืนอยู่เพราะตัวเองก็ชอบแกล้งน้องสาวคนนี้อยู่เหมือนกัน ว่าแล้วมือหนาข้างที่ว่างเอื้อมไปดึงปอยผมที่ถูกคาดด้วยโบสีขาวขึ้นมาโยกเล่นเชิงหยอกล้อหนึ่งทีก่อนรีบปล่อยมือออก ปากหยักเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ถึงแม้จะรู้ว่าน้องสาวตัวเองย้ายไปทำงานที่ไหนตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายยอมปริปากบอกก่อนย้ายสามวันแล้วก็ตาม
“<<แกล้งพี่เหรอ ฮื้มๆ นี่ไปที่ทำงานใหม่ถูกไหม ไม่ใช่ขับรถหลงทางนะ>>”
กลีบปากอวบอิ่มหุบยิ้มลงแทบจะทันทีเมื่อโดนย้อนกลับมาแบบนี้ ดวงตากลมโตคู่สวยมองเข้าไปในดวงตาสองชั้นหลบของพี่ชายอย่างท้าทายเล็กๆ “<<พี่ป๊อปว่าหนูขี่รถหลงเหรอ กรมชลฯ ปากเกร็ดใกล้คอนโดฯ กว่าที่ทำงานเก่าหนูอีก ยังไงหนูไม่มีทางหลงหรอก นี่หนูอยู่เป็นเพื่อนพี่ป๊อปมาจะปีนึงแล้วนะ แค่นี้สบายมาก พี่ป๊อปไม่ต้องห่วงหรอก แบร่>>”
ใบหม่อนแลบลิ้นหลอกใส่คนเป็นพี่ชายหนึ่งที รู้อยู่ว่าพี่ชายคนนี้เป็นห่วงตัวเองมากขนาดไหน แต่รู้สึกครั้งนี้ว่ามันเยอะจนเกินไปจนชวนให้รู้สึกหมั่นไส้มากกว่า  ‘พี่ป๊อปไม่ต้องวุ่นวายกับชีวิตหนูได้ปะ หนูก็อายุจะยี่สิบเจ็ดแล้วน้า’ สาวเจ้านึกในใจ
“น้องใบหม่อนจ๊ะ เช้านี้กินข้าวด้วยกันไหม เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวให้กิน” พัชรถือโอกาสชวนว่าที่น้องสะใภ้ให้อยู่กินข้าวด้วยกัน แต่ว่า...
“ไม่เป็นไรค่าพี่พัชร” ใบหม่อนส่ายหน้าปฏิเสธพลางคลี่ยิ้มหวาน ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนเรียกรอยยิ้มจากอีกฝ่าย “หนูไปกินข้าวที่ทำงานดีกว่าค่า เดี๋ยวไปถึงสายเสียชื่อหนูแย่เลย”
พัชรต้องยอมจำนนให้กับเหตุผลของว่าที่น้องสะใภ้ คลี่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้อีกฝ่ายได้รับรู้ก่อนหันไปสบตากับชายคนรักที่ส่งสายตาตอบกลับมาอย่างรู้ใจกัน
“<<งั้นหนูไปก่อนน้าพี่ป๊อป พี่พัชร เดี๋ยวเย็นนี้หนูกลับมาทำกับข้าวให้กิน บ๊ายบาย>>”
หญิงสาวโบกมือลาทั้งสองก่อนหันหลังกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งหนึ่งเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน สำหรับวันนี้เจ้าตัวตั้งใจไปถึงให้เช้าเพื่อที่จะได้ทำความคุ้นเคยกับที่ทำงานใหม่ และที่สำคัญคือการได้นัดเจอเพื่อนเก่าที่เคยทำงานด้วยกันเมื่อครั้งยังเป็นพนักงานราชการอยู่ที่บ้านเกิดที่ตอนนี้ย้ายลงมาทำที่เดียวกันแล้ว...
ป๊อปมองตามแผ่นหลังบางของคนเป็นน้องสาวจนลับตาไปด้วยสายตาละห้อยแฝงความรู้สึกเป็นห่วงในใจ ปากหยักได้รูปภายใต้หนวดเคราที่เริ่มหนาครึ้มกว่าเดิมเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนยกแก้วกาแฟในมือขึ้นซดโฮกใหญ่
ทางด้านพัชรเอื้อมคว้ามือของคนรักมาบีบเบาๆ เชิงให้กำลังใจ “ป๊อปไม่ต้องห่วงน้องใบหม่อนหรอก น้องใบหม่อนก็โตมากแล้วนะ น้องเขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้วล่ะ”
ชายหนุ่มชำเลืองมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังส่งยิ้มให้ เหมือนต้องมนต์สะกดเมื่อความรู้สึกกังวลที่มีอยู่ในใจเริ่มเบาบางลง ลมหายใจอุ่นๆ ถูกพ่นออกอย่างโล่งอก “ขอบคุณมากนะพัชร เราเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้น่ะ น้องเราทั้งคนนะพัชร”
“ไม่ต้องคิดมากนะป๊อป”
ใบหน้าสวยหวานโน้มเข้าไปกระซิบข้างใบหูใหญ่ พลันกดจมูกโด่งเชิดรั้นลงบนแก้มสากของชายคนรัก ฝากความรู้สึกในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่แล้วป๊อปไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่ออาศัยจังหวะที่แฟนสาวถอยหน้าออกลอบประทับรอยจูบลงบนพวงแก้มนุ่มขาวใสอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ผลเมื่อหญิงสาวเริ่มหน้าร้อนฉ่า
“ขอบคุณมากนะพัชรที่เข้าใจเรา” เสียงเข้มเอ่ยทิ้งท้ายหลังจากถอนจูบจากใบหน้าของหญิงสาวเสร็จ ปากหยักคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ตอนนี้เรารักพัชรมากเลย”
กลีบปากเรียวสวยตวัดยิ้มน้อยๆ แต่สายตาที่ส่งมากลับแฝงไปด้วยความเขินอายจนแทบไม่กล้าสบตากันตรงๆ “กินกาแฟเสร็จแล้วไปล้างแก้วได้แล้วป๊อป เดี๋ยวเค้าทำกับข้าวให้กิน”
ร่างบางรีบเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วทั้งที่หน้ายังแดงไม่หยุด ปล่อยให้ป๊อปยืนยิ้มไปส่ายศีรษะทุยไปมาขับไล่ความคิดหื่นกามในหัวออกไป ยิ่งคบกันนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกดีมากเท่านั้นจนอยากจะรีบขอแต่งงานอย่างจริงจังในเร็ววัน แต่ติดที่ว่าตอนนี้ยังมีสิ่งหนึ่งในใจที่ยังฉุดรั้งไว้ทำให้เขาไม่กล้าขออย่างจริงจัง เพราะยังคิดว่าตัวเองยังดีไม่พอที่จะดูแลหญิงคนรักคนนี้ไปตลอดชีวิตได้...
ป๊อปจัดการล้างแก้วกาแฟทั้งสองใบตามปกติเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ขณะที่พัชรเดินไปหยิบของที่ตู้เย็นเตรียมทำกับข้าวเช้าวันนี้ กะว่าจะทำเมนูเบาๆ ให้กินกันได้สองคนเท่านั้น กับไข่เจียวหมูสับหอมหัวใหญ่และผัดผักชีฝรั่งกับแฮมซึ่งไม่ยุ่งยากมากนัก
“พัชร วันนี้ไปทำงานไหม”
ป๊อปหันไปถามระหว่างเก็บแก้วกาแฟคืนชั้นวาง
“หึ วันนี้เค้าไม่ต้องไปไซต์งาน ไม่ต้องเข้าออฟฟิศอ่ะ” เสียงหวานเอ่ยปฏิเสธ “พอดีบอสให้เค้าเคลียร์งานที่บ้านน่ะ เค้าเลยหอบงานมาทำเป็นเพื่อนป๊อปไงล่ะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้คนรักหลังจากพูดจบ
ศีรษะทุยได้รูปพยักหน้าเบาๆ เชิงรับรู้ ไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่อยากกวนสมาธิในการทำกับข้าวของแฟนสาว รีบพาตัวเองเดินหลีกกลับมาที่โต๊ะทำงาน เปิดไอแม็คคู่ใจลงมือทำงานฆ่าเวลาระหว่างรอกับข้าวมื้อเช้าไป...
..................................................................................
ณ กรมชลประทาน ปากเกร็ด
รถเก๋งสีดำคันย่อมถอยเข้าช่องจอดรถสำหรับเจ้าหน้าที่อย่างช้าๆ จนหยุดสนิทเมื่อรถจอดตรงช่องดีแล้ว หญิงสาวยังไม่ลงจากรถในทันทีเมื่อหันไปหยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมใบโปรดกับซองเอกสารรายงานตัวสำหรับข้าราชการที่โอนย้ายมาเตรียมไว้ให้พร้อม พลางอ่านข้อความในกลุ่มแชตบนแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินที่เนื้อหามีแต่ข้อความต้อนรับจากบรรดาเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่รู้จักกันเมื่อครั้งยังเป็นพนักงานราชการที่บ้านเกิดถูกส่งมารัวๆ จนอ่านแทบไม่หวาดไม่ไหว นิ้วเรียวสวยเอื้อมไปกดปุ่มสั่งให้เครื่องยนต์สามสูบใต้ฝากระโปรงดับลง ตรวจเช็คทุกอย่างในรถให้เรียบร้อยก่อนกดปุ่มพับกระจกมองข้างและลงจากรถในที่สุด ไม่ลืมหันไปกดมือจับสั่งให้รถล็อกเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
ร่างสูงระหงเดินตรงไปยังตึกใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานใหม่ของตัวเองอย่างใจเย็น สอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยเพราะเมื่อครั้งยังเป็นพนักงานราชการอยู่ที่บ้านเกิดมักจะต้องลงมาติดต่องานที่นี่อยู่บ่อยครั้ง เมื่อเดินสวนกับคนรู้จักที่อายุมากกว่า สาวเจ้าไม่รีรอที่จะยกมือไหว้ทักทายพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ตามมารยาท แต่ทันใดนั้น ร่างระหงที่เตี้ยกว่าในเครื่องแบบสีกากีแขนยาวเดินสวนมาพอดี พลันนัยน์ตาสวยเฉี่ยวเหลือบมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก
“<<ใบหม่อน นี่แกใช่ไหม>>” เสียงใสที่คุ้นหูออกปากทักขึ้นมาด้วยอาการดีใจสุดๆ
“<<ดาด้า หูย คิดถึงแกจังเลย>>”
ทั้งสองต่างโผเข้ากอดกันและกันด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากแยกย้ายกันไปเป็นเวลานานถึงหนึ่งปีเต็ม ถึงแม้จะแชตคุยกันบ้างก็ตาม แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้เจอกันอีกเลย
ดาด้าเป็นเพื่อนสนิทกับใบหม่อนตั้งแต่สมัยเรียนจนมาสอบเป็นพนักงานราชการสังกัดกรมชลประทานที่สุพรรณบุรีด้วยกัน และเป็นคนที่รู้เห็นในความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสาวคนสนิทกับแฟนหนุ่มเป็นอย่างดี และสนิทกับคนในครอบครัวของใบหม่อนทุกคนด้วย ดาด้าได้บรรจุที่กรมชลประทานตั้งแต่สอบผ่านวันแรก ผิดกับใบหม่อนที่ตำแหน่งเต็มเสียก่อนจนต้องไปบรรจุอีกหน่วยงานหนึ่ง จนมาวันนี้ วันที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“<<ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกันแหละนังใบหม่อน>>” ดาด้ายังเก็บทรงไม่อยู่เพราะดีใจเป็นอย่างมาก
“<<แกสบายดีนะดาด้า เนี่ยคุยในแชตไม่เหมือนเจอกันเลย>>” ใบหม่อนอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างกันกับฝ่ายแรกนัก “<<อุ๊ยลืมไป แกก็มาหาฉันที่คอนโดฯ แล้วนี่นา>>”
“<<ฉันก็สบายดีแหละนังใบหม่อน แล้วแกล่ะเป็นไง พี่ป๊อปเป็นไงบ้าง เห็นว่าแกมาอยู่คอนโดฯ พี่ป๊อปไม่ใช่เหรอ>>” เป็นดาด้าที่ย้อนถามกลับมาทั้งที่รู้อยู่แล้ว ทำเอาใบหม่อนต้องเบะปากมองบนเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามถึงพี่ชายตัวเอง
“<<แหมถามถึงพี่ป๊อปใหญ่เลยนะอินังดาด้า>>” ใบหม่อนย้อนให้ไม่จริงจังนัก เห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทออกอาการเขินเมื่อถามถึงพี่ชายตัวเองแล้วรู้สึกหมั่นไส้เหลือเกิน “<<ฉันกับพี่ป๊อปก็สบายดีแหละแก แต่เดี๋ยวนี้พี่ป๊อปไม่ได้ติ๋มๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ตอนนี้น่ะเหรอ ทั้งติสต์แตก ทั้งบ้างานจนฉันเอือมแล้วเนี่ย แต่เขายังดูแลฉันดีเหมือนเดิมเลยนะแก>>”
“<<เหรอจ๊ะ อืม ฉันก็ไม่ได้เจอพี่ชายแกนานแล้วด้วย วันหลังแกก็พาฉันไปเที่ยวที่คอนโดฯ บ้างสิยะ จะได้เจอพี่ป๊อปด้วยไง>>”
“<<เวอร์ๆ แกเจอพี่ป๊อปแล้วไม่ใช่เหรอ>>” ใบหม่อนสวนกลับทันควัน จำได้ว่าก่อนจะย้ายมาเพียงสองเดือนเพื่อนสนิทคนนี้มาเยี่ยมถึงคอนโดฯ และได้เจอกันแล้วด้วย “<<แล้วนี่เรื่องไอ้เจมส์แฟนแกเป็นไงบ้างอ่ะ>>” ว่าแล้วเลยไปถามเรื่องความรักด้วยเสียเลย หารู้ไม่ว่าเรื่องนี้จะย้อนกลับมาทำให้ตัวเองต้องลำบากใจเสียเอง
“<<เจมส์น่ะะเหรอ ชีวิตฉันตอนนี้ดี๊ดีเลยล่ะ เดี๋ยวนี้เจมส์ดูแลฉันดีมากเลย>>” ดาด้าเริ่มเปิดฉากเล่าเรื่องตัวเองด้วยน้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นมากกว่าเดิม กะจะแกล้งให้เพื่อนซี้คนนี้อิจฉาเล่นๆ
“<<จริงดิดาด้า นี่ถ้าแกมีข่าวดีเมื่อไหร่อย่าลืมส่งการ์ดมาให้ฉันด้วยล่ะ>>” ใบหม่อนแกล้งหยอกอีกฝ่าย เพราะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนสนิทคนนี้ยังไม่อยากจะเริ่มต้นชีวิตแต่งงานในตอนนี้
“<<ยังหรอกจ้าใบหม่อน ฉันกับเจมส์ยังต้องเรียนรู้กันอีกเยอะเลย>>” ดาด้าเอ่ยปฏิเสธแบบไม่แคร์สายตาคาดคั้นของเพื่อนสาว “<<แหมมาทำเป็นห่วงฉัน แกเถอะ กับอินังโบ้เป็นไงบ้างล่ะ>>”
ใบหม่อนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้ยินชื่อของชายคนรัก รู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
“<<ก็เรื่อยๆ แหละแกดาด้า ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก>>”  เสียงใสเบาลงกว่าเดิมมาก สีหน้าของสาวเจ้าดูหม่นหมองลงชัดเจน “<<ก็ไลน์คุยกันบ้างแหละแก>>”
ดาด้าเห็นท่าไม่ดีเมื่ออีกฝ่ายทำสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เอื้อมคว้ามือเรียวสวยมาบีบเล็กน้อยเชิงให้กำลังใจ “<<ไม่เป็นไรนะแก เดี๋ยวก็ได้เจอกัน แกย้ายมานี่ก็ต้องไปโคงานกับโบ้อยู่แล้วป่ะล่ะ>>”
ใบหม่อนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เชื่อในคำพูดของเพื่อนสนิทมากนัก ปากอิ่มเริ่มต่อว่ากลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองที่เริ่มคิดเตลิดไปไกลแล้ว
“<<แกจะมารู้เรื่องฉันดีได้ยังไงยะอินังดาด้า>>”
ดาด้ายิ้มกระตุกๆ เมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนสนิท “<<เออน่าเชื่อฉันเหอะ หรือถ้าโบ้คิดจะนอกใจจริงๆ ก็ไปบอกให้พี่ป๊อปจัดการให้สิ จะไปยากอะไรล่ะ คริๆ>>”
ที่พูดแบบนี้เพราะรู้เรื่องที่พี่ชายของเพื่อนสาวไปชกหน้าบุคคลในหัวข้อสนทนาคนนี้เต็มๆ เมื่อจับได้ว่าไปเดินกับผู้หญิงอื่น ประจวบเหมาะกับช่วงเวลานั้นทั้งสองเริ่มระหองระแหงกันเล็กน้อย ภาพที่แฟนของเพื่อนสนิทหน้าเขียวช้ำเพราะโดนหมัดของพี่ชายเพื่อนสนิทคนนี้เข้าไปยังติดตาเจ้าตัวมาจนถึงวันนี้
“<<ช่างมันเถอะด้าด้า ไป กินข้าวกันเถอะ ฉันหิวจะแย่แล้วเนี่ย>>”
สุดท้ายใบหม่อนเลือกที่จะตัดบทเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้ ยิ่งพูดถึงยิ่งรู้สึกสะเทือนใจ ถึงแม้ว่าจะได้แชตคุยกันบ้างก็ตาม
วันแรกในการทำงานวันนี้หญิงสาวยังไม่เริ่มลงมือปฏิบัติงานในทันทีหลังจากรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาใหม่ มีเพียงแต่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้พี่เลี้ยงพาไปดูงานและแนะนำตัวกับบรรดาเพื่อนข้าราชการในส่วนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับส่วนงานที่เจ้าตัวจะต้องทำ จนพากลับมายังห้องทำงานในแผนกของเจ้าตัว เมื่อเข้าไปถึง บรรดาข้าราชการทั้งรุ่นพี่และเพื่อนๆ ต่างให้การต้อนรับข้าราชการใหม่หน้าเดิมที่คุ้นเคยคนนี้อย่างอบอุ่นจนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเพื่อนสนิทอย่างดาด้าที่นั่งโต๊ะทำงานติดกับโต๊ะทำงานใหม่ของเจ้าตัวในตอนนี้...
..........................................................................................
ตกเย็น
ใบหม่อนเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องหลังจากกลับมาจากทำงานในที่ทำงานใหม่ในวันแรก สีหน้าของหญิงสาวยังผุดพราวไปด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี หลังจากถอดรองเท้าวางบนชั้นวางเคียงข้างรองเท้าบูทหนังสีดำของว่าที่พี่สะใภ้เสร็จ เงยหน้าขึ้นมาเห็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้กำลังนั่งคร่ำเคร่งกับงานอยู่คนละมุมไม่ห่างกันนัก ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หุบลงอย่างขัดใจ แต่แล้วแอบนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาเมื่อ...
“<<สวัสดีค่าพี่ป๊อป พี่พัชร>>”
เสียงกังวานใสของหญิงสาวดังสนั่นลั่นห้องพร้อมกับยกมือไหว้แบบเสียมิได้ จงใจแกล้งประชดพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ชัดเจน แล้วก็ได้ผลเมื่อทั้งสองเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน แล้วก็เป็นพี่ชายที่ออกปากทักขึ้นมาก่อน
“<<อ้าวกลับมาแล้วเหรอใบหม่อน>>”
“<<ก็ใช่น่ะสิพี่ป๊อป พี่พัชร มัวแต่บ้างานอยู่นั่นแหละ>>” ใบหม่อนเปิดฉากแว้ดแหวใส่พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยอาการน้อยใจเล็กๆ “<<น้องนุ่งกลับมาทั้งทีแทนที่จะถามไถ่บ้าง ไม่มีสักคำเลย เชอะ>>”
“โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะจ๊ะน้องใบหม่อน” เป็นพัชรที่รีบลุกขึ้นไปสวมกอดร่างสูงระหง เอ่ยปากขอโทษอีกฝ่ายไม่หยุด “พอดีพวกพี่ทำงานเพลินไปหน่อยน่ะจ้ะ น้องใบหม่อนไม่โกรธพี่นะ”
“<<พี่ขอโทษนะคะใบหม่อน>>”
กลายเป็นใบหม่อนที่ทำตัวไม่ถูกเสียเองเมื่อได้ยินคำขอโทษจากพี่ๆ ทั้งสอง แต่ตอนนี้มือเล็กทั้งสองข้างค่อยๆ ดันร่างบางที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของว่าที่พี่สะใภ้ออกก่อน รอยยิ้มสดใสกลับมาอีกครั้งหนึ่ง หันไปหาคนเป็นพี่ชายที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“<<นี่ๆ พี่ป๊อป หนูย้ายครั้งนี้ได้ทำงานกับดาด้าด้วยน้า โลกกลมมากเลยอ่ะพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อพูดถึงเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนจนได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับแสดงสีหน้าที่บ่งบอกให้รับรู้ว่าตัวเองจำได้ “<<จริงเหรอใบหม่อน อืมดีเลย เจอเพื่อนซี้ทำงานด้วยกันแบบนี้สบายใจล่ะสิเราน่ะ>>”
“<<มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนทำท่าเอียงคอเล็กน้อย ปากอิ่มยังยิ้มไม่หุบ “<<แบบนี้แหละที่หนูชอบ ไปทำงานแล้วสบายใจแบบนี้อ่ะ>>”
นัยน์ตาสองชั้นหลบมองหน้าของคนเป็นน้องสาวที่ยังยิ้มไม่หุบด้วยความรู้สึกที่ยินดีไปด้วย นานแค่ไหนแล้วตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันที่ไม่ได้เห็นน้องสาวของเขามีความสุขขนาดนี้
“<<งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนน้าพี่ป๊อป พี่พัชร เดี๋ยวมาทำกับข้าวให้กินน้า>>”
ร่างสูงระหงเดินหลีกไปยังห้องนอนใหญ่ของตัวเองหลังจากนั้นไม่นานนัก ป๊อปได้แต่หันไปมองตามก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่คลี่ออกมา ชำเลืองมองมาทางคนรักที่กำลังส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยระคนห่วงใยพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ เผยอให้เห็นฟันขาวสวยเล็กน้อย
“คิดอะไรอยู่เหรอป๊อป”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกพัชร” เสียงเข้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ทำงานต่อเหอะพัชร”
ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ เงยหน้าขึ้นประทับรอยจูบบนขมับของหญิงสาวแทนคำตอบทั้งหมดที่มีอยู่ในใจของเขา แต่เมื่อเขาผละใบหน้าคร้ามออกมา เห็นสายตาของคนรักที่เริ่มคาดคั้นจะเอาคำตอบจากเขาให้ได้จนต้องยอมแพ้
“ป๊อป เราคบกันมาจะสิบสามปีแล้วนะ ไหนเคยบอกกันแล้วไงว่ามีอะไรจะไม่ปิดบังกันไงล่ะ” เสียงหวานเอ่ยคาดคั้นขึ้นมาทั้งที่ตอนนี้ยังหน้าแดงอยู่ก็ตาม
ป๊อปรู้สึกหวิวในใจแปลกๆ เมื่อถูกคนรักคาดคั้น ไม่อยากจะให้ผิดใจไปมากกว่านี้อีกจึงยอมปริปากออกมา แต่ก่อนอื่น เขายื่นมือประคองร่างบางลงนั่งโซฟาด้วยกันก่อน นัยน์ตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคนรักด้วยสายตาที่จริงจังแฝงความรู้สึกโล่งใจเล็กๆ ปนความกังวลในใจ นึกย้อนไปถึงวันทำงานวันแรกของน้องสาวกับที่ทำงานเก่า
“เราเองก็อดดีใจกับน้องเราไปด้วยไม่ได้น่ะที่ได้ย้าย เราเห็นสีหน้าน้องเรามีความสุขแล้วเราก็รู้สึกมีความสุขไปด้วยน่ะพัชร เรายังจำวันที่น้องเราบรรจุที่แรกได้เลยเมื่อปีที่แล้ว ตอนแรกน้องเราก็โอเค.อยู่ แต่พอทำงานวันแรก น้องเราโดนตำหนิจนกลับมาร้องไห้กับเราน่ะ เราก็ เฮ้อ ปลอบใจอยู่นานกว่าจะหยุดร้อง หวังว่าย้ายมาครั้งนี้คงไม่มีอะไรทำให้น้องเราต้องร้องไห้อีกครั้งนะ”
พูดจบปากหยักเหยียดยิ้มอีกครั้งหนึ่ง แต่สายตาที่มองมายังฉายแววของความกังวลใจให้เห็น ขณะที่พัชรพยักหน้าเบาๆ บอกให้คนรักได้รับรู้ว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่างแล้ว พลันบีบมือหนาเบาๆ พลางคลี่ยิ้มหวานเชิงให้กำลังใจ
“ป๊อปไม่ต้องคิดมากหรอกน่า น้องใบหม่อนเขาก็โตมากแล้วนะป๊อป ทำยังกับน้องเขาเป็นเด็กไปได้ น้องเขาคิดอะไรได้ตัดสินใจอะไรเองได้ ไม่น่าจะมีอะไรหรอกป๊อป”
“ก็จริงของพัชรแหละ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา มือหนาพลิกมากุมมือบางของคนรักพลางบีบเบาๆ เชิงขอบคุณ “เรารู้ว่าน้องเราแกร่งมาก เรื่องแค่นี้ทำอะไรน้องเราไม่ได้หรอก แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้น่ะ รู้อยู่ว่างานราชการมันเป็นยังไง”
“เอาน่าป๊อป ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมากนะคะที่รัก”
เสียงหวานเอ่ยปลอบใจคนรักอีกครั้งหนึ่ง พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าคร้ามของคนรัก คราวนี้ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ฉวยโอกาสเมื่อเจ้าตัวเป็นฝ่ายประทับริมฝีปากเรียวสวยลงบนแก้มสากของชายคนรักเสียเอง
ป๊อปรู้สึกได้ถึงไออุ่นของรอยจูบที่คนรักประทับลงบนใบหน้าของตัวเอง รอจังหวะตอนอีกฝ่ายถอนจูบเสร็จหันไปตวัดท่อนแขนทั้งสองข้างรั้งร่างบางให้เข้ามาแนบชิดใกล้ บรรจงประทับริมฝีปากหยักลงบนกลีบปากเรียวบางสวยได้รูปอย่างนุ่มนวล สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กของหญิงคนรักสัมผัสรสจูบอันแสนหวานที่มีให้กันและกัน แทนคำขอบคุณทั้งหมดที่มีอยู่ในใจ ทั้งสองต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักที่มอบให้กันผ่านรอยจูบครั้งนี้
บังเอิญใบหม่อนเดินออกมาจากห้องพอดี เห็นโต๊ะทำงานตรงหน้าที่ว่างเปล่ามีเพียงคอมพ์ที่เปิดทิ้งไว้ สาวเจ้าชำเลืองมองไปทางโซฟาตัวใหญ่กลางห้องก็ประสบพบกับฉากเลิฟซีนอันดูดดื่มระหว่างพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ แต่สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้มีเพียงเดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างเงียบเชียบ ใบหน้าสวยหวานที่กำลังฉีกยิ้มกว้างกับสายตาฉายแววขี้เล่น รอเพียงจังหวะที่พี่ๆ ทั้งสองถอนจูบออกจากกันเท่านั้น
เป็นพัชรที่ค่อยๆ ถอนจูบออกมา เว้นระยะห่างพอให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนตรงหน้า ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นสบตากับคนรักด้วยความรู้สึกหลากหลาย กลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อต่างคนต่างเปลี่ยนอิริยาบถนั้น บังเอิญป๊อปหันไปสบตากับน้องสาวสุดที่รักที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับรอยยิ้มฉายแววขี้เล่นที่ส่งผ่านดวงตากลมโตคู่สวย
“<<มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยหืม>>”
“<<หนูมาตั้งแต่พี่ป๊อปกับพี่พัชรจูบกันแล้วล่ะ คริๆ>>”
เสียงใสตอบกลับมาอย่างร่าเริง ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงฉายแววขี้เล่นออกมาให้เห็น แต่ตอนนี้พัชรรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าสวยหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุก ปรายตามองหน้าว่าที่น้องสะใภ้ด้วยสายตานิ่งๆ พยายามซ่อนความรู้สึกเขินอายไว้ หันกลับไปมองหน้าคนรักที่กำลังยิ้มเจื่อนๆ ราวกับเด็กน้อยถูกคุณแม่จับได้ว่าทำผิดแล้วอดที่จะขำตามไปด้วยไม่ได้
“<<พี่ป๊อปดูสิ พี่พัชรหน้าแดงแล้วเนี่ย>>” ใบหม่อนได้ทีขยี้ว่าที่พี่สะใภ้ซ้ำอีก
พัชรได้ยินแบบนี้เข้าถึงกับเบะปากใส่ว่าที่น้องสะใภ้ตัวดีกลบเกลื่อนอาการเขินอายที่ยิ่งทวีมากขึ้นไปอีก ทางด้านป๊อปยื่นมือส่งมะเหงกหน้าผากโหนกนูนสวยได้รูปของน้องสาวด้วยน้ำหนักมือที่เบาบางจนเท่ากับแค่การสะกิดเท่านั้น แต่...
“<<พี่ป๊อปเขกหัวหนูทำไมอ่ะ>>” ใบหม่อนทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่
“<<ฮิๆ ไหนบอกอาบน้ำเสร็จจะทำกับข้าวให้พี่กินไง ไปทำกับข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่รอ ฮิๆ>>” สุดท้ายป๊อปแกล้งเปลี่ยนเรื่องจนได้เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอีก
“<<ย่ะ!!!>>”
ใบหม่อนทำหน้าหงิกใส่คนเป็นพี่ชายก่อนเดินสะบัดตูดจากไปด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก แต่กิริยาท่าทางที่แสดงออกมากลับเหมือนเด็กถูกขัดใจเสียมากกว่า
ป๊อปหันไปมองตามร่างสูงระหงที่เดินจากไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดีก่อนหันกลับมาหาแฟนสาว ยังเห็นใบหน้าสวยหวานยังมีร่องรอยแดงอยู่ อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปประทับรอยจูบบนพวงแก้มนุ่มอีกหวังจะช่วยขับไล่อาการเขินอายให้หมดไป แต่สาวเจ้ากลับถอยหน้าหนีเสียอย่างนั้น กลีบปากเรียวสวยออกปากว่าให้ไม่จริงจังนัก
“พอได้แล้วป๊อป ไม่อายน้องอายนุ่งบ้างเหรอไง”
คนตัวใหญ่ได้แต่ทำหน้าเจื่อนด้วยอาการผิดหวังเมื่อถูกปฏิเสธ แต่พัชรกลับหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าชัดเจน
................................................................................................
สองพี่น้องกับว่าที่สะใภ้ของครอบครัวลงมือรับประทานอาหารมื้อเย็นกันอย่างพร้อมหน้ากับเมนูหลักอย่างผัดกะเพรากับไข่เจียวหมูสับร้อนๆ ฝีมือของใบหม่อนเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
“<<พี่ป๊อป พี่พัชร เบื่อกับข้าวบ้างไหมเนี่ย หนูทำเองหนูยังเบื่อเองเลย>>”
ป๊อปชำเลืองมองหน้าน้องสาวที่แสดงสีหน้าเบื่อให้เห็นอย่างชัดเจน ผิดกับตัวเขาเองที่แทบไม่มีอาการเบื่อกับข้าวเลยแม้แต่น้อยโดยเฉพาะถ้าเป็นฝีมือของใบหม่อนเอง
“<<พี่จะเบื่อทำไมล่ะคะ ก็นี่กับข้าวฝีมือน้องสาวพี่ทำไง>>”
“นั่นสิจ๊ะน้องใบหม่อน ไม่เห็นจะน่าเบื่อตรงไหนเลย”
ใบหม่อนชำเลืองมองหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้สลับกันอย่างประเมิน ดวงตากลมโตยังออกอาการเบื่อให้เห็นก่อนหล่นความเห็นของตัวเองออกมา
“<<ก็วันๆ หนูทำแต่ผัดกะเพรากับไข่เจียวหมูสับเกือบทุกวันเลยนี่นา มีเปลี่ยนแค่ไม่กี่อย่างเอง นี่ถ้าเป็นที่บ้านนะหนูทำแกงส้ม ทำของทอดอร่อยๆ ให้กินแล้วล่ะ แต่ที่คอนโดฯ ทำอะไรฉุนๆ แรงๆ ไม่ได้นี่นา>>”
“<<เอาน่าใบหม่อน ทำเท่าที่ทำได้นี่แหละ พี่ไม่เบื่อหรอกค่ะ หรือถ้าเราเบื่อจะเปลี่ยนไปทำอะไรดีเหรอ>>”
เป็นป๊อปที่ย้อนถามกลับไป เมื่อเห็นใบหม่อนทำสีหน้าเบื่ออย่างคมคายชัดเจนถึงขนาดนี้
“<<ไม่รู้สิพี่ป๊อป มันรู้สึกเบื่อไงๆ ไม่รู้อ่ะ>>” ใบหม่อนทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่ ดวงตากลมโตหลุบต่ำลงมองอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกเบื่อ
“คิดมากไปรึเปล่าจ๊ะน้องใบหม่อน” พัชรหันไปพูดกับใบหม่อนก็จริงแต่กระทบชิ่งมาทางคนรักเต็มๆ “คิดมากเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะเนี่ย”
สองพี่น้องพร้อมใจกันหันขวับไปหาเจ้าของคำพูดเมื่อสักครู่อย่างพร้อมเพรียงกัน โดยเฉพาะคนเป็นน้องสาวที่กังวลเรื่องนี้อยู่แล้วยิ่งมองดุใส่ว่าที่พี่สะใภ้แทบจะทันที มีเพียงแต่ป๊อปที่ส่งยิ้มผ่านสายตาให้กับคนรักเท่านั้น
“<<เอาน่าๆ ใบหม่อน กินข้าวกันเถอะ กับข้าวฝีมือใบหม่อนอร่อยจะตาย>>”
ป๊อปตัดสินใจตัดบทเมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มมาคุ ไม่อยากให้น้องสาวสุดที่รักต้องกังวลใจไปมากกว่านี้ ไม่รอช้าเริ่มลงมือตักผัดกะเพราส่งกลิ่นหอมฉุยใส่จานของแฟนสาวก่อนตักใส่จานของตัวเองทีหลัง ลงมือละเลียดอย่างเอร็ดอร่อยเป็นที่สุด สำหรับตัวเองแล้ว น้องสาวของเขาทำกับข้าวได้อร่อยและถูกปากเขาที่สุด
“น้องใบหม่อนจ๊ะ ที่ทำงานใหม่เป็นยังไงบ้างล่ะ” พัชรเอ่ยถามเรื่องงานใหม่กับว่าที่น้องสะใภ้เสียเลย
ใบหม่อนกลอกตามองบนอยู่สักพักก่อนให้คำตอบกับว่าที่พี่สะใภ้ด้วยท่าทางอารมณ์ดี “หูย ดีเลยล่ะค่ะพี่พัชรขา พี่ๆ ที่ทำงานใหม่ดีกับหนูมากเลย ไม่เหมือนที่ทำงานเก่าหรอก เจอแต่คนบ้าๆ บอๆ หนูปวดประสาทจะตาย”
“<<ไม่ดีได้ไงล่ะ ทำงานกับดาด้าไม่ใช่เหรอใบหม่อนหน้ากลม>>”
จู่ๆ เสียงทุ้มลอยลมแทรกขึ้นมา และนั่นทำให้รอยยิ้มสดใสรีบหุบลงแทบจะทันที หันไปแยกเขี้ยวใส่คนเป็นพี่ชายอย่างขัดใจ
“<<ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป>>” เสียงใสแหวใส่คนล้อเลียนเมื่อสักครู่ “<<ใช่แล้วพี่ป๊อป นี่หนูได้ทำฝ่ายเดียวกับดาด้าด้วยน้า>>”
รอยยิ้มแห่งความยินดีผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามของชายหนุ่มเมื่อได้ยินคำตอบของน้องสาว “<<เฮ้ยจริงสิ พี่ว่าดีแล้วล่ะมีเพื่อนทำงานด้วยกันเวลามีปัญหาอะไรก็ช่วยกันได้ ไม่ยาก>>”
“<<จ้า>>” ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดใส่ก่อนหันไปคุยกับว่าที่พี่สะใภ้ต่อ “หนูว่าถึงจะไกลหรือลำบากแค่ไหน แต่ถ้าย้ายไปแล้วหนูมีความสุขหนูก็ยอมย้ายแหละพี่พัชร”
“ดีแล้วจ้า” เสียงหวานเอ่ยกับว่าที่น้องสะใภ้ด้วยความรู้สึกยินดีไปด้วย “พี่ว่าน้องใบหม่อนย้ายไปกรมชลฯ ปากเกร็ดก็ดีเหมือนกันนะ ใกล้คอนโดฯ ป๊อปมากกว่าที่ทำงานเก่าอีกไม่ใช่เหรอ”
ใบหม่อนหรี่ตาลงพร้อมกับหุบยิ้มลงเล็กน้อย “ใกล้กว่าเยอะเลยล่ะพี่พัชร อีกอย่างถ้าหนูย้ายไปไกลกว่านี้ใครจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ป๊อปล่ะพี่พัชร” หันไปชำเลืองมองคนเป็นพี่ชายหลังตอบคำถามว่าที่พี่สะใภ้จบ
พัชรคลี่ยิ้มบางๆ หลังจากได้ฟังคำตอบของว่าที่น้องสะใภ้ หันไปมองหน้าคนที่อยู่ข้างๆ ที่บังเอิญหันมาสบตาและยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกบางอย่างในหัวใจ ขณะที่ใบหม่อนหันไปหาคนเป็นพี่ชาย กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มร้ายขึ้นมา
“<<ถ้าหนูย้ายไปอยู่หอคนเดียว ใครจะจ่ายค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ค่าของกินให้หนูล่ะ คริๆ>>”
“<<อ้าว ก็จ่ายเองสิ เงินเดือนเยอะไม่ใช่เหรอ>>” ป๊อปแกล้งทำเป็นไขสือทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าน้องสาวจงใจแกล้งเขาเล่น “<<หรือเอางี้ไหม ช่วยพี่จ่ายค่าน้ำค่าไฟสักหน่อยไหมล่ะ ฮิๆ>>”
ได้ผลเมื่อรอยยิ้มร้ายหุบลง เหลือเพียงแต่ใบหน้ามู่ทู่แสดงความรู้สึกขัดใจ ปากอวบอิ่มเริ่มตัดพ้อ “<<หนูช่วยจ่ายก็ได้นะถ้าพี่ป๊อปจะเอาอ่ะ พี่ป๊อปใจร้าย รู้อยู่ว่าเงินเดือนหนูน้อยยังจะรีดไถอีก กลับบ้านไปหนูจะฟ้องแม่คุณให้จัดการพี่ป๊อปเลย ชิ>>”
ป๊อปหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินคำตัดพ้อต่อว่าของน้องสาวที่ยังไงเขาก็ต้องยอมแพ้อยู่แล้ว “<<พี่ล้อเล่นน่า ใครจะกล้าไถเงินน้องสาวตัวเองล่ะหืม มีแต่ใบหม่อนแหละไถเงินพี่ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ฮิๆๆ>>”
“<<พี่ป๊อป!!!>>” ใบหม่อนถลึงตาดุพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ ตอนนี้ใบหน้าของสาวเจ้าร้อนวูบวาบไปหมดแล้วเมื่อถูกจี้จุด “<<ไม่ต้องมาประจานหนูเลยนะพี่ป๊อป ทีหนูลงมาอยู่ด้วยแล้วทำงานบ้านให้ทุกอย่างหนูยังไม่บ่นเลยนะพี่ป๊อป ทั้งกวาดห้อง ถูห้อง ขัดห้องน้ำ ทำกับข้าวให้กิน พี่ป๊อปแค่จ่ายเงินซัพพอร์ตหนูเท่านั้น ไม่ต้องมาบ่นเลย ยังไงหนูก็ไถเงินพี่ป๊อปอยู่ดีแหละ แบร่>>” แลบลิ้นหลอกใส่พี่ชายเป็นการส่งท้าย
กลายเป็นป๊อปที่ไปต่อไม่เป็นเมื่อโดนน้องสาวบ่นชุดใหญ่ไฟกะพริบให้ ได้แต่หัวเราะแห้งๆ รับสภาพไปเพราะสิ่งที่น้องสาวเขาพูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่างแบบไม่มีช่องให้โต้เถียง มองไปทางคนรักที่กำลังส่งเสียงหัวเราะผสมโรงไปส่ายศีรษะสวยไปอย่างเอือมระอาเมื่อเห็นพี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันในตอนนี้
“นี่ ทะเลาะกันอยู่ได้พี่น้องคู่นี้ เค้ากินข้าวไม่อร่อยแล้วนะ” เสียงหวานว่าให้ไม่จริงจังนัก ปรายตามองดุใส่สองพี่น้องอย่างขุ่นเคืองในใจเล็กๆ
ได้ผลเมื่อทั้งสองยอมหยุดทะเลาะกัน แต่ดูเหมือนใบหม่อนยังไม่ยอมจบด้วยการส่งสายตาดุใส่พลางเบะปากขึ้นอย่างขัดใจ มีเพียงแต่ป๊อปที่พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆ ก่อนลงมือละเลียดอาหารในจานตรงหน้าต่อ ขณะที่พัชรรู้สึกเอือมจนต้องพูดคำนี้ออกมาอีกครั้ง
“ป๊อปนี่น้า ชอบแกล้งน้องจริงๆ เลย” คำต่อว่าเดิมๆ ถูกส่งไปหาคนตัวใหญ่ที่อยู่เคียงข้างอีกครั้ง
ป๊อปได้ยินดังนั้นแล้วเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อนอกจากคลี่ยิ้มบางๆ รับสภาพไป เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันยังไงตัวเองก็เป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี ไม่เคยเถียงชนะน้องสาวคนนี้ได้สักที และยังเป็นฝ่ายถูกต่อว่าทุกครั้งจนทุกวันนี้ชินไปแล้ว
อาหารมื้อเย็นจบลงเมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ทั้งสามช่วยกันเก็บจานจนหมดโต๊ะ และก็เป็นหน้าที่ของป๊อปกับพัชรที่ช่วยกันล้างจานด้วยกันจนเสร็จในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก ขณะที่ใบหม่อนทำหน้าที่เช็ดโต๊ะกินข้าวจนเสร็จและปลีกตัวแยกมาที่โซฟาใหญ่กลางห้อง คว้ารีโมตเปิดทีวีจอใหญ่ติดผนังตรงหน้าดูละครเรื่องโปรดไปเขี่ยหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือไปเรื่อยๆ เป็นการฆ่าเวลา รอพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่ตอนนี้เข้าไปอาบน้ำอยู่มานั่งเป็นเพื่อนเท่านั้น...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา