เจ้าหญิงของฉัน
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) เมื่อเจ้าหญิงอายุครบ 27 ปี Pt.1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่ใบหม่อนย้ายไปทำงานยังที่ใหม่ที่เต็มไปด้วยเพื่อนๆ และคนรู้จักกันตั้งแต่สมัยยังเป็นพนักงานราชการ กับตำแหน่งใหม่ที่ต้องรีบผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิม แต่เมื่อได้เจอสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นกับเพื่อนร่วมงานดีๆ ทำให้เจ้าตัวรู้สึกมีความสุขและสนุกกับงานมากขึ้นผิดกับเมื่อครั้งที่ได้บรรจุที่หน่วยงานแรกที่มีแต่เรื่องให้ปวดหัวมากมายโดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน
เวลาผ่านเลยไปจนถึงวันอาทิตย์
ใบหม่อนตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะวันนี้ตรงกับวันเกิดครบปีที่ 27 ของตัวเอง ถึงแม้จะลืมตาตื่นมาแล้วแต่ร่างสูงระหงยังนอนอยู่บนเตียง นิ้วเรียวสวยเขี่ยไปมาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินในมือไล่อ่านข้อความอวยพรวันเกิดจากบรรดาเพื่อนๆ ทั้งเพื่อนเก่าสมัยเรียน เพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาที่สนิทสนมด้วยผ่านโซเชียลมีเดียสีน้ำเงินและสีเขียวที่ทะยอยส่งเข้ามารัวๆ จนเจ้าตัวไล่ตอบแทบไม่ทันแล้วในตอนนี้
ขณะเดียวกัน พัชรลงมือปรุงอาหารสำหรับใส่บาตรในยามเช้าวันนี้อย่างสุดฝีมือส่งกลิ่นหอมฉุยคละคลุ้งไปทั่วห้อง ขณะที่คนเป็นพี่ชายอย่างป๊อปรับหน้าที่จัดของใส่บาตรทั้งสามชุดให้เรียบร้อย รอเพียงกับข้าวฝีมือแฟนสาวเสร็จเท่านั้น
ผัดกะเพราหมูชิ้นร้อนๆ ถูกเทใส่ถุงและมัดปากถุงไว้อย่างเรียบร้อยด้วยฝีมือของคนที่ทำหน้าที่ปรุงอาหารไปเมื่อสักครู่ส่งให้กับคนตัวใหญ่เอาไปใส่ถุงจนครบสามใบในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน เหลือเพียงแต่รอให้เจ้าของวันเกิดออกมาจากห้องนอนเท่านั้น
ร่างสูงระหงที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดเสื้อแข่งของทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์กับกางเกงยีนขาห้าส่วนเข้ารูป ผมยาวสลวยสีน้ำตาลโค้กประกายทองถูกรวบตึงมัดจุกเหนือศีรษะ ทิ้งปอยผมเล็กๆ ด้านหน้าเผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนดูน่ารักสดใสสมวัยเดินมาหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ตรงเคาน์เตอร์หลังครัว แจกรอยยิ้มสดใสที่เห็นแล้วชวนใจละลายให้กับพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้หนึ่งทีอย่างอารมณ์ดี
“<<พี่ป๊อปพี่พัชร ทำอิหยัง>>” เสียงใสเอ่ยถามคนเป็นพี่ชายทันทีที่เห็นหน้า
“<<ก็เตรียมของใส่บาตรให้เราสิคะใบหม่อนหน้ากลม>>” ป๊อปเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแฝงความขี้เล่นเล็กๆ “<<นี่พี่พัชรลงมือทำกับข้าวให้เองเลยนะ>>” พูดจบมือหนาส่งของใส่บาตรที่เตรียมไว้ให้กับคนเป็นเจ้าของวันเกิดที่กำลังทำหน้าหงิกใส่เมื่อโดนตัวเองล้อไปเมื่อสักครู่
“<<ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยกระเง้ากระงอดใส่อย่างขัดใจ “<<ปีนี้ไม่ต้องพาหนูไปวัดเลยนะ ใส่บาตรแค่หน้าคอนโดฯ พอ เข้าใจไหม>>”
ไม่พูดเปล่ายังยกนิ้วเรียวสวยชี้หน้าคนตัวใหญ่พร้อมกับส่งสายตาคาดคั้นใส่ก่อนผละออกไปเกาะแขนทำท่าอ้อนว่าที่พี่สะใภ้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“พี่พัชรขา ทำอะไรให้หนูใส่บาตรคะ หูย หอมมากเลยอ่า
พัชรอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นกิริยาท่าทางของว่าที่น้องสะใภ้ที่มาซบหน้าลงบนท่อนแขนบอบบางของตัวเอง อดไม่ได้ที่เอื้อมมือไปลูบบนเรือนผมสลวยที่ถูกมัดจุกด้วยความเอ็นดู “แหมน้องใบหม่อน มาถึงก็อ้อนพี่เลยนะจ๊ะ ทำไมไม่ไปอ้อนพี่ป๊อปบ้างล่ะจ๊ะ”
“ก็พี่ป๊อปนิสัยไม่ดี ชอบว่าหนูนี่นาพี่พัชร” หญิงสาวทำท่าทางกระเง้ากระงอดใส่ มือเล็กยังเกาะแขนของอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย “พี่พัชรขา วันเกิดหนูปีนี้พี่พัชรจะให้อะไรเป็นของขวัญคะ”
“อืม ไว้ถามพี่ชายของน้องใบหม่อนก่อนละกันนะว่าวันนี้จะพาไปไหน ถ้าได้ไปช็อปปิ้งก็ซื้อให้เลยไงจ๊ะ”
พัชรบุ้ยหน้าไปทางคนรักที่ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ ส่งสายตาที่บ่งบอกถึงอาการปลื้มปริ่มในหัวใจอยู่ไม่น้อย “ว่าแต่ใส่บาตรเสร็จแล้วป๊อปจะพาน้องใบหม่อนไปฉลองวันเกิดที่ไหนเหรอ”
ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มขึ้นพร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มเล็กๆ “ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะพาน้องเราไปไหนน่ะ”
ใบหม่อนผละออกจากท่อนแขนเรียวสวยของว่าที่พี่สะใภ้ เปลี่ยนมาเกาะแขนอ้อนคนเป็นพี่ชายแทน “<<พี่ป๊อป วันนี้วันเกิดหนูนะ พาหนูไปช็อปปิ้งหน่อยสิ ได้ไหม นะๆๆๆๆ>>” มือเล็กเขย่าท่อนแขนแกร่งของคนตัวใหญ่รัวๆ
“<<ฮื้ม พาไปแน่ แต่ปล่อยแขนพี่ก่อนสิ>>” ป๊อปเอ่ยเสียงนิ่งๆ ปากหยักคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนขยับแขนข้างที่โดนเขย่าเล็กน้อยพอให้อีกฝ่ายรับรู้
หญิงสาวยอมปล่อยแขนคนเป็นพี่ชายแต่โดยดี แต่ยังส่งสายตาเปล่งประกายเว้าวอนอยู่ “<<จริงนะพี่ป๊อป อย่าโกหกหนูล่ะ หนูไม่ชอบ>>”
“<<พี่จะโกหกน้องสาวพี่ทำไมล่ะคะ>>” ป๊อปพูดไปยิ้มไป แต่น้ำเสียงเข้มเริ่มจริงจังมากขึ้น “<<ไปใส่บาตรกันเถอะ ลงไปสายเดี๋ยวพระกลับวัดจะอดใส่เอานะ>>”
“<<จ้าพี่ชาย>>” เสียงใสเอ่ยตอบอย่างร่าเริง
ร่างสูงระหงในชุดเสื้อเหย้าสโมสรสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์เดินนำหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ไปยังชั้นวางรองเท้าใกล้ประตูหน้าห้อง ก้มลงหยิบรองเท้าแตะสีขาวมาสวมใส่ก่อนเดินหลีกไปรออีกมุมหนึ่ง ขณะที่พัชรกำลังจะก้มลงหยิบรองเท้าบูทหนังสีดำของตัวเองขึ้นมาสวม แต่กลับถูกแฟนหนุ่มเบรกเอาไว้ก่อน
“พัชร แค่ชั้นล่างคอนโดเอง ไม่ต้องใส่บูทก็ได้มั้ง ฮิๆ”
“พี่พัชรใส่รองเท้าแตะของหนูก็ได้มั้งคะ แค่นี้เอง” ใบหม่อนเสริมขึ้นมา
“เอิ่ม รองเท้าน้องใบหม่อนใหญ่กว่าเท้าพี่อีกมั้ง จะดีเหรอจ๊ะ” พัชรเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นอย่างไม่มั่นใจ แต่สุดท้ายก็ยอมใส่รองเท้าแตะสีชมพูสดใสของว่าที่น้องสะใภ้อยู่ดี...
ทั้งสามพากันยืนรอที่ฟุตบาทหน้าบริเวณคอนโดฯ รอพระเดินบิณฑบาตผ่านมาละแวกนี้ มองไปรอบๆ เห็นบรรยากาศอันเงียบสงบ มีเพียงผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาประปราย นานๆ ที่ยวดยานพาหนะจะแล่นผ่านมาสักคัน
ป๊อปพยายามชะเง้อมองซ้ายขวาเผื่อจะมองเห็นพระเดินมาสักรูป แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มาสักที ชำเลืองมองไปยังสองสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขี่ยหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือฆ่าเวลาไปอย่างเพลิดเพลินกับเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆ ของคนเป็นเจ้าของวันเกิดที่ดังแว่วมาพอไม่ให้เงียบจนเกินไป เวลาผ่านไปจนเกือบเจ็ดโมงเช้า พระภิกษุรุ่นราวคราวเดียวกับชายหนุ่มเดินอุ้มบาตรมากับศิษย์วัดรุ่นจิ๋วผ่านมาทางนี้พอดี
“นิมนต์พระคุณเจ้าครับ”
พระภิกษุหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนหันมาหาทั้งสาม มือข้างหนึ่งเปิดฝาบาตรรอให้ทั้งสามจบของอธิษฐาน ขณะที่คนเป็นเจ้าของวันเกิดอย่างใบหม่อนยกของใส่บาตรในมือขึ้นจบอธิษฐานอยู่นาน
‘วันเกิดปีนี้ขอให้หนูหมดทุกข์หมดโศก มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีอนาคตที่ดีนะคะ และขออุทิศส่วนกุศลในครั้งนี้ให้กับบรรดาญาติๆ ของหนูที่ล่วงลับไปแล้ว ให้พวกเขามีความสุขในสัมปรายภพ และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้กับแม่คุณ พ่อแม่ ขอให้ท่านทั้งสามมีความสุขมากๆ เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้เกิดเป็นพ่อแม่ลูกกันอีก และหากเกิดชาติหน้าฉันใด หนูขอเกิดเป็นน้องของพี่ป๊อป พี่ชายที่แสนดีของหนูในทุกๆ ชาตินะคะ’
ใบหม่อนค่อยๆ หย่อนถุงที่ประกอบไปด้วยข้าวสวยหนึ่งถุง ผัดกะเพรา น้ำเปล่าหนึ่งขวด ขนมปังบิสกิตใส่ลงในบาตรของพระภิกษุตรงหน้า ตามด้วยคนเป็นพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ทะยอยใส่ตามกันไปจนหมด ต่างคนต่างก้มหน้าลงพนมมือรับพร
“สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุมา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง ขอความปรารถนาใดๆ ที่โยมตั้งจิตไว้ดีแล้ว จงสำเร็จแก่โยมในทุกๆ ประการ ขอจงเจริญสุขๆๆ ด้วยเถิด เอวัง โหตุ…”
พระภิกษุวัยสามสิบต้นๆ เดินจากไปหลังจากให้พรจบลงพร้อมกับที่ทั้งสามยกมือขึ้นลูบศีรษะด้วยความรู้สึกอิ่มใจหลังจากได้ทำบุญตักบาตรในยามเช้าวันนี้ โดยเฉพาะคนเป็นเจ้าของวันเกิดที่รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นพิเศษ ทั้งสามพากันเดินกลับเข้าไปที่คอนโดฯ อีกครั้ง รู้ตัวอีกทีกลับมาถึงห้องแล้ว
เมื่อกลับมาถึงต่างคนต่างถอดรองเท้าวางคืนบนชั้นแล้ว พัชรเดินแยกตัวกลับไปที่เคาน์เตอร์หลังครัว เตรียมตัวชงกาแฟสำหรับตัวเองหนึ่งแก้ว และอีกแก้วหนึ่งของแฟนหนุ่ม ไม่ลืมที่จะชงโกโก้ร้อนเผื่อให้กับเจ้าของวันเกิดด้วย แต่เผอิญน้ำร้อนเดือดพอดีหลังจากที่ป๊อปเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนลงไปใส่บาตรเลยไม่ต้องเสียเวลารอน้ำเดือดอีก และก็เป็นหน้าที่ของป๊อปที่ต้องเอาโกโก้ร้อนไปเสิร์ฟให้กับเจ้าของวันเกิดถึงโซฟาใหญ่กลางห้อง
“<<อ่ะนี่ใบหม่อน โกโก้ร้อน กินรองท้องก่อน>>”
“<<ขอบคุณจ้าพี่ชาย>>” เสียงใสเอ่ยขอบคุณเมื่อรับแก้วโกโก้ร้อนจากมือคนเป็นพี่ชาย “<<พี่ป๊อปไปกินกาแฟเป็นเพื่อนพี่พัชรเถอะ>>”
ป๊อปยอมผละออกไปตามคำขอของคนเป็นน้องสาว เดินไปหยิบแก้วกาแฟของตัวเองที่เคาน์เตอร์ก่อนออกไปที่ระเบียงหน้าห้องอันเป็นจุดที่นัดหมายกับแฟนสาวไว้ เห็นร่างบางยืนเกาะระเบียงถือแก้วกาแฟรออยู่
“อ้าวป๊อปเอาโกโก้ร้อนไปให้น้องใบหม่อนแล้วเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นคนตัวใหญ่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอาไปให้แล้วล่ะพัชร” ป๊อปเอ่ยตอบพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบาๆ “เลยออกมากินกาแฟเป็นเพื่อนพัชรได้ไงล่ะ ฮิๆ>>”
คนตัวใหญ่ค่อยๆ ใช้แขนขวาตวัดรวบร่างบางให้เข้ามาแนบชิด หันไปก้มลงจูบเรือนผมนุ่มสีดำขลับเงาวับส่งกลิ่นหอมหนึ่งทีพอให้ชื่นใจ ขณะที่คนโดนจูบเรือนผมหลับตาพริ้มลงรับรสหวานที่ประทับบนศีรษะตัวเอง เริ่มหน้าแดงขึ้นพร้อมกับอาการร้อนวูบวาบทั้งที่สายลมหนาวพัดผ่านปะทะอยู่ตลอดเวลา เมื่ออีกฝ่ายถอนจูบออก เจ้าตัวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราของคนที่อยู่เคียงข้างด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่เจ้าตัวมีให้ แต่ครั้งนี้ไม่ยอมให้ชายคนรักเป็นผู้กระทำเพียงฝ่ายเดียวเมื่อสาวเจ้าโน้มหน้าไปจุ๊บบนแก้มสากเบาๆ แทนคำขอบคุณทั้งหมดที่มีให้
ป๊อปชำเลืองมองรอยยิ้มหวานของคนรักด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจอยู่ไม่น้อยจนรู้สึกได้ว่าตอนนี้เป็นฝ่ายเขินเสียเอง รีบยกแก้วกาแฟขึ้นซดกลบเกลื่อนอาการของตัวเองเสียก่อน
“ป๊อปคิดออกยังว่าวันนี้จะพาน้องใบหม่อนไปฉลองวันเกิดที่ไหน”
ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนให้คำตอบกับหญิงคนรัก “พัชรจะว่าไงล่ะถ้าเราจะพาไปที่สุพรรณฯ แล้วกลับมาช็อปปิ้งกินมื้อเย็นกันที่กรุงเทพฯ ดี” เขาขมวดคิ้วลงเล็กน้อย จ้องเขม็งไปยังคนรักรอความเห็นจากอีกฝ่าย
“เค้าว่าน้องใบหม่อนร้องจะกลับบ้านแน่เลย” พัชรเริ่มออกความเห็นขึ้นมา “งั้นก็ไปที่บ้านเลยดีไหมป๊อป ไปไหว้พระแล้วเข้าไปบ้านป๊อปสักแป๊ปดีกว่า เค้าจะได้ไปสวัสดีพ่อแม่กับแม่คุณของป๊อปไงล่ะ”
บังเอิญคำตอบของหญิงสาวตรงกับสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจพอดี ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจก่อนยกแก้วกาแฟขึ้นซดอีกครั้งหนึ่ง
“เช้าวันอาทิตย์รถไม่น่าติดมากหรอก แป๊ปๆ น่าจะถึงนะ”
พัชรถึงกับเบะปากเพียงแค่ได้ยินคำว่า “แป๊ปๆ” จากปากของคนรัก รู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร “ถ้าป๊อปขับรถน่ะแป๊ปเดียวถึงแน่ ก็เล่นขับซิ่งขนาดนั้น อย่าลืมนะป๊อปว่าป๊อปไม่ได้ขับรถคนเดียว ยังมีเค้ากับน้องใบหม่อนนั่งไปด้วยนะ”
“เชื่อมือเราน่า” ป๊อปเอ่ยเสียงนิ่มนวลลงกว่าเดิม พลางถอนหายใจเบาๆ “เราขับรถระวังอยู่แล้วล่ะ ยิ่งน้องเรานั่งอยู่ด้วยยิ่งต้องระวังเลย”
“จ้า เค้าเชื่อใจป๊อปนะ” พัชรยื่นมือนุ่มของตัวเองไปบีบมือใหญ่เบาๆ กลีบปากเรียวสวยคลี่ยิ้มน้อยๆ พร้อมกับส่งสายตาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงกำลังใจที่มีให้
ป๊อปไม่รอช้าตวัดร่างบางของแฟนสาวมาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง แผ่ความอบอุ่นให้หญิงสาวผ่อนคลายจากลมหนาวที่พัดผ่านมาปะทะอยู่เนืองๆ นัยน์ตาสองชั้นหลบทอดลงมองใบหน้าสวยหวานอย่างรักใคร่ อดใจไม่ไหวก้มลงประทับรอยจูบลงบนหน้าผากโค้งมนสวยได้รูปเจือกลิ่นหอมอ่อนๆ จากครีมบำรุงผิว ฝ่ายหญิงสาวต้องหลับตาพริ้มรับรสจูบอันแสนหวานที่ประทับลงบนหน้าผากของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายถอนจูบออก มือเรียวบางข้างที่วางยกขึ้นดันร่างของคนตัวใหญ่เบาๆ เชิงบ่งบอกว่าให้ผละออกไปก่อน
“พอได้แล้วป๊อป แค่นี้ใจเค้าก็ละลายแย่แล้ว” พัชรเอ่ยไปตรงๆ ตามความรู้สึกของตัวเอง ขืนปล่อยให้อีกฝ่ายจูบต่อมีหวังได้หัวใจวายแน่ๆ
ทั้งสองดื่มกาแฟไปพลอดรักไปจนกาแฟในแก้วหมดลงในเวลาต่อมา เมื่อเห็นว่ากาแฟในแก้วหมดแล้วจึงพากันเดินกลับเข้าไปข้างในห้องอีกครั้ง แก้วกาแฟทั้งสองใบถูกล้างด้วยฝีมือของคนเป็นเจ้าของห้องจนเสร็จในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อเก็บแก้วกาแฟเข้าที่แล้ว
“ไปพัชร ไปอาบน้ำกัน เดี๋ยวไปเที่ยวข้างนอกดีไหมวันนี้”
ปากหยักเอ่ยกับแฟนสาวที่ตอนนี้พาตัวเองไปนั่งเขี่ยหน้าจอสมาร์ทโฟนที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้อง แต่เหมือนจงใจถามเลยไปถึงอีกคนที่นั่งเขี่ยสมาร์ทโฟนอยู่ใกล้ๆ ด้วย
“<<อิหยังพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนไม่ทันได้ฟังที่พี่ชายพูดเลยถามย้ำขึ้นมาอีกที
“<<ไปเที่ยวข้างนอกไหมล่ะวันนี้>>” ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง คราวนี้เจาะจงไปที่คนเป็นน้องสาวเต็มๆ
“<<ไปสิพี่ป๊อป>>” เสียงใสแฝงอาการตื่นเต้นตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “<<วันนี้จะพาหนูไปไหนเหรอ อยากไปๆๆๆๆๆ>>”
ร่างสูงระหงผุดลุกขึ้นมาปะทะกับคนตัวใหญ่ด้วยอาการตื่นเต้น รีบวางสมาร์ทโฟนในมือลงบนโซฟาใหญ่พร้อมกับคว้าท่อนแขนแกร่งมาเขย่าเต็มแรง ใบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเหล็กครบทุกซี่และลักยิ้มที่บุ๋มลงไปชัดเจน
พัชรเห็นกิริยาท่าทางของว่าที่น้องสะใภ้แล้วอดขำไม่ได้ หันไปสบตากับแฟนหนุ่มและยิ้มให้อย่างรู้กันว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ขณะที่ป๊อปเมื่อหลังจากสบตากับคนรักเสร็จ ก้มลงไปมองหน้าคนเป็นน้องสาวที่กำลังฉีกยิ้มกว้างด้วยอาการดีใจ มือเรียวสวยยังเกาะกุมท่อนแขนของเขาไว้แน่น ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
“<<ใบหม่อนปล่อยแขนพี่ก่อนสิ>>”
หญิงสาวยอมปล่อยแขนคนเป็นพี่ชายแต่โดยดี แต่ดวงตากลมโตยังจ้องเขม็งราวกับเด็กน้อยรอของเล่นอยู่
“<<ก็ไว้ค่อยไปรู้กันบนรถละกัน เดี๋ยวรอพี่กับพี่พัชรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนละกันนะคะ>>”
ได้ฟังดังนั้นแล้วจากที่กำลังยิ้มกว้างอยู่รีบหุบยิ้มลงปั้นหน้าหงิกงอแสดงความรู้สึกผิดหวังอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าพี่ชายจะปิดบังคำตอบถึงขนาดนี้ เพราะปกติแล้วเขามักจะพูดตรงๆ หรือเผยไต๋ให้รู้ทุกครั้ง ดวงตากลมโตคู่สวยเริ่มฉายแววคาดคั้นอย่างจริงจัง
“<<ทำไมไม่บอกหนูล่ะพี่ป๊อป>>”
ป๊อปหันไปส่งสายตากับคนรักที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนส่งยิ้มให้กันและกัน หันกลับมามองใบหน้าสวยหวานที่กำลังหงิกงอลงของคนเป็นน้องสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “<<เอาเป็นว่า ไปครั้งนี้ใบหม่อนดีใจแน่นอน งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ>>”
“พัชร ไปอาบน้ำกัน”
คนตัวใหญ่คว้าข้อมือเล็กขาวราวงาช้างของแฟนสาวชวนให้ลุกจากโซฟาไปยังห้องนอนเล็กด้วยกัน ปล่อยให้คนเป็นเจ้าของวันเกิดหันมามองค้อนพร้อมกับแว้ดแหวไล่หลังตามไปอย่างขัดใจปนกับความรู้สึกคาใจที่ยังไม่ได้คำตอบในตอนนี้
“<<ไปเลยอีพี่ชายบ้า ไม่คิดแม้แต่จะบอกน้องบอกนุ่งอ่ะ เชอะ>>”
..........................................................................................................
เสียงเครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงที่ดังกระหึ่มราวกับโรงสีข้าวขนาดย่อมทำหน้าที่พาให้ยานพาหนะเจ็ดที่นั่งคันใหญ่สีดำที่ขับโดยป๊อปแล่นไปตามเส้นทางออกนอกเมือง มุ่งสู่ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ที่หมายคือจังหวัดบ้านเกิดของตัวเองและน้องสาวท่ามกลางการจราจรที่ค่อนข้างโล่งจนชวนอยากให้กดคันเร่งเหลือเกิน แต่ติดที่ว่ามีน้องสาวที่นั่งหน้าหงิกตั้งแต่ออกเดินทางอยู่บนเบาะข้างคนขับและคนสำคัญที่สุดในใจนั่งอยู่เบาะหลัง ทำให้เขาไม่กล้าที่จะซิ่งมากนัก
“<<ใบหม่อนยังไม่หายโกรธพี่เหรอ>>”
เสียงเข้มเอ่ยถามคนหน้าหงิกที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะนับตั้งแต่เริ่มออกเดินทางมา หญิงสาวไม่ยอมแม้แต่จะพูดหรือมองหน้าเขาเลย มีเพียงแต่หันไปพูดกับคนรักของเขาเป็นระยะๆ กับเขี่ยหน้าจอเครื่องมือสื่อสารในมือเท่านั้น
“…” เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงแต่ปรายตามองแวบหนึ่งก่อนหันกลับไปให้ความสนใจกับสมาร์ทโฟนในมือเหมือนเดิม
ป๊อปพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างอิดหนาระอาใจ กับแค่จะเซอร์ไพรส์คนเป็นน้องสาวในวันเกิดปีนี้ กลับต้องมาโดนเจ้าของวันเกิดโกรธใส่เสียอย่างนั้น นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองหน้าคนรักผ่านกระจกมองหลังเป็นเชิงขอกำลังใจ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติให้มั่น ขืนพรวดพราดไปมีหวังเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ เพราะตัวเองยังทำหน้าที่เป็นนายสารถีขับรถอยู่
ประจวบเหมาะกับการจราจรข้างหน้าเริ่มชะลอตัวหลังจากลงจากเกือกม้า เห็นป้ายระบุทางข้างหน้าชัดเจน ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่น้องสาวของเขากำลังก้มลงดูหน้าจอเครื่องมือสื่อสาร มือซ้ายปล่อยจากคันเกียร์เอื้อมขึ้นไปจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเบาๆ เชิงหยอกล้อ แล้วก็ได้ผลเมื่อสาวเจ้าปรายตามองดุใส่พร้อมกับพ่นประโยคแรกนับตั้งแต่ออกเดินทางกับเขา
“<<ไม่ต้องมาเล่นผมหนูเลยนะพี่ป๊อป หนูยังโกรธพี่ป๊อปอยู่นะ>>”
ป๊อปยอมปล่อยมือออกจากผมมัดจุกแต่โดยดีเมื่อได้ยินเสียงใสแฝงความเฉียบขาดของคนโกรธ “<<ใบหม่อนคะ หายโกรธพี่ได้แล้ว ดูป้ายข้างหน้าสิว่าพี่จะพาไปไหน>>”
ใบหม่อนย่นจมูกขึ้นพลางชำเลืองมองหน้าพี่ชายด้วยหางตาอย่างไม่เชื่อใจนัก แต่ก็ต้องยอมทำตามแต่โดยดี เมื่อเห็นป้ายบอกทางข้างหน้าแล้ว อารมณ์โกรธพี่ชายที่มีอยู่มลายหายไปหมดสิ้น ดวงตากลมโตคู่สวยลุกวาวขึ้นด้วยอาการดีใจสุดๆ เมื่อรู้เสียทีว่าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้จะพาเจ้าตัวไปฉลองวันเกิดที่ไหน
“<<พี่ป๊อปจะพาหนูกลับบ้านเหรอ ขอบคุณมากน้าพี่ป๊อป รักพี่ชายคนนี้ที่สุดเลย>>”
เสียงใสเอ่ยขึ้นด้วยอาการร่าเริงเป็นพิเศษ ตอนนี้ลืมไปแล้วว่ายังโกรธพี่ชายอยู่ “<<พี่ป๊อปแวะบ้านก่อนสิ เดี๋ยวหนูโทร.บอกแม่คุณก่อนน้า>>”
บรรยากาศมาคุตั้งแต่ออกเดินทางถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อแผนเซอร์ไพรส์เจ้าของวันเกิดได้ผล ขณะที่คนเป็นเจ้าของวันเกิดรีบกดโทร.หาคนที่เลี้ยงดูเจ้าตัวมาตั้งแต่เด็กๆ ในทันที เมื่อปลายสายกดรับแล้ว
แม่คุณ : [[<<ฮัลโหลนังหนูใบหม่อน โทร.หาแม่คุณแต่เช้าเลย เป็นไงคิดถึงแม่คุณเหรอลูก>>]]
ใบหม่อน : [[<<แม่คุณจ๋า เดี๋ยวเจอกันน้า วันนี้พี่ป๊อปพาหนูมาฉลองวันเกิดที่บ้านเลยจ้า บอกพ่อแม่ด้วยนะจ๊ะ>>]]
แม่คุณ : [[<<จริงเหรอลูก>>]] ปลายสายส่งเสียงแสดงความรู้สึกดีใจปนตื่นเต้น [[<<ไอ้หมาจะมาบ้านเหรอ หูย แม่คุณดีใจมาก คิดถึงหลานๆ ทั้งสองมากเลยลูก ดีๆๆ เดี๋ยวแม่คุณบอกไอ้ทิดกับอิหนูแม่เอ็งให้นะลูก ดีใจจริงๆ เลยจะได้เจอหลานแล้ว>>]]
ใบหม่อน : [[<<จริงสิจ๊ะแม่คุณจ๋า แต่พี่ป๊อปน่ะสิ ตอนแรกไม่ยอมบอกหนูว่าจะพากลับบ้าน เนี่ยแม่คุณต้องจัดการพี่ป๊อปให้หนูด้วยนะ เป็นพี่ชายประสาอะไรโกหกน้องแบบนี้>>]]
“<<อะไรๆ ใบหม่อน พี่ไม่ได้โกหกเราซะหน่อย พี่แค่อุบไว้เฉยๆ ต่างหาก>>” ป๊อปรีบสวนกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อถูกพาดพิง บังเอิญปลายสายได้ยินพอดี
แม่คุณ : [[<<อย่าไปว่าไอ้หมาแบบนั้นสิลูก เมื่อกี้แม่คุณได้ยินนะว่าไอ้หมาไม่ได้โกหกน่ะ>>]]
ใบหม่อน : [[<<ก็พี่ป๊อปไม่ยอมบอกหนูนี่นาว่าจะพามาบ้านนี่จ๊ะแม่คุณจ๋า หนูยิ่งไม่ชอบนะมีอะไรแล้วไม่บอกกันอ่ะ>>]]
แม่คุณ : [[<<ฮิๆๆ นังหนูใบหม่อนลูก ไอ้หมามันก็มีเหตุผลของมันเหมือนกัน อย่าไปโกรธไอ้หมามันเลยนะลูก>>]]
ใบหม่อน : [[<<จ้า หนูหายโกรธพี่ป๊อปแล้วจ้ะ นี่พี่ป๊อปพาพี่พัชรมาด้วยน้า>>]]
แม่คุณ : [[<<จริงเหรอลูก ดีเลย แม่คุณอยากเจอหลานสะใภ้มากเลย ดีๆๆ จะได้คุยให้ไอ้หมามันเป็นฝั่งเป็นฝาซะที จะมาลอยชายเป็นพ่อพวงมาลัยคบไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้แล้วนะหลานเอ๊ย>>]]
ใบหม่อนปรายตามองคนขับรถก่อนคลี่ยิ้มร้ายๆ ขึ้น ชำเลืองมองไปทางว่าที่พี่สะใภ้ที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นสมาร์ทโฟนอยู่ที่เบาะหลัง ก่อนเอ่ยปากให้คำตอบกับปลายสาย
ใบหม่อน : [[<<ดีเลยจ้าแม่คุณจ๋า พี่พัชรจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ของหนูจริงๆ สักที รอมานานแล้วเนี่ย หนูอยากอุ้มหลานแล้วเนี่ย>>]]
ป๊อปขับรถไปฟังบทสนทนาระหว่างน้องสาวกับคนปลายสายไป ลอบยิ้มบางๆ แต่ในใจอดกังวลไม่ได้ว่าเมื่อแต่งงานแล้วจะดูแลแฟนสาวได้ดีหรือไม่ เพราะยังคิดอยู่เสมอว่าตัวเองยังเอาตัวไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
แม่คุณ : [[<<ไว้มาบ้านก่อนค่อยว่ากันนะลูก อย่าไปคาดคั้นไอ้หมามันมากเลย รู้อยู่นี่ว่าเพราะอะไรไอ้หมามันถึงไม่ยอมขอนังหนูพัชรแต่งงานสักที เฮ้อ ว่าแต่หนูจะกลับมาบ้านก่อนไหมลูกหรือยังไง แม่คุณจะได้บอกให้อิหนูแม่เอ็งเตรียมกับข้าวไว้ให้>>]]
ใบหม่อน : [[<<ก็แล้วแต่พี่ป๊อปเขาแหละจ้าแม่คุณจ๋า ว่าจะพาไปไหนก่อน>>]]
ป๊อปได้ยินดังนั้นรีบให้คำตอบทันทีทั้งที่ยังมองทางข้างหน้าอยู่ <<บอกแม่คุณเลยว่าเดี๋ยวเข้าบ้านก่อน นี่ขับเลยมาถึงไทรน้อยแล้ว คิดว่าไม่เกินชั่วโมงคงถึงน่ะ>>”
ใบหม่อน : [[<<พี่ป๊อปบอกว่าเข้าบ้านก่อนจ้า>>]]
แม่คุณ : [[<<อืม ดีเลยลูก เข้ามาบ้านมากินข้าวอาบน้ำอาบท่าก่อนก็ดีนะลูก ว่าแต่จะค้างหรือไม่ค้างล่ะลูกเอ๊ย>>]]
ใบหม่อน : [[<<อยากค้างอยู่นะแม่คุณจ๋า แต่พรุ่งนี้หนูต้องไปทำงานน่ะสิ เนี่ยตั้งแต่ย้ายมานี่งานยุ่งกว่าเดิมอีก เสียดายมากเลยจ้าที่ไม่ได้อยู่ค้างคืนด้วยอ่ะ>>]]
แม่คุณ : [[<<อืม ไม่เป็นไรนะหนู ไว้คราวหน้าละกันลูก แม่คุณว่าไปเช้าเย็นกลับแบบนี้ก็ดีลูก แต่อย่ากลับมืดมาก มันอันตรายนะลูก ไอ้หมามันขี่รถขี่รายังกับจะรีบไปไล่ควายแบบนี้ด้วยแม่คุณก็ยิ่งเป็นห่วงนะลูกเอ๊ย>>]]
ใบหม่อน : [[<<จ้า แม่คุณไม่ต้องห่วงน้า หนูนั่งอยู่ด้วยพี่ป๊อปไม่กล้าขี่รถแรงหรอกจ้า>>]]
แม่คุณ : [[<<เออลูก แม่คุณเป็นห่วงหลานๆ ทั้งสามนะ ยังไงขี่รถขี่ราดีๆ นะลูก แล้วเจอกันนะ แค่นี้ก่อนนะลูก เนี่ยนังหนูแม่เอ็งเรียกกินกาแฟแล้ว>>]]
ใบหม่อน : [[<<จ้า แม่คุณเจอกันน้า สวัสดีจ้า>>]]
กลีบปากอวบอิ่มสวยได้รูปคลี่ยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดีหลังจากวางสายจากคนที่รักและคิดถึงมากที่สุด หันไปมองหน้าคนเป็นพี่ชายที่กำลังมุ่งสมาธิกับการขับรถอยู่แล้วอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้หลังจากได้รับฟังคำกำชับจากปลายสายเมื่อสักครู่
“<<แม่คุณว่าไงบ้างล่ะใบหม่อน>>” เสียงเข้มเอ่ยถามขึ้นมา
“<<ก็แค่ถามเฉยๆ ว่าจะกลับมาบ้านก่อนไหมอ่ะพี่ป๊อป เดี๋ยวแม่คุณจะได้บอกให้แม่ทำกับข้าวรอไว้น่ะ>>”
“<<จริงอ่ะ>>” ป๊อปเริ่มคาดคั้น “<<เห็นคุยกันเรื่องจะให้พี่ขอพัชรแต่งงานด้วยไม่ใช่เรอะ ฮิๆ>>”
ใบหม่อนเริ่มรู้สึกถึงคำว่าจนมุมเมื่อถูกพี่ชายย้อนมาถึงขนาดนี้ ถึงยังไงพี่ชายคนนี้ก็ต้องยอมแพ้ให้กับตัวเองอยู่ดีจึงตอบกลับไปตามตรง
“<<ใช่แล้วล่ะ แม่คุณอยากคุยกับพี่พัชรเรื่องนี้อยู่เลย แม่คุณยังว่าพี่ป๊อปเลยน้าว่าจะมาทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ คบกันมานานขนาดนี้แล้ว คริๆ>>”
ป๊อปแทบกลั้นขำไว้ไม่อยู่เมื่อได้ยินคำตอบของน้องสาว หันไปชำเลืองมองคนรักที่ในตอนนี้โน้มหน้าเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยผ่านกระจกมองหลังก่อนละสายตากลับไปมองทางข้างหน้าต่อ
“นี่น้องใบหม่อนจ๊ะ คุณยายอยากคุยเรื่องนี้กับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เป็นพัชรที่เริ่มมีอาการอยากรู้อยากเห็นเลยถามขึ้นมา
“ใช่แล้วล่ะค่ะพี่พัชร เนี่ยพอหนูบอกแม่คุณว่าพี่พัชรจะมาด้วย แม่คุณดีใจใหญ่เลย”
พัชรถึงกับยิ้มไม่หุบเมื่อได้ยินคำตอบจากว่าที่น้องสะใภ้ แอบชำเลืองมองหน้าของแฟนหนุ่มที่กำลังลอบยิ้มบางๆ แต่เห็นแววตาที่แฝงไปด้วยความกังวลในใจผ่านกระจกมองหลังที่ส่องตรงมาในระดับสายตาของเจ้าตัวพอดี
“พี่ก็ดีใจนะที่จะได้เจอแม่คุณของน้องใบหม่อนน่ะ ส่วนเรื่องแต่งงานยังไงพี่ก็ไม่รีบหรอกจ้า ดูสิ พี่ชายของน้องใบหม่อนคิดมากแล้วนะเนี่ย”
ไม่พูดเปล่า ยังชี้ชวนให้ว่าที่น้องสะใภ้หันไปมองตามอีก จนในตอนนี้อารมณ์อยากเร่งให้พี่ชายรีบขอว่าที่พี่สะใภ้แต่งงานต้องหยุดชะงักลงเมื่อเห็นสีหน้าที่เริ่มฉายแววกังวลให้เห็น
“<<พี่ป๊อปคิดมากอีกแล้วน้า>>”
ลึกๆ แล้วใบหม่อนเป็นห่วงความรู้สึกของพี่ชายตัวเองมากที่ต้องมาอึกอักกับเรื่องนี้ แต่ต้องกลบเกลื่อนไว้ด้วยคำต่อว่าแบบไม่จริงจังนักตามประสา
“<<ใครว่าพี่คิดมากล่ะคะใบหม่อน>>” ป๊อปรีบปฏิเสธในทันที แต่ไม่ทันแล้วเมื่อ...
“ยังโกหกไม่เนียนเลยนะป๊อป คริๆ” พัชรพูดไปกลั้วหัวเราะไป ยังไงก็ดูออกเพราะรู้นิสัยของคนรักดีว่าเป็นอย่างไร
“<<มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่าพี่ป๊อปอ่ะ คิดมาก>>” ใบหม่อนได้ทีขยี้พี่ชายตัวเองซ้ำก่อนหันไปหัวเราะกับว่าที่พี่สะใภ้อย่างรู้ใจกัน
“พอได้แล้วน้องใบหม่อน แค่นี้ป๊อปเขาก็เครียดจะแย่แล้วล่ะจ้า ถือว่าพี่ขอร้องก็แล้วกันนะ” เป็นพัชรที่ต้องปรามไม่ให้ว่าที่น้องสะใภ้เล่นไปมากกว่านี้ แอบชำเลืองมองสีหน้าของคนรักแล้วอดที่จะหวั่นใจตามไปด้วยไม่ได้
ใบหม่อนยอมหยุดขยี้พี่ชายแต่โดยดีเมื่อได้ยินว่าที่พี่สะใภ้ขอร้องถึงขนาดนี้ แอบชำเลืองมองสีหน้าของพี่ชายที่ยังมีร่องรอยของความกังวลใจอยู่จนเจ้าตัวรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีตามไปด้วย หันไปหาคนที่นั่งเบาะหลังด้วยสีหน้าที่เริ่มฉายแววความกังวลในใจขึ้นมา แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานของอีกฝ่ายแล้ว ทำให้อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าไหมจ๊ะน้องใบหม่อน ขืนคุยเรื่องนิ้ต่อป๊อปเครียดแย่แน่เลย”
“ดีเหมือนกันค่าพี่พัชร”
สองสาวเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ขึ้นมา พร้อมกับความกังวลในใจของชายหนุ่มค่อยๆ ลดลง สมาธิทั้งหมดจับจ้องไปกับถนนข้างหน้ากับการจราจรที่ค่อนข้างโล่งเคลื่อนตัวได้สบาย ตอนนี้เข้าสู่เขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแล้ว เหลือเพียงอีกไม่ไกลนักก็ถึงที่หมายในวันนี้ ป๊อปตัดสินใจถอนคันเร่งลงพร้อมกับหักพวงมาลัยพาให้ยานพาหนะคู่ใจย้ายไปอยู่เลนกลาง เลี้ยงความเร็วไว้พอให้ขับสบายๆ ไม่เร่งรีบมากนัก นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองนาฬิกาที่จอกลางในตอนนี้ยังไม่ถึงเก้าโมงเช้าดี
แต่การจราจรข้างหน้าจากที่โล่งๆ เริ่มติดขัดเมื่อมีการปิดเบี่ยงช่องจราจร ยวดยานพาหนะเริ่มเคลื่อนตัวช้าลงจนป๊อปต้องรีบค่อยๆ เหยียบเบรกจนชะลอรถลงไปได้ ความรู้สึกหงุดหงิดใจเริ่มเกาะกุมอีกครั้งเมื่อการจราจรข้างหน้าเริ่มช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง แทบจะเหยียบเบรกอยู่ตลอด แทบไม่ได้กดคันเร่ง ประจวบเหมาะกับยานพาหนะคู่ใจรอบต้นค่อนข้างอืด แต่พอแล่นไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเบรกชวนให้ชายหนุ่มเริ่มออกอาการหงุดหงิดให้เห็นผ่านสีหน้า
ใบหม่อนกำลังเมาท์มอยกับว่าที่พี่สะใภ้อยู่เพลินๆ เริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุในห้องโดยสาร ดวงตากลมโตชำเลืองมองไปทางคนเป็นพี่ชายที่เริ่มออกอาการฮึดฮัดให้เห็น หันกลับไปมองกระจกบังลมข้างหน้าเห็นรถคันที่อยู่ข้างหน้าเดี๋ยวเบรกเดี๋ยวไป พอรู้สาเหตุแล้วว่าอะไรที่ทำให้พี่ชายตัวเองหงุดหงิดแบบนี้ทั้งที่เคยชินอยู่แล้วก็ตาม ขณะที่พัชรลอบมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นคิ้วเรียวหนาของคนรักเริ่มขมวดเข้าหากัน ดวงตาสองชั้นหลบจ้องเขม็งไปข้างหน้าแสดงความรู้สึกหงุดหงิดให้เห็นจนเจ้าตัวต้องย่นจมูกขึ้นอย่างอิดหนาระอาใจ
“<<ใจเย็นๆ น้าพี่ป๊อป เดี๋ยวก็ถึงแล้ว>>”
อารมณ์ขุ่นมัวในใจของชายหนุ่มเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินเสียงใสน่าฟังเอ่ยปลอบใจ ใบหน้าคร้ามละสายตาจากทางข้างหน้าหันไปหาเจ้าของเสียงเมื่อสักครู่ที่กำลังทำท่าเอียงคอส่งยิ้มหวานมาให้จนทำให้เขาอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ มือข้างหนึ่งปล่อยจากพวงมาลัยมาจับเรือนผมมัดจุกรวบตึงเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเชิงหยอกล้อก่อนรีบปล่อยอย่างรวดเร็ว
“<<นี่บอกให้พี่ใจเย็น พี่รู้นะว่าเราก็รีบกลับบ้านเหมือนกันแหละ ฮื้ม>>”
ปากแกล้งพูดยอกย้อนไปอย่างนั้น แต่ลึกๆ แล้วในใจของเขาอยากกล่าวคำขอบคุณน้องสาวคนนี้ร้อยครั้งพันครั้งที่ช่วยทำให้เขาใจเย็นลงได้ในทุกสถานการณ์ไม่เว้นแม้แต่ตอนนี้ ตอนที่การจราจรข้างหน้าติดขัดจนแทบจะไม่ขยับเลย...
“<<พี่ป๊อปไม่ต้องมาย้อนหนูเลยนะ>>” ใบหม่อนว่าให้ไม่จริงจังนัก “<<อย่าลืมว่าพี่ป๊อปขี่รถอยู่นะ หงุดหงิดไปเดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะว่าไง นี่หนูเป็นห่วงนะถึงได้เตือนอ่ะ>>”
“<<ขอบคุณมากนะคะใบหม่อน>>”
เสียงเข้มเอ่ยอย่างแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงเพลงที่เปิดขับกล่อมอยู่ แต่บังเอิญใบหม่อนอ่านปากคนเป็นพี่ชายออกว่าพูดอะไร ไม่ช้า รอยยิ้มสดใสจนเห็นฟันเหล็กครบทุกซี่เผยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง มือเล็กยื่นไปแตะท่อนแขนใหญ่ของอีกฝ่ายไว้
“<<พี่ป๊อปเป็นพี่ชายคนเดียวของหนูนี่นา ถ้าพี่ป๊อปเป็นอะไรไปแล้วหนูจะอยู่ยังไงอ่ะ>>”
ป๊อปแทบจะใจอ่อนทันทีเมื่อได้ยินคำของคนเป็นน้องสาว สติเริ่มกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาการหงุดหงิดที่หายไป ประจวบเหมาะกับการจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้อีกครั้งอย่างช้าๆ
“ป๊อป อายุจะสามสิบสองแล้วนะ ยังใจร้อนขี้หงุดหงิดกับเรื่องแค่นี้ไปได้” เสียงหวานของคนนั่งเบาะหลังว่าให้ไม่จริงจังนัก
คนโดนต่อว่าได้แต่ยิ้มรับสภาพเพราะสิ่งที่คนรักพูดนั้นจริงทุกอย่าง ยิ่งคนเป็นน้องสาวที่รู้ไส้รู้พุงเขาดียิ่งกว่าใครๆ ยังระอาใจกับความเป็นคนใจร้อนของเขาไม่หาย ถึงแม้จะเริ่มนิ่งขึ้นบ้างตามอายุ แต่เมื่อเจอเหตุการณ์อะไรกระทบจิตใจเข้าหน่อยก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดในใจทุกครั้ง
การจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้นเมื่อพ้นเขตก่อสร้าง บรรดายวดยานพาหนะร่วมทางเริ่มเร่งความเร็วขึ้นจนถนนกลับมาโล่งอีกครั้งหนึ่ง แต่ป๊อปเลือกที่จะขับยานพาหนะคู่ใจไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่ไม่สูงมากนักพอให้ผู้โดยสารทั้งสองได้ชมวิวตลอดสองข้างทางที่เต็มไปด้วยทุ่งนาอันเขียวขจีอย่างเพลิดเพลิน เสียงบทสนทนาระหว่างทั้งสองสาวเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งกับเรื่องเมาท์มอยตามประสาผู้หญิง ใบหม่อนเริ่มชี้ชวนให้ว่าที่พี่สะใภ้ดูสิ่งต่างๆ ตลอดสองข้างทางสลับกับหันไปถามคนเป็นพี่ชายเมื่อนึกไม่ออกว่าสถานที่ตรงหน้าเป็นที่ไหน
“<<พี่ป๊อป ไว้กลับบ้านครั้งหน้าไปตลาดเก้าห้องดีไหมอ่ะ พี่ป๊อปไม่ได้พาหนูไปเที่ยวนานแล้วน้า>>”
เสียงใสออกปากชวนให้พี่ชายพาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังประจำอำเภอบางปลาม้าเมื่อขับรถแล่นผ่านป้ายระบุเส้นทางไปยังสถานที่แห่งนั้น
“<<ก็ดีเหมือนกันนะ แต่เอ๊... เราก็มากับโบ้บ่อยไม่ใช่เหรอตอนก่อนลงมาอยู่กับพี่น่ะ หืม>>”
ป๊อปแกล้งย้อนถามกลับไปพลางส่งเสียงหัวเราะร่วนในลำคอ แต่นั่นทำให้ใบหม่อนรีบสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว
“<<มันคนละเรื่องกันปะพี่ป๊อป หนูไปเที่ยวกับโบ้มันก็โมเมนต์เที่ยวกับแฟนปะ แต่หนูอยากไปเที่ยวกับพี่ชายหนูบ้างนี่นา>>” เสียงใสเอ่ยกระเง้ากระงอด ชำเลืองมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาผิดหวังเล็กๆ
“<<เออน่า เดี๋ยวพี่พามานะคะใบหม่อน>>”
“<<ไปกันสองคนพี่น้องน้าพี่ป๊อป>>”
“<<ได้สิ>>” ปากหยักได้รูปให้คำตอบอย่างอารมณ์ดี
หลังจบบทสนทนากับคนเป็นน้องสาว นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองหน้าแฟนสาวผ่านกระจกมองหลัง เปลี่ยนกับมาพูดภาษากลางอย่างรวดเร็ว ย้อนนึกเรื่องราวเมื่อสี่ปีที่แล้วที่ได้พามาเที่ยวบ้านด้วยกัน
“เราก็เคยพาพัชรมาเที่ยวแล้วนี่ จำได้เลยพัชรเล่นช็อปจนเราเกือบไม่มีเงินเติมน้ำมันเลยนี่หว่า ฮิๆ”
คนโดนพาดพิงถึงกับต้องเบะปากมองบนด้วยความรู้สึกขัดใจเมื่อถูกชายคนรักเผากลางวง ดวงตาคู่สวยส่งสายตาค้อนใส่ ใบหน้าสวยหวานเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุก ทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียวกัน ขณะที่ใบหม่อนหัวเราะผสมโรงไปด้วยเพราะยังจำเรื่องนี้ได้แม่นถึงแม้วันนั้นเจ้าตัวจะไม่ได้ไปด้วยกันก็ตาม แต่คนเป็นพี่ชายเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอย่างละเอียดตั้งแต่วันนั้นแล้ว
“ไม่ต้องมาว่าเค้าเลยนะป๊อป ตัวเองก็พาเค้าเข้าเกือบทุกร้านจนเค้าอยากได้นั่นอยากได้นี่เองนี่ ป๊อปทำตัวเองนะ” เสียงหวานแหวใส่คนรักที่กำลังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
“แต่เราจำได้นะว่าพัชรบอกอยากซื้อของไปฝากเพื่อนๆ ที่บริษัทไม่ใช่เรอะ วันนั้นเราพกตังค์ไปสามพัน เหลือเงินเติมน้ำมันแค่หกร้อยเอง เหลือกลับบ้านแค่ร้อยเดียวเองมั้ง ฮ่าๆ” พูดจบชายหนุ่มหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งให้คนรักเสียหน้าเล่นๆ
พัชรทำอะไรต่อไม่ได้นอกจากแยกเขี้ยวใส่คนขี้แกล้งเท่านั้น จะหันไปหาว่าที่น้องสะใภ้หมายเอาเป็นพวก แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะสนับสนุนพี่ชายตัวเอง แถมยังตอกหน้าให้อายมากกว่าเดิมอีก
“ก็วันนั้นพี่ป๊อปกดเงินมาสามพันนี่นา แล้วพี่พัชรเล่นช็อปจนพี่ป๊อปเหลือกลับบ้านร้อยเดียวจริงๆ นี่นา คริๆ”
เป็นพัชรที่ไปต่อไม่เป็นเมื่อโดนสองพี่น้องรวมหัวกันแกล้งถึงขนาดนี้ ได้แต่ปรายตามองค้อนใส่ว่าที่น้องสะใภ้กับชายคนรักอย่างขุ่นเคืองใจ
“ก็ได้ เค้าช็อปปิ้งเก่ง ผลาญเงินป๊อปไปตั้งเยอะแล้วนี่ แล้วไงล่ะป๊อป” พัชรแว้ดใส่คนรักด้วยน้ำเสียงเชิงท้าทาย
ป๊อปที่ได้แต่มองทางข้างหน้าสลับกับมองใบหน้าหงิกของแฟนสาวผ่านกระจกมองหลัง ปากหยักลอบยิ้มบางๆ ก่อนให้คำตอบ
“ก็ไม่อะไรไง ก็รักเหมือนเดิม” เสียงเข้มเว้นหายใจเล็กน้อย ปากหยักเริ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม “แต่ตอนนี้รักมากกว่าเดิมด้วยแหละ จะจ่ายเยอะแค่ไหนเราก็ยอมนะถ้าเป็นพัชรน่ะ”
พัชรถึงกับกลอกตามองบนอีกครั้งเมื่อได้ยินคำน้ำเน่าจากคนรัก จากที่โมโหอยู่กลับกลายเป็นอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเริ่มเต้นระรัวถี่ๆ พร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่เริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกแล้วในตอนนี้
“<<แหวะ จะอ้วก เหม็นความรัก>>”
ใบหม่อนเป็นฝ่ายเบะปากมองบนเสียเองด้วยอาการหมั่นไส้ระคนอิจฉาพี่ชายตัวเอง นึกในใจ ‘อย่าให้ถึงทีของหนูบ้างนะพี่ป๊อป ชิ’
รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางจากพื้นที่อำเภอบางปลาม้าเข้าสู่พื้นที่ตำบลทับตีเหล็ก ทุ่งนาที่เรียงรายตลอดสองข้างทางเปลี่ยนเป็นบรรดาบ้านเรือนและตึกแถวเล็กๆ ตลอดสองข้างทางอันเป็นสัญลักษณ์ว่าตอนนี้ได้เข้าสู่พื้นที่อำเภอเมืองแล้ว พร้อมกับการจราจรตรงหน้าที่เริ่มหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย ป๊อปค่อยๆ ลดความเร็วและแช่อยู่เลนกลางอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ในใจจะเริ่มกลับมาหงุดหงิดอีกครั้งเพราะรถคันที่ขับนำหน้าเคลื่อนตัวค่อนข้างช้าจนไม่ทันใจตัวเองเลยก็ตาม แต่ยังอดทนไหลตามไปเรื่อยๆ เป็นเช่นนี้จนพ้นจากทางแยกเข้าสู่ถนนมาลัยแมนอันเป็นถนนหลักเข้าสู่เขตตัวเมือง การจราจรข้างหน้ากลับมาไหลลื่นอีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ศูนย์ราชการแห่งใหม่ของจังหวัด จนเมื่อแล่นมาถึงแยกโพธิ์พระยา มือหนาทั้งสองข้างหักพวงมาลัยพาให้ยานพาหนะคู่ใจเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสายรองเข้าสู่เขตตำบลโพธิ์พระยา เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสายรองอีกเส้นหนึ่งผ่านเขตชุมชนย่อยจวบจนแล่นผ่านวัดวรจันทร์อันเป็นที่ตั้งของเจดีย์จุฬามณีที่สูงเด่นตระหง่านเห็นได้แต่ไกล ใบหม่อนไม่รอช้าหันไปชวนว่าที่พี่สะใภ้ให้ยกมือไหว้ด้วยกัน ขณะที่ป๊อปยอมปล่อยมือจากพวงมาลัยชั่วขณะหนึ่งเพื่อไหว้ก่อนกลับมาจับพวงมาลัยเหมือนเดิม จนมาเจอสี่แยกไฟแดงย่อยข้างหน้า ป๊อปพายานพาหนะคู่ใจขับข้ามไปอีกฟากหนึ่งของแยกเมื่อไฟเขียวขึ้น ขับเลาะเข้าไปสักพักเลี้ยวเข้าสู่ทางย่อยที่ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดสองข้างทางที่คุ้นเคยจนมาถึงบริเวณรั้วบ้านสองชั้นหลังค่อนข้างใหญ่ที่ซ่อนตัวเงียบๆ ท่ามกลางแมกไม้ใหญ่ริมแม่น้ำท่าจีนที่คุ้นเคย...
“<<ถึงแล้วพี่ป๊อป เดี๋ยวหนูลงไปเปิดประตูให้>>” เสียงใสเอ่ยกับคนเป็นพี่ชายก่อนหันไปชวนว่าที่พี่สะใภ้ที่นั่งอยู่ด้านหลัง “พี่พัชร ลงไปช่วยหนูเปิดประตูบ้านกัน”
ทั้งสองพากันลงไปช่วยกันเปิดประตูรั้วบ้านให้กว้างพอที่รถแวนเจ็ดที่นั่งคันใหญ่จะถอยหลังเข้าไปจอดได้ ทางด้านป๊อปไม่รอช้า สาวพวงมาลัยหักไปทางขวาก่อนเดินหน้าเล็กน้อย ก่อนเข้าเกียร์ถอยหลังพร้อมกับหักพวงมาลัยมาทางซ้ายถอยเข้าเขตบ้านไปในที่สุด
……………………………………………………………………….
“<<แม่ๆ ท่าทางไอ้หมาจะมาแล้วล่ะ เนี่ยเสียงโรงสีข้าวดังมาเลย>>”
ชายวัยใกล้เกษียณหันไปเอ่ยกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ตอนนี้กำลังจัดถังสังฆทานทั้งสามใบที่เพิ่งออกไปซื้อมาให้กับผู้ที่จะมาเยือนในวันนี้
“<<งั้นพ่อออกไปดูก่อนสิ เดี๋ยวแม่จัดสังฆทานให้ลูกก่อน>>”
“<<ได้ๆ เดี๋ยวพ่อไปรับลูกก่อนนะ>>”
ร่างกำยำลุกจากโซฟาเตรียมตัวจะเดินออกไปยังนอกบ้าน ไม่ลืมที่จะหันไปบอกกับผู้อาวุโสที่กำลังนั่งดมยาดมอยู่ แอบเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจแล้วอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“<<คุณแม่ครับ งั้นผมไปรับลูกก่อนนะครับ>>”
“<<ไปเถอะไอ้ทิด ข้าอยากเห็นหน้าหลานๆ จะแย่แล้วเนี่ย>>”
รถแวนเจ็ดที่นั่งคันใหญ่สีดำถอยเข้าจอดในช่องจอดที่ว่างเคียงข้างรถเก๋งคันย่อมสีบรอนซ์เงินจนนิ่งสนิทดีแล้ว เสียงเครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงที่ดังกระหึ่มราวโรงสีข้าวขนาดเล็กยังดังต่อเนื่องอยู่สักพักก่อนดับลง ขณะที่ใบหม่อนกับว่าที่พี่สะใภ้ช่วยกันปิดประตูหน้าบ้านเสร็จกำลังเดินกลับเข้ามา พลันเสียงโรงสีข้าวดับลงพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งหลังพวงมาลัยลงมาพอดี
“<<อ้าว มาถึงแล้วเหรอไอ้หมา นังหนูใบหม่อน นังหนูพัชร>>”
เสียงร้องเรียกของชายวัยใกล้เกษียณดังแว่วมา ทำให้ทั้งสามหันไปหาเจ้าของเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน และแล้วสองพี่น้องต่างเดินเข้าไปหาด้วยอาการดีใจเมื่อได้เจอกับผู้เป็นพ่อ ขณะที่บรรดาเพื่อนซี้สี่ขาที่เลี้ยงไว้ในบ้านต่างกรูกันเข้ามาต้อนรับด้วยการตะกุยปีนป่ายขาของผู้มาเยือนทั้งสาม แสดงอาการดีใจตามแบบฉบับของมัน
“<<สวัสดีจ้าคุณพ่อ>>” ใบหม่อนยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อทันทีที่เห็นหน้า
“<<อ้าวสวัสดีครับคุณพ่อ>>” ป๊อปไม่รอช้ายกมือไหว้ผู้เป็นพ่อตามหลังน้องสาวติดๆ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” ว่าที่ลูกสะใภ้ของบ้านยกมือไหว้เป็นคนสุดท้าย
“<<สวัสดีลูก ไป ไอ้หมา นังหนูใบหม่อน ลูกสะใภ้ เข้าบ้านก่อน ขี่รถมาเหนื่อยๆ มาลูก>>”
ชายวัยใกล้เกษียณเอ่ยชวนให้ลูกๆ ทั้งสองกับอีกหนึ่งว่าที่ลูกสะใภ้เข้าไปในบ้านด้วยกัน ขณะที่ร่างสูงระหงของลูกสาวคนเล็กเดินตรงรี่เข้าไปเกาะแขนผู้เป็นพ่อ ทำท่าออดอ้อนใส่เหมือนกับทุกครั้งที่เจอกัน
“<<หนูคิดถึงพ่อจังเลย>>”
“<<พ่อก็คิดถึงนังหนูเหมือนกัน สบายดีนะลูก>>”
มือหนาที่เหี่ยวย่นลงไปตามวัยเอื้อมขึ้นลูบเรือนผมสลวยที่ถูกรวบตึงมัดจุกเหนือศีรษะของลูกสาวคนเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู มองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยที่ฉายแววขี้เล่นเหมือนกับเมื่อครั้งยังเด็กไม่เปลี่ยนแปลงแล้วอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“<<พ่อ รอแฟนผมถอดรองเท้าแป๊ปนึงนะครับ>>”
ป๊อปหันไปเอ่ยปากกับผู้เป็นพ่อ ก่อนบุ้ยหน้าไปทางร่างบางที่กำลังก้มลงเลิกขากางเกงยีนที่ขาดรุ่ยขึ้นและปลดซิปรองเท้าบูทหนังสีดำอยู่ ขณะที่ผู้เป็นพ่อและน้องสาวพร้อมใจกันหันไปมองว่าที่สะใภ้ก่อนหันมายิ้มให้กันสามคนพ่อลูกอย่างรู้กันว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“<<ก็บอกให้แฟนเอ็งหัดใส่รองเท้าแตะบ้างสิ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาถอดแบบนี้ไงล่ะ ฮ่าๆๆ>>”
ผู้เป็นพ่อกระซิบข้างใบหูใหญ่ของลูกชายคนโตเบาๆ พลางสอดส่ายสายตาไปทางว่าที่ลูกสะใภ้ส่งสายตาเชิงล้อเลียนปนเอ็นดู
สามพ่อลูกกับว่าที่สะใภ้พากันเดินเข้าไปในตัวบ้าน ขณะที่ผู้เป็นแม่กับแม่คุณต่างพร้อมใจกันหันหน้ามาหาผู้มาเยือนใหม่
“สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณยาย” พัชรยกมือไหว้ทักทายผู้อาวุโสทั้งสองที่อยู่ในบ้านด้วยกิริยาท่าทางเรียบร้อยเป็นปกติ สร้างความประทับใจให้กับทั้งสองเป็นอย่างมากเหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เจอกัน
“<<ไหว้พระเถอะจ้านังหนูพัชร สบายดีนะจ๊ะ>>” แม่คุณยกมือขึ้นรับไหว้ว่าที่หลานสะใภ้ ก่อนหันไปรับไหว้หลานๆ ทั้งสอง “<<ไอ้หมาเอ๊ย นึกยังไงถึงพานังหนูใบหม่อนมาบ้านล่ะลูก>>”
ปากหยักได้รูปของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมา “<<พอดีผมอยากจะเซอร์ไพรส์น้องน่ะครับ เลยพามาฉลองวันเกิดที่บ้านซะเลย>>”
“<<แม่คุณจ๋า คิดถึงจังเลย แม่คุณสบายดีนะจ๊ะ>>” ใบหม่อนเข้าไปอ้อนทันทีที่เห็นหน้า พลางทิ้งศีรษะสวยได้รูปลงบนหน้าตักของหญิงชราพลางส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“<<สบายดีสิจ๊ะหลานรัก แล้วหนูเป็นไงบ้างล่ะลูกหืม เห็นว่าโอนย้ายได้แล้วไม่ใช่เหรอลูก>>”
แม่คุณเอ่ยตอบไปลูบเรือนผมยาวสลวยที่ถูกมัดจุกของหลานสาวไป ลูบไปลูบมาคว้าผมมัดจุกมาคลึงเล่นในมือไปเรื่อยๆ
“<<ใช่แล้วจ้าแม่คุณจ๋า เนี่ยหนูดีใจมากเลยน้าที่ได้ย้ายอ่ะ ที่ทำงานใหม่ดีกับหนูมากเลยจ้า>>”
“<<ดีแล้วลูก ทำงานทำการแล้วมีความสุขแบบนี้แม่คุณก็ดีใจแล้วจ้ะหลานรัก>>”
ขณะเดียวกันป๊อปพาแฟนสาวเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาแพ็กถังสังฆทานใบสุดท้ายจนเสร็จ ยังไม่ทันที่จะได้ถาม แฟนสาวชิงถามขึ้นมาเสียก่อน
“คุณแม่คะ จัดสังฆทานเองเลยเหรอคะ”
“<<ใช่แล้วลูก ก็วันนี้วันเกิดของใบหม่อนไม่ใช่เหรอลูก>>”
“<<โหแม่ครับ เตรียมไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับเนี่ย>>” เป็นป๊อปที่ถามแทรกเข้าไป
“<<ก็ใช่สิไอ้หมาเอ๊ย>>” ผู้เป็นแม่ย้อนกลับมาแทบจะทันทีทันใด “<<พอแม่รู้ว่าเอ็งจะพาใบหม่อนมาบ้าน แม่เลยบอกให้พ่อเอ็งพาแม่ไปซื้อสังฆทานที่ตลาดไงล่ะลูก จะได้เอาไปให้ลูกกับใบหม่อนและนังหนูพัชรถวายไงจ๊ะ>>”
“<<ที่จริงก็ของใบหม่อนถังเดียวก็ได้มั้งครับแม่ วันนี้วันเกิดใบหม่อนนะครับ วันเกิดผมอีกตั้งห้าวันแน่ะกว่าจะถึง>>”
ผู้เป็นแม่เหยียดยิ้มกว้าง พลางเอื้อมมะเหงกไปบนศีรษะทุยเบาๆ พอให้ได้รู้สึกพร้อมกับปรายตามองดุใส่ลูกชายตัวดี เรียกเสียงหัวเราะจากว่าที่ลูกสะใภ้ที่นั่งอยู่เคียงข้างขึ้นมาได้
“<<นี่ไอ้หมา แม่ทำเผื่อให้เอ็งกับนังหนูพัชรมันด้วย ก็วันเกิดของเอ็ง เอ็งก็ไม่ว่างขึ้นมา แม่เห็นว่าไหนๆ แล้วเลยให้ถวายไปด้วยกันเลยทีเดียวจะดีกว่านะ>>” หญิงวัยกลางคนเว้นหายใจเล็กน้อย “<<อีกอย่าง แม่เชื่อเรื่องการทำบุญร่วมกันด้วยนะลูก ถ้าเอ็ง นังหนูใบหม่อน นังหนูพัชรได้ทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าจะได้กลับมาเจอกันอีกไงล่ะลูก>>”
พัชรหันไปสบตากับคนรักที่แสดงสีหน้าออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเชื่อสนิทใจ คลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนหันไปพูดกับแม่ของสามีในอนาคตด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยนไร้ซึ่งจริตจะก้านตามปกตินิสัย
“จริงของคุณแม่แหละค่า”
“<<ก็จริงของแม่ครับ ฮิๆ ถ้าผมจะได้เจอกับพัชรทุกภพทุกชาติผมก็ยอมครับ ฮิๆ>>” ป๊อปหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี เข้าใจความหมายของผู้เป็นแม่ดีอยู่แล้วว่าจะสื่อถึงอะไร “<<แล้วถ้าใบหม่อนตามไปเกิดเป็นน้องผมทุกภพทุกชาติจริงผมก็ยิ่งดีใจเลยครับแม่ คนนี้ผมต้องยอมให้ทุกอย่างครับ>>”
ใบหน้างามพริ้งที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามวัยคลี่ยิ้มขึ้น ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มายังลูกชายตัวดีอีกครั้งหนึ่ง “<<แน่ะๆ ไอ้หมานี่ยังยอมน้องไม่เปลี่ยนเลยนะ>>” พูดจบมือเรียวสวยยื่นมายีผมผู้เป็นลูกคนโตจนฟูด้วยความเอ็นดู
“แล้วนี่คุณแม่จัดถังสังฆทานเองเลยเหรอคะเนี่ย หูยท่าจะเยอะน่าดูเลยนะคะ” พัชรเริ่มชวนแม่สามีในอนาคตคุยเรื่องถังสังฆทานที่ปรากฎต่อสายตาในตอนนี้
“<<ใช่จ้า แม่ว่าแบบนี้ดีกว่าไปเช่าถังตามวัดนะลูก พระได้ใช้จริง ของไม่ค้างคืนด้วย>>”
ระหว่างนั้นใบหม่อนผละออกจากแม่คุณเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย ไม่ลืมที่จะอ้อนผู้เป็นแม่ด้วยการกุมท่อนแขนเรียวบางไม่ต่างจากแขนของตัวเองพร้อมกับซบใบหน้าสวยหวานลงบนต้นแขน ส่งสายตาออดอ้อนให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“<<แม่จ๋า หูย จัดสังฆทานตั้งสามถังแบบนี้จะให้หนูถวายคนเดียวสามถังเลยเหรอจ๊ะ>>”
กิริยาท่าทางของใบหม่อนเรียกเสียงฮาครืนเบาๆ จากสมาชิกในครอบครัวทุกคน โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่ต้องปล่อยมือจากถังสังฆทานขึ้นมาจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยแล้วโยกไปมาเบาๆ เชิงหยอกล้อปนเอ็นดู
“<<ใครว่าล่ะลูกหืม ถังนึงของใบหม่อน ถังนึงของไอ้หมา ถังนึงของนังหนูพัชรไงลูก>>”
เป็นครั้งที่สองที่ผู้เป็นแม่ต้องให้คำตอบเช่นนี้กับลูกสาวคนเล็ก หลังจากให้คำตอบกับคนตัวใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
ใบหม่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำตอบของผู้เป็นแม่ พลางส่งสายตาอ้อนอีกครั้งหนึ่ง “<<แล้วแม่จะไปกับพวกหนูไหมล่ะจ๊ะ>>”
หญิงวัยกลางคนหลับตาพริ้ม ริมฝีปากเรียวสวยคลี่ยิ้มกว้าง ส่ายศีรษะสวยได้รูปไปมาเชิงปฏิเสธ “<<แม่ไม่ไปหรอกลูก ไปกันสามคนพี่น้องแหละดีแล้วลูก>>”
ป๊อปได้แต่ระบายยิ้มบางๆ เมื่อเห็นสีหน้าหงิกงอแสดงความรู้สึกผิดหวังของคนเป็นน้องสาว “<<นี่ใบหม่อน แม่เขาอยากให้พวกเราไปกันสามคนพอ นี่กินข้าวเสร็จไปวัดกัน แล้วพี่จะพาเลยเข้าจังหวัดไปไหว้หลวงพ่อโตกับศาลหลักเมืองด้วย ดีไหม>>”
“<<พวกหนูไปกันเถอะลูก แม่คุณน่ะอยู่ทางนี้ ไปเมื่อไหร่ก็ได้ลูกเอ๊ย แค่แม่คุณบอกอะไรหน่อย ไอ้ทิดกับอิหนูแม่เอ็งก็พาแม่คุณไปได้แล้วลูกเอ๊ย>>”
หญิงชราเอ่ยสนับสนุนเหตุผลของลูกสาวตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบานิ่มนวลจนทำให้หลานทั้งสองกับอีกหนึ่งว่าที่หลานสะใภ้ต้องยอมจำนนต่อเหตุผลนี้ พลันนัยน์ตาคู่สวยเฉี่ยวที่ถูกปิดบังด้วยเปลือกตาที่หย่อนยานมองไปทางหลานชายคนโตที่นั่งยิ้มแหยๆ อยู่ตรงหน้า ออกปากถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“<<ไอ้หมาเอ๊ย กินอะไรมายังล่ะลูก>>”
“<<พวกผมกินกาแฟกับขนมปังรองท้องมาแล้วครับ>>” ป๊อปเว้นระบายลมหายใจเล็กน้อย ปากหยักภายใต้หนวดเครารกครึ้มยังยิ้มไม่หุบ “<<มีแต่ใบหม่อนที่ไม่กินกาแฟน่ะครับ แฟนผมเลยชงโกโก้ร้อนให้กินรองท้องแทน>>”
ใบหม่อนปรายตามองดุใส่คนเป็นพี่ชายปากสว่างหนึ่งทีก่อนหันกลับไปให้ความสนใจกับผู้เป็นแม่ต่อ ขณะที่แม่คุณเหยียดยิ้มน้อยๆ อย่างพึงพอใจระคนเป็นห่วงเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่หลานชายพูดมานั้นไม่พอทำให้อิ่มท้องได้
“<<นี่อิหนู เอ็งทำกับข้าวไว้ให้ลูกๆ แล้วไม่ใช่เรอะ>>” แม่คุณหันไปถามคนเป็นลูกสาว
“<<หนูทำกับข้าวไว้ตั้งแต่เช้าแล้วจ้าแม่จ๋า ไม่คิดว่าลูกๆ จะมาเลยอาจจะน้อยไปหน่อยจ้ะ อ้อ เมื่อคืนหนูทำแกงส้มดอกแคไว้ด้วย อยู่ในหม้อตักได้เลยจ้า>>”
หันไปตอบผู้อาวุโสในบ้านก็จริง แต่เหมือนบอกใบ้ให้ลูกๆ ทั้งสองกับอีกหนึ่งว่าที่ลูกสะใภ้รับรู้ไปด้วย
“<<นี่ไอ้หมา นังหนูใบหม่อน นังหนูพัชร ไปกินข้าวกินปลาเถอะลูก แม่เอ็งเตรียมไว้ให้แล้ว ไม่งั้นหิวตายพ่อไม่รู้ด้วยนะ>>”
“<<แล้วพ่อแม่กับแม่คุณกินข้าวรึยังจ๊ะ ไปกินด้วยกันไหม>>” เป็นใบหม่อนที่ย้อนถามผู้เป็นพ่อกลับไป
“<<พ่อกับแม่กินกันแต่เช้าแล้วล่ะลูก ลูกๆ ไปกินเถอะไม่งั้นหิวตายเลยลูกเอ๊ย>>”
สองพี่น้องกับอีกหนึ่งว่าที่ลูกสะใภ้พร้อมใจกันลุกเดินไปยังห้องครัว เห็นกับข้าวหลากหลายเมนูถูกเตรียมไว้พร้อมด้วยฝีมือของผู้เป็นแม่ รอเพียงแต่ให้ลูกๆ มากินเท่านั้น
เป็นหน้าที่ของป๊อปที่คอยคดข้าวใส่จานให้กับคนเป็นน้องสาวและคนรัก ส่วนของตัวเองไว้เป็นจานสุดท้าย ขณะที่ผู้เป็นแม่กลัวว่าลูกๆ จะเหงาเลยเข้ามานั่งเป็นเพื่อนด้วย ทั้งสองสาวยังไม่ลงมือกินในทันที เลือกที่จะรออีกคนหนึ่งอยู่
ป๊อปเดินถือจานข้าวของตัวเองเดินมานั่งที่ประจำเคียงข้างคนเป็นน้องสาวเหมือนกับทุกครั้งที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน พลางเอื้อมช้อนในมือไปตักน้ำแกงส้มในชามใบใหญ่ตรงหน้ามาราดข้าวทันทีที่มาถึงตัดหน้าใบหม่อนที่กำลังจะเอื้อมช้อนไปตักแกงเช่นกัน จนผู้เป็นแม่ที่เพิ่งมานั่งร่วมโต๊ะเป็นเพื่อนอดที่จะเอ่ยปากไม่ได้ด้วยความเอ็นดู ในสายตาของผู้เป็นแม่ ลูกๆ ทั้งสองยังเป็นเด็กอยู่เสมอ
“<<ไอ้หมาเอ็งยังชอบหยำข้าวไม่เปลี่ยนเลยนะลูก>>”
“<<พี่ป๊อปอ่ะ ชอบแย่งหนูตักแกงทุกทีเลย>>” เสียงใสของคนนั่งข้างๆ ว่าให้อย่างขัดใจ
ป๊อปยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระกับคำต่อว่าของน้องสาว ซ้ำยังแกล้งทำเป็นกินข้าวคลุกน้ำแกงอย่างเอร็ดอร่อยเป็นเชิงเย้ยหยันกลับไปอีก แต่ก็ไม่ใจร้ายจนเกินไปเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายตักกับข้าวแบ่งให้คนเป็นน้องสาวเป็นการไถ่โทษ
อกไก่ชุบแป้งทอดชิ้นโตๆ ถูกตักแบ่งใส่จานข้าวของหญิงสาวด้วยฝีมือของคนตัวใหญ่ที่เพิ่งแกล้งเจ้าตัวไปเมื่อสักครู่ พร้อมกับหล่นประโยคทิ้งท้ายไว้
“<<เอ้านี่ ถือว่าพี่ขอโทษละกันนะที่แกล้งเราน่ะ ฮิๆ>>”
ใบหม่อนปรายตามองหน้าคนเป็นพี่ชายอย่างไม่เชื่อใจนัก แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสว่างไสวอย่างจริงใจที่คุ้นเคยแล้ว ทำให้เจ้าตัวลืมความรู้สึกขุ่นเคืองใจที่เพิ่งเกิดขึ้นไปในที่สุด กลีบปากอวบอิ่มเรียวสวยคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับทำท่าเอียงคอน่ารักให้อีกฝ่ายได้ชื่นใจเป็นการแสดงความขอบคุณ หันกลับไปละเลียดข้าวราดแกงส้มกับอกไก่ทอดชิ้นโตในจานตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
ป๊อปไม่ลืมที่จะทำในสิ่งเดียวกันกับแฟนสาวด้วย ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้โน้มตัวไปทางคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม มือหนาแย่งช้อนจากมือขาวราวงาช้างมาตักข้าวพร้อมกับตักแบ่งอกไก่ทอดชิ้นโตกับผัดมะเขือในจานขึ้นมาจ่อตรงริมฝีปากเรียวสวยที่ฉาบทาไปด้วยลิปกลอสสีใสวาววับ
“พัชร มา เราป้อนให้”
พัชรยอมอ้าปากให้ป๊อปป้อนข้าวแต่โดยดี ใบหน้าของเจ้าตัวเริ่มแดงซ่านพร้อมกับอาการร้อนวูบวาบแล่นปราดไปทั่วทั้งหน้า รู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับผู้เป็นแม่ของแฟนหนุ่มมานานแล้วก็ตาม
“พอได้แล้วป๊อป อายแม่อายน้องใบหม่อนเขา” เสียงหวานเอ่ยทั้งที่ยังเคี้ยวไม่หมดปากพลางส่งสายตาเชิงปรามใส่
“<<อายทำไมจ๊ะลูก เรื่องแบบนี้ไม่ต้องอายหรอก สมัยพ่อจีบแม่ใหม่ๆ ก็ทำแบบที่ไอ้หมามันทำแหละจ้า ก็ปกติไอ้หมามันป้อนข้าวให้หนูเป็นประจำไม่ใช่เหรอจ๊ะ>>”
ผู้เป็นแม่ถือโอกาสเล่าประสบการณ์สมัยที่ตัวเองโดนจีบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฟังเป็นการปลอบใจเล็กๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มมีอาการเขินอาย
พัชรทำท่ากระมิดกระเมี้ยนยิ้มเขินๆ ให้กับว่าที่แม่สามีในอนาคต “ใช่แล้วค่ะคุณแม่ แต่ป๊อปชอบแกล้งหนู เล่นตักข้าวยัดๆ จนหนูกินแทบไม่ทันหลายครั้งแล้วค่า” ถือโอกาสฟ้องเสียเลยหลังจากเก็บไว้ในใจมานาน
ผู้เป็นแม่ปรายตามองดุใส่ลูกชายคนโตทันทีที่ว่าที่ลูกสะใภ้ออกปากฟ้อง “<<ไอ้หมานี่ ทำไมไปแกล้งหนูพัชรเขาแบบนี้ล่ะลูกหืม มันไม่ดีเลยนะลูก เกิดเขาหายใจไม่ออกขึ้นมาจะว่าไงล่ะลูก หรือเป็นอะไรไปขึ้นมาจะรับผิดชอบเขาได้ไหม ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะที่จะมาแกล้งกันแบบนี้ หัดเป็นสุภาพบุรุษบ้างสิลูกเอ๊ย ไม่ใช่เอาแต่จะแกล้งเล่นสนุกๆ อย่าเงดียว แบบนี้ผู้หญิงเขาจะไม่ชอบเอานะลูกเอ๊ย>>”
กลายเป็นป๊อปที่หัวเราะไม่ออกเมื่อถูกผู้เป็นแม่อบรมอย่างหนักถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ใช้คำหรือกิริยาท่าทางที่รุนแรงนัก แต่นั่นทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อยจนแทบไม่กล้าสบตากับผู้เป็นแม่เลยทีเดียว จู่ๆ เหงื่อกาฬผุดขึ้นอาบบนใบหน้าคร้ามขึ้นมาเสียเฉยๆ พลางชำเลืองมองไปยังคนที่นั่งตรงข้ามส่งสายตาแสดงอาการรู้สึกผิดให้ได้รับรู้
ใบหม่อนเหยียดยิ้มน้อยๆ รู้สึกสมน้ำหน้าพี่ชายตัวเองที่โดนผู้เป็นแม่อบรม ‘โดนซะมั่ง เอาให้หนักเลยจ้าคุณแม่ พี่ป๊อปแกล้งหนูแกล้งพี่พัชรหลายครั้งแล้ว คริๆ’
สิ้นเสียงผู้เป็นแม่ ป๊อปที่หน้าหดเหลือสองนิ้วเมื่อถูกอบรมชุดใหญ่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งหลังจากเห็นคนนั่งตรงข้ามส่งยิ้มอันสดใสเชิงปลอบใจมาให้เขารับรู้ ถึงแม้จะยังเหลือร่องรอยความรู้สึกผิดบนใบหน้าคร้ามอยู่ก็ตาม ยังทำหน้าที่เป็นแฟนและพี่ชายที่แสนดีให้กับทั้งสองอย่างเต็มใจเหมือนเดิมทั้งคอยบริการตักกับข้าวให้ และป้อนข้าวให้คนนั่งตรงข้ามไปเรื่อยๆ ขณะที่ผู้เป็นแม่เริ่มชวนว่าที่ลูกสะใภ้กับลูกสาวคนเล็กเมาท์มอยกันตามประสาผู้หญิงจนบรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวกลับมาครึกครื้นจนเสียงดังออกไปถึงข้างนอก แต่แล้ว...
“<<อิหนูเอ๊ย คุยอะไรกันเสียงดังไปจนถึงข้างนอกเลยลูกหืม>>”
น้ำเสียงนิ่มนวลอบอุ่นแฝงความเฉียบขาดที่คุ้นหูดังแว่วมาจนทุกคนหันไปมองร่างระหงที่หย่อนยานไปตามวัยของผู้อาวุโสกำลังเดินถือไม้เท้าประคองตัวเข้ามาหาลูกสาวและหลานๆ ทั้งสองกับอีกหนึ่งว่าที่หลานสะใภ้ ทางด้านใบหม่อนไม่รอช้า รีบลุกไปประคองผู้อาวุโสให้มานั่งด้วยกันทันที
“<<แม่คุณจ๋า มานั่งก่อนจ้า>>”
ผู้อาวุโสนั่งลงตรงตำแหน่งประธานที่หัวโต๊ะเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา นัยน์ตาคู่สวยเฉี่ยวมองตรงไปยังผู้เป็นลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใย รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้างามพริ้งที่เหี่ยวย่นลงไปตามเวลาแต่ยังเหลือร่องรอยของความสวยให้เห็น ก่อนกวาดสายตามองหลานๆ ทั้งสามด้วยสายตาและรอยยิ้มแบบเดียวกัน และแล้ว บทสนทนาของสาวๆ เริ่มขึ้นอีกครั้งกับเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ที่ต่างคนต่างหยิบมาพูดคุยกัน ขณะที่ป๊อปได้แต่นั่งฟังเงียบๆ มีเพียงแต่ส่งเสียงหัวเราะแจมไปด้วยเท่านั้นเมื่อถึงฉากที่เรียกเสียงฮาครืนขึ้นมา และยิ่งได้ผู้อาวุโสมาร่วมวงสนทนาด้วยแล้วยิ่งทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากขึ้นกว่าเดิมอีก จนกระทั่ง...
“<<ไอ้หมาเอ๊ย พูดอะไรหน่อยสิลูก แม่คุณเห็นเอ็งเงียบอยู่นานแล้วนะ>>”
เสียงเย็นเยียบลอยลมดังแว่วกระทบโสตประสาทของชายหนุ่ม หันไปชำเลืองมองใบหน้างามพริ้มของผู้อาวุโสพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองไม่ได้อะไรอยู่แล้ว
“<<ปล่อยให้สาวๆ คุยกันไปดีแล้วครับ ฮิๆ>>”
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนอาหารในจานตรงหน้าหมดเกลี้ยงลงอย่างรวดเร็วหลังจากทั้งสามจัดการรับประทานจนอิ่ม ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มลุกขึ้นทำหน้าที่เก็บจานชามทั้งหมดยกไปล้างยังอ่างซิงค์ด้านหลัง แต่ครั้งนี้เป็นพัชรที่เข้าไปช่วยแฟนหนุ่มล้างจานไปคุยกระหนุงกระหนิงไปตามประสาคนเป็นแฟนกัน ปล่อยให้น้องสาวอย่างใบหม่อนจัดการเช็ดโต๊ะกินข้าวและได้พักผ่อนก่อนใคร
สองแม่ลูกมองคนเป็นลูกชายคนโตที่กำลังกระหนุงกระหนิงกับว่าที่ลูกสะใภ้ไปจัดเรียงจานชามคืนตู้ไปอย่างมีความสุขก่อนหันมาสบตาให้กันอย่างรู้ใจ ฝ่ายแม่คุณรู้ได้ทันทีว่าลูกสาวตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่
“<<อิหนูอยากให้ไอ้หมามันแต่งเมียแล้วล่ะสิลูก หืม>>”
น้ำเสียงเยือกเย็นอ่อนโยนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอื้อมมืออันเหี่ยวย่นขึ้นไปลูบเรือนผมยาวสลวยของคนเป็นลูกสาว นัยน์ตาสวยเฉี่ยวภายใต้เปลือกตาที่หย่อนยานมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคนเป็นลูกสาวจนสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ข้างใน
“<<ใช่แล้วจ้าแม่จ๋า>>” หญิงวัยกลางคนเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ “<<หนูอยากได้นังหนูพัชรมาเป็นลูกสะใภ้จะแย่แล้วล่ะจ้ะแม่จ๋า หนูว่านังหนูพัชรนี่แหละที่จะทำให้ไอ้หมาเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ แล้วแม่ล่ะจ๊ะจะว่ายังไง>>”
ใบหน้างามพริ้งคลี่ยิ้มให้กับผู้เป็นลูกสาว ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นนิ่มนวลเช่นเดิม “<<แม่ก็ดีใจสิลูกเอ๊ย แม่ก็ชอบนังหนูพัชรไม่ต่างไปจากเอ็งแหละอิหนู แม่สังเกตมาตลอดตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วล่ะลูกเอ๊ย นังหนูพัชรเข้ากับทุกคนในบ้านเราได้หมดเลย>>”
ยิ่งพูดถึงแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสยิ่งเบิกกว้างแสดงความรู้สึกประทับใจให้ผู้เป็นลูกสาวได้เห็น “<<ที่จริงแม่ว่าจะคุยกับนังหนูพัชรเรื่องนี้เหมือนกันแหละลูกเอ๊ย แต่ใบหม่อนบอกไอ้หมามันเครียดทุกทีเวลาพูดเรื่องนี้ แม่เลยคิดว่าอย่าเพิ่งเลยดีกว่าลูก ไว้ไอ้หมามันพร้อมเมื่อไหร่ค่อยว่ากันดีกว่านะลูก>>”
“<<จ้าแม่ เฮ้อ ไม่รู้ไอ้หมามันคิดมากทำไมนะแม่ มันก็มีทุกอย่างพร้อมแล้วนะ>>” อดที่จะบ่นให้ผู้เป็นแม่ฟังไม่ได้อีกครั้งหนึ่ง ในใจนึกเป็นห่วงลูกชายคนโตอยู่ไม่น้อย กลัวว่าจะขึ้นคานเสียก่อนถ้ายังรออยู่แบบนี้
..........................................................................................................................
สองพ่อลูกช่วยกันลำเลียงถังสังฆทานใบใหญ่ทั้งสามใบขึ้นไปไว้ยังด้านหลังของรถแวนคันใหญ่จนเสร็จเรียบร้อยเมื่อฝาท้ายถูกปิดลง ก่อนเดินไปหาผู้เป็นแม่กับแม่คุณที่กำลังร่ำลาเจ้าของวันเกิดในวันนี้อยู่
“<<สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะใบหม่อนหลานรักของแม่คุณ ขอให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานนะลูก เป็นใหญ่เป็นโตเป็นเจ้าคนนายคน โชคดีมีชัย ไปที่ไหนก็มีแต่คนรักนะลูกนะ ดูแลตัวเองด้วยนะลูก รักไอ้หมามากๆ นะลูก รักกันให้มากๆ นะลูก เรามีกันสองคนพี่น้อง เวลามีปัญหาอะไรก็ช่วยเหลือกันนะลูกเอ๊ย ไอ้หมามันรักหนูมากนะ เห็นไอ้หมามันยอมหนูทุกอย่างเลย>>”
น้ำเสียงเย็นเยียบนุ่มนวลเอื้อนเอ่ยคำให้พรส่งไปยังหลานสาวสุดที่รักที่กำลังยืนหลับตาพนมมือรับพรอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยอย่างเบามือ ไม่ช้าร่างสูงระหงของหญิงสาวโผเข้ากอดร่างท้วมของหญิงชราที่ยืนอยู่ตรงหน้า พลางซบใบหน้าสวยหวานลงบนไหล่ลู่ซึมซับความอบอุ่นที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเด็กๆ หยาดน้ำตาใสๆ พลันไหลอาบบนพวงแก้มนุ่มหยดลงไปเปื้อนไหล่อันอบอุ่นของแม่คุณ...
“<<ขอบคุณมากนะจ๊ะแม่คุณจ๋า ฮึก หนูรักแม่คุณนะจ๊ะ ฮึกๆ>>”
“<<แม่คุณก็รักหนูเหมือนกันจ้ะลูก โอ๋ๆ ไม่ร้องนะจ๊ะหลานรักของแม่คุณ>>”
มืออันเหี่ยวย่นตามวัยลูบๆ ไปบนแผ่นหลังบอบบางพร้อมกับพูดปลอบให้หลานสาวสุดที่รักหยุดร้องไห้ ไม่นานหญิงสาวก็สงบลงพร้อมกับถอยหลังห่างออกเล็กน้อย ใบหน้าสวยหวานยังเปื้อนคราบน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยพริ้งที่เหี่ยวย่นลงไปตามกาลเวลา เพียงแค่เห็นรอยยิ้มสว่างไสวของหญิงชราตรงหน้าดังต้องมนต์สะกดเมื่อสาวเจ้าหยุดร้องในที่สุด... ขณะเดียวกัน ผู้เป็นแม่เอ่ยเรียกชื่อลูกสาวคนเล็กขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลพร้อมกับเตรียมของขวัญสุดพิเศษที่ตั้งใจจะมอบให้
“<<ใบหม่อนจ๊ะ สุขสันต์วันเกิดนะลูก นี่ของขวัญวันเกิดปีนี้นะลูกนะ พ่อกับแม่ตั้งใจซื้อให้หนูเลยนะ>>”
ถุงกำมะหยี่สีแดงใบเขื่องในมือของผู้เป็นแม่ถูกส่งให้กับหญิงสาวที่เริ่มทำท่ากระดี๊กระด๊าเมื่อรู้ว่าของขวัญวันเกิดของเจ้าตัวในปีนี้คืออะไร
หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณผู้เป็นพ่อแม่ด้วยอาการดีใจเป็นพิเศษ ไม่รอช้าที่จะแกะถุงสีแดงในมือด้วยอาการตื่นเต้น นิ้วเรียวสวยค่อยๆ ล้วงลงไปหยิบของในถุงออกมา ดวงตากลมโตคู่สวยลุกวาวขึ้นเมื่อได้เห็นสร้อยทองคำหนักราวหนึ่งบาทสลักลวดลายสวยงามในมือ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวถี่ขึ้นๆ เรื่อยๆ
“<<ขอบคุณมากนะคะพ่อจ๋าแม่จ๋า หูยดีใจมากเลย ซื้อทองให้หนูเลยเหรอคะ>>”
เสียงใสเอ่ยขอบคุณบุพการีทั้งสองอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้เห็นของขวัญวันเกิดในมือ รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“<<ใช่แล้วล่ะลูก ถือว่าเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่หนูได้โอนย้ายด้วยละกันนะลูกนะ เนี่ยแม่เอ็งน่ะเลือกแล้วเลือกอีกกว่าจะได้นะเนี่ย>>”
“<<ชอบไหมล่ะลูกใบหม่อน>>” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามขึ้นมาหลังจากสามีพูดจบ
“<<ชอบสิคะพ่อจ๋าแม่จ๋า>>” เสียงใสเอ่ยตอบอย่างร่าเริง สีหน้าของหญิงสาวในตอนนี้ออกอาการเห่อของขวัญอย่างออกนอกหน้า เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนที่อยู่รอบข้างได้ไม่น้อย ไม่ลืมที่จะอวดของขวัญวันเกิดให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ดูด้วย
“<<จะใส่ไหมล่ะใบหม่อน เดี๋ยวพี่ใส่ให้>>” ป๊อปแกล้งถามขึ้นมา รู้อยู่แล้วว่าน้องสาวคนนี้จะให้คำตอบอย่างไร
“<<ไม่อ่ะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนส่ายศีรษะสวยไปมาเชิงปฏิเสธ เริ่มทำสีหน้าจริงจังขึ้น “<<ขืนใส่หนูก็โดนกระชากสิพี่ป๊อป เก็บไว้แหละดีแล้ว>>”
คำตอบของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนในครอบครัวอยู่ไม่น้อย ในขณะเดียวกัน ผู้เป็นแม่หยิบถุงกำมะหยี่สีแดงแบบเดียวกันมายื่นให้กับคนตัวใหญ่พร้อมกับรอยยิ้มแบบเดียวกับเมื่อสักครู่
“<<ไอ้หมา นี่ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าของเอ็งนะลูก>>” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกับหย่อนถุงลงบนมือใหญ่ของผู้เป็นลูกชายคนโต
“<<ขอบคุณมากครับพ่อแม่ หูย ทองตั้งบาทนึงแน่ะ ผมเกรงใจพ่อแม่แย่เลยครับ>>”
ป๊อปไม่รอช้ารีบเปิดถุงกำมะหยี่สีแดงในมือล้วงเอาสร้อยทองคำหนักหนึ่งบาทแบบเดียวกันกับของน้องสาวออกมาโชว์ให้ทุกคนได้ดู สีหน้าของเขาในตอนนี้ออกอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ใบหม่อนอดที่จะแสดงความยินดีกับพี่ชายคนนี้ด้วยไม่ได้
“<<เกรงใจอะไรกันล่ะไอ้หมา ก็พ่อแบ่งเงินที่เอ็งให้ทุกเดือนเก็บไว้ส่วนหนึ่งนี่ เลยเอามาซื้อของขวัญให้เอ็งกับน้องเอ็งซะเลยไง ฮ่าๆ>>” ผู้เป็นพ่อหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “<<อีกอย่างพ่อกับแม่ก็อยากให้ของขวัญวันเกิดพวกเอ็งด้วยแหละไอ้หมาเอ๊ย>>”
“<<ขอบคุณมากครับ/จ้า พ่อจ๋าแม่จ๋า>>” สองพี่น้องพร้อมใจกันยกมือไหว้ขอบคุณผู้เป็นพ่อเป็นแม่อีกครั้งหนึ่ง
และแล้วเวลาแห่งการร่ำลาได้มาถึง เมื่อสองพี่น้องต่างพร้อมใจกันเข้าไปสวมกอดกับแม่คุณอันเป็นที่เคารพนับถือสูงสุดด้วยความรู้สึกที่ทั้งรักและคิดถึงด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้เริ่มเกิดการชุลมุนเล็กๆ เมื่อสองพี่น้องต่างคนต่างแย่งกันกอดจนเจ้าของร่างท้วมระหงต้องออกปากห้ามปราม
“<<ไอ้หมาเอ๊ย ไม่ต้องแย่งน้องกอดก็ได้ลูก แม่คุณหายใจไม่ออกแล้วลูกเอ๊ย>>”
ชายหนุ่มยอมหลีกทางแต่โดยดีเพราะยังไงก็ต้องยอมให้น้องสาวเข้าไปกอดก่อนอยู่แล้ว รอจังหวะร่างสูงระหงผละออกมา ไม่รอช้าที่จะเข้าไปสวมกอดผู้อาวุโสตรงหน้าในทันที ซึมซับความอบอุ่นจากคนตรงหน้าให้ได้มากที่สุดสมกับความคิดถึงที่มีให้กันมานาน
“<<ไอ้หมาเอ๊ย เอ็งเป็นพี่ชายคนโตนะลูก รักน้องให้มากๆ นะ ดูแลน้องด้วยนะลูก ถึงตอนนี้น้องเอ็งจะโตมากแค่ไหนก็ตาม หรือน้องเอ็งจะแกร่งกว่าเอ็งแค่ไหน แต่เวลาไหนที่น้องเอ็งมีปัญหาหรือไม่สบายใจ น้องเอ็งเขาอยากให้เอ็งอยู่กับเขานะลูก เรื่องงานการจะทำอะไรยังไงไม่ว่าหรอกลูก แต่พักผ่อนบ้าง ดูแลตัวเองบ้าง น้องเขาบอกเขาเตือนอะไรเอ็งก็เชื่อน้องบ้างนะลูก นี่ เอ็งก็อายุสามสิบสองในปีนี้แล้วใช่ไหมลูก คบกับนังหนูพัชรมานานแล้วใช่ไหมลูก ยังไงขอให้เอ็งกับนังหนูพัชรตกร่องปล่องชิ้นกันได้แล้วนะลูกนะ แม่คุณก็อายุมากขึ้นทุกวัน อยากเห็นหลานๆ ทั้งสองเป็นฝั่งเป็นฝาสักทีก่อนตายน่ะลูก>>”
น้ำเสียงเยือกเย็นนิ่มนวลเอื้อนเอ่ยคำพูดทั้งหมดที่มีอยู่ในใจต่อหลานชายคนโตคนนี้ มือเหี่ยวย่นที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นลูบๆ ไปบนผมหยักศกค่อนข้างยาวอย่างเบามือ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กอดและลูบผมหลานชายคนโตคนนี้...
“<<ปีนี้ขอให้ไอ้หมาหลานรักมีความสุขมากๆ นะลูก การงานประสบความสำเร็จทุกอย่าง เอ็งปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นนะลูกนะ เอ้าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเลยลูกเอ๊ย รวย รวย รวยนะลูก>>”
“<<ขอบคุณมากครับแม่คุณ>>”
สองพี่น้องต่างคนต่างเข้าไปสวมกอดร่ำลาพ่อแม่อีกครั้งหนึ่งด้วยความรู้สึกรักและคิดถึงไม่ต่างกัน โดยเฉพาะใบหม่อนที่ต้องบ่อน้ำตาแตกอีกครั้งด้วยความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก บังเอิญป๊อปชำเลืองมองมา เห็นหยาดน้ำตาใสๆ ไหลรินลงอาบบนพวงแก้มป่อง ไม่รอช้ารีบขยับตัวเข้าไปใกล้ พลันเอื้อมมือไปจับพวงแก้มป่อง ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยคราบน้ำตาออกอย่างเบามือ นัยน์ตาสองชั้นหลบมองมาที่ใบหน้าของหญิงสาวที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ในตอนนี้
“<<โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะคะใบหม่อน พี่อยู่นี่แล้ว>>”
ร่างสูงระหงโผเข้าซบอกแกร่งของคนเป็นพี่ชายในทันทีก่อนปล่อยโฮออกมาด้วยความรู้สึกตื้นตันใจที่มีมากกว่าเดิม ขณะที่คู่สามีภรรยาวัยใกล้เกษียณโผเข้าไปกอดกับลูกๆ ทั้งสอง แผ่ความอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยให้ลูกๆ ได้ซึมซับ
พัชรได้แต่ยืนยิ้มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลนัก สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่มีให้กันและกันระหว่างครอบครัว อดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้เพราะครอบครัวของตัวเองตอนนี้แยกย้ายกันไปอยู่ไกลกันจนคนละซีกโลก ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้ามากนัก
“<<นังหนูพัชร เข้ามานี่สิลูก>>” ผู้เป็นแม่กวักมือเรียกว่าที่ลูกสะใภ้ให้เข้าไปหา
พัชรยืนสงวนท่าทีอยู่สักพักหนึ่ง เห็นใบหน้าสวยหวานที่หย่อนยานไปตามวัยกับเรือนผมยาวตรงม้วนปลายเล็กน้อยพยักเพยิดหน้าบอกให้เจ้าตัวเข้าไปหา ร่างบางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้กับครอบครัวของคนรัก ยังทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะรู้จักกันมานานแล้วก็ตาม
“<<มาๆ กอดหน่อยลูก ยังไงแม่ถือว่าหนูเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะจ๊ะ>>” หญิงวัยกลางคนกล่าวย้ำกับว่าที่ลูกสะใภ้อีกรอบก่อนโปรยยิ้มหวานให้ รู้ทันทีว่าลูกสะใภ้ในอนาคตยังทำตัวไม่ถูกในตอนนี้
ดั่งต้องมนต์สะกดเมื่อร่างบางโผเข้าไปสวมกอดกับครอบครัวของชายคนรักด้วยความเต็มใจ ซึมซับความอบอุ่นและความรักที่มีให้กันและกันจนทำให้หวนคิดถึงครอบครัวของเจ้าตัวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง เมื่อสมาชิกในครอบครัวต้องห่างไกลกันจนแทบจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าเหมือนกับครอบครัวคนอื่นเขา...
“<<นังหนูพัชรเอ๊ย มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะจ๊ะ แม่คุณยินดีต้อนรับหลานสะใภ้คนนี้เสมอจ้า>>”
น้ำเสียงเยือกเย็นของหญิงชราเอ่ยกับว่าที่หลานสะใภ้ด้วยความเอ็นดู เมื่อพัชรได้ยินเข้ากลับรู้สึกอบอุ่นใจในแบบที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ได้ยินผู้เป็นพ่อแม่ของตัวเองพูดด้วยไม่มีผิด
เมื่อกอดกันให้หายคิดถึงพร้อมกับหยาดน้ำตาของเจ้าของวันเกิดในวันนี้เหือดแห้งลงไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องร่ำลากันจริงๆ เมื่อผู้เป็นพ่อออกปากอวยพรทิ้งท้าย
“<<ไปเถอะลูก นานกว่านี้เดี๋ยวติดเพลนะ>>” น้ำเสียงเข้มเว้นหายใจเล็กน้อย ปรายตามองหน้าลูกๆ ทั้งสองกับว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยสายตาที่แสดงความเป็นห่วง “<<ไอ้หมาเอ็งอย่าซิ่งมากล่ะลูก ค่อยๆ ขี่ไปไม่ต้องรีบ อย่าลืมนะวันนี้วันเกิดน้องเอ็งนะลูก อย่าให้เกิดอุบัติเหตุเลยจะดีกว่านะลูกเอ๊ย>>”
มือหนาเอื้อมมาลูบๆ บนผมหยักศกเหนือศีรษะทุยของลูกชายคนโตด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ก่อนหันไปหาคนเป็นเจ้าของวันเกิด “<<นังหนูใบหม่อนลูก ดูแลไอ้หมามันหน่อยนะลูก>>”
“<<จ้าพ่อจ๋า พ่อไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ หนูดูแลพี่ป๊อปเอง หนูไปแล้วนะคะ>>”
ป๊อปเดินไปนั่งประจำที่เบาะฝั่งคนขับ บิดกุญแจสตาร์ตสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงส่งเสียงคำรามดังลั่น ขณะที่ใบหม่อนก้าวขึ้นนั่งประจำที่นั่งข้างคนขับพร้อมกับว่าที่ลูกสะใภ้ของบ้านที่ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง กระจกประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับถูกเปิดออกให้หญิงสาวได้โบกมือลาสมาชิกในครอบครัว
“<<เดินทางปลอดภัยนะลูก>>” น้ำเสียงเยือกเย็นของผู้อาวุโสกล่าวอวยพรให้หลานๆ เป็นการทิ้งท้าย
รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวไปอย่างเนิบช้าจนพ้นจากประตูรั้วหน้าบ้านที่ผู้เป็นพ่อออกไปเปิดไว้ให้ออกสู่ซอยย่อยตรงหน้าจนลับตาบุพการีทั้งสามที่ออกมาส่งในที่สุด...
..................................................................................................
ณ วัดพร้าว
สองพี่น้องกับหนึ่งคนรักช่วยกันขนถังสังฆทานที่ทางบ้านจัดเตรียมไว้ให้ขึ้นไปยังหมู่กุฏิพระตรงหน้า เห็นโยมวัดวัยชราผู้หนึ่งนั่งพักผ่อนอยู่ตรงหอสวดมนต์กับพระภิกษุวัยกลางคนที่นั่งสมาธิอยู่รูปหนึ่ง บังเอิญป๊อปจำได้ว่าพระภิกษุที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นพระอาจารย์ของตัวเองตั้งแต่สมัยยังบวชอยู่ที่วัดนี้ ทั้งสามวางถังสังฆทานลงไว้ที่มุมหนึ่งก่อนหันไปถอดรองเท้าวางไว้คู่กันบนชั้นวางตรงหน้า แต่สุดท้ายแล้วสองพี่น้องต้องรอให้ว่าที่สะใภ้ของครอบครัวที่ใช้เวลาถอดรองเท้านานกว่าคนอื่น...
ป๊อปชำเลืองมองคนรักที่กำลังหย่อนตัวนั่งลงบนชานบันใดเอื้อมมือเรียวสวยลงไปเลิกปลายขากางเกงยีนที่ขาดรุ่ยขึ้น ถอดรองเท้าบูทหนังสีดำที่สวมอยู่ออกมาวางไว้ข้างตัว ปากหยักคลี่ยิ้มน้อยๆ หันไปส่งสายตากับเจ้าของวันเกิดที่มองมาโดยบังเอิญ ปากหยักได้รูประบายยิ้มพราวก่อนส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ให้กันทั้งคู่
ทั้งสามเดินถือถังสังฆทานคนละใบเดินตรงไปยังหอสวดมนต์ เผอิญว่าโยมวัดหันมาหาพอดี รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามที่เหี่ยวย่นไปตามวัยออกปากทักทายผู้มาใหม่
“<<มาถวายสังฆทานเหรอพ่อหนุ่ม>>”
“<<ใช่ครับคุณลุง>>”
“<<อ้อเหรอ อืม งั้นไปนั่งรอตรงหน้ากุฏิหลวงปู่ก่อนนะ เดี๋ยวลุงไปนิมนต์หลวงปู่ก่อนนะลูก>>”
ทั้งสามพากันกระเถิบตัวไปนั่งตรงชานหน้ากุฏิเจ้าอาวาสที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ระหว่างที่โยมวัดกำลังทำท่ากุลีกุจอจะเข้าไปข้างในกุฏิเจ้าอาวาสนั้น เผอิญพระภิกษุวัยกลางคนรูปนั้นเพิ่งออกจากสมาธิ หันไปออกปากห้ามโยมวัดคนนั้นไว้
“<<โยมเผือกไม่ต้องเข้าไปหรอก หลวงปู่ท่านรู้แล้วเดี๋ยวท่านออกมา โยมไปเตรียมที่กรวดน้ำมาให้ไอ้ทิดกับสีกาเถอะ>>”
ชายชรารับคำจากพระภิกษุวัยกลางคนเดินหลีกไปยังมุมหนึ่งในบริเวณหอสวดมนต์ จัดเตรียมเครื่องใช้สำหรับการถวายสังฆทาน ขณะที่พระภิกษุเดินจากชานหอสวดมนต์ไปหาชายหนุ่มกับอีกสองสาวที่รอหน้าชานกุฏิเจ้าอาวาส ทักทายลูกศิษย์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รู้ได้ทันทีว่าที่ลูกศิษย์มาในครั้งนี้เพราะโอกาสพิเศษที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งสามพร้อมใจกันก้มลงกราบด้วยความเคารพ
“<<สบายดีนะไอ้ทิด สีกาใบหม่อน สีกาพัชร>>”
“<<สบายดีครับพระอาจารย์>>” ป๊อปนั่งพนมมือแต้ตอบรับคำของพระอาจารย์
“<<วันนี้มาถวายสังฆทานถึงวัดเลย เนื่องในโอกาสอะไรเหรอไอ้ทิด>>”
ที่จริงพระอาจารย์ล่วงรู้ตั้งแต่ก่อนที่ลูกศิษย์คนนี้จะมาถึงวัดแล้ว แต่ด้วยต้องการรักษาสมณสารูปไว้จึงย้อนถามกลับไป
“<<วันนี้วันเกิดน้องสาวผมครับพระอาจารย์>>”
คำตอบจากปากของชายหนุ่มตรงกับสิ่งที่พระภิกษุวัยกลางคนล่วงรู้ตั้งแต่แรก จึงมานั่งสมาธิเจริญภาวนารอท่าเพราะหวังให้หลังจากได้ทำบุญแล้ว ลูกศิษย์และน้องสาวของเขาจะได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่
“<<อ้าดีเลย รอหลวงปู่แป๊ปนึงนะ หลวงปู่ท่านรู้แล้วล่ะ แต่ท่านยังไม่ลงมา>>”
พระอาจารย์กล่าวลอยๆ แต่คนเป็นลูกศิษย์กลับทราบความหมายดีว่าคืออะไร มีเพียงแต่เจ้าของวันเกิดกับว่าที่พี่สะใภ้ที่หันมามองหน้าและขมวดคิ้วให้กันอย่างงุนงงกับสิ่งที่พระอาจารย์ของคนเป็นพี่ชายและคนรักพูดออกมา
เหยือกกรวดน้ำที่บรรจุน้ำจนเต็มและผ้ากราบถูกจัดเตรียมไว้พร้อมที่ชานหน้ากุฏิเจ้าอาวาสด้วยฝีมือชายชราผู้เป็นโยมวัด รอเพียงแต่หลวงปู่เจ้าอาวาสท่านออกมารับสังฆทานเท่านั้น เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ร่างผอมแกร่งที่ดูผ่องใสห่มจีวรสีกรักแดงเดินออกมาจากด้านในกุฏิด้วยท่าทางอันเนิบช้าสง่างามแก่สมณสารูป ขณะที่พระภิกษุวัยกลางคนที่ชายหนุ่มเรียกว่าพระอาจารย์รีบลุกขึ้นนั่งคุกเข่านำให้ลูกศิษย์ก้มลงกราบด้วยความเคารพ
“<<อ้าวลมอะไรหอบเอ็งมาเรอะไอ้หมา>>”
พระภิกษุชราขยับแว่นเพ่งมองไปยังร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นลูกศิษย์ที่ตัวเองบวชให้เมื่อแปดปีที่แล้ว ออกปากทักทายด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยความคุ้นเคย
“<<วันนี้วันเกิดน้องสาวผมครับหลวงปู่ดำ เลยพาน้องมาถวายสังฆทานครับ>>”
หลวงปู่ดำพยักหน้าเบาๆ เชิงรับรู้ มืออันเหี่ยวย่นหันไปหยิบถ้วยน้ำชาที่ศิษย์วัดวัยชราเติมให้ขึ้นมาจิบพอแก้คอแห้ง หันไปชำเลืองมองใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวเข้าของวันเกิดอย่างพินิจพิเคราะห์
“<<อ๋อ วันนี้วันเกิดอิหนูใบหม่อนเหรอลูก เป็นไงบ้างล่ะ เดี๋ยวนี้เป็นข้าราชการใหญ่โตเหมือนพ่อมันแม่มันแล้วนี่นา ฮิๆ>>”
“<<สบายดีเจ้าค่ะหลวงปู่ แหม หลวงปู่ก็พูดเกินไปนะจ๊ะ>>” ใบหม่อนตอบรับพระภิกษุชราในทันทีเมื่อโดนทักเข้าด้วยความคุ้นเคย ดวงตากลมโตคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเหล็กครบทุกซี่
หลวงปู่หัวเราะในลำคอเบาๆ นึกย้อนความทรงจำที่เห็นพี่น้องคู่นี้ที่ติดตามแม่คุณมาทำบุญที่วัดนี้บ่อยๆ ตั้งแต่ยังเด็กจนโตจนได้เป็นผู้บวชให้กับลูกชายคนโต จวบจนมาถึงวันนี้ “<<ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะอิหนู>>”
“<<อายุ 27 แล้วจ้าหลวงปู่>>”
“<<อื้ม พ้นเบญจเพสแล้วนี่ลูก>>”
หลวงปู่พิจารณาอยู่สักพักก่อนตอบเจ้าของวันเกิด เหมือนจะล่วงรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถพูดได้ หันไปทักทายกับว่าที่สะใภ้ที่นั่งพนมมืออยู่เคียงข้างสัทธิวิหาริกของตัวเอง
“<<แล้วอิหนูนี้ล่ะ สบายดีนะลูก>>”
“สบายดีเจ้าค่ะหลวงปู่”
“<<เออดีๆ ลูก>>” หลวงปู่ตอบรับคำของหญิงสาวก่อนหันมาพูดกับคนตัวใหญ่ต่อ “<<ไอ้หมาเอ๊ย สิ่งที่เอ็งกังวลไม่มีอะไรหรอก เมื่อถึงเวลา เอ็งก็จะหาคำตอบเจอเองแหละลูกเอ้ย>>”
น้ำเสียงอันเย็นเยียบของหลวงปู่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกวาบขึ้นมาในใจแปลกๆ ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าหลวงปู่ท่านล่วงรู้ใจคนทุกอย่าง เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูดแค่นั้น แต่ครั้งนี้หลวงปู่เลือกที่จะพูดจี้ใจดำของเขาเต็มๆ นัยน์ตาสองชั้นหลบเงยขึ้นมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่นของหลวงปู่ที่กำลังเหยียดยิ้มบางๆ ด้วยความเมตตา
“<<เอ้าลูก มาถวายสังฆทานไม่ใช่เหรอ มาเลยลูกมา เอ้าอาราธนาศีลก่อนลูกเอ๊ย>>”
พระภิกษุชราเอ่ยเสียงเย็นเยียบกำชับให้สองพี่น้องกับอีกหนึ่งสะใภ้เตรียมตัวอาราธนาศีล แล้วก็เป็นหน้าที่ของป๊อปที่ต้องกล่าวคำอาราธนาศีลนำทั้งสองสาวในฐานะที่ตัวเองเคยบวชมาแล้ว หลังกล่าวคำอาราธนาศีลจบ หลวงปู่หันไปหยิบพัดรองขึ้นมาตั้ง เริ่มสวดบทนะโม ไตรสรณคมน์และศีลให้ทั้งสามกล่าวตามไปจนจบ ขณะเดียวกัน พระอาจารย์เริ่มนั่งภาวนาระหว่างรอหลวงปู่ให้ศีลไปเรื่อยๆ จวบจนทั้งสามกล่าวคำถวายสังฆทานจบและหลวงปู่อนุโมทนาแล้ว
ใบหม่อนยกถังสังฆทานที่อยู่ตรงหน้าไปวางบนผ้ากราบก่อนปล่อยมือออกแล้วถอยกลับมานั่งที่เดิม ขณะที่หลวงปู่จับถังสังฆทานแล้วพิจารณาอยู่สักพักหนึ่งก่อนส่งให้โยมวัดยกไปเก็บด้านหลัง ป๊อปไม่รอช้าชวนให้แฟนสาวเข้าไปถวายสังฆทานทั้งสองถังด้วยกัน จนเมื่อถวายเสร็จแล้ว ใบหม่อนเอื้อมไปหยิบเหยือกกรวดน้ำเข้ามาใกล้ตัว ค่อยๆ เทน้ำลงในขันใบเล็กพร้อมกับบทสวดให้พรของหลวงปู่ที่ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ นึกอธิษฐานขอในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาไว้ทั้งหมดในใจจวบจนเทลงหมดเหยือกและวางไว้ข้างขันรอง มือเรียวเล็กยกขึ้นพนมไว้เหนืออกรับกระแสน้ำมนต์ที่หลวงปู่สาดมาโดยเจาะจงให้เจ้าตัวได้รับเต็มๆ จนเปียกชุ่มไปหมด เมื่อสิ้นเสียงบทสวดให้พรแล้ว
“<<เอ้าอิหนู เอาไปรดน้ำต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ อย่าลืมบอกพระแม่ธรณีด้วยนะลูกนะ>>”
หญิงสาวยอมทำตามอย่างว่าง่ายเมื่อคว้าขันรองน้ำที่กรวดไว้ขึ้นมาก่อนลุกเดินลงไปรดน้ำต้นไม้ใหญ่ด้านล่าง ปล่อยให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้นั่งรออยู่ข้างบน ค่อยๆ เทน้ำรดลงไปยังโคนต้นไม้ใหญ่จนหมดขันแล้วสาวเจ้าพาตัวเองเดินกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้งก่อนคืนให้กับชายชราผู้เป็นโยมวัด
“<<เอ้าอิหนู มานี่ มาพรมน้ำมนต์อีกรอบนึงลูก>>”
หลวงปู่ก้มลงหยิบที่ประพรมจุ่มลงในบาตรน้ำมนต์อีกรอบหนึ่งก่อนรดให้กับหญิงสาวเจ้าของวันเกิดอีกคำรบหนึ่ง แถมยังประสาทพรด้วยการใช้ที่ประพรมน้ำมนต์เคาะลงไปบนศีรษะสวยถึงสามรอบพร้อมกับกล่าวให้พรสำทับอีกทีหนึ่ง
“<<สิทธิกิจฺจํ สิทธิกมฺมํ สิทธิลาโภ ชโยนิจฺจํ สำเร็จ สำเร็จ สำเร็จทุกประการ>>”
เมื่อได้รับการประพรมน้ำมนต์เป็นพิเศษเสร็จแล้ว ใบหม่อนกระเถิบตัวหลีกทางให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เข้าไปรับน้ำมนต์บ้าง และหลวงปู่เริ่มลงมือประพรมน้ำมนต์อย่างเดียวกันให้กับทั้งคู่จนเปียกโชกราวกับซัดน้ำมนต์ให้กับคู่บ่าวสาวในพิธีแต่งงาน ซ้ำยังใช้ที่ประพรมน้ำมนต์เคาะลงบนศีรษะทุยของชายหนุ่มอย่างเต็มแรงพร้อมกับคำอวยพรคำเดิม แต่ต่างกันที่น้ำเสียงของหลวงปู่ที่หนักแน่นขึ้นกว่าเดิมก่อนหันไปกระทำอย่างเดียวกันกับหญิงคนรักของชายหนุ่มด้วย
“<<เอ้าเสร็จแล้วลูกเอ๊ย โชคดีมีชัยนะลูก>>”
ทั้งสามพร้อมใจกันก้มลงกราบหลวงปู่ดำ พระภิกษุชราที่ทั้งสองพี่น้องเคารพนับถือและคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ และแล้วสิ่งที่ป๊อปรอคอยก็มาถึงเมื่อหลวงปู่เรียกให้เข้าไปรับวัตถุมงคล ทั้งสามค่อยๆ กระเถิบตัวเข้าไปใกล้ๆ แบมือรอรับเหรียญรูปเหมือนองค์หลวงปู่ที่แจกให้กับมือมาเก็บไว้คนละเหรียญ ก่อนถอยออกมานั่งที่เดิม พร้อมใจกันก้มกราบลาอีกรอบหนึ่ง
“<<นมัสการลาครับหลวงปู่>>”
“<<เอ้อลูก ขี่รถขี่ราระมัดระวัง เอ็งน่ะใจร้อนนะไอ้หมา มีสตินะลูก ไปเถอะ โชคดีแคล้วคลาดปลอดภัยนะลูกนะ>>”
ทั้งสามพากันเดินลงมายังชั้นล่างของกุฏิด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนเป็นเจ้าของวันเกิดที่ได้กลับมาทำบุญที่วัดใกล้บ้านอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ ในใจของหญิงสาวนึกขอบคุณช่วงเวลาดีๆ ในปีนี้ที่เจ้าสมหวังกับสิ่งที่ตัวเองปรารถนาไว้ทั้งการได้โอนย้ายไปยังที่ทำงานใหม่ ได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าสมัยทำงานที่แรกด้วยกัน และพี่ชายคนนี้ยังพาเจ้าตัวมาฉลองวันเกิดที่บ้านอีก นึกแล้วรู้สึกดีจนเผลอยิ้มอยู่คนเดียว
“<<ใบหม่อน รอพี่พัชรใส่รองเท้าแป๊ปนะ ฮิๆ>>”
เสียงเข้มแฝงความขี้เล่นของคนเป็นพี่ชายแว่วกระทบโสตประสาทของเจ้าตัวเรียกให้สติกลับคืนมาได้อีกครั้ง หันไปยิ้มแหยๆ ให้กับคนเป็นพี่ชายด้วยอาการของคนที่เพิ่งเรียกสติกลับมาได้
พัชรปรายตามองค้อนใส่คนปากเสียหลังโดนล้อเลียนให้ เมื่อใส่รองเท้าและดึงขากางเกงลงเสร็จ มือเรียวขาวราวงาช้างเอื้อมไปตีที่ท่อนแขนแกร่งเบาๆ พลางว่าให้เสียงลอดไรฟันใส่อย่างขุ่นเคือง
“ปากเสียนะป๊อป”
ทั้งสามพากันกลับขึ้นบนรถแวนเจ็ดที่นั่งอีกครั้งหนึ่งเตรียมตัวเดินทางไปยังที่หมายถัดไป นั่นก็คือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดพร้าวแห่งนี้มากนัก...
...............................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ