เจ้าหญิงของฉัน

-

เขียนโดย POPENGL

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 04.39 น.

  27 ตอน
  44 วิจารณ์
  12.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 04.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) กลับบ้าน Pt.2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันรุ่งขึ้น

“<<ไอ้หมาเอ๊ย มาหาแม่หน่อยลูก>>”

ป๊อปกำลังจิบกาแฟที่เพิ่งชงร้อนๆ ซึมซับบรรยากาศโดยรอบตรงระเบียงหน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ร้องเรียก ขาทั้งสองข้างรีบพาตัวเองหันหลังกลับเข้าไปในบ้านทั้งที่ยังถือแก้วกาแฟอยู่ในมือ เห็นผู้เป็นแม่กำลังนั่งละเลียดกาแฟกับขนมปังอยู่ที่โต๊ะกระจกอยู่กับแม่คุณ

“<<อ้าว มีอะไรเหรอครับแม่>>” ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งข้างผู้เป็นแม่ พลางเอื้อมมือไปหยิบขนมปังปิ้งในจานขึ้นมา

“<<กินกาแฟเสร็จไปตลาดกับแม่นะลูก เดี๋ยวไปซื้อของกัน>>” ผู้เป็นแม่ออกปากชวนให้ลูกชายไปตลาดเช้าด้วยกัน

“<<ได้แม่ ตลาดใกล้บ้านใช่ไหมครับ>>” ป๊อปถามย้ำอีกทีเพื่อนความแน่ใจ

“<<ใช่จ้าไอ้หมา งั้นไหนๆ แล้วเอารถไอ้หมาไปเลยนะลูก รถไอ้หมาคันใหญ่ขนของเยอะดี>>” ผู้เป็นแม่หันมาส่งยิ้มหวานก่อนให้คำตอบ “<<ไม่ต้องรีบนะไอ้หมา กินให้เสร็จก่อนค่อยไป>>”

“<<ครับแม่ เอ่อ แล้วพ่อกับใบหม่อนตื่นยังครับ>>” ปากหยักเอ่ยถามคนเป็นแม่ พลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่ตัวเองถามหาโดยเฉพาะคนเป็นน้องสาว

“<<พ่อออกไปปั่นจักรยานจ้ะไอ้หมา เดี๋ยวก็คงกลับมา ใบหม่อนน่ะเหรอ แม่ยังไม่เห็นลงมาเลยนะลูก>>”

“<<อ๋อครับ โอเค.แม่ ผมไปกินกาแฟที่หน้าบ้านต่อนะครับ>>” พูดจบหันไปหาแม่คุณที่กำลังละเลียดขนมปังจิ้มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรก็ได้รับการทักทายจากแม่คุณด้วยไออุ่นที่แผ่ซ่านผ่านมือเหี่ยวย่นตามวัยกำลังลูบๆ ไปบนเรือนผมหยักศกค่อนข้างยาวอย่างนุ่มนวลก่อนปล่อยมือออก

ร่างสูงใหญ่หันหลังเดินกลับออกไปยังระเบียงหน้าบ้านอีกครั้งกะซึมซับบรรยากาศยามเช้าหน้าบ้านไปซดกาแฟไปให้เต็มที่ ไม่รู้ตัวเลยว่าน้องสาวสุดที่รักที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนของบ้านกำลังสะกดรอยตามหลังอยู่ จนเมื่อเตรียมยกแก้วกาแฟขึ้นซด แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงดึงอะไรบางอย่างที่รั้งแขนของเขาไว้ ใบหน้าคร้ามหันไปหาสาเหตุของแรงดึงที่ว่า เห็นใบหม่อนคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ทำท่าส่ายศีรษะสวยได้รูปกับเรือนผมยาวสลวยที่ถูกรวบตึงมัดจุกเหนือศีรษะไปมาเชิงหยอกล้อ มือเรียวเล็กทั้งสองข้างรั้งมือข้างที่ถือแก้วกาแฟไว้ แกล้งไม่ให้ดื่มกาแฟได้ง่ายๆ

“<<ไง เพิ่งตื่นเหรอไงเรา เล่นอะไรเนี่ยหืม>>”

นัยน์ตาสองชั้นหลบปรายตามองดุใส่คนขี้แกล้ง ว่าให้แบบไม่จริงจังนักพลางใช้มืออีกข้างแกะมือเรียวสวยของน้องสาวออก ยังไงก็โกรธน้องสาวคนนี้ไม่ลงอยู่แล้ว

“<<คริๆ พี่ป๊อปมาทำอะไรหน้าบ้านคนเดียว ไม่ไปนั่งกินกาแฟกับแม่กับแม่คุณล่ะจ๊ะไอ้หมา ฮ่าๆ>>” ใบหม่อนได้ทีล้อเลียนคนเป็นพี่ชายใหญ่

ปากหยักได้รูปกัดขนมปังในมือพลางปรายตามองใบหน้าสวยหวานที่กำลังฉายแววขี้เล่นพร้อมกับเม้มปากสนิท พลางทิ้งขนมปังที่เหลือในมือลงในแก้วกาแฟ และใช้มือข้างเดียวกันเอื้อมไปจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาอย่างมันเขี้ยว แต่คนโดนโยกจุกกลับทำหน้างอใส่เสียอย่างนั้น

“<<อย่าเล่นผมหนูสิพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนแว้ดแหวใส่ “<<พี่ป๊อปนี่น้า หนูมัดจุกทีไรพี่ป๊อปชอบเล่นทุกทีเล้ย>>”

“<<ฮิๆ เห็นแล้วมันน่าจับเล่นนี่>>” ชายหนุ่มยิ้มตาปิดหลังจากให้คำตอบ “<<นี่เราไม่กินกาแฟแล้วจะกินอะไรล่ะ ขนมปังไปเอากับแม่ที่โต๊ะกระจกนะ>>”

“<<จ้าพี่ชาย>>” เสียงใสตอบอย่างร่าเริง กลีบปากอิ่มสวยยังคลี่ยิ้มไม่หุบ “<<พี่ป๊อปรอหนูด้วยล่ะ อย่าเพิ่งรีบกิน หนูเข้าไปเอานมก่อนน้า>>”

ป๊อปชำเลืองมองร่างสูงระหงในชุดนอนตัวเดิมเมื่อคืนเดินเข้าไปในตัวบ้านจนลับตา ชำเลืองมองขนมปังที่นอนแอ้งแม้งในแก้วกาแฟที่เหลือครึ่งแก้วในมือแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ ส่ายศีรษะทุยไปมาก่อนหย่อนตัวลงนั่งบนม้าหินหน้าบ้านรอหญิงสาวกลับมานั่งเป็นเพื่อน หันไปเล่นกับบรรดาเพื่อนซี้สี่ขาที่เลี้ยงไว้ฆ่าเวลาระหว่างรอไป

“<<แม่คุณจ๋า>>” เมื่อกลับเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่หญิงสาวจะต้องทำทุกครั้งคือการเข้าไปอ้อนแม่คุณก่อน

“<<ทำไมเหรอจ๊ะนังหนูใบหม่อนหลานรักของแม่คุณ>>” แม่คุณขานรับเมื่อได้ยินเเสียงใสๆ ของหลานสาวคนเล็ก พลางเอื้อมมือลูบเรือนผมมัดจุกด้วยความรู้สึกเอ็นดู “<<มาอ้อนแม่คุณแบบนี้จะเอาอะไรอีกเหรอจ๊ะ>>”

“<<ไม่หรอกจ้าแม่คุณ>>” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธอย่างร่าเริง “<<แค่หนูอยากกอดแม่คุณแค่นั้นเอง>>”

พูดจบแขนเรียวเล็กตวัดโอบร่างระหงของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า พลันซบหน้าลงบนเนินอกซึมซับไออุ่นหนึ่งทีก่อนถอยออกมา ยื่นจมูกเล็กโด่งเชิดรั้นประทับลงบนพวงแก้มอวบอิ่มห้อยย้อยลงมาตามวัยหนึ่งก่อนหันไปหาผู้เป็นแม่ที่นั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“<<ใบหม่อนจ๊ะ นี่ยกจานขนมปังไปเลยนะลูก ไปแบ่งกันกินกับไอ้หมามันนะ นมอุ่นแม่ชงให้แล้วนะลูกอยู่หลังครัว>>”

“<<จ้าแม่ มาๆ หอมแก้มหนึ่งทีน้า>>”

หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนกดจมูกลงบนพวงแก้มของผู้เป็นแม่อย่างเต็มรักก่อนถอยออกมายื่นพวงแก้มป่องๆ ให้อีกฝ่ายหอมตอบกลับมาก่อนบอกธุระสำคัญให้ลูกสาวคนเล็กได้รับรู้

“<<แม่ลืมบอกไป ใบหม่อนไปตลาดกับแม่ด้วยนะลูก กินนมกินอะไรให้เสร็จก่อนค่อยไปนะ>>”

“<<จ้าแม่>>”

เสียงใสเอ่ยขานรับคำของผู้เป็นแม่ ร่างสูงระหงลุกขึ้นพร้อมกับถือจานขนมปังปิ้งฝีมือแม่ติดมือไปด้วยก่อนเดินต่อเข้าไปในห้องครัว หยิบแก้วนมอุ่นๆ ที่วางบนโต๊ะกินข้าวขึ้นมา ค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังจนถึงม้าหินหน้าบ้านที่คนเป็นพี่ชายนั่งรออยู่ ก่อนวางจานขนมปังที่เอามาจากผู้เป็นแม่ไว้ตรงกลางโต๊ะ

“<<พี่ป๊อป อ่ะนี่แม่ให้ขนมปังมาด้วย กินด้วยกันน้า>>”

ร่างสูงระหงนั่งลงบนม้าหินอีกตัวตรงข้ามคนตัวใหญ่ ลงมือละเลียดขนมปังปิ้งฝีมือแม่กับนมอุ่นในแก้วอย่างเอร็ดอร่อยพลางใช้มือข้างที่ว่างไถไปบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีน้ำเงินไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน แต่ไม่ลืมที่จะถามพี่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเรื่องธุระที่แม่ได้บอกไว้

“<<พี่ป๊อป แม่บอกยังว่ากินเสร็จแล้วไปตลาดกันน่ะ>>”

“<<อ๋อ บอกแล้วล่ะ>>” เสียงเข้มเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา “<<ไปตลาดใกล้บ้านนี่ไม่ใช่เหรอ ขับรถแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว>>”

“<<งืมๆ>>” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ ดวงตากลมโตเหลือบมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ตรงหน้าสักพักก่อนเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนเป็นพี่ชาย ส่งสายตาเชิงท้าทายเล็กๆ “<<ไปถูกเหรอพี่ป๊อป จำทางได้เหรอ พี่ไม่ได้เป็นคนขี่รถพาแม่ไปตลาดนานแล้วน้า ไปถูกอ๊ะป่าว คริๆ>>” กลีบปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มกว้างโชว์ฟันเหล็กให้เห็น

“<<ฮิๆๆไปทางวัดพร้าวนี่เอง ทำไมจะไปไม่ถูกล่ะใบหม่อนหน้ากลม>>” คราวนี้ป๊อปไม่ยอมแพ้ ล้อเลียนกลับไปอีก

“<<พี่ป๊อป!!! ว่าหนูหน้ากลมอีกแล้วนะ>>”

ใบหม่อนหุบยิ้มลงแทบจะทันที ดวงตากลมโตถลึงดุใส่ แต่ป๊อปกลับยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่หระ แถมยังหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ยิ่งเสียงหัวเราะที่เริ่มกรีดแหลมสูงบีบประสาทมากขึ้นจนคนโกรธเริ่มทนไม่ไหวเพราะได้ยินแล้วรู้สึกปวดประสาทอย่างบอกไม่ถูก

“<<เลิกหัวเราะได้แล้วพี่ป๊อป ได้ยินแล้วปวดประสาท>>” ใบหม่อนทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่ แล้วก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มยอมหยุดหัวเราะแต่โดยดี “<<พี่ป๊อปอ่ะชอบว่าหนูหน้ากลม หน้ากลมหมายถึงอ้วนน้าพี่ป๊อป ผู้หญิงเขาไม่ชอบน้าไปว่าอ้วนอ่ะ>>” ถือโอกาสสั่งสอนคนเป็นพี่ชายด้วยเสียเลยถึงแม้จะรู้นิสัยกันอยู่แล้ว

“<<ครับแม่ เอ๊ะพี่ไม่ได้ว่าเราอ้วนเลยสักคำนะ ฮิๆ>>”

ป๊อปย้อนให้ไม่จริงจังนักก่อนหัวเราะเบาๆ ทิ้งท้าย พยายามบังคับให้เสียงเป็นปกติมากที่สุด “<<ไม่ยากๆ ใกล้แค่นี้เอง>>”

“<<จ้า พ่อคนเก่ง แบร่>>” ใบหม่อนทำเสียงล้อเลียนก่อนแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกใส่

“<<พี่ป๊อป ว่างๆ กลับจากตลาดล้างรถกันหน่อยไหมอ่ะ รถพี่ดูเลอะมากเลย หนูเห็นแล้วอายแทนเลยเนี่ย>>” พูดจับหันไปชี้ยานพาหนะสีดำคันใหญ่ที่อยู่ในสภาพค่อนข้างเละพอสมควร

กาแฟพุ่งออกจากปากของชายหนุ่มทันทีจนเลอะกระจายไปทั้งโต๊ะและเสื้อที่ห่อหุ้มร่างของตัวเองเมื่อได้ยินเหตุผลของน้องสาว ตามด้วยเสียงหัวเราะอันสูงแหลมชวนให้ปวดประสาทเมื่อได้ยิน “<<เฮ้ย แค่รถเลอะนะเว้ย อายขนาดนั้นเลยเหรอ ฮิๆๆ>>”

“<<พี่ป๊อป หยุดหัวเราะก่อนได้ไหม>>” ใบหม่อนเอ่ยปรามคนตรงหน้าพลางยกมือขึ้นอุดหูทั้งสองข้าง ได้ยินเสียงหัวเราะบีบประสาทของพี่ชายแล้วแก้วหูจะพาลแตกเอา “<<หนูล้อเล่นน่าพี่ป๊อป ดูสิ เลอะหมดแล้วเนี่ย แป๊ปนึงนะหนูเข้าไปเอาผ้าในบ้านก่อน>>”

ป๊อปชำเลืองมองตามร่างสูงระหงที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบ ปากหยักคลี่ยิ้มพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ ก้มลงมองเสื้อที่เต็มไปด้วยคราบกาแฟที่พ่นออกมา สักพักหนึ่ง ใบหม่อนเดินออกมาพร้อมกับผ้าขี้ริ้วชุบน้ำผืนหนึ่งและทิชชู่เปียกถุงใหญ่เดินตรงเข้ามาหาคนตัวใหญ่

“<<มาพี่ป๊อป หนูเช็ดให้>>”

ป๊อปยอมนั่งนิ่งให้ใบหม่อนใช้ทิชชู่เปียกไล่เช็ดตั้งแต่ใบหน้าคร้ามที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราที่คอยทิ่มตำมือเรียวอยู่ตลอด ไล่ลงไปจนถึงบริเวณหน้าอกจนคราบกาแฟเริ่มจางลงไป

“<<ใบหม่อนกินนมกินขนมปังต่อเถอะ เดี๋ยวพี่เช็ดโต๊ะเอง>>”

คราวนี้ป๊อปแย่งผ้าชุบน้ำจากมือของหญิงสาวมาจัดการเช็ดโต๊ะที่เลอะคราบกาแฟจนหมดเกลี้ยง หย่อนตัวลงนั่งที่เดิม มือหนาข้างที่จับผ้าเช็ดโต๊ะเมื่อสักครู่หยิบแก้วกาแฟที่เหลือไม่ถึงครึ่งขึ้นมาจิบต่อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“<<พี่ป๊อปไปล้างมือก่อนไป อี๋ จับผ้าสกปรกแล้วมากินต่อได้ไงอ่ะ>>”

ใบหม่อนว่าให้ไม่จริงจังนัก อดที่จะระอาในความซกมกของพี่ชายคนนี้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เลอะอะไรมากก็ตาม

“<<ครับแม่>>”

คนตัวใหญ่ลุกเดินไปยังก๊อกน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ต้องเสียเวลากับการลากสายยางออกมาจ่อมือข้างที่เลอะก่อนพับเก็บที่เดิม สะบัดมือให้พอแห้งก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะหินอีกครั้ง แต่ยังไม่กลับไปที่นั่งตัวเองเสียทีเดียวเมื่อเดินอ้อมหลังโต๊ะตัวที่หญิงสาวนั่งอยู่ เอื้อมมือข้างที่ไม่ได้ใช้จับผ้าขี้ริ้วเมื่อสักครู่จับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกเล่นหนึ่งที

หญิงสาวหันหลังไปหาพี่ชายขี้แกล้ง พลางชูแก้วนมอุ่นในมือขู่ ดวงตากลมโตมองดุใส่พร้อมกับเบะปากอย่างขุ่นเคือง

“<<อยากเลอะอีกรอบไหมพี่ป๊อป เล่นผมหนูอยู่นั่นแหละ>>”

ป๊อปยอมปล่อยมือตั้งแต่อีกฝ่ายหันมาดุใส่ รีบเผ่นกลับไปยังที่นั่งของตัวเองทันที ยังหัวเราะไม่หยุดเมื่อได้แกล้งน้องสาวสุดที่รักอีกรอบหนึ่ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าแล้วรีบหุบยิ้มลงแทบจะไม่ทันเมื่อเห็นดวงตากลมโตถลึงดุพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่

“<<น่าเกลียดมากนะพี่ป๊อปเอามือเลอะมาจับหน้าจับผมคนอื่นได้ไง>>”

“<<อะไรๆ มั่วแล้ว มือข้างนี้ต่างหาก>>” ป๊อปชูมือข้างถนัดให้ใบหม่อนดู <<พี่ไม่ได้ซกมกขนาดนั้นนะเว้ย>>”

“<<เหรออออออออ>>” ใบหม่อนแกล้งลากเสียงยาวล้อเลียนใส่ “<<ไม่ติดว่าเป็นพี่นะ ไม่งั้นหนูซัดไปแล้ว>>”

ระหว่างนั้นชายวัยใกล้เกษียณเพิ่งกลับจากปั่นจักรยานพอดี ร่างกำยำเปิดประตูรั้วก่อนเข็นจักรยานเข้ามาในตัวบ้าน เห็นสองพี่น้องเริ่มเปิดฉากตีกัน ไม่รอช้ารีบเข็นจักรยานเข้าไปใกล้ๆ ก่อนออกปากทักทายลูกๆ ทั้งสองอย่างอารมณ์ดี

“<<แหมไอ้หมา นังหนูตีกันแต่เช้าเลยเร้อ>>”

สองพี่น้องหยุดสงครามย่อมๆ หันมาหาผู้เป็นพ่อที่กำลังคลี่ยิ้มกว้าง พร้อมใจกันออกปากทัก “<<พ่อ>>”

“<<ก็พ่อเอ็งน่ะสิจะให้เป็นใครล่ะไอ้หมา>>”  ผู้เป็นพ่อแกล้งตะโกนใส่พลางเอื้อมมือมาตบไหล่กว้างของลูกชายคนโต ทางด้านใบหม่อนเริ่มเปิดฉากฟ้อง

“<<พ่อจ๋า ดูพี่ป๊อปสิ ชอบแกล้งหนูอยู่เรื่อยเลยจ้า>>”

มือเรียวเล็กเกาะท่อนแขนแกร่งของผู้เป็นพ่อ ซบใบหน้าสวยหวานลงบนท่อนแขนพลางส่งเสียงกระเง้ากระงอด ทำท่าอ้อนผู้เป็นพ่อ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงมือแกร่งเอื้อมมือลูบผมรวบตึงมัดจุกเหนือศีรษะเบาๆ อย่างเอ็นดู

“<<โอ๋ๆ ไม่มีอะไรหรอกนังหนูใบหม่อน ไอ้หมามันแกล้งเล่นเฉยๆ>>” เอ่ยเสียงอย่างนุ่มนวลก่อนหันไปต่อว่าลูกชายคนโตแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น รู้อยู่แล้วว่าลูกทั้งสองชอบแหย่กันชอบแกล้งกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“<<ไอ้หมาเอ๊ย เอ็งก็โตขนาดนี้แล้วนะ แกล้งน้องเป็นเด็กๆ ไปได้>>”

ใบหม่อนแลบลิ้นหลอกใส่พี่ชายอย่างได้ใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายถูกต่อว่า แต่ได้ใจได้ไม่นานนักเมื่อ... “<<ไอ้หมามันรักเอ็งนะใบหม่อน ไม่งั้นมันไม่แกล้งเอ็งหรอก>>”

“<<พ่ออ่ะ!!!>>” ใบหม่อนทำท่ากระทืบเท้า ทำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างขัดใจเมื่อถูกย้อนให้ แต่ไม่ทันแล้วเมื่ออีกฝ่ายชิงตัดบทเสียก่อน

“<<งั้นพ่อเข้าบ้านก่อนนะลูก แหม มานั่งกินกาแฟกันสองคน ทิ้งแม่เอ็งกับแม่คุณให้อยู่ในบ้านได้ไงล่ะหืม ไปล่ะ พ่อล้างหน้าล้างตาก่อน ปั่นจักรยานทีได้เหงื่อเลยลูกเอ๊ย>>”

“<<อื้มพ่อครับ>>” ป๊อปเอ่ยปากเรียกผู้เป็นพ่อ “<<เดี๋ยวผมกับน้องกินกาแฟเสร็จไปตลาดกับแม่ก่อนนะครับ>>”

“<<ไปเหอะลูกเอ๊ย เสื้อผ้าพวกเอ็งเดี๋ยวพ่อซักรีดให้เลย ไม่ต้องห่วงหรอกลูก>>” พูดจบร่างกำยำเดินกลับเข้าไปในบ้านในที่สุด

สองพี่น้องหันมามองหน้ากันสักพักก่อนเริ่มลงมือจัดการกาแฟและนมในแก้วของตัวเองต่อจนหมด เหลือขนมปังชิ้นสุดท้ายในจาน แล้วก็เป็นป๊อปที่เสียสละให้น้องสาวกินตามประสาคนเป็นพี่ชาย

“<<ไปใบหม่อน เดี๋ยวแก้วกับจานพี่ล้างเอง เราไปล้างหน้าล้างตาไป>>”

“<<จ้าพี่ชาย>>”

                                                                ......................................................................

สามแม่ลูกพากันเดินออกมาจากบ้านไปยังรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันใหญ่สภาพค่อนข้างเละเทะจอดเคียงข้างรถเก๋งเล็กสีบรอนซ์เงิน ชายหนุ่มยกรีโมตกุญแจสั่งปลดล็อกก่อนหันไปถามเจ้าของร่างสูงระหงที่เดินตามหลังอยู่ มือหนาเตรียมยื่นกุญแจรีโมตให้

“<<ใบหม่อนขับรถพี่ไหมล่ะ ขับไปตลาดใกล้ๆ นี่เอง>>”

“<<ไม่อ่ะ>>” ส่ายหน้าปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด “<<รถพี่ป๊อปพวงมาลัยก็หนัก คันก็ใหญ่เบ้อเร่อ หนูไม่ขี่หรอก พี่ป๊อปแหละขี่>>” มือเล็กดันกุญแจรีโมตกลับไปหาคนเป็นเจ้าของ ต่างคนต่างขึ้นนั่งประจำที่ของตัวเอง แต่ครั้งนี้ใบหม่อนต้องย้ายมานั่งแถวหลังเมื่อผู้เป็นแม่ขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ

“<<อย่าซิ่งนะไอ้หมา>>” เสียงทรงอำนาจของผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น

“<<ครับแม่>>”

ป๊อปบิดกุญแจสั่งให้เครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงทำงาน ส่งเสียงดังกระหึ่มราวกับโรงสีข้าวขนาดย่อมพร้อมกับเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำก่อนนั่งประจำที่คนขับ ประจวบเหมาะกับผู้เป็นพ่อไปเปิดประตูรั้วให้ รถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นตามคันเร่ง มุ่งออกสู่ถนนเส้นเล็กหน้าบ้านและถนนเส้นหลักในเวลาต่อมา

มือหนาทั้งสองข้างสาวพวงมาลัยบังคับให้ยานพาหนะคู่ใจเลี้ยวออกสู่ถนนเส้นหลักอย่างคล่องแคล่ว การจราจรในยามเช้าวันเสาร์ไม่หนาแน่นมากนักพอให้แล่นได้สบายๆ แต่กลายเป็นโชเฟอร์ที่เริ่มมีอาการหงุดหงิดเล็กๆ เพราะต้องคุมเท้าขวาไม่ให้กดคันเร่งหนักเกินไป

ใบหม่อนชำเลืองมองใบหน้าคร้ามของพี่ชายผ่านกระจกมองหลัง เห็นคิ้วเรียวหนาเริ่มขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาสองชั้นหลบเริ่มฉายแววเครียดให้เห็น ตอนนี้เจ้าตัวเริ่มอดขำไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าเครียดของพี่ชาย

‘ช่วยไม่ได้ แม่นั่งอยู่ขี่รถซิ่งไม่ได้น้า คริๆ’ แอบนึกเย้ยหยันคนเป็นพี่ชายในใจ

เมื่อมาถึงสี่แยกข้างหน้า ประจวบเหมาะกับมาถึงตอนไฟเขียวพอดี มือทั้งสองข้างสาวพวงมาลัยเลี้ยวขวาพาให้ยานพาหนะวิ่งตรงไปตามถนนเส้นหลักอีกเส้น นัยน์ตาสองชั้นหลบมองทางข้างหน้าสลับกับชำเลืองมองกระจกมองข้างทั้งสองฝั่ง เห็นบ้านเรือนตึกแถวสองข้างทางเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เห็นเมื่อสองปีที่แล้ว ในใจตอนนี้นึกถึงเพื่อนสมัยเรียนที่เปิดร้านขายของในตลาดแห่งนี้ ขับไปเรื่อยๆ จนเลี้ยวเข้าสู่พื้นที่ตลาดสดฝั่งตรงข้ามกับฝั่งตึกแถว แต่เช้าวันนี้ในตลาดค่อนข้างคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากพอสมควรจนต้องวนหาที่จอดรถอยู่พักใหญ่ จนมาได้ตรงใกล้กับอาคารหลักในช่องที่เข้าออกได้ไม่ยากจนเกินไป

สามแม่ลูกพากันลงจากรถหลังจากจอดรถเสร็จ พากันเดินเข้าไปในตัวตลาดสดที่ในตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเป็นจำนวนมาก เสียงตะโกนโหวกเหวกของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ร้องเรียกลูกค้าดังเซ็งแซ่ไปหมด ไหนจะคนเดินเข็นของสวนกันไปสวนกันมา บรรดาผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดเต็มไปหมด ทำเอาคนที่ไม่ได้กลับบ้านมานานถึงสองปีอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ ไม่รอช้าหยิบสมาร์ทโฟนสีดำจากกระเป๋ากางเกงออกมาเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบ

ใบหม่อนแอบสังเกตคนเป็นพี่ชายอยู่ตลอด อดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นกิริยาท่าทางตื่นเต้นเหมือนกับเด็กๆ ขัดกับลุคส์หน้าเข้มที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา อดใจไม่ไหวที่จะออกปากถามกึ่งแซว

“<<พี่ป๊อปตื่นเต้นเหรอ คริๆ>>”

“<<ก็คงงั้นมั้ง>>” ป๊อปทำหน้าเหรอหรา เอ่ยตอบส่งๆ ไม่แม้แต่จะหันมามองใบหน้าสวยหวานที่กำลังทำหน้าทำตาขี้เล่นอยู่ “<<ไม่ได้กลับมาตั้งสองปีนี่หว่า มันก็ไม่ค่อยคุ้นบ้างสิ>>”

“<<ก็ตอนอยู่กรุงเทพฯ วันๆ พี่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เอาแต่ทำงานป่ะ>>” ใบหม่อนได้ทีย้อนให้ “<<วันๆ เอาแต่บ้างาน บ้างาน หัดออกมาเจอคนบ้างสิคะพี่ชายสุดที่รัก>>”

จงใจลากเสียงล้อเลียนในประโยคสุดท้ายกะยั่วโมโหพี่ชายเล่นๆ แล้วก็ได้ผลเมื่อคนเป็นพี่ชายยื่นมะเหงกเคาะลงบนหน้าผากสวยได้รูปของเจ้าตัวด้วยน้ำหนักที่เบาแสนเบาราวกับสะกิดเท่านั้น

“<<นี่ ล้อพี่เหรอ>>” เสียงเข้มเอ่ยว่าให้แบบไม่จริงจังนัก ปากหยักยังระบายยิ้มน้อยๆ

ชายหนุ่มยอมรับในใจตามที่คนเป็นน้องสาวพูดทุกอย่าง เพราะตลอดเก้าปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มทำงานประจำจนมาถึงรับงานฟรีแลนซ์ ชีวิตตัวเองเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องลงมือทำงานอย่างเดียว น้อยครั้งที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อย่างมากสุดเพียงแค่คนในครอบครัว แฟนสาว โปรดิวเซอร์และเพื่อนร่วมงานกับเพื่อนเก่าไม่กี่คนเท่านั้น แต่เมื่อน้องสาวคนนี้ลงมาอยู่เป็นเพื่อน ทำให้เจ้าตัวเริ่มคิดได้ว่าจะทำอย่างไรให้สมดุลระหว่างการทำงานกับการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเกิดขึ้นได้...

“<<พี่ป๊อปอ่ะ เขกหัวหนูอีกแล้วน้า>>”

ใบหม่อนปรายตามองดุใส่คนเป็นพี่ชายพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผาก พยายามแสดงออกให้อีกฝ่ายเห็นว่าเจ็บมาก ถึงแม้จะโดนอย่างเบาจนแทบจะสะกิดก็ตาม แต่สิ่งที่เห็นกลับกลายเป็นคนเป็นพี่ชายแกล้งยกมือทำท่าจะเขกหัวอีกรอบด้วยสีหน้าจริงจังกว่าเดิม

“<<เวอร์ๆๆ อยากโดนอีกทีไหม>>” แกล้งยกมือขู่ไปอย่างนั้น ในใจจริงยังไงทำน้องสาวคนนี้ไม่ลงอยู่แล้ว

“<<ไม่ต้องเลยนะพี่ป๊อป ถ้าพี่เขกหัวหนูอีกหนูฟ้องแม่แน่>>” ใบหม่อนไม่ยอมง่ายๆ ถือว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าในฐานะคนเป็นน้องสาวและลูกคนเล็ก

ป๊อปยอมลดมือลงแต่โดยดีเมื่อเห็นดวงตากลมโตคู่สวยมองดุใส่ ปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มขึ้นพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา “<<เฮ้อ น้องพี่นี่ยังขี้ฟ้องไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ>>”

สามแม่ลูกเดินผ่านร้านรวงต่างๆ ตลอดสองข้างทาง โดยเฉพาะผู้เป็นแม่แวะทักทายพ่อค้าแม่ค้าตามร้านที่เดินผ่านตามประสาคนรู้จักกันมานาน และประเด็นหลักของบทสนทนาระหว่างผู้เป็นแม่กับคนรู้จักไม่พ้นเรื่องของลูกชายกับลูกสาวที่ตามแม่มาเดินตลาดด้วยกันอย่างพร้อมหน้า บรรดาเสียงชมเชยสองพี่น้องจากบรรดาคนรู้จักของผู้เป็นแม่ชวนให้ทั้งสองรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยิน นับตั้งแต่ไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้อีกเลยจนมาถึงวันที่ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง...

บรรดาวัตถุดิบที่ซื้อไว้สำหรับทำกับข้าวในวันนี้ถูกบรรจุอยู่ในถุงผ้าที่เตรียมมาจากบ้านจนหนักอึ้ง และผู้ที่รับภาระนี้ไม่ใช่ใครนอกจากลูกชายคนโตของครอบครัว ตอนนี้มือหนาทั้งสองข้างถือถุงผ้าที่บรรจุวัตถุดิบต่างๆ ทั้งเนื้อหมู ผักสดและข้าวสารหนึ่งถุงใหญ่ ทางด้านใบหม่อนไม่น้อยหน้าเมื่อถูกผู้เป็นแม่ใช้ให้ถือถุงผ้าที่มีน้ำหนักเบาเช่นผักสดและวัตถุดิบเล็กๆ น้อยๆ ที่ซื้อมาด้วยเท่านั้น

เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า สามแม่ลูกพากันเดินเลือกซื้อของและพูดคุยทักทายกับพ่อค้าแม่ค้าที่รู้จักกันจนเกือบจะทั่วตลาด บังเอิญท้องเจ้ากรรมของหญิงสาวเริ่มออกอาการหิวจนประท้วงออกมาด้วยเสียงดังโครกเบาๆ พอได้ยิน

“<<แม่จ๋า หนูหิวจ้ะ>>”

ใบหน้าสวยหวานที่เหี่ยวย่นลงตามวัยหันมาเหยียดยิ้มน้อยๆ เอื้อมมือขึ้นไปจับผมมัดจุกของลูกสาวคนเล็กโยกไปมาเชิงหยอกล้อ “<<อะไรกันจ๊ะใบหม่อน เมื่อเช้าเพิ่งกินนมกินขนมปังไปไม่ใช่เหรอ ทำไมหิวแล้วล่ะจ๊ะ>>”

“<<งือ หนูหิวแล้วนี่นา แม่อ่ะติดมาจากพี่ป๊อปหรือไงเล่นผมหนูเนี่ย>>” ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่ผู้เป็นแม่

“<<แม่เห็นไอ้หมามันทำแบบนี้กับหนูหลายครั้งแล้ว แม่เลยลองทำบ้างไงจ๊ะ>>” ผู้เป็นแม่ยิ้มฟันขาวให้ “<<งั้นเดี๋ยวไปหาอะไรกินก่อนก็ได้จ้ะใบหม่อน>>”

สามแม่ลูกพากันเดินออกมาจากเขตตลาดสดเดินข้ามถนนไปยังฝั่งวัดพร้าวที่เต็มไปด้วยตึกแถวใหญ่โตคลาคล่ำไปด้วยร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อท้องถิ่น รวมทั้งรถเข็นขายอาหารข้างทางมีให้เลือกเต็มไปหมด

“<<พี่ป๊อป หนูอยากกินลูกชิ้นปิ้งอ่ะ>>”

ใบหม่อนเอ่ยกับคนเป็นพี่ชายเมื่อได้กลิ่นลูกชิ้นปิ้งโชยมาเตะจมูกเข้าอย่างจัง มีหรือที่ป๊อปจะปฏิเสธน้องสาวคนนี้ได้

“<<อืม ได้สิ>>”

สองพี่น้องพากันเดินไปยังรถเข็นขายลูกชิ้นปิ้งที่อยู่ไม่ไกลนัก เห็นลูกชิ้นไม้ใหญ่ๆ ส่งกลิ่นหอมฉุยถูกวางไว้บนเตาร้อนๆ และยังมีที่ปิ้งแล้ววางไว้ในถาดเคียงข้างกัน หญิงสาวเอื้อมมือไปเลือกไม้ที่ถูกใจก่อนหยิบส่งให้กับคนขาย ไม่ลืมที่จะหันไปถามคนเป็นพี่ชายที่กำลังยืนใช้สายตาเลือกอยู่ มือทั้งสองข้างยังถือถุงผ้าของผู้เป็นแม่ไว้จนไม่มีมือว่างให้หยิบแล้วในตอนนี้

“<<พี่ป๊อปจะเอาอะไร>>”

“<<อืม... พี่เอาลูกชิ้นเอ็นสองไม้>>” หันไปตอบคนเป็นน้องสาวก่อนเอ่ยถามคนขาย “<<เอ่อมีลูกชิ้นเนื้อไหมครับ>>”

“<<มีจ้ะพ่อหนุ่ม>>”

“<<งั้นเอาสองไม้เลยครับ>>”

ใบหม่อนชำเลืองมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาประเมิน รู้อยู่ว่าอีกฝ่ายชอบกินลูกชิ้นเนื้อวัวกับเอ็นหมูมาก แต่ติดที่ว่าตัวเองไม่กินเนื้อวัวเลยไม่สามารถจะขอแบ่งกับพี่ชายได้ ย้อนนึกไปเมื่อครั้งตอนยังเรียน ปวช. ที่ตัวเองเผลอกินลูกชิ้นเนื้อไปครั้งนึงจนแทบอาเจียนออกมา ร้อนถึงพี่ชายที่ต้องพาเจ้าตัวเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำแถมยังเช็ดให้อีก

“<<โหพี่ป๊อปกินคนเดียวไม่แบ่งเลยน้า รู้อยู่นี่ว่าหนูกินเนื้อวัวไม่ได้อ่ะ>>” เสียงใสเอ่ยตัดพ้อ ดวงตากลมโตเริ่มช้อนตาคว่ำใส่อย่างขัดใจ

“<<เราก็กินลูกชิ้นหมูของเราไปสิใบหม่อนหน้ากลม>>” ป๊อปตอบเสียงเรียบๆ พลางตีหน้าตายใส่อย่างไม่ยี่หระ “<<ก็พี่อยากกินลูกชิ้นเนื้อบ้างนี่>>”

ใบหม่อนส่งค้อนวงใหญ่ให้พี่ชายอีกรอบก่อนหันกลับไปให้ความสนใจกับลูกชิ้นหมูตรงหน้า จนเมื่อลูกชิ้นที่สั่งถูกปิ้งจนสุกได้ที่แล้ว ใบหม่อนทำท่าจะหยิบกระเป๋าตังค์ของตัวเองออกมาแต่ป๊อปกลับห้ามไว้

“<<ใบหม่อน ฝากถือให้พี่หน่อย>>” ชายหนุ่มยื่นถุงผ้าใบหนึ่งให้กับน้องสาว ใช้มือข้างเดียวกันล้วงกระเป๋าตังค์ของตัวเองออกมา เอ่ยปากถามคนขายก่อนหยิบแบงก์ร้อยออกมายื่นให้

“<<เท่าไหร่ครับ>>”

“<<หนึ่งร้อยบาทพอดีจ้าพ่อหนุ่ม>>”

แบงก์ร้อยถูกส่งให้กับคนขายแลกกับลูกชิ้นสองถุงใหญ่แยกจากกัน ถุงหนึ่งเป็นลูกชิ้นหมูกับไส้กรอกหมูชิ้นโตของใบหม่อน ส่วนอีกถุงเป็นลูกชิ้นเนื้อกับลูกชิ้นเอ็นหมูสำหรับตัวเขาเอง รีบยื่นถุงลูกชิ้นหมูคืนให้กับน้องสาวก่อนรับถุงของผู้เป็นแม่กลับมาถือเหมือนเดิม และตัวเองต้องยอมอดกินลูกชิ้นเพราะไม่มีมือว่างให้หยิบกินในตอนนี้...

ใบหม่อนไม่รอช้าลงมือละเลียดลูกชิ้นปิ้งร้อนๆ กับน้ำจิ้มอันแดงฉานไปด้วยพริกกับรสจัดๆ เมื่อได้สัมผัสคำแรก สีหน้าของสาวเจ้าเผยอาการเผ็ดให้เห็นชัดเจน รู้ตัวอีกทีทั้งสองเดินกลับไปหาผู้เป็นแม่ที่ยืนรออยู่แล้ว

“<<อ้าวไปซื้อลูกชิ้นปิ้งมาเหรอลูก>>”

“<<ใช่จ้าแม่จ๋า ก็หนูหิวนี่นา แม่กินด้วยกันไหมจ๊ะ>>”

“<<ไม่เป็นไรจ้า กินไปเถอะลูก ไหนบอกแม่ว่าหิวไงล่ะ>>” ผู้เป็นแม่เอ่ยปฏิเสธ “<<งั้นกลับกันเลยไหมลูก ของก็ซื้อหมดแล้ว กลับไปเดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้กินไง ดีไหมจ๊ะลูก>>”

“<<กลับเลยก็ดีจ้าแม่จ๋า>>” ใบหม่อนตอบรับแบบไม่ต้องคิด สีหน้าแสดงอาการดีใจเต็มที่เมื่อได้ยินคำถามนี้ ทำเอาผู้เป็นแม่ยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสวยหวานของหญิงสาว หันไปออกปากชวนลูกชายคนโตที่ถือของหนักอยู่เต็มสองมือ

“<<ไอ้หมาเอ๊ย กลับกันเถอะลูก>>”

“<<ดีเลยครับ>>”

สามแม่ลูกพากันเดินกลับมาที่ฝั่งตลาดสดอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ป๊อปรีบเดินจ้ำอ้าวกลับไปที่รถอย่างเร่งรีบจนแม่ต้องออกปากปราม

“<<ไอ้หมาไม่ต้องรีบก็ได้ลูก แม่ตามไม่ทัน>>”

“<<พี่ป๊อป หนูเดินตามไม่ทัน>>” ใบหม่อนใช้มือข้างที่ว่างคว้าท่อนแขนใหญ่ของคนเป็นพี่ชายไว้

ในที่สุดทั้งสามพากันเดินมาถึงยานพาหนะเจ็ดที่นั่งคันใหญ่ที่คุ้นเคย เมื่อมาถึงป๊อปรีบหันไปหาคนเป็นน้องสาว ส่งถุงสัมภาระอันหนักอึ้งฝากให้น้องสาวช่วยถือให้ ทั้งที่ในใจลึกๆ แอบสงสารเพราะถุงแต่ละใบหนักเหลือเกิน

“<<พี่ฝากถือแป๊ปนะใบหม่อน>>”

“<<หูยหนักอ่ะพี่ป๊อป>>”

ร่างสูงระหงแทบทรุดเมื่อรับถุงผ้าที่แสนหนักอึ้ง ปากอิ่มเริ่มประท้วงใส่คนเป็นพี่ชาย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นเพียงแค่รอยยิ้มเชิงให้กำลังใจจากคนตัวใหญ่และผู้เป็นแม่เท่านั้น

ป๊อปหยิบรีโมตกดสั่งปลดล็อกยานพาหนะคู่ใจก่อนเดินอ้อมไปยังด้านหลัง เปิดประตูด้านหลังขึ้น รีบหันกลับไปรับของจากน้องสาวขึ้นเก็บจนหมด หลังจากปิดประตูหลังเสร็จสองพี่น้องพากันกลับไปนั่งประจำที่บนรถซึ่งผู้เป็นแม่ขึ้นไปรอก่อนแล้ว หลังจากนั้น เครื่องยนต์ดีเซลใต้ฝากระโปรงหน้าส่งเสียงคำรามดังสนั่นราวกับโรงสีข้าวหลังย่อมทำหน้าที่พายานพาหนะคันใหญ่เคลื่อนตัวออกสู่ถนนในเวลาต่อมา

                                                                ...........................................................................

สองพี่น้องช่วยกันล้างจานหลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าพร้อมหน้ากับสมาชิกในครอบครัวเสร็จ บรรดาจานชามกองโตถูกล้างจนสะอาดด้วยฝีมือของคนเป็นน้องสาวก่อนส่งให้คนตัวใหญ่ทำหน้าที่จัดเรียงจานเก็บคืนที่ให้เรียบร้อยเหมือนเดิม

“<<ใบหม่อนจะไปล้างรถพี่เลยไหมล่ะ>>”

ป๊อปหันไปถามหญิงสาวที่เพิ่งกลับเข้ามาข้างในห้องครัวหลังล้างมือเสร็จ นัยน์ตาสองชั้นหลบมองเข้าไปในดวงตากลมโตที่ส่งสายตาอันว่างเปล่ากลับมา

“<<เดี๋ยวก่อนสิคะพี่ชาย รีบเหรอไงจ๊ะ>>” ใบหม่อนแกล้งย้อนให้ไม่จริงจังนัก จากสายตาอันว่างเปล่าเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นสายตาแฝงความขี้เล่นส่งให้คนเป็นพี่ชาย “<<ยังไม่ทันได้หายใจหายคออะไรเลยน้าพี่ป๊อปอ่ะ>>”

เห็นกิริยาท่าทางของหญิงสาวแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ ปากหยักภายใต้หนวดเครารกครึ้มผุดยิ้มพรายขึ้น “<<งั้นพี่ขึ้นไปทำงานก่อนละกัน จะล้างเมื่อไหร่เรียกพี่นะ>>” แกล้งพูดไปงั้นเพราะเรื่องทำงานไม่ได้อยู่ในหัวสมองของเขาอยู่แล้ว แค่อยากรู้ว่าน้องสาวของเขาจะมีปฏิกิริยายังไง

“<<ไม่ต้องเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนถลึงตาดุใส่พี่ชายในทันที “<<นี่เรากลับบ้านนะพี่ป๊อป แค่ที่คอนโดฯ ยังบ้างานไม่พออีกเหรอไง นี่บ้านนะพี่ป๊อป ให้เวลากับพ่อแม่ กับแม่คุณ กับหนูบ้างสิไม่ใช่เอาแต่จะทำงานๆ ถ้ายังดื้อจะทำงานอีกหนูโกรธพี่จริงๆ นะ>>” หญิงสาวรีบหุบยิ้มลงแทบจะทันที เปลี่ยนเป็นชักสีหน้าบึ้งตึงใส่แทน

ป๊อปทนไม่ไหวเมื่อถูกน้องสาวบ่นให้จนต้องยอมเฉลย หวังว่าจะลดแรงปะทะลงได้บ้าง “<<พี่ล้อเล่น ไม่ทำหรอกๆ ใครจะกล้าขัดใจน้องสาวคนนี้ลงล่ะคะ>>”

จากสีหน้าบูดบึ้งอย่างขัดใจกลับมายิ้มได้อีกครั้งเมื่อได้ยินคำของพี่ชาย แต่ยังวางฟอร์มด้วยการรีบหุบยิ้มลงกลับมาทำสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม ดวงตากลมโตหรี่ลงมองมาอย่างไม่เชื่อใจนัก

“<<หนูไม่ชอบคนโกหกนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น เริ่มส่งสายตาคาดคั้นไปหาคนตัวใหญ่

“<<พี่จะโกหกเราทำไมล่ะหืม>>”

ป๊อบปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงทุ้มต่ำเย็นเยียบเอ่ยผ่านปากหยักเปื้อนรอยยิ้มน้อยๆ ส่งไปให้หญิงสาวได้รับรู้ “<<เอาเถอะ ขี้เกียจเถียงกับเราแล้ว เถียงทีไรพี่แพ้ทุกที>>” ไม่วายหย่อนระเบิดทิ้งท้าย แล้วก็ได้ผลเมื่อ...

“<<พี่ป๊อปอ่ะ>>” ใบหม่อนว่าเสียงกระเง้ากระงอดใส่ ระดมกำปั้นน้อยทุบท่อนแขนของพี่ชายรัวๆ “<<ทำไมพี่ป๊อปชอบยั่วโมโหหนูทุกที เดี๋ยวเหอะล้างรถเสร็จก่อนหนูฟ้องให้แม่คุณตีตูดพี่ป๊อปแน่ๆ ชิๆ>>”

ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองจิกใส่พร้อมกับเหยียดนิ้วเรียวสวยชี้หน้าของคนเป็นพี่ชายในระยะใกล้จนแทบจะจิ้มตาของอีกฝ่ายอยู่แล้ว ก่อนลดมือลงแต่ยังมองดุใส่แบบไม่วางตา

“<<เอาน่ะๆ ไปล้างรถกัน เราชวนพี่ล้างรถไม่ใช่เหรอ>>”

ป๊อปแกล้งทำเป็นเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่น แต่แอบเลี้ยวเข้ามายืนใกล้กับร่างระหงในระยะประชิด ค่อยๆ ลดมือลงต่ำแอบตีเข้าที่บั้นท้ายแน่นๆ ของหญิงสาวด้วยน้ำหนักมือที่เบาจนแทบจะสะกิดก่อนเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะแหลมสูงบีบประสาทอย่างสะใจ ปล่อยให้หญิงสาวแว้ดแหวไล่หลังด้วยความรู้สึกที่ระคนกันทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียวกัน

“<<พี่ป๊อปแอบตีตูดหนูเหรอ เดี๋ยวเหอะ!!! หนูฟ้องแม่คุณแน่!!>>”

“<<ฟ้องดิๆ โธ่กลัวที่ไหน>>” นอกจากยังไม่สะทกสะท้านแล้วยังออกปากท้าทายอีก

“<<มาให้หนูตีคืนซะดีๆ นะอีพี่ชายบ้า>>”

สองพี่น้องเริ่มเปิดฉากวิ่งไล่กันออกมาจากห้องครัวผ่านหน้าผู้อาวุโสและสองสามีภรรยาวัยเฉียดเกษียณที่นั่งดูทีวีอยู่ไปแบบหน้าตาเฉย ซ้ำยังส่งเสียงโต้เถียงกันอีกจนตอนนี้เริ่มดูทีวีตรงหน้าไม่รู้เรื่องแล้ว

“<<พี่น้องคู่นี้ทะเลาะอะไรกันมาเนี่ย เสียงดังลั่นจนแม่คุณดูทีวีไม่รู้เรื่องแล้วลูกเอ๊ย>>”

ใบหม่อนสบโอกาสหยุดไล่ตามพี่ชายตัวดีเสียเฉยๆ หันไปทิ้งตัวลงโอบกอดแม่คุณพลางส่งสายตาออดอ้อน ก่อนซบใบหน้าลงบนหน้าอกของผู้อาวุโสทำท่าเหมือนกับจะร้องไห้

“<<แม่คุณจ๋า พี่ป๊อปแกล้งตีตูดหนูจ้า>>”

ด้านผู้เป็นแม่ชิงต่อว่าลูกชายคนโตขึ้นมาเสียก่อนทั้งที่แม่คุณยังไม่ได้ว่าอะไร “<<ไอ้หมาเอ๊ย เอ็งก็โตขนาดนี้แล้วทำไมยังชอบแกล้งน้องเป็นเด็กๆ แบบนี้ล่ะลูก ยิ่งไปตีตูดน้องเขาอีก น้องเขาเป็นผู้หญิงนะลูกไปแต๊ะอั๋งแบบนั้นได้ไงล่ะลูกหืม อีกอย่างเอ็งเป็นพี่ก็ไม่น่าจะไปทำกับน้องเขาแบบนี้นะลูกเอ๊ย เข้าใจที่แม่พูดไหมลูก>>”

ชายวัยใกล้เกษียณได้แต่นั่งมองภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากสั่งสอนลูกชายคนโตด้วยสายตาแปลกใจที่ไม่ได้เห็นภาพนี้นานมากแล้วตั้งแต่ลูกทั้งสองเติบโตแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเอง แต่มาวันนี้ภาพความทรงจำเมื่อครั้งอดีตได้ย้อนกลับมาให้เห็นอีกครั้งถึงแม้ว่าลูกทั้งสองคนจะไม่ใช่เด็กแล้วก็ตาม

“<<แม่ครับ ก็น้องขี้ฟ้องขนาดนี้ผมก็ต้องลงโทษบ้างสิครับ>>”

“<<อ้าวไอ้หมา น้องเป็นผู้หญิงนะลูกไปแกล้งน้องแบบนั้นได้ไง เอ็งก็โตกว่าน้องตั้งห้าปี น่าจะรู้จักใช้ความคิดได้แล้วนะลูกเอ๊ย ผู้หญิงน่ะไม่ชอบให้ผู้ชายมาแอบแต๊ะอั๋งหรอกไม่ว่าจะเป็นใครก็เหอะ>>” ผู้เป็นพ่อรีบเสริมขึ้นมา

ใบหน้าคร้ามเริ่มถอดสีเมื่อถูกทั้งพ่อทั้งแม่รวมหัวกันอบรม ได้แต่ยืนนิ่งผงกหัวรับไปแบบไม่มีข้อโต้แย้งเพราะสิ่งที่ทั้งสองว่ามานั้นจริงทุกอย่าง ในขณะที่คนตัวใหญ่เริ่มรู้สึกผิด ใบหม่อนได้โอกาสซ้ำเติมด้วยการทำแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกใส่ทั้งที่ยังโอบกอดแม่คุณอยู่

“<<สมน้ำหน้า อยากแกล้งหนูทำไม ชิ>>”

“<<นังหนูใบหม่อนลูก!!>>”

แม่คุณออกปากปรามหลานสาวสุดที่รักผ่านน้ำเสียงและแววตาที่เข้มงวด และนั่นทำให้ใบหม่อนถึงกับออกอาการหงอเล็กๆ

“<<นังหนูใบหม่อนเอ๊ย อย่าทำตัวขี้ฟ้องแบบนี้สิลูก เห็นไหมไอ้หมาโดนว่าเลยเนี่ย>>”

“<<ก็พี่ป๊อปเขาแกล้งหนูจริงๆ นี่นาแม่คุณ>>” ใบหม่อนเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดอย่างขัดใจ “<<เนี่ยเมื่อเช้าทั้งดึงผมหนูเล่น ทั้งแกล้งยั่วโมโห เนี่ยเมื่อกี้ก็ตีตูดหนูอีก จะไม่ให้หนูฟ้องแม่คุณได้ไงละจ๊ะ>>”

“<<ฮื้อ>>” แม่คุณทำเสียงขึ้นจมูกอย่างอิดหนาระอาใจมากกว่าเดิม “<<โตๆ กันแล้วนะลูก นี่หนูอายุเท่าไหร่แล้ว ฟ้องเป็นเด็กไปได้ ไอ้หมามันก็แค่แกล้งหยอกเล่นแค่นั้นเอง ถ้าไอ้หมามันไม่รักนะมันไม่แกล้งหรอก>>”

บังเอิญผู้เป็นแม่หันมาพอดีเลยได้ยินบทสนทนาระหว่างสองยายหลานทั้งหมด อดไม่ได้ที่จะหันไปอบรมลูกชายคนโตเสียพอเป็นพิธี เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรนอกจากแกล้งกันเท่านั้น

“<<ไอ้หมาเอ๊ย รู้ว่าน้องเขาไม่ชอบเอ็งก็อย่าไปทำแบบนั้นสิลูก เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน อย่าลืมนะลูกว่าเรามีกันสองคนพี่น้อง อย่าให้ผิดใจกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เลยลูก>>”

ยิ่งเห็นคนเป็นพี่ชายทำหน้าจ๋อยเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบใจเท่านั้น คราวนี้ใบหม่อนได้ทีแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกและยิ้มกระตุกๆ อย่างผู้ชนะใส่อีกฝ่ายเต็มที่ แต่แล้วผู้เป็นแม่จัดการอบรมลูกสาวสุดที่รักต่อหลังจากอบรมลูกชายคนโตจบแล้ว

“<<นังหนูใบหม่อนไม่ต้องไปเยาะเย้ยไอ้หมาเลยนะ เราก็อีกคนขี้ฟ้องเหลือเกิน รู้ไหมไอ้หมามันจะน้อยใจเอาแม่ไม่รู้ด้วยนะ พี่เราน่ะขี้น้อยใจที่หนึ่งเลยรู้ไหม>>”

 “<<แม่อย่าไปว่าน้องเลยครับ>>”

ภาพในอดีตกลับมารีเพลย์ในห้วงความคิดของหญิงสาวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงนี้ รู้ตัวอีกทีร่างระหงพาตัวเองเข้าไปนั่งใกล้กับคนเป็นพี่ชายแล้ว

“<<ผมก็ผิดเองแหละครับที่แกล้งน้อง>>”

“<<ไอ้หมาก็เหลือเกินนะลูก น้องผิดยังปกป้องน้องเหมือนเด็กๆ อีก>>” ผู้เป็นแม่ว่าให้ลูกชายแบบไม่จริงจังนัก ลึกๆ แล้วกลับดีใจมากกว่าที่ได้เห็นลูกชายคนโตออกตัวปกป้องคนเป็นน้องอีกครั้งหนึ่งเหมือนเมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังเป็นเด็ก

“<<พอๆ แยกย้ายเถอะไม่มีอะไรแล้ว ไป พ่อแม่จะดูละครต่อ เอ็งจะพาน้องไปเล่นอะไรไปทำอะไรก็ไปเถอะไอ้หมาเอ๊ย>>”

สุดท้ายแล้วชายวัยใกล้เกษียณเป็นผู้ตัดจบบทสนทนาทั้งหมดพลางเอามือมายีผมค่อนข้างยาวของลูกชายคนโตเล่นด้วยอาการหมั่นไส้เล็กๆ บรรยากาศเริ่มกลับมาคละคลุ้งด้วยรอยยิ้มของสมาชิกในครอบครัวทุกคนอีกครั้งหนึ่ง

“<<หนูขอโทษน้าพี่ป๊อป เนี่ยทำให้พี่ป๊อปโดนพ่อกับแม่บ่นเลย>>”

ใบหม่อนหันไปออกปากขอโทษคนเป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกผิดที่ยังคาใจ ดวงตากลมโตคว่ำลงเมื่อได้สบเข้ากับดวงตาสองชั้นหลบที่ยังฉายแววขี้เล่นอยู่

“<<เฮ้ยไม่เป็นไรน่า>>” ป๊อปเอ่ยตอบพลางยกมือขึ้นจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกไปมาเชิงปลอบใจ “<<ใบหม่อนก็รู้นิสัยพี่ไม่ใช่เหรอ ว่ายังไงแล้วพี่ก็ให้อภัยเราได้เสมอ พี่ไม่กล้าโกรธน้องสาวคนนี้หรอกค่ะ เพราะน้องสาวคนนี้น่ารักมากไงล่ะคะใบหม่อน>>”

รอยยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ถูกส่งไปหาคนเป็นพี่ชายอย่างจริงใจ หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวกลับมาพองโตอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินคำตอบทั้งหมด

ป๊อปได้แต่มองรอยยิ้มอันสว่างไสวของคนเป็นน้องสาวอย่างไม่วางตา เพราะเวลาที่สาวเจ้าคลี่ยิ้มกว้างแบบนี้แล้วยิ่งเพิ่มดีกรีความสวยน่ารักที่มีอยู่ให้พวยพุ่งขึ้นไปอีก แต่ทว่า...

“<<มองหน้าหนูอยู่นั่นแหละพี่ป๊อป ไปล้างรถได้แล้วไป๊>>”

ทั้งสองพากันลุกขึ้นพากันเดินออกไปข้างนอกเตรียมตัวทำในสิ่งที่นัดหมายจะทำด้วยกันตั้งแต่เช้าอย่างการล้างยานพาหนะคู่ใจของชายหนุ่ม ถึงแม้จะต้องออกไปเผชิญกับแดดเปรี้ยงๆ ตอนเก้าโมงเช้าก็ตาม

                                                                                ....................................................................

สองพี่น้องเริ่มลงมือล้างรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำคันเขื่องท่ามกลางแสงแดดที่กำลังแรงจัดได้ที่ในยามเก้าโมงเช้า ครั้งนี้ป๊อปมอบหมายหน้าที่ให้น้องสาวแค่ช่วยฉีดน้ำล้างแชมพูและช่วยเช็ดแห้งเท่านั้น ที่เหลือไม่ว่าจะเป็นการลงแชมพู ลงแว็กซ์เคลือบเงาและขัดภายในนั้นขอลงมือทำด้วยตัวเอง

“<<ใบหม่อนแค่ช่วยพี่ฉีดน้ำพอแล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวพี่ปีนเช็ดเอง>>” หันไปกำชับน้องสาวอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

“<<จ้าพี่ชาย>>” เสียงใสตอบกลับมาอย่างร่าเริงพลางคลี่ยิ้มชวนให้ใจละลายหนึ่งที

ร่างสูงระหงเดินไปยังก๊อกน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากรถแวนจอดอยู่นัก ค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งคลี่สายยางออกและลากให้ไปถึงรถแวนคันเป้าหมาย ขณะที่คนตัวใหญ่หยิบกระป๋องใบใหญ่พร้อมด้วยแชมพูล้างรถที่ผู้เป็นพ่อซื้อติดบ้านไว้ออกมาเตรียมผสมน้ำจนเสร็จ ก่อนปีนป่ายลงมือเช็ดไปทั่วทั้งคันถึงแม้จะใช้เวลานานพอสมควรเพราะรถคันใหญ่เหลือเกิน

ใบหม่อนทำหน้าที่ฉีดน้ำไล่คราบแชมพูตามหลังคนเป็นพี่ชายติดๆ คอยชำเลืองมองตลอดว่าพี่ชายจะให้ฉีดไปทางไหน จนเมื่อมาถึงตอนหลังรถ ระหว่างนั้นสาวเจ้าไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังเช็ดสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลังยังไม่เสร็จ เผลอเปิดหัวฉีดน้ำจนสุดสาดไปโดนคนตัวใหญ่เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

“<<เฮ้ย>>” คนตัวใหญ่ร้องเสียงหลงเมื่อโดนน้ำแรงดันสูงจากสายยางปะทะจนรู้สึกเจ็บนิดๆ

“<<ตายแล้ว!!! พี่ป๊อป หนูขอโทษน้า>>”

ใบหม่อนตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าเมื่อคนตัวใหญ่เปียกโชกไปทั้งตัวหลังจากตัวเองเผลอฉีดน้ำใส่เข้าไปเต็มๆ ทางด้านคนโดนสาดน้ำใส่เมื่อสักครู่พยายามข่มอารมณ์โมโหไว้จนกลับมาเป็นปกติได้ ก้มลงสำรวจตัวเองในสภาพเปียกโชกทั้งตัวก่อนกระโดดลงจากล้อหลังเดินไปหาตัวการที่ทำให้เขาต้องเปียกทั้งตัวแบบนี้

“<<ใบหม่อนคะ ไม่ดูพี่เหรอไงว่ายังไม่เสร็จ>>” เสียงเข้มเอ่ยอย่างจริงจังทันทีที่ไปถึง

“<<หนูขอโทษน้าพี่ป๊อป เมื่อกี้หนูไม่ทันมองเองแหละ>>” ใบหม่อนยังรู้สึกผิดไม่หายเมื่อเห็นคนตัวใหญ่อยู่ในสภาพเปียกชุ่มไปทั้งตัว

เห็นสีหน้ารู้สึกผิดของหญิงสาวแล้วป๊อปต้องใจอ่อนเหมือนกับทุกครั้ง รอยยิ้มพราวผุดขึ้นบนใบหน้าคร้ามพลางหรี่ตาลงจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตคู่สวยสีน้ำตาลเข้มที่เริ่มสั่นไหวระริกด้วยอาการรู้สึกผิด

“<<เอาน่ะๆ พี่เปียกไปแล้วล่ะ ไม่เป็นไร ใบหม่อนฉีดน้ำให้พี่ต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จะได้ล้างแชมพูให้หมด>>”

ปากหยักได้รูปเหยียดยิ้มกว้างกว่าแต่แรก พลางเอื้อมมือที่ยังเปียกฟองแชมพูมาแตะไหล่ลู่ของหญิงสาวหนึ่งทีก่อนเลื่อนขึ้นไปจับผมมัดจุกเหนือศีรษะสวยโยกเล่นอีกหนึ่งที จงใจทิ้งฟ้องแชมพูให้เปื้อนบนเรือนผมของหญิงสาวเป็นการทำโทษไปด้วยเสียเลย

“<<อี๋ พี่ป๊อปมือเลอะแล้วยังมาจับผมหนูเล่นอีกน้า>>” ใบหม่อนว่าให้ไม่จริงจังนัก แต่ไม่ทันแล้วเมื่อคนเป็นพี่ชายปีนล้อกลับขึ้นไปข้างบนรถอีกครั้ง ลงมือเช็ดคราบสกปรกบนหลังคาต่อจนเสร็จ

ใบหม่อนคอยสังเกตคนเป็นพี่ชายที่กระโดดลงจากหลังคา เป็นอันรู้กันว่าทำเสร็จแล้ว มือเล็กเปิดหัวฉีดปลายสายยางฉีดไปบนหลังคารถชะฟองแชมพูให้ไหลลงมาข้างล่างจนหมดพร้อมกับคราบสกปรกที่หายไปจนเสร็จ

“<<พี่ป๊อปไปอาบน้ำก่อนไหม เดี๋ยวหนูเช็ดแห้งให้ก็ได้น้า ขืนตากแดดแบบนี้ไม่สบายแน่เลย>>”

ใบหม่อนออกปากไล่ให้พี่ชายเข้าไปอาบน้ำก่อนหลังจากโดนตัวเองสาดน้ำใส่เต็มๆ นึกเป็นห่วงเพราะเปียกไปทั้งตัวแล้วยังเจอแดดอีก พาลจะทำให้ไข้ขึ้นได้

“<<อืมๆ ได้ เดี๋ยวพี่รีบอาบรีบออกมาช่วยทำต่อนะ ไปก่อนล่ะใบหม่อนหน้ากลม>>”

“<<ย่ะ!!!>>” ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดไล่หลังคนตัวใหญ่ที่เดินจากไป

หญิงสาวหันกลับมามองรถแวนคันเขื่องอย่างประเมิน นึกกังวลในใจเพราะรถของพี่ชายคันใหญ่กว่ารถของตัวเองหลายเท่าตัว และไม่เคยปีนป่ายเช็ดรถคันนี้มาก่อน อีกใจหนึ่งนึกวางแผนว่าจะเช็ดยังไงให้แห้งก่อนที่พี่ชายจะกลับมาลงแว็กซ์เคลือบเงา แต่แล้วร่างสูงระหงพาตัวเองเดินไปหยิบผ้าที่พี่ชายใช้ลงแชมพูมาซักน้ำบิดฟองออกจนหมด เริ่มปีนป่ายไปบนตัวรถอย่างยากลำบากถึงแม้ตัวเองจะสูงเกินร้อยหกสิบเซนต์ก็ตาม ค่อยๆ ลงมือเช็ดไล่น้ำที่ยังเปียกชุ่มสลับกับลงมาบิดผ้าให้แห้งและปีนกลับขึ้นไปเช็ดใหม่อีกครั้งจนรอบคัน

ป๊อปเดินกลับออกมาในเสื้อผ้าชุดใหม่ เห็นคนเป็นน้องสาวไล่เช็ดรอบคันจนแห้งได้ที่ อดไม่ได้ที่จะนึกชมเพราะเมื่อก่อนน้องสาวคนนี้ได้แต่ยืนดูแลช่วยเล็กๆ น้อยๆ เสียมากกว่าเพราะไม่อยากปีนป่าย แต่ครั้งนี้กลับแปลกไปเมื่ออีกฝ่ายยอมปีนขึ้นไปเช็ดด้านบนให้จนสะอาดเอี่ยม... ค่อยๆ ย่องเข้าไปด้านหลังของร่างสูงระหงที่กำลังก้มตัวลงบิดผ้าอยู่ เยี่ยมใบหน้าคร้ามลงไปใกล้ใบหน้ากลมกึ่งรูปไข่ของหญิงสาวที่กำลังจะหันมาพอดี

“<<ตกใจ! พี่ป๊อปมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย>>” เสียงใสแว้ดแหวดังลั่นด้วยอาการตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของพี่ชายอยู่ใกล้จนแทบจะชนกันอยู่แล้ว

“<<ฮิๆๆ เพิ่งมาเมื่อกี้นี่เอง>>” คนตัวใหญ่หัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของคนเป็นน้องสาว “<<แหมเช็ดรถพี่จนเกลี้ยงเลยนะคะ เก่งจังเลยน้องสาวพี่>>”

“<<ไม่ต้องมาปากหวานเลยพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอดใส่ ดวงตากลมโตช้อนคว่ำลง “<<รถพี่ป๊อปคันก็ใหญ่ สูงก็สูง หนูเกือบตกหลายครั้งแน่ะพี่ป๊อปกว่าจะเสร็จ>>”

“<<เอาน่าๆ เราก็ทำได้นี่ เราเก่งกว่าพี่เกือบจะทุกอย่างอย่ามาตกม้าตายเพราะรถพี่สิ>>”

มือหนาเอื้อมไปจับจมูกโด่งเชิดรั้นของหญิงสาวบิดไปบิดมาเชิงหยอกล้อก่อนปล่อยมือออก เดินหลีกไปหยิบแว็กซ์ของผู้เป็นพ่อออกมาเทผสมกับน้ำในถังที่เตรียมไว้ หันไปหยิบผ้าผืนหนึ่งมาชุบน้ำผสมแว็กซ์ก่อนส่งให้คนเป็นน้องสาวที่ยืนรออยู่

“<<ใบหม่อนช่วยพี่เช็ดฝั่งซ้ายพอ เดี๋ยวฝั่งนี้กับหลังคาพี่ปีนเอง ไม่อยากเห็นน้องสาวตกรถว่ะ ฮ่าๆ>>”

“<<จ้าพี่ชายสุดที่รัก>>” ใบหม่อนว่าเสียงสะบัดใส่ “<<นี่ถ้าไม่ติดว่าหนูฉีดน้ำใส่พี่ป๊อปจนเปียก จ้างให้หนูก็ไม่ปีนขึ้นไปเช็ดให้หรอกย่ะ แบร่>>” แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกใส่ทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป

สองพี่น้องช่วยกันลงแว็กซ์ไปบนตัวถังรถแวนเจ็ดที่นั่งคันใหญ่จนทั่วทั้งคันในเวลาไม่นานนัก โดยเฉพาะคนเป็นเจ้าของรถที่ทำตามคำพูดทุกอย่างทั้งปีนป่ายขึ้นไปขัดด้านบนหลังคาและตัวถังตอนบนด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่อยากให้น้องสาวขึ้นไปปีนป่ายเช็ดตัวถังด้านบนอีกด้วยความเป็นห่วง จนมาถึงขั้นตอนสำคัญเมื่อสองพี่น้องช่วยกันเช็ดแว็กซ์ลงก่อนหน้านี้อีกทีหนึ่งจนตัวถังกลับมาดำเงางามรอบคันอีกครั้งหนึ่ง และแล้วขั้นตอนสุดท้ายก็มาถึงเมื่อป๊อปลงน้ำยาทายางดำบนล้อทั้งสี่และขัดให้ล้อแม็กซ์เงางามสว่างสดใสเป็นอันเสร็จขั้นตอนการล้างด้านนอกรถแล้ว...

“<<ใบหม่อนเข้าไปพักเถอะ เดี๋ยวข้างในพี่ทำเอง>>” ป๊อปหันไปเอ่ยปากบอกน้องสาวหลังจากเช็ดล้อข้างสุดท้ายจนเสร็จ แต่ใบหม่อนกลับชักสีหน้าใส่อย่างขัดใจ

“<<ไม่ดีกว่าพี่ป๊อป>>” เสียงใสเอ่ยปฏิเสธ “<<เดี๋ยวหนูช่วยพี่ป๊อปทำข้างในด้วยดีกว่าจะได้เสร็จพร้อมกันไง>>”

“<<อ่ะตามใจละกัน>>” สุดท้ายก็ต้องตามใจน้องสาวอยู่ดี “<<งั้นใบหม่อนทำด้านหลังละกัน ด้านหน้าพี่เช็ดเอง>>”

ฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังถูกส่งให้กับหญิงสาวในเวลาต่อมา สองพี่น้องต่างคนต่างแยกย้ายกันเช็ดทำความสะอาดภายในตัวรถตามจุดที่ได้รับมอบหมายไปอย่างเพลิดเพลินโดยเฉพาะคนเป็นเจ้าของรถที่ตั้งหน้าตั้งตาขัดเบาะคู่หน้าให้เงาแล้วเงาอีกจนลื่นไปทั่วทั้งเบาะ ไม่พอยังขัดแผงข้างประตูและคอนโซลหน้าจนเป็นมันเลื่อมวาววับตลอดทั้งแถบ

“<<พี่ป๊อป ถ้าเป็นรถหนูพี่จะทำแบบนี้ไหมเนี่ย>>” ใบหม่อนอดเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ได้เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ภาพที่คนตัวใหญ่ก้มหน้าก้มตาเช็ดเบาะอย่างเอาเป็นเอาตายในตอนนี้

“<<รถเราเบาะอัลคันทาราไม่ใช่เหรอ มีหนังแค่ไม่กี่ชิ้นเองนี่>>” กลายเป็นป๊อปย้อนถามกลับมา “<<แต่คอนโซลรถเราเป็นหนังนี่หว่า กลับไปกรุงเทพฯ ว่างๆ เดี๋ยวพี่ทำให้ละกันนะ>>”

“<<แต่หนูไม่เอาแบบที่พี่ทำเมื่อครั้งที่แล้วนะ พี่ป๊อปเคยเช็ดพวงมาลัยรถหนูจนลื่นจับไม่อยู่ ขี่ไปหงุดหงิดไปเลย ชิ>>” ใบหม่อนยอกย้อนให้ไม่จริงจังนัก ย้อนนึกถึงครั้งที่พี่ชายตัวเองเข้าไปเช็ดภายในห้องโดยสารให้ที่คอนโดฯ เมื่อเดือนก่อน

“<<ฮิๆ ครับพี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก เอาแค่ให้เงาสวยๆ พอ>>”

คนตัวใหญ่พูดไปขัดไปบนวงพวงมาลัยไปอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นเบาะนั่งและคอนโซลยิ่งเงามากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกชอบใจมากขึ้นเท่านั้น

เวลาผ่านไปตั้งแต่เริ่มต้นล้างรถตั้งแต่เก้าโมงครึ่งจนมาถึงตอนนี้ราวๆ สิบเอ็ดโมงครึ่ง กินเวลาไปนานถึงสองชั่วโมงกว่าที่สองพี่น้องจะช่วยกันล้างรถจนเสร็จ ทั้งสองพากันเดินลงก่อนคนเป็นเจ้าของจะไล่เช็ครอบคันอีกรอบพลางกดรีโมตสั่งให้รถล็อก เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนในการล้างรถในครั้งนี้...

“<<พี่ป๊อปมาล้างมือเดี๋ยวนี้>>”

เสียงใสออกคำสั่งพลางชูสายยางขึ้น มือหนารีบยื่นมาหาแบบไม่ลังเลก่อนที่หญิงสาวจะเปิดหัวฉีดปล่อยน้ำออกมาชะล้างมือของคนเป็นพี่ชายจนน้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังที่ติดมือออกไปจนหมด

“<<งั้นเราก็ล้างมือด้วยเลย มาเดี๋ยวพี่ถือสายยางให้>>”

พูดจบมือหนาแย่งสายยางออกจากมือน้องสาวก่อนหันหัวฉีดเปิดน้ำให้รดลงไปชะล้างบนมือเรียวสวยได้รูป พยายามหรี่แรงดันลงไม่ให้กระเทือนมากเพราะกลัวหญิงสาวจะเจ็บมือ หลังจากล้างมือเสร็จคนตัวใหญ่รับหน้าที่เก็บสายยางกลับคืนที่เดิมและปิดก๊อกน้ำให้เรียบร้อย สองพี่น้องพากันกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งหนึ่ง

“<<อ้าวไอ้หมาล้างรถเสร็จแล้วเหรอลูก>>” ผู้เป็นพ่อหันมาเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกๆ ทั้งสองกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง

“<<ครับพ่อ>>” ป๊อปคลี่ยิ้มน้อยๆ พยักหน้าขานรับผู้เป็นพ่อ ทางด้านใบหม่อนเดินตรงรี่เข้าไปอ้อนแม่คุณทันทีที่เห็นหน้า ปล่อยให้คนเป็นพี่ชายคุยกับพ่อไปเรื่อยๆ กระทั่งหญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากหลังห้องครัว ร้องเรียกให้ลูกๆ ทั้งสองไปหา

“<<ไอ้หมา นังหนูใบหม่อนลูก มากินของว่างมาลูก>>”

สองพี่น้องลุกขึ้นพากันเดินไปยังห้องครัวตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ มองเข้าไปข้างในเห็นขนมปังกับนมอุ่นคนละชุดวางในตำแหน่งประจำที่ของทั้งสอง ไม่รอช้ารีบเดินตรงรี่เข้าไปกินทันทีหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมา

                                                                ...............................................................

เวลาผ่านไปจนถึงวันเดินทางกลับ

กระเป๋าเดินทางใบเขื่องของหญิงสาวถูกยกขึ้นยังด้านหลังรถแวนเจ็ดที่นั่งวางเคียงข้างกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ถูกวางรอไว้ก่อน ประตูท้ายรถปิดลงในเวลาหลังจากนั้น ขณะเดียวกันใบหม่อนยังร่ำลาบุพการีทั้งสามอยู่ใกล้ๆ ก่อนคนตัวใหญ่จะตามมาสมทบในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก

“<<ไอ้หมาเอ๊ย ขี่รถขี่ราดีๆ นะลูก มีอะไรก็ใจเย็นๆ อย่าขี่รถเร็วมากล่ะ พ่อเป็นห่วงนะลูก ใบหม่อนก็คอยเตือนพี่ด้วยนะลูกนะ>>”

“<<ถึงแล้วโทร.บอกแม่ด้วยนะลูกใบหม่อน>>”

“<<ขอให้หลานๆ ทั้งสองโชคดีมีชัยนะลูก เจริญๆ นะ ขี่รถดีๆ เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงแล้วอย่าลืมโทร.หาแม่คุณด้วยนะลูก แม่คุณเป็นห่วงนะหลานรัก>>”

“<<หนูกลับก่อนนะจ๊ะพ่อจ๋า แม่จ๋า แม่คุณจ๋า>>” ใบหม่อนพนมมือไหว้บุพการีทั้งสามก่อนโผเข้ากอดเรียงทีละคนจนครบ เมื่อหญิงสาวผละออกมาแล้ว

“<<ไอ้หมา แม่ขอกอดหน่อยลูก>>”

คนตัวใหญ่โผเข้ากอดผู้เป็นแม่พลางซบใบหน้าคร้ามลงบนไหล่ลู่ซึมซับไออุ่นจากความรักของผู้เป็นแม่ให้หายคิดถึงก่อนผละออกหันไปกอดชายวัยใกล้เกษียณต่อ

“<<ไอ้หมาเอ๊ย เอ็งโตมากแล้วนะลูก เป็นหลักเป็นฐานมั่นคงแน่นอนได้แล้วนะลูกเอ๊ย พ่อเป็นห่วงนะ>>”

หลังจากร่ำลากันเสร็จ สองพี่น้องพากันขึ้นนั่งประจำที่บนรถแวนเจ็ดที่นั่งคันใหญ่ เสียงโรงสีข้าวขนาดย่อมใต้ฝากระโปรงหน้าดังกระหึ่มขึ้นในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก ทันใดนั้นกระจกฝั่งที่นั่งข้างคนขับถูกเปิดให้คนเป็นน้องสาวโบกมือร่ำลาคนในครอบครัวทั้งสองเว้นแต่ผู้เป็นพ่อที่เดินออกไปเปิดประตูหน้าบ้านให้ รถแวนเจ็ดที่นั่งที่ขับโดยป๊อปเคลื่อนตัวออกจากบริเวณบ้านออกสู่ซอยย่อยอย่างช้าๆ เห็นหนึ่งผู้อาวุโสกับบุพการีทั้งสองตามมาส่งจนถึงหน้าประตูบ้านและยืนส่งจนลับตาไปในที่สุด...

“<<พี่ป๊อปอย่าซิ่งล่ะ แม่อุตส่าห์เตือนแล้วน้า>>” ใบหม่อนได้ทีหันมากำชับกับพี่ชายอีกรอบให้แน่ใจ

“<<ครับแม่>>” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบด้วยท่าทางกวนๆ ตามปกตินิสัย “<<พี่จะไม่ซิ่งแล้วคร้าบ ทั้งแม่คนที่หนึ่งกับแม่คนที่สองเตือนกันขนาดนี้แล้ว ฮิๆ>>”

“<<ไม่ต้องมาว่าหนูเลยนะพี่ป๊อป>>” ใบหม่อนว่าให้อีกทีพลางส่งค้อนวงใหญ่ใส่พี่ชายตัวดี “<<เนี่ยพี่ป๊อปเข้าใจรึยังว่าที่บ้านคิดถึงและเป็นห่วงพี่มากขนาดไหน เล่นไม่ยอมกลับบ้านตั้งสองปี ถ้าหนูไม่ลงไปอยู่ด้วยนี่พี่ป๊อปคิดจะกลับมาบ้านบ้างปะเนี่ยหืม>>”

ป๊อปได้แต่คิดตามสิ่งที่คนเป็นน้องสาวพูดอยู่สักพัก จริงอยู่ที่เหมือนกำลังถูกต่อว่าแต่ลึกๆ แล้วมีแต่ความห่วงใยตามประสาพี่น้อง ยิ่งเพิ่มความรู้สึกแนบแน่นในความสัมพันธ์มากขึ้นไปอีก ย้อนนึกไปถ้าน้องสาวไม่ลงมาอยู่ด้วย ตัวเองคงเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานไปวันๆ ไร้ซึ่งปฏิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างเหมือนเดิม และไม่มีความคิดจะกลับมาหาครอบครัวอันแสนอบอุ่นที่บ้านเช่นวันนี้

“<<ฮื้ม จริงของเรานะใบหม่อน ยังไงพี่ก็ขอบคุณมากนะที่ลงมาอยู่เป็นเพื่อน อยู่ดูแลพี่จนพี่เป็นแบบนี้นะคะ>>.

คำขอบคุณเอ่ยออกมาจากปากหยักได้รูปด้วยน้ำเสียงโทนอบอุ่นน่าฟังจนใบหม่อนอดที่จะใจอ่อนตามไปด้วยไม่ได้ จากตอนแรกที่จะพูดอะไรที่เป็นจริงเป็นจังสักหน่อย จู่ๆ รอยยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเหล็กครบทุกซี่ภายใต้กลีบปากอิ่มสวยผุดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับดวงตากลมโตคู่สวยหยีลงจนเป็นรูปสระอิ ลักยิ้มทั้งสองข้างบุ๋มลงไปจนเห็นได้ชัด

“<<ก็พี่ป๊อปเป็นพี่ชายของหนูนี่นา ถ้าหนูไม่ดูแลพี่ป๊อปแล้วจะให้หนูไปดูแลใครล่ะหืม>>”

ปากหยักคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของคนเป็นน้องสาวทั้งที่ยังมองทางข้างหน้าอยู่ อยากจะหันไปมองหน้าน้องสาวมากแต่ตอนนี้ทำไม่ได้ ขืนละสายตาจากทางข้างหน้ามีหวังได้เกิดอุบัติเหตุแน่ๆ

สองพี่น้องพร้อมใจกันยกมือไหว้จุฬามณีเจดีย์ที่สูงเด่นเป็นสง่าในบริเวณวัดวรจันทร์อันเป็นวัดใกล้บ้านเมื่อยานพาหนะคู่ใจแล่นผ่านย้อนลงมาจนออกสู่ถนนเส้นหลักมุ่งหน้าไปทางแยกโพธิ์พระยา เคลื่อนตัวไปได้อีกสักพักก็ต้องติดไฟแดงที่กินเวลายาวนานเกือบสองนาที

ชายหนุ่มหันไปชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งเงียบไปตั้งแต่ขับผ่านวัดใกล้บ้าน เห็นนั่งขัดสมาธิบนเบาะก้มหน้าก้มตาไถนิ้วเรียวสวยไปบนหน้าจอสมาร์ทโฟนสีน้ำเงินเสียบพาวเวอร์แบงก์ในมือ นัยน์ตาสองชั้นหลบละสายตากลับมามองทางข้างหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

‘ยังติดมือถืองอมแงมไม่เปลี่ยนเลยนะใบหม่อน’

เมื่อเห็นสัญญาณไฟเขียว ป๊อปรีบขยับคันเกียร์ออกจากตำแหน่งเกียร์ว่างก่อนหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาออกสู่ถนนเส้นหลักมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ เห็นการจราจรข้างหน้าค่อนข้างโล่งในวันอาทิตย์ถึงแม้เวลาจะผ่านมาถึงช่วงบ่ายแล้วก็ตาม แอบอาศัยจังหวะที่น้องสาวกำลังเพลิดเพลินกับการเขี่ยหน้าจอเครื่องมือสื่อสารค่อยๆ เติมคันเร่งขึ้นทีละนิดจนความเร็วทะลุไปถึง 120 แบบเนียนๆ ยังดีที่เลนขวากับเลนกลางไม่มียวดยานพาหนะที่ขับช้ากีดขวางมากนักจนไม่ต้องหักพวงมาลัยมุดไปมุดมามากนัก

แต่เมื่อมาถึงช่วงที่ผ่านอำเภอบางปลาม้าที่มีการปรับปรุงผิวจราจรทำให้การจราจรเริ่มชะลอตัวลง เท้าขวาเลื่อนไปเลียเบรกเพื่อชะลอรถเรื่อยๆ แต่บังเอิญคันที่ขับข้างหน้าเกิดเบรกกะทันหันจนคนตัวใหญ่ต้องกดเบรกตามจนทั้งสองโยกตัวไปข้างหน้าอย่างเต็มแรง ขืนปล่อยให้ไหลต่อมีหวังได้ชนท้ายรถคันหน้าแน่ๆ สมาร์ทโฟนสีน้ำเงินในมือของหญิงสาวหลุดมือร่วงลงไปกับพื้นรถ...

“<<ว้าย! ตกใจ!>>” เสียงใสอุทานขึ้นมาเมื่อรถเบรกกะทันหัน “<<พี่ป๊อปขี่รถยังไงเนี่ย ทำไมเบรกแรงแบบนี้อ่ะ>>”

คนตัวใหญ่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อหยุดรถได้ ยังเห็นท้ายรถคันหน้าอยู่ในระยะที่ไม่ไกลจากฝากะโปรงหน้ารถมากนัก เห็นไฟเบรกยังติดอยู่รู้เลยว่าการจราจรด้านหน้ายังหยุดนิ่งอยู่

“<<พี่ขอโทษนะใบหม่อน ข้างหน้าเบรกกะทันหันน่ะ>>”

ใบหม่อนทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างขัดใจ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันก้มลงไปเก็บสมาร์ทโฟนที่ร่วงลงไปขึ้นมาเล่นต่อ ปากอิ่มยังบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุด

“<<ฮื้ม นั่งรถพี่ป๊อปขี่นี่นั่งสบายๆ ไม่ได้เลย แม่คุณก็อุตส่าห์เตือนแล้วนะว่าอย่าซิ่งอย่าซิ่ง ทำไมพี่ป๊อปไม่เชื่อบ้างเลย หนูนั่งรถพี่ป๊อปไปกลัวไปแล้วนะเนี่ย หนูขอร้องล่ะอย่าซิ่งได้ไหม>>”

การจราจรด้านหน้าเริ่มเคลื่อนตัวได้คล่องแคล่วเมื่อพ้นจากเขตก่อสร้าง คราวนี้ป๊อปเริ่มขับรถอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม สอดส่ายสายตามองหาช่องว่างที่จะแทรกตัวเข้าไปได้เพราะตอนนี้คันที่ขับอยู่ด้านหน้าเริ่มขับช้าแปลกๆ ด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ทั้งที่เพื่อนร่วมทางคันอื่นใช้ความเร็วเดินทางปกติ แถมยังอยู่ในเลนขวาสุด

นัยน์ตาสองชั้นหลบปรายตามองเลนซ้าย เห็นมีระยะห่างจากรถคันหลังไกลพอสมควร ไม่รอช้ารีบสาวพวงมาลัยหักออกเลนซ้าย เหลือบมองไปทางขวาเห็นรถคันที่ขับช้าเว้นระยะห่างจากคันหน้ามากถึงสองช่วงคันรถ ประจวบเหมาะกับคันที่ขับนำหน้าตัวเองมีระยะห่างออกไปถึงสองช่วงคันรถเหมือนกัน เท้าขวากดคันเร่งสั่งให้ยานพาหนะคู่ใจเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้นจนระยะห่างจากรถคันที่ขับช้าพอสมควร ค่อยๆ หักพวงมาลัยกลับเลนขวาสุดเหมือนเดิมพร้อมกับเติมคันเร่งทิ้งระยะให้ห่างออกไปอีกแต่ยังอยู่ในความเร็วเดินทางปกติอยู่

ใบหม่อนกลับมาให้ความสนใจกับสมาร์ทโฟนเครื่องหรูในมืออีกครั้งหลังจากบ่นคนเป็นพี่ชายจบ พยายามไม่คิดอะไรเพราะรู้ว่าบ่นยังไงอีกฝ่ายก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่อีกความรู้สึกหนึ่งรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเสียก่อน ละสายตาออกจากหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือหันไปมองเรือนไมล์ดูว่าพี่ชายตัวเองขับเร็วมากแค่ไหน แอบชำเลืองมองใบหน้าคร้ามที่ยังจ้องเขม็งไปข้างหน้าอยู่ เห็นร่องรอยความหงุดหงิดเต็มหน้าไปหมดจนตัวเองไม่อยากจะบ่นอีก

“<<พี่ป๊อปขี่รถใจเย็นๆ น้า แป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว นี่เพิ่งบ่ายสองเองน้า>>”                            

ป๊อปได้แต่พยักหน้าพลางคลี่ยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงใสของคนเป็นน้องสาวเอ่ยปลอบใจ ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิดบ้างที่ต้องขับรถให้ช้าลงกว่าปกติบ้าง แต่พยายามนึกไว้เสมอว่ามีน้องสาวสุดที่รักของตัวเองนั่งอยู่ด้วยทำให้ไม่กล้าขับเร็วมากนักถึงแม้เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้แกล้งซัดไปร้อยยี่สิบลากยาวจนมาถึงช่วงซ่อมบำรุงผิวจราจรจนต้องเบรกกะทันหันก็ตาม แต่แล้วก็เกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อจู่ๆ รถคันหลังที่ขับช้าแช่ขวานำหน้าอยู่เกิดอาการหัวร้อนเร่งความเร็วตามไล่บี้รถที่คนตัวใหญ่ขับอยู่

“<<ใบหม่อน พี่ขอโทษนะ คันหลังตามจี้ตูดพี่แล้วว่ะ>>”

นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองไปทางกระจกมองหลังเห็นรถคันที่ว่ากำลังตามไล่จี้ท้ายพลางกระพริบไฟสูงใส่อย่างดุเดือด ด้วยสัญชาตญาณเท้าขวาเริ่มกดคันเร่งหนี นัยน์ตาสองชั้นหลบมองทางข้างหน้าเห็นระยะห่างจากรถคันหน้ามีมากพอที่จะเร่งความเร็วได้

ใบหม่อนหันไปมองกระจกหลังเห็นรถคันที่ว่ากำลังตามจี้ท้ายอย่างดุเดือด ปากอิ่มเริ่มออกปากเตือนด้วยความเป็นห่วง

“<<พี่ป๊อปหลบให้เขาไปก่อนดีไหมอ่ะ หนูกลัว>>”

ป๊อปพยายามเร่งความเร็วจนทิ้งห่างรถหัวร้อนคันนั้นได้ก่อนหักพวงมาลัยเข้าเลนซ้าย ลดความเร็วลงจนเหลือความเร็วเดินทางปกติ แต่รถคนนั้นยังตามหาเรื่องไม่หยุดด้วยการเปลี่ยนเลนตามมาขับจี้ท้ายทั้งที่เลนขวาสุดยังโล่งอยู่ จนมาถึงทางแยกออกไปทางอำเภอสองพี่น้องจึงแยกย้ายกันพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกยาวของโชเฟอร์ ขณะที่ใบหม่อนถึงกับถอนหายใจออกมาหลังจากผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญมาได้

“<<พี่ป๊อปขี่รถกวนเขาเปล่าเนี่ยถึงโดนตามจี้ตูดเนี่ย>>” หันไปว่าให้กับคนเป็นพี่ชายแบบไม่จริงจังนัก ดวงตากลมโตเบิกกว้างส่งสายตาคาดคั้นใส่

“<<เฮ้ยเปล่านะ พี่ก็แค่แซงปกตินะ ไม่ได้ปาดหน้าเลย>>” เสียงเข้มลอยลมตอบกลับมา “<<ใบหม่อนนั่งอยู่ด้วยทั้งคนใครจะกล้าขับปาดหน้าชาวบ้านล่ะหืม>>”

ใบหม่อนย่นจมูกพลางปรายตามองดุใส่อย่างไม่เชื่อใจนัก แต่เห็นว่าพี่ชายยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วจึงไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดและเก็บมาใส่ใจอีก ความสนใจของเจ้าตัวกลับมาที่แอพพลิเคชั่นสีเขียวที่กำลังพิมพ์แชตกันในกลุ่มเพื่อนข้าราชการที่บรรจุใหม่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่งกับประเด็นคุยเรื่องย้ายหลังจากพ้นทดลองงานในอีกสองเดือนข้างหน้า

ป๊อปยังทำหน้าที่โชเฟอร์ขับรถไปตามเส้นทางมุ่งสู่กรุงเทพฯ กับการจราจรที่ค่อนข้างโล่งในวันอาทิตย์ จนเมื่อเข้าเขตตัวเมืองนนทบุรีการจราจรข้างหน้าเริ่มติดขัดอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงบ้านแล้ว... ในระหว่างที่กำลังติดไฟแดงแยกสุดท้ายก่อนเข้าเขตกรุงเทพฯ

“<<ใบหม่อนจะแวะหาอะไรกินก่อนไหม หรือกลับห้องเลยล่ะ>>” อดไม่ได้ที่จะหันไปถามคนนั่งข้างๆ

“<<กลับห้องเหอะพี่ป๊อป ขี้เกียจแวะอ่ะ>>” เสียงใสเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถาม “<<เดี๋ยวเย็นนี้หนูทำกับข้าวให้พี่กินเอง ที่ห้องมีหมูมีไข่มีกะเพราใช่ไหมล่ะพี่ป๊อป>>”

“<<มีๆ แต่ยังไงก็แวะตลาดก่อนดีไหมเผื่อใบหม่อนอยากกินอะไรอย่างอื่นด้วย>>”

“<<ไม่อ่ะพี่ป๊อป กลับเลยเถอะ หนูของีบที่ห้องดีกว่า>>”

ได้ยินคำปฏิเสธดังนั้นทำให้คนตัวใหญ่อดที่จะยิ้มไม่ได้ แอบรู้สึกผิดเล็กๆ ที่พาให้น้องสาวต้องเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญที่บางปลาม้าจนทำให้อีกฝ่ายไม่ได้หลับได้นอนในระหว่างเดินทางเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา นัยน์ตาสองชั้นหลบชำเลืองมองทางข้างหน้าเห็นสัญญาณไฟเขียวขึ้นพอดี ไม่รอช้ารีบออกตัวมุ่งหน้าเข้าสู่เขตกรุงเทพฯ แล่นไปตามทางเรื่อยๆ จนกลับมาถึงคอนโดฯ ที่พักย่านเตาปูนโดยสวัสดิภาพในเวลาบ่ายสามโมงพอดี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา