หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)
-
เขียนโดย Yuanjinxia
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.
18 ตอน
3 วิจารณ์
8,433 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เห่าปะทะหอน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหอพักลาดอน
หอพักลาดอนเป็นหอพักประจำของหน่วยมังกรทมิฬอยู่ห่างจากตึกดราโกไนต์เพียงสองร้อยเมตร มีความสูงสามชั้น ชั้นแรกเป็นห้องนั่งเล่นรวม ห้องทานอาหาร ห้องครัวและห้องพยาบาล ชั้นสองและชั้นสามเป็นห้องพักชั้นละสิบห้อง โดยชั้นสองเป็นของฝ่ายชายและชั้นสามเป็นของฝ่ายหญิง
มายาทิ้งตัวลงบนที่นอนเหม่อมองเพดานห้องที่ว่างเปล่า หญิงสาวหันไปมองขวดโหลแก้วที่วางไว้บนชั้นข้างเตียง ในนั้นมีเหรียญทองแดงสิบดีมันสะสมอยู่จำนวนมาก ประมาณจากสายตาคร่าวๆ คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเหรียญ
ทุกครั้งที่มายาสังหารคนหนึ่งคน เธอจะเอาเหรียญทองแดงมาหยอดเก็บไว้ในขวดโหลหนึ่งเหรียญสะสมไปเรื่อยๆ ตามจำนวนคนที่เธอฆ่า เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนใจเสมอว่าเธอนั้นเป็นใคร มีหน้าที่อะไรและมีกี่คนแล้วที่ต้องตายภายใต้น้ำมือของเธอ
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่มายาเดินทางไปทำภารกิจสังหารคนตามที่ได้รับมอบหมาย หญิงสาวล้วงเอาเหรียญทองแดงจากในกระเป๋าออกมาสองเหรียญ แล้วเดินไปเปิดขวดโหลหยอดเพิ่มลงไป
กริ๊ก! กริ๊ก!
“กบฏคือเนื้อร้าย กบฏคือเนื้อร้าย” เธอท่องประโยคเดิมซ้ำๆ แล้วหลับตาลงนึกถึงบทเรียนในอดีต
‘กบฏคือเนื้อร้าย ถ้าไม่รีบตัดทิ้งมันจะลุกลาม กัดกินอาณาจักรของเรา บ้านของเรา ครอบครัวของเราและทุกคนที่เรารัก’
‘พวกมันหมายจะทำลายราชวงศ์อนันตราที่รวบรวมแผ่นดินของเราให้ร่มเย็นเป็นสุข พวกมันอยากเห็นเราพินาศ อยากเห็นพวกเราแตกแยก แต่เราจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นใช่ไหม!’
‘ใช่!!!’
‘ดี! งั้นจงทำหน้าที่ของพวกเจ้าให้ดี กำจัดเนื้อร้ายให้หมดสิ้นไปจากดินแดนแห่งนี้ซะ!’
‘กำจัดเนื้อร้าย! กำจัดเนื้อร้าย!’
ประโยคที่เป็นดั่งเพลงกล่อมเด็กที่เธอถูกสั่งให้จำและท่องทุกวันทั้งเช้าทั้งเย็นสมัยวัยเยาว์ ไม่มีวันไหนที่จะลืม แม้ทุกวันนี้จะไม่ใช่เด็กฝึกแล้ว แต่เธอก็ยังคงท่องมันทุกวันด้วยความเคยชิน
“ถ้าบ้านเมืองแตกแยกกบฏจะได้ประโยชน์อะไร” มายาพึมพำสิ่งที่ตนสงสัย “ล้มล้างราชวงศ์จะทำให้กบฏได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อก็ผ่านมานานถึงขนาดนี้แล้วยังจะกอบกู้อะไรได้อีก หรือแท้จริงแล้วยังมีเหตุผลอื่นอยู่”
หญิงสาวที่ได้รับหน้าที่กวาดล้างกบฏมานานนับสิบปี ขบคิดถึงปัญหาบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจได้และฝั่งมันเก็บเอาไว้ลึกภายใจมาตลอด มีหลายครั้งที่ลองถกปัญหานี้กับอาจารย์ของเธอสมัยยังเป็นเด็กฝึก แต่คำตอบที่ได้รับก็ยังคงไม่ต่างจากเดิม จนเธอเลิกถามไปในที่สุด
ส่วนคนอื่นที่ถูกนำตัวมาฝึกในศูนย์ ต่างก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นเดียวกับมายา เด็กที่จะเข้ามาฝึกได้ต้องมีอายุไม่เกินสิบปี นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะไม่มีใครสงสัยในภารกิจของตนทั้งนั้น เมื่อได้รับคำสั่งก็พร้อมจะทำตาม เมื่อบรรลุเป้าหมายก็จะได้รับคะแนน เมื่อคะแนนสูงก็จะได้รับโอกาสคัดเลือกเข้าหน่วย การจะถกปัญหาเกี่ยวกับภารกิจที่ได้รับจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้มายาไม่เคยเปิดปากคุยเรื่องที่ต้นสงสัยกับใครอีกเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศที่ตึกดราโกไนต์ก็ยังคงครึกครื้นเช่นเคย แชนกับเลโอปกติแล้วเป็นคู่ที่ทำงานเข้าขากันได้แย่ที่สุด และถึงแม้จะไม่ใช่เวลางานก็มักจะเห็นทั้งคู่ฟาดฟันใส่กันไม่ยั้งแทบตลอดเวลา
“ข้าเพิ่มยี่สิบเงิน” แชนเอ่ยขณะหยิบเหรียญจำนวนยี่สิบเงินของตนเองออกมาว่างตั้งด้านหน้า
“จุ๊จุ๊จุ๊ ข้าเกเพิ่มเป็นสี่สิบ” ลุคอมยิ้มเมื่อเหลือบมองไพ่ใบที่สี่ที่เพิ่งถูกเปิดออกมาวางกลางโต๊ะ
“อืม ข้าหมอบดีกว่า” มิกกี้เลือกที่จะคว่ำไพ่ในมือลงเมื่อประเมินแล้วว่าตนเองคงไม่ชนะตานี้
“ตาม” เลโอหยิบเงินสี่สิบออกมาตั้งแล้วจั่วไพ่กองกลางใบที่ห้าเปิดต่อหน้าทุกคน
“โอ๊ย! ไม่นะ ไม่นะ” มิกกี้โวยวายพลางหยิบหมอนมากัด เมื่อรู้ว่าไพ่ดีๆ ที่เขารอคอยดันออกมาเป็นใบสุดท้ายหลังจากที่เขาหมอบไปแล้ว
“อาฮ่า” แชนส่งเสียงอย่างมั่นใจ “ข้าลงเพิ่มอีกร้อยเงินเลยก็แล้วกัน”
“ฮ่าฮ่า ระวังเจ็บตัวนะแชน ข้าตาม!” ลุคเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าไพ่ในมือของตนดีพอจะชนะได้
ในขณะที่เลโอนั่งหน้าดำคร่ำเครียด แววตาสื่อให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจไพ่ในมือ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง
“ขอดู” พูดจบก็ดันเงินกองโตอีกมูลค่าร้อยเงินมาด้านหน้า
มิกกี้ที่ยอมแพ้ไปแล้วทำหน้าที่โกยเหรียญของทุกคนมากองรวมกันที่กลางโต๊ะเพื่อรอเปิดไพ่หาผู้ชนะ
“ฟลัชโพแดง!” แชนยิ้มหน้าระรื่นยักคิ้วให้ทุกคนรอบวงพลางตีไพ่สองใบในมือลงมาอวดสายตา
“บ้าจริง! ขนาดนี้แล้วก็ยังสู้ไม่ได้” ลุคสบถพร้อมกับตีไพ่ตองแจ็คลงมาบ้าง
“ของข้าคู่เดียว” เลโอเปิดไพ่ให้ดู สีหน้าของชายหนุ่มผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“หา!! ถือแค่คู่เดียวแต่ยอมตามเป็นร้อยเงินเนี่ยนะ” มิกกี้ตาโตเมื่อรู้ว่าเลโอต้องเสียเงินไปจนเกือบหมดกองทั้งที่มีโอกาสชนะแค่น้อยนิด
“ก็ข้านึกว่าไอ้บ้านี่มันจะลักไก่เหมือนตาที่แล้วนี่หว่า! ถือแค่ไพ่สูงแต่ก็กินรอบวง” เลโอบ่นที่ตนเองเสียรู้อีกรอบ
“เอาน่า เอาน่า แพ้ก็คือแพ้ เจ้าก็ตั้งใจเล่นให้มันดีกว่านี้อีกสิ” แชนพูดปลอบใจ พร้อมกับโกยเงินกองกลางสำหรับผู้ชนะมาไว้ข้างหน้าตนเองอย่างแช่มชื่น
“ไม่อยากเล่นแล้ว เงินข้าจะหมด” ลุคบ่นบ้างหลังจากที่ชนะไปแค่ตาเดียว ที่เหลือก็เสร็จเจ้าคนพูดมากกินไปจนหมด
“หมดอะไร เห็นยังกองเยอะอยู่เลย” แชนชี้ไปที่กองเงินของหนุ่มน้อยพยายามหว่านล้อมให้เขาเล่นต่อ “อีกตานะ ตาสุดท้าย” พูดพร้อมทำตาปริบๆ อ้อนอีกฝ่ายสุดฤทธิ์
“เลโอเล่นไหม” ลุคหันไปหาพวก
“อืม อีกตาก็แล้วกัน”
“ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนอีกตานะ” มิกกี้นั่งลงแล้ววางเงินเดิมพันขั้นต่ำห้าเงินไว้ข้างหน้า
รูปแบบเกมและโชคชะตาก็ยังคงวนกลับมาเข้าข้างพ่อหนุ่มผมหยักศกอีกเช่นเดิม แชนที่มือขึ้นอีกตาได้แต่นั่งกระดิกขารอเหยื่อเดินมาตกหลุม
“ไหนๆ ก็ตาสุดท้ายแล้ว จัดหนักกันสักหน่อยดีไหม” คนที่ถือไพ่ดีมาตลอดเริ่มท้าทายอีกครั้ง “เพิ่มอีกสามร้อยเงิน!” ด้วยจำนวนเงินเดิมพันที่สูงขนาดนี้ แชนค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าตามและเขาจะเก็บกินได้อีกตา
“ตาม!!!” แต่ผิดคาดเพราะหนุ่มน้อยพยายามจับไต๋อีกฝ่าย เห็นว่าคนตรงหน้ามั่นใจเกินกว่าปกติจึงน่าจะไม่มีไพ่ดี แต่ทำเพื่อหลอกให้ทุกคนตายใจ
“เออ…” มิกกี้อึกอัก “แบบนี้เล่นหนักเกินไปไหมข้าคงสู้ไม่ไหว ขอยอมแพ้” ชายร่างยักษ์เลือกจะหมอบดีกว่าเสี่ยง เขาไม่ใช่คนประเภทใจถึงกับเรื่องเงินทอง
คนที่ดูน่าสงสัยที่สุดเห็นจะเป็นเลโอ ที่ยอมเสียเงินทุกรอบแม้จะไม่เคยชนะเลย แต่ก็ยอมจ่ายตามเพื่อขอดูไพ่ทุกครั้ง
“อย่าตัดสินใจนานสิ” แชนกระตุ้น รอยยิ้มของชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ชัดเจน “ไม่สู้ก็ยอมแพ้ไปนะ ฮิฮิ”
“ใครว่าไม่สู้” เลโอส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับ “เจ้ามีเท่าไหร่ก็ใส่มาเลยดีกว่า ข้าพร้อมจะเทหมดหน้าตักเหมือนกัน” พูดจบก็หยิบถุงใส่เงินใบสุดท้ายออกมาวาง “ในนี้มีห้าร้อยเงิน รวมกับบนโต๊ะที่เหลือของข้าอีกสามร้อยเป็นแปดร้อย”
“ได้!!!” เมื่อถูกท้าทายมีหรือคนอย่างแชนจะยอม เขากวาดทุกเหรียญที่มีออกมากองข้างหน้า “ข้าเพิ่มอีกสี่ร้อยหกสิบ เป็นเจ็ดร้อยหกสิบเงิน”
ลุคถึงกับหน้าซีดเผือดคิดหนัก เขาต้องทำงานอีกกี่เดือนกันนะถึงจะมีเงินเก็บมากขนาดนี้ ลำพังรายได้เดือนละร้อยห้าสิบเงินก็ไม่ถือว่ามากเลยสำหรับค่าครองชีพที่สูงในเมืองหลวง
“เอาไงดีนะ ถ้าหมอบตอนนี้ก็น่าเสียดาย” หนุ่มน้อยยังมีความหวังว่าตนเองจะสามารถชนะและนำเงินทั้งหมดกลับคืนมาได้ “เอ้า! เป็นไงเป็นกัน ข้าเหลือแค่สองร้อยสิบเงิน ขอสู้เท่าที่มีนี่แหละ”
“ดีมาก! มันต้องอย่างนี่สิลุค ดูรุ่นใหญ่เล่นเป็นตัวอย่างใครเขากลัวกันเล่า” แชนตบบ่าหนุ่มน้อยผู้มีแผลเป็นที่ตาซ้ายอย่างถูกใจ
มิกกี้ที่เห็นการเดิมพันสุดบ้าคลั่งของเพื่อนร่วมหน่วยแต่ละคน ก็โล่งอกที่ถอนตัวออกมาทัน
ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดไพ่ให้ปรากฏแก่สายตา ทั้งสามคนใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมา แม้แต่มิกกี้ที่ไม่ได้เดิมพันยังอดลุ้นไปด้วยไม่ได้
“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ไงล่ะ ไงล่ะ” แชนยักคิ้วหลิ่วตาด้วยท่าทียียวนพร้อมตีไพ่เห่าในมือลงบนโต๊ะ “ตองคิงคู่แหม่ม หวานอีกแล้วจ้า” ชายหนุ่มส่ายหน้าอกไปมาคล้ายกำลังเต้นด้วยความสะใจ
ลุคมองดูไพ่ตองเก้าในมือของตนเองก็แทบทรุด “ฮือ! ไม่น่าสู้เลย” ว่าจบก็ตีไพ่ตามแล้วเอาศีรษะโขกโต๊ะ
“โชคดีจังที่หมอบไปก่อน” มิกกี้ในชุดหมีสีชมพูนั่งกอดหมอนพลางถอนหายใจ
“นายเทหมดหน้าตักแล้วสินะ” เลโอทำหน้าเศร้าแล้วมองไพ่ในมือตนเอง
“เสียใจด้วยนะเพื่อนยาก เจ้าก็รู้ว่าข้าน่ะมันเซียนของแท้” แชนยิ้มร่าเตรียมโกยกองเหรียญนับพันเงินบนโต๊ะมาเป็นของตนเอง แต่ก็ถูกเลโอขวางเอาไว้
“ใจเย็นสหายรัก” เลโอเอื้อมไปจับมือคนที่เพิ่งได้ไพ่ฟูลเฮาส์แล้วส่งเสียงร้องบ้าง “บรู้ว!!!!” เขาหอนเสียงดังพร้อมตีไพ่โฟร์การ์ดในมือ
“ต้องขอบคุณแม่นางทั้งสี่ ควีนผู้นำโชคของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า!!!!” คนที่ได้ไพ่หอนและกินรอบวงถึงกับหัวเราะลั่น จนสองสาวปราณและมีนาที่นั่งจับเข่าคุยกันอยู่หันมามอง
“เห้ย!!! นี่แกโกงใช่ไหมเลโอ” แชนหันไปบีบคอคนที่บังอาจทำให้เขาหมดตัวด้วยท่าทีโมโหจัด “แล้วเดือนนี้ข้าจะกินอะไร!”
“แก! ไอ้บ้าแชน หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย!” คนที่โดนบีบคอโวยวายพยายามแงะมืออีกฝ่ายออก
“แกมันขี้โกง!!!”
“โกงอะไรกันเล่า! ใครใช้ให้แกทุ่มหมดล่ะ ข้าชนะใสๆ ใช่ไหม” เลโอหันไปหามิกกี้กับลุคให้ช่วยกันเป็นพยาน แต่อีกสองหนุ่มก็โดนไปหนักเหมือนกันจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา
สี่ถึงห้าตาแรกเป็นแชนที่ชนะเกือบตลอดและเลโอก็ยอมใส่ตามแทบทุกครั้งแม้ไพ่ในมือจะไม่ค่อยดีนัก แต่ตาสุดท้ายที่แชนมั่นใจสุดและวางเดิมพันเพิ่มเรื่อยๆ กลับเป็นเลโอที่ยอมควักทั้งกระเป๋าออกมาสู้จนแชนทำได้แค่เทหมดหน้าตัก เพื่อจะขอดูไพ่และเขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะชนะ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเสียรู้พ่อหนุ่มหน้าตากร้านโลกคนนี้เสียแล้ว
“เป็นยังไงล่ะรุ่นใหญ่” ปราณเดินมาแซวถึงที่ “แล้วอย่ามาขอยืมเงินข้าอีกนะ” หญิงสาวมองดูโต๊ะเล่นโป๊กเกอร์ของทั้งสี่คนแล้วส่ายหัว
“ไอ้ตาชี้มันขี้โกงอะ! เล่นกับมันทีไรเป็นงี้ทุกที ชนะอยู่ดีๆ ไหงมาแพ้ซะได้” เมื่อทำอะไรไม่ได้ เจ้าตัวก็ทำได้แค่บ่นกระปอดกระแปดแทน
“แกว่าใครตาชี้! ไอ้หัวฝอยทอง!!!”
“ว่าแกนั่นแหละ!!!”
และแล้วช่วงเวลาแห่งความคุกรุ่นเช่นเคยก็ปะทุขึ้น เมื่อสองหนุ่มผู้ไม่ลงรอยเริ่มออกแรงผลักและสาวหมัดใส่กันจนกองเหรียญเงินบนโต๊ะร่วงกระจายลงมา
สาวน้อยผมม้าที่ไม่เคยเห็นภาพการปะทะแบบนี้ของคนในหน่วยถึงกับร้องเสียงหลงรีบวิ่งเข้าไปห้ามทัพ
ก่อนหน้านี้หัวหน้าหน่วยมักจะแยกเอาแชนไปทำงานด้วยเพื่ออยู่ให้ห่างจากเลโอ แต่เมื่อทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ๆ กันอีกครั้งเหตุการณ์ความบันเทิงเมื่อครั้งเป็นเด็กฝึกก็ย้อนกลับมาอีก
พลั่ก! ผลัวะ!
ตุบ! ตับ!
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุทั้งคู่ยิ่งเดือดใส่กันไม่หยุด เลโอที่ตาเขียวช้ำยังไม่ยอมละมือจากคอเสื้อของอีกฝ่าย แชนที่ปากแตกก็ยังพยายามจะเหวี่ยงอีกฝ่ายให้ลงไปนอนกองกับพื้นให้ได้ มายาที่มาทันเห็นเหตุการณ์พอดียืนกอดอกมองพร้อมกับส่ายหน้า
“มีนา ออกมาเถอะ” หัวหน้าหน่วยที่เพิ่งมาถึงเรียกสาวน้อยให้ถอยห่าง ด้วยเกรงว่าเธอจะโดนลูกหลง
“ตะ...แต่ว่าพวกเขา”
“เจ้าไม่เห็นเหรอว่าไม่มีใครเขาสนใจ”
เมื่อมายาพูดเช่นนั้นมีนาก็หันมองไปรอบๆ เป็นจริงดังว่าไม่มีใครในหน่วยสนใจที่จะแยกทั้งคู่เลยสักนิด ปราณยืนมองอยู่เฉยๆ ในขณะที่มิกกี้ยืนกัดหมอนและแอบส่งเสียงเชียร์อยู่ในใจ ส่วนลุคเดินไปหาหนังสือมาอ่านแก้เซ็ง
“ผู้อาวุโสทั้งสองกับอลินไปไหน” มายาหันไปถามปราณที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“เห็นว่าจะไปยืมหนังสือที่หอสมุดหลวงค่ะ”
“อืม ช่วงนี้ว่างงานกันมากสินะ” สาวมาดเข้มผู้เป็นหัวหน้าหันไปมองลูกน้องทั้งสองที่ยังไม่ยอมแยกจากกันสักที “แชน!” เสียงเรียกที่แฝงไปด้วยอำนาจทำให้เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเฮือก
“ครับหัวหน้า!” เขาดันตัวเองขึ้นมาจากพื้น
“แพ้แล้วไม่รู้จักยอมรับงั้นเหรอ น้ำใจนักกีฬาของเจ้ามันไปอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงเย็นเยียบทำให้คนฟังถึงกับหน้าซีดก้มต่ำสำนึกผิด
“ฮิฮิ” เลโอกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ จนไหล่สั่น
“เจ้าก็เหมือนกันเลโอ ถ้าชอบเล่นมากนักคราวหลังมาลองเล่นกันข้าดูสักตาดีไหม ข้าพร้อมรับเดิมพันไม่อั้น” แม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบไม่อวดเบ่งใดๆ แต่ชายหนุ่มเซียนไพ่รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“เล่นกับท่านมีบ้านขายบ้าน มีที่ดินเท่าไหร่ก็ไม่เหลือ” เขารีบปฏิเสธด้วยไม่อยากกลายเป็นยาจก
“แฮก! แฮก! หัวหน้าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
เสียงกระหืดกระหอบดังมาจากประตูทางเข้าตึกจนทุกคนต้องหันไปมองผู้ที่เพิ่งวิ่งมาถึง
“มีอะไรเหรออลิน” มายาหันไปถามลูกน้องที่มีสีหน้าตื่นตกใจ
“มีเรื่องด่วนเกิดขึ้นที่หอสมุดหลวง ลุงศิลาให้ข้ารีบมาตามท่าน แฮก!”
“เกิดอะไรขึ้น” ปราณถามอย่างนึกตระหนกตามไปด้วย
“แฮก! มีคนกล้าบุกหอสมุดหลวงแล้วขโมยของสำคัญบางอย่างไป” ชายหนุ่มร่างเล็กพยายามตอบทั้งที่ยังหอบไม่หยุด
“คนบ้าประเภทไหนนะที่อยากปล้นหนังสือ” แชนเกาศีรษะเมื่อถึงหนังสือหนาๆ ที่ไม่น่าพิศมัย
“ไม่ใช่หนังสือที่หาย!”
“แล้วอะไรที่หาย” มายาสงสัย
“เห็นว่าเป็นแผนที่ที่สำคัญมาก ถึงขั้นที่ว่าเป็นอันตรายต่อราชวงศ์ได้เลย!”
คำตอบของอลินทำให้ทุกคนนึกสงสัยอยู่ในใจ แผนที่แบบไหนกันที่สำคัญพอจะทำอันตรายต่อคนในราชวงศ์ได้และคนกลุ่มไหนที่ต้องการจะทำแบบนั้น
“พวกกบฏ!!!” ทุกคนในหน่วยเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
หมายเหตุ เกมโป๊กเกอร์จะแจกไพ่เริ่มต้นให้กับผู้เล่นคนละสองใบ (บางชนิดก็แจกสี่ขึ้นอยู่กับกติกา แต่ในเนื้อเรื่องจะใช้การเริ่มต้นที่สองใบตามแบบของTexas Hold'em) หากรู้สึกว่าไพ่ไม่ดีพอก็สามารถทำการหมอบได้
โดยจะแจกไพ่ตรงกลางห้าใบ (community cards) ครั้งแรกจะแจกสามใบก่อนแล้วเริ่มวางเดิมพัน จากนั้นเปิดใบที่สี่และห้าตามลำดับ ระหว่างนี้สามารถวางเดิมพันเพิ่มหรือเกทับกันได้
ผู้เล่นต้องเลือกไพ่สองใบในมือ ไปรวมกับสามใบของไพ่กองกลางเพื่อให้ได้ไพ่ที่ดีที่สุด
การเรียงลำดับไพ่จากต่ำสุดไปสูงสุด ได้แก่ ไพ่สูง หนึ่งคู่ สองคู่ ตอง สเตรช ฟลัช ฟลูเฮาส์ (เห่า) โฟร์การ์ด (หอน) สเตรชฟลัชและรอยัลสเตรชฟลัช
หอพักลาดอนเป็นหอพักประจำของหน่วยมังกรทมิฬอยู่ห่างจากตึกดราโกไนต์เพียงสองร้อยเมตร มีความสูงสามชั้น ชั้นแรกเป็นห้องนั่งเล่นรวม ห้องทานอาหาร ห้องครัวและห้องพยาบาล ชั้นสองและชั้นสามเป็นห้องพักชั้นละสิบห้อง โดยชั้นสองเป็นของฝ่ายชายและชั้นสามเป็นของฝ่ายหญิง
มายาทิ้งตัวลงบนที่นอนเหม่อมองเพดานห้องที่ว่างเปล่า หญิงสาวหันไปมองขวดโหลแก้วที่วางไว้บนชั้นข้างเตียง ในนั้นมีเหรียญทองแดงสิบดีมันสะสมอยู่จำนวนมาก ประมาณจากสายตาคร่าวๆ คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเหรียญ
ทุกครั้งที่มายาสังหารคนหนึ่งคน เธอจะเอาเหรียญทองแดงมาหยอดเก็บไว้ในขวดโหลหนึ่งเหรียญสะสมไปเรื่อยๆ ตามจำนวนคนที่เธอฆ่า เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนใจเสมอว่าเธอนั้นเป็นใคร มีหน้าที่อะไรและมีกี่คนแล้วที่ต้องตายภายใต้น้ำมือของเธอ
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่มายาเดินทางไปทำภารกิจสังหารคนตามที่ได้รับมอบหมาย หญิงสาวล้วงเอาเหรียญทองแดงจากในกระเป๋าออกมาสองเหรียญ แล้วเดินไปเปิดขวดโหลหยอดเพิ่มลงไป
กริ๊ก! กริ๊ก!
“กบฏคือเนื้อร้าย กบฏคือเนื้อร้าย” เธอท่องประโยคเดิมซ้ำๆ แล้วหลับตาลงนึกถึงบทเรียนในอดีต
‘กบฏคือเนื้อร้าย ถ้าไม่รีบตัดทิ้งมันจะลุกลาม กัดกินอาณาจักรของเรา บ้านของเรา ครอบครัวของเราและทุกคนที่เรารัก’
‘พวกมันหมายจะทำลายราชวงศ์อนันตราที่รวบรวมแผ่นดินของเราให้ร่มเย็นเป็นสุข พวกมันอยากเห็นเราพินาศ อยากเห็นพวกเราแตกแยก แต่เราจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นใช่ไหม!’
‘ใช่!!!’
‘ดี! งั้นจงทำหน้าที่ของพวกเจ้าให้ดี กำจัดเนื้อร้ายให้หมดสิ้นไปจากดินแดนแห่งนี้ซะ!’
‘กำจัดเนื้อร้าย! กำจัดเนื้อร้าย!’
ประโยคที่เป็นดั่งเพลงกล่อมเด็กที่เธอถูกสั่งให้จำและท่องทุกวันทั้งเช้าทั้งเย็นสมัยวัยเยาว์ ไม่มีวันไหนที่จะลืม แม้ทุกวันนี้จะไม่ใช่เด็กฝึกแล้ว แต่เธอก็ยังคงท่องมันทุกวันด้วยความเคยชิน
“ถ้าบ้านเมืองแตกแยกกบฏจะได้ประโยชน์อะไร” มายาพึมพำสิ่งที่ตนสงสัย “ล้มล้างราชวงศ์จะทำให้กบฏได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อก็ผ่านมานานถึงขนาดนี้แล้วยังจะกอบกู้อะไรได้อีก หรือแท้จริงแล้วยังมีเหตุผลอื่นอยู่”
หญิงสาวที่ได้รับหน้าที่กวาดล้างกบฏมานานนับสิบปี ขบคิดถึงปัญหาบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจได้และฝั่งมันเก็บเอาไว้ลึกภายใจมาตลอด มีหลายครั้งที่ลองถกปัญหานี้กับอาจารย์ของเธอสมัยยังเป็นเด็กฝึก แต่คำตอบที่ได้รับก็ยังคงไม่ต่างจากเดิม จนเธอเลิกถามไปในที่สุด
ส่วนคนอื่นที่ถูกนำตัวมาฝึกในศูนย์ ต่างก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นเดียวกับมายา เด็กที่จะเข้ามาฝึกได้ต้องมีอายุไม่เกินสิบปี นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะไม่มีใครสงสัยในภารกิจของตนทั้งนั้น เมื่อได้รับคำสั่งก็พร้อมจะทำตาม เมื่อบรรลุเป้าหมายก็จะได้รับคะแนน เมื่อคะแนนสูงก็จะได้รับโอกาสคัดเลือกเข้าหน่วย การจะถกปัญหาเกี่ยวกับภารกิจที่ได้รับจึงแทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้มายาไม่เคยเปิดปากคุยเรื่องที่ต้นสงสัยกับใครอีกเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศที่ตึกดราโกไนต์ก็ยังคงครึกครื้นเช่นเคย แชนกับเลโอปกติแล้วเป็นคู่ที่ทำงานเข้าขากันได้แย่ที่สุด และถึงแม้จะไม่ใช่เวลางานก็มักจะเห็นทั้งคู่ฟาดฟันใส่กันไม่ยั้งแทบตลอดเวลา
“ข้าเพิ่มยี่สิบเงิน” แชนเอ่ยขณะหยิบเหรียญจำนวนยี่สิบเงินของตนเองออกมาว่างตั้งด้านหน้า
“จุ๊จุ๊จุ๊ ข้าเกเพิ่มเป็นสี่สิบ” ลุคอมยิ้มเมื่อเหลือบมองไพ่ใบที่สี่ที่เพิ่งถูกเปิดออกมาวางกลางโต๊ะ
“อืม ข้าหมอบดีกว่า” มิกกี้เลือกที่จะคว่ำไพ่ในมือลงเมื่อประเมินแล้วว่าตนเองคงไม่ชนะตานี้
“ตาม” เลโอหยิบเงินสี่สิบออกมาตั้งแล้วจั่วไพ่กองกลางใบที่ห้าเปิดต่อหน้าทุกคน
“โอ๊ย! ไม่นะ ไม่นะ” มิกกี้โวยวายพลางหยิบหมอนมากัด เมื่อรู้ว่าไพ่ดีๆ ที่เขารอคอยดันออกมาเป็นใบสุดท้ายหลังจากที่เขาหมอบไปแล้ว
“อาฮ่า” แชนส่งเสียงอย่างมั่นใจ “ข้าลงเพิ่มอีกร้อยเงินเลยก็แล้วกัน”
“ฮ่าฮ่า ระวังเจ็บตัวนะแชน ข้าตาม!” ลุคเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าไพ่ในมือของตนดีพอจะชนะได้
ในขณะที่เลโอนั่งหน้าดำคร่ำเครียด แววตาสื่อให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจไพ่ในมือ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง
“ขอดู” พูดจบก็ดันเงินกองโตอีกมูลค่าร้อยเงินมาด้านหน้า
มิกกี้ที่ยอมแพ้ไปแล้วทำหน้าที่โกยเหรียญของทุกคนมากองรวมกันที่กลางโต๊ะเพื่อรอเปิดไพ่หาผู้ชนะ
“ฟลัชโพแดง!” แชนยิ้มหน้าระรื่นยักคิ้วให้ทุกคนรอบวงพลางตีไพ่สองใบในมือลงมาอวดสายตา
“บ้าจริง! ขนาดนี้แล้วก็ยังสู้ไม่ได้” ลุคสบถพร้อมกับตีไพ่ตองแจ็คลงมาบ้าง
“ของข้าคู่เดียว” เลโอเปิดไพ่ให้ดู สีหน้าของชายหนุ่มผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“หา!! ถือแค่คู่เดียวแต่ยอมตามเป็นร้อยเงินเนี่ยนะ” มิกกี้ตาโตเมื่อรู้ว่าเลโอต้องเสียเงินไปจนเกือบหมดกองทั้งที่มีโอกาสชนะแค่น้อยนิด
“ก็ข้านึกว่าไอ้บ้านี่มันจะลักไก่เหมือนตาที่แล้วนี่หว่า! ถือแค่ไพ่สูงแต่ก็กินรอบวง” เลโอบ่นที่ตนเองเสียรู้อีกรอบ
“เอาน่า เอาน่า แพ้ก็คือแพ้ เจ้าก็ตั้งใจเล่นให้มันดีกว่านี้อีกสิ” แชนพูดปลอบใจ พร้อมกับโกยเงินกองกลางสำหรับผู้ชนะมาไว้ข้างหน้าตนเองอย่างแช่มชื่น
“ไม่อยากเล่นแล้ว เงินข้าจะหมด” ลุคบ่นบ้างหลังจากที่ชนะไปแค่ตาเดียว ที่เหลือก็เสร็จเจ้าคนพูดมากกินไปจนหมด
“หมดอะไร เห็นยังกองเยอะอยู่เลย” แชนชี้ไปที่กองเงินของหนุ่มน้อยพยายามหว่านล้อมให้เขาเล่นต่อ “อีกตานะ ตาสุดท้าย” พูดพร้อมทำตาปริบๆ อ้อนอีกฝ่ายสุดฤทธิ์
“เลโอเล่นไหม” ลุคหันไปหาพวก
“อืม อีกตาก็แล้วกัน”
“ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนอีกตานะ” มิกกี้นั่งลงแล้ววางเงินเดิมพันขั้นต่ำห้าเงินไว้ข้างหน้า
รูปแบบเกมและโชคชะตาก็ยังคงวนกลับมาเข้าข้างพ่อหนุ่มผมหยักศกอีกเช่นเดิม แชนที่มือขึ้นอีกตาได้แต่นั่งกระดิกขารอเหยื่อเดินมาตกหลุม
“ไหนๆ ก็ตาสุดท้ายแล้ว จัดหนักกันสักหน่อยดีไหม” คนที่ถือไพ่ดีมาตลอดเริ่มท้าทายอีกครั้ง “เพิ่มอีกสามร้อยเงิน!” ด้วยจำนวนเงินเดิมพันที่สูงขนาดนี้ แชนค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าตามและเขาจะเก็บกินได้อีกตา
“ตาม!!!” แต่ผิดคาดเพราะหนุ่มน้อยพยายามจับไต๋อีกฝ่าย เห็นว่าคนตรงหน้ามั่นใจเกินกว่าปกติจึงน่าจะไม่มีไพ่ดี แต่ทำเพื่อหลอกให้ทุกคนตายใจ
“เออ…” มิกกี้อึกอัก “แบบนี้เล่นหนักเกินไปไหมข้าคงสู้ไม่ไหว ขอยอมแพ้” ชายร่างยักษ์เลือกจะหมอบดีกว่าเสี่ยง เขาไม่ใช่คนประเภทใจถึงกับเรื่องเงินทอง
คนที่ดูน่าสงสัยที่สุดเห็นจะเป็นเลโอ ที่ยอมเสียเงินทุกรอบแม้จะไม่เคยชนะเลย แต่ก็ยอมจ่ายตามเพื่อขอดูไพ่ทุกครั้ง
“อย่าตัดสินใจนานสิ” แชนกระตุ้น รอยยิ้มของชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ชัดเจน “ไม่สู้ก็ยอมแพ้ไปนะ ฮิฮิ”
“ใครว่าไม่สู้” เลโอส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับ “เจ้ามีเท่าไหร่ก็ใส่มาเลยดีกว่า ข้าพร้อมจะเทหมดหน้าตักเหมือนกัน” พูดจบก็หยิบถุงใส่เงินใบสุดท้ายออกมาวาง “ในนี้มีห้าร้อยเงิน รวมกับบนโต๊ะที่เหลือของข้าอีกสามร้อยเป็นแปดร้อย”
“ได้!!!” เมื่อถูกท้าทายมีหรือคนอย่างแชนจะยอม เขากวาดทุกเหรียญที่มีออกมากองข้างหน้า “ข้าเพิ่มอีกสี่ร้อยหกสิบ เป็นเจ็ดร้อยหกสิบเงิน”
ลุคถึงกับหน้าซีดเผือดคิดหนัก เขาต้องทำงานอีกกี่เดือนกันนะถึงจะมีเงินเก็บมากขนาดนี้ ลำพังรายได้เดือนละร้อยห้าสิบเงินก็ไม่ถือว่ามากเลยสำหรับค่าครองชีพที่สูงในเมืองหลวง
“เอาไงดีนะ ถ้าหมอบตอนนี้ก็น่าเสียดาย” หนุ่มน้อยยังมีความหวังว่าตนเองจะสามารถชนะและนำเงินทั้งหมดกลับคืนมาได้ “เอ้า! เป็นไงเป็นกัน ข้าเหลือแค่สองร้อยสิบเงิน ขอสู้เท่าที่มีนี่แหละ”
“ดีมาก! มันต้องอย่างนี่สิลุค ดูรุ่นใหญ่เล่นเป็นตัวอย่างใครเขากลัวกันเล่า” แชนตบบ่าหนุ่มน้อยผู้มีแผลเป็นที่ตาซ้ายอย่างถูกใจ
มิกกี้ที่เห็นการเดิมพันสุดบ้าคลั่งของเพื่อนร่วมหน่วยแต่ละคน ก็โล่งอกที่ถอนตัวออกมาทัน
ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดไพ่ให้ปรากฏแก่สายตา ทั้งสามคนใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมา แม้แต่มิกกี้ที่ไม่ได้เดิมพันยังอดลุ้นไปด้วยไม่ได้
“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ไงล่ะ ไงล่ะ” แชนยักคิ้วหลิ่วตาด้วยท่าทียียวนพร้อมตีไพ่เห่าในมือลงบนโต๊ะ “ตองคิงคู่แหม่ม หวานอีกแล้วจ้า” ชายหนุ่มส่ายหน้าอกไปมาคล้ายกำลังเต้นด้วยความสะใจ
ลุคมองดูไพ่ตองเก้าในมือของตนเองก็แทบทรุด “ฮือ! ไม่น่าสู้เลย” ว่าจบก็ตีไพ่ตามแล้วเอาศีรษะโขกโต๊ะ
“โชคดีจังที่หมอบไปก่อน” มิกกี้ในชุดหมีสีชมพูนั่งกอดหมอนพลางถอนหายใจ
“นายเทหมดหน้าตักแล้วสินะ” เลโอทำหน้าเศร้าแล้วมองไพ่ในมือตนเอง
“เสียใจด้วยนะเพื่อนยาก เจ้าก็รู้ว่าข้าน่ะมันเซียนของแท้” แชนยิ้มร่าเตรียมโกยกองเหรียญนับพันเงินบนโต๊ะมาเป็นของตนเอง แต่ก็ถูกเลโอขวางเอาไว้
“ใจเย็นสหายรัก” เลโอเอื้อมไปจับมือคนที่เพิ่งได้ไพ่ฟูลเฮาส์แล้วส่งเสียงร้องบ้าง “บรู้ว!!!!” เขาหอนเสียงดังพร้อมตีไพ่โฟร์การ์ดในมือ
“ต้องขอบคุณแม่นางทั้งสี่ ควีนผู้นำโชคของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า!!!!” คนที่ได้ไพ่หอนและกินรอบวงถึงกับหัวเราะลั่น จนสองสาวปราณและมีนาที่นั่งจับเข่าคุยกันอยู่หันมามอง
“เห้ย!!! นี่แกโกงใช่ไหมเลโอ” แชนหันไปบีบคอคนที่บังอาจทำให้เขาหมดตัวด้วยท่าทีโมโหจัด “แล้วเดือนนี้ข้าจะกินอะไร!”
“แก! ไอ้บ้าแชน หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย!” คนที่โดนบีบคอโวยวายพยายามแงะมืออีกฝ่ายออก
“แกมันขี้โกง!!!”
“โกงอะไรกันเล่า! ใครใช้ให้แกทุ่มหมดล่ะ ข้าชนะใสๆ ใช่ไหม” เลโอหันไปหามิกกี้กับลุคให้ช่วยกันเป็นพยาน แต่อีกสองหนุ่มก็โดนไปหนักเหมือนกันจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา
สี่ถึงห้าตาแรกเป็นแชนที่ชนะเกือบตลอดและเลโอก็ยอมใส่ตามแทบทุกครั้งแม้ไพ่ในมือจะไม่ค่อยดีนัก แต่ตาสุดท้ายที่แชนมั่นใจสุดและวางเดิมพันเพิ่มเรื่อยๆ กลับเป็นเลโอที่ยอมควักทั้งกระเป๋าออกมาสู้จนแชนทำได้แค่เทหมดหน้าตัก เพื่อจะขอดูไพ่และเขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะชนะ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเสียรู้พ่อหนุ่มหน้าตากร้านโลกคนนี้เสียแล้ว
“เป็นยังไงล่ะรุ่นใหญ่” ปราณเดินมาแซวถึงที่ “แล้วอย่ามาขอยืมเงินข้าอีกนะ” หญิงสาวมองดูโต๊ะเล่นโป๊กเกอร์ของทั้งสี่คนแล้วส่ายหัว
“ไอ้ตาชี้มันขี้โกงอะ! เล่นกับมันทีไรเป็นงี้ทุกที ชนะอยู่ดีๆ ไหงมาแพ้ซะได้” เมื่อทำอะไรไม่ได้ เจ้าตัวก็ทำได้แค่บ่นกระปอดกระแปดแทน
“แกว่าใครตาชี้! ไอ้หัวฝอยทอง!!!”
“ว่าแกนั่นแหละ!!!”
และแล้วช่วงเวลาแห่งความคุกรุ่นเช่นเคยก็ปะทุขึ้น เมื่อสองหนุ่มผู้ไม่ลงรอยเริ่มออกแรงผลักและสาวหมัดใส่กันจนกองเหรียญเงินบนโต๊ะร่วงกระจายลงมา
สาวน้อยผมม้าที่ไม่เคยเห็นภาพการปะทะแบบนี้ของคนในหน่วยถึงกับร้องเสียงหลงรีบวิ่งเข้าไปห้ามทัพ
ก่อนหน้านี้หัวหน้าหน่วยมักจะแยกเอาแชนไปทำงานด้วยเพื่ออยู่ให้ห่างจากเลโอ แต่เมื่อทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ๆ กันอีกครั้งเหตุการณ์ความบันเทิงเมื่อครั้งเป็นเด็กฝึกก็ย้อนกลับมาอีก
พลั่ก! ผลัวะ!
ตุบ! ตับ!
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุทั้งคู่ยิ่งเดือดใส่กันไม่หยุด เลโอที่ตาเขียวช้ำยังไม่ยอมละมือจากคอเสื้อของอีกฝ่าย แชนที่ปากแตกก็ยังพยายามจะเหวี่ยงอีกฝ่ายให้ลงไปนอนกองกับพื้นให้ได้ มายาที่มาทันเห็นเหตุการณ์พอดียืนกอดอกมองพร้อมกับส่ายหน้า
“มีนา ออกมาเถอะ” หัวหน้าหน่วยที่เพิ่งมาถึงเรียกสาวน้อยให้ถอยห่าง ด้วยเกรงว่าเธอจะโดนลูกหลง
“ตะ...แต่ว่าพวกเขา”
“เจ้าไม่เห็นเหรอว่าไม่มีใครเขาสนใจ”
เมื่อมายาพูดเช่นนั้นมีนาก็หันมองไปรอบๆ เป็นจริงดังว่าไม่มีใครในหน่วยสนใจที่จะแยกทั้งคู่เลยสักนิด ปราณยืนมองอยู่เฉยๆ ในขณะที่มิกกี้ยืนกัดหมอนและแอบส่งเสียงเชียร์อยู่ในใจ ส่วนลุคเดินไปหาหนังสือมาอ่านแก้เซ็ง
“ผู้อาวุโสทั้งสองกับอลินไปไหน” มายาหันไปถามปราณที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“เห็นว่าจะไปยืมหนังสือที่หอสมุดหลวงค่ะ”
“อืม ช่วงนี้ว่างงานกันมากสินะ” สาวมาดเข้มผู้เป็นหัวหน้าหันไปมองลูกน้องทั้งสองที่ยังไม่ยอมแยกจากกันสักที “แชน!” เสียงเรียกที่แฝงไปด้วยอำนาจทำให้เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเฮือก
“ครับหัวหน้า!” เขาดันตัวเองขึ้นมาจากพื้น
“แพ้แล้วไม่รู้จักยอมรับงั้นเหรอ น้ำใจนักกีฬาของเจ้ามันไปอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงเย็นเยียบทำให้คนฟังถึงกับหน้าซีดก้มต่ำสำนึกผิด
“ฮิฮิ” เลโอกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ จนไหล่สั่น
“เจ้าก็เหมือนกันเลโอ ถ้าชอบเล่นมากนักคราวหลังมาลองเล่นกันข้าดูสักตาดีไหม ข้าพร้อมรับเดิมพันไม่อั้น” แม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบไม่อวดเบ่งใดๆ แต่ชายหนุ่มเซียนไพ่รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“เล่นกับท่านมีบ้านขายบ้าน มีที่ดินเท่าไหร่ก็ไม่เหลือ” เขารีบปฏิเสธด้วยไม่อยากกลายเป็นยาจก
“แฮก! แฮก! หัวหน้าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
เสียงกระหืดกระหอบดังมาจากประตูทางเข้าตึกจนทุกคนต้องหันไปมองผู้ที่เพิ่งวิ่งมาถึง
“มีอะไรเหรออลิน” มายาหันไปถามลูกน้องที่มีสีหน้าตื่นตกใจ
“มีเรื่องด่วนเกิดขึ้นที่หอสมุดหลวง ลุงศิลาให้ข้ารีบมาตามท่าน แฮก!”
“เกิดอะไรขึ้น” ปราณถามอย่างนึกตระหนกตามไปด้วย
“แฮก! มีคนกล้าบุกหอสมุดหลวงแล้วขโมยของสำคัญบางอย่างไป” ชายหนุ่มร่างเล็กพยายามตอบทั้งที่ยังหอบไม่หยุด
“คนบ้าประเภทไหนนะที่อยากปล้นหนังสือ” แชนเกาศีรษะเมื่อถึงหนังสือหนาๆ ที่ไม่น่าพิศมัย
“ไม่ใช่หนังสือที่หาย!”
“แล้วอะไรที่หาย” มายาสงสัย
“เห็นว่าเป็นแผนที่ที่สำคัญมาก ถึงขั้นที่ว่าเป็นอันตรายต่อราชวงศ์ได้เลย!”
คำตอบของอลินทำให้ทุกคนนึกสงสัยอยู่ในใจ แผนที่แบบไหนกันที่สำคัญพอจะทำอันตรายต่อคนในราชวงศ์ได้และคนกลุ่มไหนที่ต้องการจะทำแบบนั้น
“พวกกบฏ!!!” ทุกคนในหน่วยเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
หมายเหตุ เกมโป๊กเกอร์จะแจกไพ่เริ่มต้นให้กับผู้เล่นคนละสองใบ (บางชนิดก็แจกสี่ขึ้นอยู่กับกติกา แต่ในเนื้อเรื่องจะใช้การเริ่มต้นที่สองใบตามแบบของTexas Hold'em) หากรู้สึกว่าไพ่ไม่ดีพอก็สามารถทำการหมอบได้
โดยจะแจกไพ่ตรงกลางห้าใบ (community cards) ครั้งแรกจะแจกสามใบก่อนแล้วเริ่มวางเดิมพัน จากนั้นเปิดใบที่สี่และห้าตามลำดับ ระหว่างนี้สามารถวางเดิมพันเพิ่มหรือเกทับกันได้
ผู้เล่นต้องเลือกไพ่สองใบในมือ ไปรวมกับสามใบของไพ่กองกลางเพื่อให้ได้ไพ่ที่ดีที่สุด
การเรียงลำดับไพ่จากต่ำสุดไปสูงสุด ได้แก่ ไพ่สูง หนึ่งคู่ สองคู่ ตอง สเตรช ฟลัช ฟลูเฮาส์ (เห่า) โฟร์การ์ด (หอน) สเตรชฟลัชและรอยัลสเตรชฟลัช
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ