หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)
เขียนโดย Yuanjinxia
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.
แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) การแย่งชิงอันดุเดือดของสองหน่วย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผู้เป็นหัวหน้าหน่วยวิ่งนำไปที่ประตูทางออกใหญ่ของคุกหลวงอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะมียามรักษาการณ์คนใดพบเห็น ลูกน้องที่วิ่งตามออกมาต่างก็ตกตะลึงกับการกระทำของหญิงสาว แต่แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงหนักยิ่งกว่า เมื่อตลอดทางไปจนถึงรั้วของคุกหลวง มีผู้คนนอนล้มฟุบอยู่มากมายคล้ายกับถูกใครเล่นงานไปก่อนหน้า
มายามุ่งหน้าไปยัง ‘ทิศเหนือ’ ด้วยความมั่นใจประหนึ่งรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของกลุ่มไหนและคนกลุ่มนั้นกำลังจะไปยังทิศทางใด หญิงสาวสับฝีเท้าอย่างไม่ลดละหวังจะตามเป้าหมายให้ทันท่วงที
ฟ้าว!
ฉึก!
ดาบสีเงินเล่มสวยนามว่า ‘เงาปีศาจ’ พุ่งแหวกอากาศผ่านหน้าชายร่างยักษ์ทั้งสี่และชายร่างเล็กอีกคนที่ดูไร้เรี่ยวแรง ไปปักคาอยู่กลางต้นไม้ต้นใหญ่ เป็นการขวางไม่ให้อีกฝ่ายไปไกลเกินกว่านี้
พื้นที่โดยรอบบริเวณนี้เป็นป่าขนาดย่อมที่แบ่งเขตระหว่างหมู่บ้านฝั่งตะวันออกและหมู่บ้านฝั่งเหนือ อันเป็นพื้นที่ตั้งของหน่วยพยัคฆ์กร้าว
“นังเด็กจองหอง!!” อาเธอร์สบประมาทเจ้าของดาบในทันที เมื่อหันมาเห็นใบหน้างดงามแต่แข็งกระด้างของหญิงสาว
มายาเดินไปประจันหน้ากับชายหนุ่มตัวโตแล้วดึงดาบออกจากต้นไม้ พอดีกับที่ลูกน้องอีกสามคนที่เหลือของเธอวิ่งตามมาสมทบ
“ส่งชายคนที่อยู่ด้านหลังพวกเจ้ามาให้ข้า” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็ง พลางปรายตาไปยังชายวัยกลางคนหนวดเคราเฟิ้มที่ถูกมัดมือไพล่หลังอยู่
“อวดดีถึงขั้นมาแย่งเป้าหมายกับข้าแล้วเหรอนังหนู!” อาเธอร์พูดพลางยิ้มเยาะ สายตาของเขาบ่งบอกว่าพร้อมจะมีเรื่องหากอีกฝ่ายคิดจะทำลายภารกิจของเขา
“ข้าได้รับคำสั่งจากท่านผู้บัญชาการให้นำตัวชายคนนี้ไปให้ที่...” มายาหยุดคำพูดไว้กะทันหัน
“ที่ไหนเหรอ?” หัวหน้าหน่วยพยัคฆ์พูดยั่วอีกฝ่าย ในใจของชายหนุ่มมั่นใจว่าคนตรงหน้ากำลังโกหกอย่างแน่นอน
“ข้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเจ้า” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“คนที่อ้างคำสั่งท่านผู้บัญชาการมีโทษสถานใดเจ้ารู้ไหม” เขายังคงยิ้มยียวน หวังต้อนหญิงสาวตรงหน้าให้จนมุม
“เจ้ากลับมาเพื่อทำหน้าที่จัดการกับพวกกบฏแทนหน่วยข้า ชายคนนี้ติดคุกหลวงธรรมดา ไม่ใช่ติด 'คุกเหมือง' จึงต้องเป็นแค่คดีเล็กน้อยแน่นอน ไม่ใช่หน้าที่เจ้า ดังนั้นใครกันแน่ที่อ้างคำสั่ง” มายาตอบกลับอย่างใจเย็น
“คำสั่งของข้าคือเอาตัวเขาไป!!!” อาเธอร์ประกาศกร้าว
“คำสั่งของข้าคือนำตัวเขาไปเช่นกัน!!!”
เมื่อพูดคุยไม่รู้เรื่อง ทั้งสองฝ่ายจึงพุ่งเข้าปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ลูกน้องของทั้งคู่ที่ยืนคุมเชิงกันมาตลอด ก็ถือโอกาสนี้เล่นงานอีกฝ่ายตามผู้เป็นหัวหน้าของตนเอง
เคร็ง! เคร็ง!
ง้าวใหญ่ไล่ฟาดฟันดาบเล่มเล็กของมายา ความหนักหน่วงและพละกำลังของอาเธอร์ ทำให้หญิงสาวต้องพยายามเบี่ยงอาวุธของอีกฝ่ายออกด้านข้างตลอดเวลา เพราะดาบของเธอไม่อาจรับแรงเหวี่ยงของอาวุธใหญ่เช่นนั้นได้โดยตรง
เคร็ง!
ฉับ!
มายาก้มหลบง้าวใหญ่ที่ฟันลงมาหมายเอาชีวิตได้อย่างทันท่วงที ทำให้อาวุธนั่นไปฟันเข้าที่กลางลำของต้นไม้ใหญ่แทน
ฉึก!
“รู้อะไรไหม ระหว่างข้ากับเจ้าคงไม่กลายเป็นเช่นนี้หากไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้น” อาเธอร์เดินอาดๆ เข้าใส่หญิงสาวอย่างไม่คิดปรานี คล้ายกับโกรธแค้นมาเนิ่นนาน
“ระหว่างข้ากับเจ้า!?” มายาเลิกคิ้วสงสัย “เจ้าหมายถึงตอนไหน เพราะเท่าที่ข้าจำได้วีรกรรมของเจ้ามันเยอะเสียเหลือเกิน” หญิงสาวกระตุกยิ้มที่มุมปาก
ใบหน้างดงามแต่แข็งกร้าวนี้ กระตุ้นความเดือดดาลในใจของชายหนุ่มคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี
“เจ้าไม่ควรไปจากหน่วยข้าแต่แรก คนที่เจ้าคู่ควรจะเชื่อฟังมีเพียงข้าเท่านั้น ไม่ใช่โลกิ ไม่ใช่แอนดีส หรือใครอื่น แต่ควรเป็นข้า!”
“เจ้ามันคนน่ารังเกียจ อาเธอร์ เจ้าไม่มีทางเทียบโลกิ หรือแม้แต่แอนดีสได้”
คำพูดเสียดแทงใจของหญิงสาวเบื้องหน้ายิ่งทำให้เพลิงในอกของชายหนุ่มลุกโชนเสียจนไม่อาจดับ วันนี้เขาจะต้องเอาชีวิตแม่สาวปากดีผู้นี้ให้จงได้
“แก!!! นังคนตอแหลตลบตะแลง ย้าก!!!” สิ้นเสียง ชายผู้เต็มไปด้วยแรงแค้นก็ฟาดฟันง้าวใหญ่ของตนใส่สตรีตัวเล็กกว่าด้วยความบ้าคลั่ง
เคร็ง! เคร็ง!
โครม!
ฝ่ายแชนเองก็กำลังเจอกับศึกหนัก เมื่อคู่ต่อสู้ของเขาตัวใหญ่ไม่แพ้อาเธอร์ แถมยังสู้ได้เรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“ให้ตายสิ! นี่หน่วยพวกเจ้ากินข้าวหรือกินม้าเป็นอาหารกันเนี่ย!!!” แชนตะโกนบ่นไปตลอดทาง เมื่อเจอกระบองเหล็กของอีกฝ่ายไล่ทุบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าพวกกุ้งแห้งเอ๊ย!” เสียงทุ้มใหญ่เหมือนเสียงยักษ์ดังไล่ต้อนชายหนุ่มเป็นระยะ ตามด้วยกระบองที่ไล่หวดมาติดๆ
ตู้ม! ตู้ม!
ตึ้ง!!!
“โอ๊ย! บ้าเอ๊ย เห็นตัวใหญ่ๆ แบบนี้นึกว่าจะวิ่งช้าซะอีก” เขายังบ่นต่อไม่หยุดก่อนจะพาชายร่างยักษ์วิ่งวนไปทั่วป่า
ปราณเจอกับคนที่มายาเคยพบไปก่อนหน้านี้ที่เมืองดาเลีย นามของชายผู้นี้คือมอร์แกน ฉายากำปั้นเหล็ก โดยอาวุธของเขามีลักษณะคล้ายกับค้อนขนาดใหญ่
“ถ้าข้าทุบโดนหัวเจ้า มันจะเป็นยังไงนะ” มอร์แกนเลียปากแผล็บๆ สายตาของชายผู้นี้เต็มไปด้วยความหื่นกระหาย
“น่าขยะแขยง!” หญิงสาวขนหัวลุกทันทีที่เห็นรอยยิ้มและสายตาที่มองเธอเหมือนจะกลืนกิน
“มันต้องน่ากินเหมือนแตงโมสุกแน่ๆ ซี้ด!” เขาซูดปากเสียงดัง
ดูเหมือนปราณจะเลือกคู่ต่อสู้ผิดเสียแล้ว เพราะใบหน้าที่งดงามกับสัดส่วนที่ดึงดูดของหญิงสาว ไม่อาจยั่วยวนอีกฝ่ายให้คล้อยตามได้เลย กลับกันดูเหมือนมอร์แกนจะยิ่งชอบที่ได้จินตนาการเรือนร่างของเธอชโลมไปด้วยของเหลวสีแดง
ปราณไม่ถนัดการใช้อาวุธรูปแบบใดเป็นพิเศษ มีเพียงมีดสั้นที่หญิงสาวใช้บ่อยที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้แม้เพียงปลายเล็บ
ฉึก!
ฉึก!
มีดสั้นเล่มสุดท้ายของหญิงสาวถูกส่งออกไปแล้ว แต่มอร์แกนก็ยังคงหลบได้อย่างไม่ระคายผิวส่วนใดเช่นเดิม บัดนี้เธอเหลือเพียงดาบยาวคู่กายที่พอจะใช้ได้ แต่ถึงกระนั้นถ้าจะให้รับมือกับค้อนยักษ์โดยตรง เกรงว่าดาบน้อยๆ ของเธอจะหักในชั่วพริบตา เมื่อไม่อาจเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ เธอจึงต้องงัดเอาวิชามารแบบอื่นมาใช้แทน
“นี่! เจ้าหน้าลิง! ไม่คิดบ้างเหรอว่าข้าอาจจะเป็นฝ่ายอัดเจ้าจนเละเป็นโจ๊กแทนก็ได้นะ” ปราณลองพูดยั่วยุเพื่อดูปฏิกิริยาโต้ตอบของชายฉกรรจ์
“อ้า! ที่แท้เจ้าเองก็อยากกินข้าเหมือนกัน อ้า!” มอร์แกนยิ้มเหี้ยมเกรียมแล้วเดินเข้าใส่
หญิงสาวถึงกับสยองหนักกว่าเดิม ไม่รู้ว่าชายหน้าโหดผู้นี้ ตีความคำพูดของเธอไปถึงไหนต่อไหน
ตู้ม!!
มอร์แกนเหวี่ยงค้อนใส่อีกฝ่ายหวังให้มันบดกระแทกร่างหญิงสาวจนแหลกละเอียด แต่เธอกระโดดหลบทัน เมื่อเห็นดังนั้นชายตัวโตหน้าตาไม่เป็นมิตรผู้นี้จึงตัดสินใจเปลี่ยนอาวุธมาใช้สิ่งที่เขาถนัด สนับมือเหล็กถูกนำมาสวมที่มือขวาก่อนจะขยับฝีเท้าวิ่งไล่ต่อหวังขยี้กระดูกของร่างบอบบางให้แหลกคามือ
“เจ้ารู้ไหมว่ารากต้นบริกป่าเอามาทำยาแก้ท้องอืดได้” เลโอถามชายหน้าบากศีรษะล้านที่กำลังยืนประจันหน้ากับเขาอยู่
“เจ้าพูดเรื่องอะไร!?” ชายหน้าบากยืนงงกับคำพูดไร้ปี่ไร้ขลุ่ยของพ่อหนุ่มตาชี้เบื้องหน้า
“รุ้งกินน้ำไม่ได้มีแค่ครึ่งวงกลมนะ” ชายหนุ่มยังไม่หยุดแบ่งปันข้อมูลแสนมีประโยชน์ให้อีกฝ่าย แม้คนฟังจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม
“พล่ามบ้าอะไรของแกหนักหนาห้ะ!!” อีกฝ่ายเริ่มโมโห ที่คนตรงหน้าไม่ยอมสู้ เอาแต่พูดเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ
“ข้าชอบกินปลาที่ว่ายทวนน้ำ เนื้อมันจะแน่นกว่าปกติ อร่อยสุดๆไปเลย” เลโอยังคงส่งยิ้มยียวนกวนโมโหจนอีกฝ่ายทนไม่ไหว
“แก!!! เลิกพูดไร้สาระสักที!!!” ชายหัวล้านกัดฟันกรอดแล้วฟาดดาบรูปทรงประหลาดที่มีลักษณะคล้ายฟันปลาฉนากใส่เขาสุดแรง
ฟ้าว!
ฉับ!
เลโอที่เล็งอยู่แล้วโยกตัวหลบอย่างง่ายดาย พร้อมกับหยิบแส้หนังอาวุธคู่ใจที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาเตรียมพร้อมจัดการกับคู่ต่อสู้
ฟั่บ!
เสียงอากาศลั่น จากการที่ชายหนุ่มตวัดแส้หนังออกไปเบื้องหน้า
ฉัวะ!
“โอ๊ย!”
ชายหัวล้านหน้าบากร้องเสียงหลงทันทีที่แส้สัมผัสกับผิวหนังบริเวณแก้ม ความเจ็บนี้ราวกับถูกมีดกรีดก็ไม่ปาน เรียกเลือดอุ่นๆ ให้ไหลซึมออกมาอาบข้างแก้มสีแทน
“แก!! ไอ้เด็กเวร!!!” ชายร่างยักษ์คำรามลั่นก่อนจะเหวี่ยงดาบใบเลื่อยใส่หวังเฉือนร่างของเจ้าหนุ่มผู้มีใบหน้ากวนอารมณ์ให้ขาดครึ่งท่อน
ฉัวะ!
“ฮิฮิ” แต่นี่กลับเป็นสิ่งที่เลโอรอคอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มที่นับได้ว่ามีวิธีจัดการกับเหยื่อของตนเองได้พิสดารที่สุดในหน่วยมังกรทมิฬประกาศกร้าว “เออ! ก็เข้ามาเลยสิวะ!!”
การต่อสู้ระหว่างผู้เป็นหัวหน้าหน่วยทั้งสองฝ่ายดำเนินไปอย่างดุเดือด แม้จะเคยประมือกันบ่อยๆ แต่ครั้งนี้นับได้ว่ารุนแรงพอสมควร ชนิดที่ว่าหากใครเพลี่ยงพล้ำก่อนก็มีสิทธิ์ถึงตาย
เคร็ง! เคร็ง! เคร็ง!
ครืด!
ฉับ! เคร็ง!
เสียงดาบกระทบกับง้าวดังไม่หยุดหย่อน แม้ดาบของมายาจะทำจากเหล็กชนิดพิเศษหล่อมขึ้นโดยช่างยุคเก่า แต่หากโดนกระแทกบ่อยๆ เข้า ดาบสุดหวงนี้ก็อาจจะมีรอยบิ่นได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวมาดเข้มจึงตัดสินใจยอมเอาจริงเพื่อให้การต่อสู้จบลงโดยเร็วที่สุด
ฟรึ่บ!
มายาใช้ทักษะความเร็ววิ่งไต่ต้นไม้ขึ้นไปให้สูง ก่อนจะใช้เท้าดีดเพื่อสปริงตัวให้ลอยข้ามหัวอีกฝ่ายมายืนอยู่ทางด้านหลัง
ตุบ!
ฉัวะ!!
เสียงดาบเงินเล่มสวยตวัดลงกลางหลังของอาเธอร์ จนเสื้อคลุมขนสัตว์รวมถึงเสื้อตัวในขาดวิ่น เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะของอีกฝ่ายแต้มด้วยโลหิตอย่างชัดเจน
ชายร่างยักษ์เอื้อมมือมาจับหลังของตน ความรู้สึกเจ็บปนแสบวิ่งแปลบขึ้นมาทันที เส้นเลือดที่ขมับของเขาปูดโปนขึ้น บ่งบอกได้ถึงความโกรธจัดชนิดที่ไม่อาจยอมลงได้
เมื่อหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่บังอาจเรียกเลือดให้เขา อาเธอร์ไร้คำพูดใดๆ มีเพียงสายตาอาฆาตที่ส่งมาพร้อมกับด้ามง้าวที่พุ่งเข้ากระแทกท้องน้อยของเธออย่างจัง
ผลั่ก!
“อัก!”
ร่างเล็กกระเด็นไปไกลเกือบสองเมตร ดาบคู่ใจร่วงหลุดออกจากมือ แต่ขาของเธอยังคงยืนหยัดไม่ยอมล้มลงโดยง่าย มือบางกุมไปที่ท้องน้อย คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน
อาเธอร์เดินหน้าต่อ ชายร่างยักษ์ฟาดด้ามง้าวใส่ขาเรียวงามจนมายาถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น แต่หญิงสาวยังคงกัดฟันไม่ยอมเปล่งเสียงร้องถึงความเจ็บปวดใดๆ ออกมา
เมื่อเห็นดังนั้น อาเธอร์จึงทิ้งง้าวลงแล้วสาวเท้าเข้ามายืนประจันหน้า มือหนาของเขาชกไปที่หัวไหล่ของมายาจนเธอหงายท้องลงไปนอน
ปึก!
"อัก!"
ชายร่างใหญ่ถือวิสาสะขึ้นคร่อมทับไปบนร่างบาง ก่อนจะกดข้อมือของหญิงสาวทั้งสองข้างตรึงไว้กับพื้น
“ฮึ!” รอยยิ้มเย้ยหยันเหยียดออกมาจากริมฝีปากบางคล้ายสตรีของอาเธอร์ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามเรือนร่างของหญิงสาวจอมหยิ่งยโสอย่างสาแก่ใจที่สามารถปราบพยศของเธอได้ ใบหน้างามหยดของมายาที่โดนจับจ้องอยู่ยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ แม้จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ก็ตาม
เมื่อชายตัวโตมั่นใจว่าหญิงสาวตกอยู่ในกำมือของเขาอย่างแน่นอนแล้ว ความคิดแสนร้ายกาจจึงแล่นเข้ามาในหัว หวังจะทำให้เธอรู้สึกอับอายและเสียใจที่บังอาจมาลองดี ไม่คิดเปล่าชายหนุ่มยังเริ่มลงมือด้วยการโน้มหน้าลงมาหมายกระทำการอันต่ำทรามกับร่างบางเบื้องหน้าให้สาแก่ใจ
จมูกและปากของอาเธอร์จมหายไปที่ข้างลำคอของมายา ชายหนุ่มผู้หลงระเริงกับชัยชนะสูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายและเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างถูกใจ แต่แทนที่หญิงสาวจะรู้สึกตกใจหรือหวาดกลัว เธอกลับยิ้มเหยียดอย่างนึกขัน แววตาแฝงความเย้ยหยันระคนสมเพชคนตรงหน้าอย่างที่สุด
เมื่ออารมณ์โกรธถูกครอบงำด้วยอารมณ์อื่น มือหนาที่กดอีกฝ่ายเอาไว้ก็เริ่มคลายออก หวังใช้มันเพื่อทำอย่างอื่นแทน ขณะที่ริมฝีปากได้กระทำการอันถูกใจก็ไม่อาจละออกจากซอกคอและเนินเนื้อขาวนวลในส่วนที่ต่ำลงไปกว่านั้นได้ มือหนาเลื่อนลงมาหมายจะปลดชุดของหญิงสาวออก แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ความประมาทก็เป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียท่าสาวตรงหน้า 'อีกครั้ง'
“อาเธอร์หนออาเธอร์ จะกี่ปีผ่านไปเจ้าก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
พูดจบมายาก็ใช้มือข้างที่เป็นอิสระจิกกระชากผมสั้นของคนที่ทับอยู่บนตัวเธออย่างแรง ก่อนจะกัดหมับเข้าที่คอของอีกฝ่ายจนสัมผัสได้ถึงรสเฝื่อนคลายสนิม
"อ้าก!!!!!"
จากนั้นจึงยกเข่าแทงใส่จุดสำคัญจนใบหน้าของชายร่างยักษ์เปลี่ยนสี แม้จะมองไม่ชัดในยามค่ำคืนก็ตาม
ปึก!
“อัก!!”
เมื่อจุดยุทธศาสตร์ถูกเล่นงาน คนที่เกือบจะชนะก็กลับกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียเอง มายาผลักร่างเขาให้ออกห่าง ก่อนจะพลิกตัวหันมาคว้าเอาดาบเงาปีศาจตวัดใส่ลำคอของคู่ต่อสู้
เคร็ง!
แม้จะถูกเล่นงานแต่ชายร่างยักษ์ยังมีสติครบถ้วน เขายกง้าวขึ้นมากันดาบของอีกฝ่ายทันท่วงทีจึงยังเก็บศีรษะตนเองเอาไว้ได้
ทั้งคู่ยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแล้วประจันหน้ากันอีกครั้ง อาเธอร์ถือง้าวพุ่งเข้าใส่เต็มแรง แต่มายาเลือกจะเก็บดาบเข้าฝัก ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกด้านข้าง จากนั้นจึงหมุนตัวมาด้านหลังอีกฝ่าย แล้วใช้มือข้างหนึ่งโอบคอของเขาเอาไว้แน่น อีกมือใช้จิกเข้าที่ผมสั้นสีน้ำตาลเข้มแล้วออกแรงกระชากจนเขาเสียหลัก พร้อมกระโดดปีนขึ้นเกาะหลังชายร่างยักษ์ได้สำเร็จ
“แกจะทำอะไร!! ออกไปนะ!!!” อาเธอร์พยายามจะสลัดการเกาะกุมนี้ให้หลุด แต่เสียแรงเปล่าเพราะมายามีข้อมือที่แข็งแรงมาก จนสามารถล็อกตัวเขาเอาไว้ได้เหนียวแน่นเสียยิ่งกว่าตุ๊กแก
“ออกไปนะ!!!”
‘การต่อสู้กับคนที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าต้องอาศัยความเร็วและมันสมองเข้าช่วย’ นี่เป็นคำสอนจากผู้เฒ่าคาลอส มายาที่ปีนป่ายขึ้นหลังของอาเธอร์ได้สำเร็จ ใช้เข่าหนีบคอและกดบ่าของเขาเอาไว้ ก่อนจะใช้ศอกกระแทกเข้าที่กลางศีรษะของเขาอย่างแรง
ปึก! ปึก! ปึก!
“อ้าก!!!!!”
หญิงสาวกระทุ้งศอกบดลงไปไม่หยุดจนมีเสียงลั่นของกะโหลกศีรษะดังเปรี๊ยะ
ปึก! ปึก! ปึก!
“อ้าก!!! แก! นังเด็กปีศาจ! ข้าจะฆ่าแก!!!”
อาเธอร์ยอมปล่อยง้าวออกจากมือแล้วออกแรงดิ้นหนักกว่าเดิมพยายามใช้มือแงะเข่าของอีกฝ่ายออกจากบ่าของตน แต่ไม่เป็นผลเมื่อสาวร่างเล็กมีขาที่แข็งแรงมาก เธอยังคงใช้ศอกกระแทกเข้ากลางศีรษะของคู่ต่อสู้ไม่ยั้ง จนเลือดของเขาไหลทะลักออกมาแลดูน่าสยดสยอง
ปึก! ปึก! ปึก!
“อ้าก!!! หยุดนะ!!! หยุด!!!”
เสียงร้องทรมานดังออกมาจากปากชายร่างกำยำ มายากระโดดลงมาจากหลังที่เกาะอยู่แล้วออกแรงถีบเขาจนล้มลงกับพื้น
“ยอมได้หรือยัง” น้ำเสียงเย็นชาเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากบางสีชมพูอ่อน พร้อมกับชักดาบคู่ใจเสียบเข้าที่หัวไหล่อีกฝ่ายจนเลือดซึม
ฉึก!
"อุก!"
อาเธอร์ไม่ตอบกลับ แต่เอามือกุมที่บาดแผลฉกรรจ์บนศีรษะ พลางมองดูโลหิตที่ไหลลงมาอาบมือและแขนดั่งสายน้ำด้วยความเจ็บแค้นอย่างที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ