หน่วยลับมังกรทมิฬ (The black Dragon Team)

-

เขียนโดย Yuanjinxia

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 19.26 น.

  18 ตอน
  3 วิจารณ์
  5,638 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 20.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ภารกิจปล้นนักโทษ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มายานั่งพินิจรูปวาดของมูมุนมาหลายวัน ดูว่าคล้ายกับอะไรบ้าง แต่เธอก็ยังนึกไม่ออก จึงเก็บแผ่นกระดาษซุกไว้ในเสื้อ

 

“แชนหายดีหรือยัง” หญิงสาวถามปราณที่กำลังนั่งเขียนรายงานอยู่ข้างโต๊ะทำงานของหัวหน้าหน่วย

 

“กลับมาพูดเป็นต่อยหอยแล้วค่ะ” สาวผมสั้นตอบยิ้มๆ

 

“ข้าเพิ่งได้รับจดหมายใหม่เมื่อเช้า ท่านลุงศิลานำมาให้ ดูเหมือนจะมีงานด่วน”

 

“งานอะไรเหรอคะ หัวหน้า”

 

“ปล้นนักโทษ!”

 

“…”

 

 

 

สถานที่ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้นับว่าไม่แปลกสำหรับหน่วยมังกรทมิฬ เพราะพวกเธอก็เข้าออกสถานที่ของคุกหลวงกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่เนื้องานที่ได้รับมาออกจะแปลกไปสักหน่อยสำหรับคนที่ทำงานให้กับทางการอย่างเธอ

 

กุบกับ! กุบกับ!

 

“ปล้นนักโทษเนี่ยนะ!!!” แชนตะโกนเสียงดังขณะอยู่บนรถม้า “ทำไมท่านออตโต้ไม่ทำเรื่องขอส่งตัวนักโทษตามขั้นตอน หรือไม่ก็ให้ท่านเดินไปอวดเบ่งบารมีนิดหน่อย แล้วเอาตัวคนที่ต้องการมาเลยล่ะ จะเสียเวลาปล้นไปทำไม!?”

 

“ไม่อยากทำก็โดดลงไปสิ! มานั่งบ่นทำไม” ปราณพูดขึ้นบ้างหลังจากต้องทนฟังคนพูดมากบ่นไปหลายประโยค

 

“ใครบ่น! ข้าแค่สงสัยก็เท่านั้น ท่านไม่สงสัยเหรอ” ชายหนุ่มหันไปหาคนช่วยสนับสนุนความคิด

 

ผู้เป็นหัวหน้าไม่ตอบ หญิงสาวยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างเย็นใจสบายอารมณ์

 

“ข้างในคุยอะไรกัน ขอข้าคุยด้วยสิ” ชายอีกคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีตะโกนมาจากนอกรถม้า

 

“คุมม้าไปเถอะน่า! เลโอ” ปราณตะโกนบอกเพื่อนร่วมหน่วย ที่อาสามาช่วยภารกิจ เนื่องจากชายหนุ่มเอาแต่บ่นว่าช่วงนี้ว่างเสียเหลือเกิน

 

 

 

คุกหลวงอยู่ในเมืองเดียวกันก็จริงแต่อยู่คนละฟากเมืองไปทางทิศตะวันออกไกลกว่าหอสมุดหลวงมาก และเพราะอนันตนครกว้างใหญ่จึงทำให้เสียเวลาไปครึ่งค่อนวันกว่าจะถึงที่หมาย

 

“หัวหน้า เราจะเริ่มกันตอนไหน” แชนถามทันทีที่กระโดดลงมาจากรถม้า

 

“พวกเราหาที่พักในโรงเตี้ยมใกล้ๆ นี้ก่อนเพื่อพักเอาแรงและวางแผน กลางคืนค่อยลงมือ” มายาสั่งลูกน้อง

 

รั้วของคุกหลวงอยู่ห่างออกไปเพียงสองร้อยเมตร ไม่ไกลมากมีตลาดน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตลอดแนวทั้งสองข้างของลำคลองที่มีชื่อว่า ‘คลองสองสหาย’

 

ชื่อตลาด ‘สองสหาย’ เองก็ได้รับมาจากชื่อคลองเช่นกัน ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า มีเพื่อนสนิทสองคนที่รักกันมาก ทั้งคู่โตมาด้วยกันและอธิษฐานต่อพระเจ้าว่าขอให้ทั้งคู่ไม่พรากจากกัน วันหนึ่งสหายคนแรกผิดหวังจากความรักอย่างหนักจึงคิดฆ่าตัวตาย แต่เขาลืมไปว่าเขาได้อธิษฐานขอพรบางอย่างเอาไว้ เมื่อสหายคนแรกตัดสินใจกระโดดลงน้ำไป พระเจ้าจึงทำให้พรวิเศษนี้ทำงาน หลังจากต้องตรอมใจอย่างหนักที่เสียเพื่อนรักไป สหายคนที่สองจึงตัดสินใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตายตาม แล้วทั้งคู่ก็ได้ไปอยู่ด้วยกันบนสรวงสวรรค์อีกครั้ง จึงเป็นที่มาของชื่อคลองแห่งนี้

 

 

 

เวลาใกล้เที่ยงคืน

 

“ปัญหาใหญ่ที่ต้องเจอ คือการคุ้มกันที่เข้มงวดของคุกและประตูเข้าออกใหญ่ที่มีแค่ทางเดียว” มายาอธิบายแผนให้ฟัง

 

“งั้นจะเข้าออกยังไง โดยไม่ต้องสู้กับยามรักษาการณ์” เลโอถาม

 

“ไม่มีวิธี เราต้องสู้อย่างเดียว” คำตอบของมายาทำเอาบรรดาลูกน้องเริ่มเครียดไปตามๆ กัน

 

“อ้าว แล้วแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอถ้าเราฆ่าคนของทางการ” แชนคิดหนักที่ต้องฆ่าคนอีกครั้ง แถมครั้งนี้ยังเป็นคนของทางการเหมือนกันอีกด้วย

 

“เราไม่ต้องฆ่า แค่ต้องหาทางเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด หากจำเป็นต้องสู้ก็อย่าทำให้ถึงตาย”

 

“งั้นเป้าหมายเป็นใครเหรอคะ หัวหน้า”

 

“ในจดหมายบอกแค่ห้องขังที่ ‘สามสามแปด’ ไม่ได้บอกชื่อ” มายาเน้นที่หมายเลขห้องขัง เนื่องจากมีข้อมูลมาให้เพียงเท่านี้

 

“ทหารในคุกไม่เยอะก็จริง แต่ป้อมนอกคุกแต่ละจุดคงมีไม่ต่ำกว่าสิบคนได้ รวมๆ แล้วคงมีกันเป็นร้อย” เลโอ ถึงกับปวดขมับเมื่อคิดถึงจำนวนคนที่เขาต้องรับมือ

 

“ถ้าต้องสู้กับคนเยอะขนาดนั้น เกรงว่าจะเสียเวลาเกินไป แถมถ้ามีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ กองกำลังหนุนจากที่อื่นคงมาเพิ่มอีก เราถึงต้องเลี่ยงการต่อสู้ให้มากที่สุด” มายาวิเคราะห์ให้ลูกน้องฟัง

 

“แล้วเราจะเลี่ยงยังไง” แชนตั้งข้อสงสัย

 

ไม่ทันที่มายาจะเอ่ยปากบอกแผนการ หญิงสาวอีกคนก็ช่วยออกความคิดเห็นที่เป็นหนทางเลี่ยงการปะทะได้ดีที่สุด

 

“ข้าเคยสังเกตเห็นทางเข้าออกเล็กอีกทางหนึ่ง แต่มันเล็กมาก มีไว้สำหรับส่งอาหารและวัตถุดิบ ไม่แน่ใจว่าจะใหญ่พอให้คนลอดผ่านไปได้ไหม” ปราณให้ข้อมูล

 

“เจ้าไปเห็นมาตอนไหน ทำไมข้าไม่เคยเห็น” แชนสงสัยหันมาถามสาวผมสั้นทันที

 

“มันอยู่หลังป้อมของผู้คุมป้อมหนึ่ง”

 

“แล้วเจ้าไปทำอะไรในป้อมผู้คุม” ชายหนุ่มปากมากหรี่ตามองเธอเขม็ง

หญิงสาวเลือกที่จะไม่ตอบแกล้งเสมองไปทางอื่น มายาพยักหน้าเห็นว่านี่เป็นแผนที่ดี หากผ่านไปได้ก็จะเลี่ยงการต่อสู้กับคนจำนวนมาก เหลือแค่ผู้คุมในคุกที่คงจำเป็นต้องลงมือ

 

“ได้เวลาแล้ว ลงมือ!” มายาบอกลูกน้อง ทุกคนจึงคว้าอาวุธเตรียมตัวบุกคุกหลวงของทางการ

 

 

 

ทั้งสี่วิ่งฝ่าความมืดลัดเลาะไปตามบ้านผู้คนที่ปิดเงียบสนิท ฝีเท้าของแต่ละคนไม่ต่างจากแมวที่ออกล่าเหยื่อในยามค่ำคืน ทั้งเงียบเชียบและรวดเร็ว

 

ก่อนเข้าเขตของคุกหลวง ต้องผ่านพื้นที่ด้านหน้าที่เป็นลานว่างเปล่า แบ่งเขตระหว่างหมู่บ้านกับคุก มายารอโอกาสตอนเที่ยงคืนให้มีการเปลี่ยนกะของเวรยาม เพื่ออาศัยจังหวะนั้นวิ่งข้ามลานว่างไปประชิดกำแพง

 

“ป้อมทางไหน” แชนกระซิบเมื่อทุกคนมาถึงกำแพงด้านหนึ่งของคุก

 

“ตะวันตก” ปราณตอบเสียงเบาแล้วออกวิ่งนำทุกคนไป

 

 

 

ทั้งสี่คนวิ่งหลบสายตายามคุ้มกันไปเรื่อยๆ เกือบโดนจับได้ก็หลายครั้ง แต่ยังพอมีโชคอยู่บ้างจึงมาถึงป้อมทิศตะวันตกได้โดยไม่ต้องต่อสู้กับใครเลย

 

“มีคนอยู่ในป้อมสี่คน” เลโอ ที่ทำหน้าที่สอดแนมวิ่งกลับมารายงาน

 

“น้อยจัง” ปราณสงสัย

 

“น้อยก็ดีแล้ว จะได้ไม่เปลืองแรง” แชนหักนิ้วยิ้มร่า รอคำสั่ง

 

“เวรยามวันนี้น้อยเกินไปจริงๆ” มายาขมวดคิ้ว สัญชาตญาณของเธอเริ่มทำงานอีกครั้ง

 

ระหว่างทางที่หญิงสาวกับลูกน้องวิ่งหลบมา นับผู้คุ้มกันได้ไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ ดูเหมือนภารกิจครั้งนี้จะราบรื่นเกินจริงไปมากทีเดียว แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังต้องทำตามคำสั่ง จึงตัดสินใจเดินหน้าต่อ โดยการให้เลโอเป็นคนหลอกล่อคนในป้อมออกมา

 

 

 

“เมื่อกี้ ข้าเห็นอะไรแวบๆ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น พลางชะเง้อคอมองออกไปนอกหน้าต่างท่ามกลางความมืด

 

“คงเป็นแมวล่ะมั้ง” ชายอีกคนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ข้าว่า ข้าเห็นเงาคน!” เขาตอบอย่างมั่นใจ “รอน! ออกไปดูกับข้าหน่อย”

 

“ทำไมต้องเป็นข้า” คนที่โดนชวนบ่นอุบแต่ก็ยอมตามออกไปโดยดี

 

 

 

ยามคุ้มกันทั้งสองคนเดินออกมานอกป้อม พยายามสอดส่ายสายตาไปรอบๆ หาสิ่งผิดปกติ เลยออกไปมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นบวกกับความมืดมิดไร้แสงจันทร์ช่วยสะท้อน ทำให้มองอะไรไม่ถนัดยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ไม่เห็นมีอะไร”

 

“สงสัยข้าจะตาฝาดไป”

 

“งั้นกลับเถอะ”

 

พลั่ก!

 

ผลัวะ!

 

เสียงทุบบริเวณท้ายทอยที่เกิดจากฝีมือของแชนและเลโอ ส่งชายฉกรรจ์สองคนลงไปนอนกองกับพื้นอย่างง่ายดาย

 

 

 

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

 

เสียงเคาะประตูป้อมดังขึ้น

 

“สองคนนั้นกลับมาแล้วไปเปิดประตูที” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

 

แอ๊ด!

 

เมื่อเปิดประตูชายที่โผล่หน้าออกมารอรับเพื่อนก็ถึงกับงวยงง เมื่อไม่มีใครยืนรออยู่ที่หน้าป้อมอย่างที่เขาคิด ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาหาเพื่อนร่วมงานแต่ก็ยังไม่เจอใคร

 

“โอ๊ย!”

 

“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น” ชายอีกคนตะโกนเมื่อได้ยินเสียงร้องของเพื่อนที่ประตู

 

ยามรักษาการณ์ที่เหลืออยู่ในป้อมเพียงคนเดียวเริ่มขวัญเสีย ชายหนุ่มอายุน้อยชักมีดออกมาเตรียมพร้อมสู้เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งโผล่มายืนประจันหน้า

 

“ขอโทษทีนะน้องชาย” ปราณส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะลงมืออย่างรวดเร็วส่งเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนลงไปนอนฝันเป็นการชั่วคราว

 

 

 

“ช่องส่งสินค้าอยู่ด้านหลังป้อมค่ะหัวหน้า” หญิงสาวรีบมารายงานหัวหน้าของตนที่ยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้า

 

มายาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปสำรวจ ภายในป้อมใหญ่พอจะจุคนได้นับสิบโดยไม่แออัด แถมยังมีห้องน้ำในตัวดูค่อนข้างสะดวกสบาย ถัดไปเป็นห้องเก็บสินค้าและเสบียงขนาดเล็ก มีช่องอิฐที่ถูกเจาะไว้เพื่อส่งสินค้าหรือทำกิจกรรมบางอย่างอย่างลับๆ

 

เมื่อชายหนุ่มอีกสองคนเดินมาสมทบ พวกเขาทั้งสี่ก็มุดช่องอิฐขนาดพอดีตัวนั้น ลอดเข้าไปอีกฝั่งของกำแพง

 

 

 

“สงสัยข้าต้องกินให้น้อยหน่อยแล้ว” แชนบ่นพลางปัดแผลถลอกที่หัวไหล่และหน้าท้อง

 

“ทำไมไม่มีคนเลย” เลโอใช้สายตาสำรวจพื้นที่โดยรอบ คิ้วของชายหนุ่มเริ่มขมวดเข้าหากัน

 

ความผิดปกตินี้เริ่มเด่นชัดขึ้นเมื่อพวกเขาผ่านกำแพงเข้ามาได้สำเร็จ ลางสังหรณ์ที่ทำงานอย่างรวดเร็วทำให้มายาไม่รอช้าที่จะวิ่งไปสำรวจทางเข้าตึกหลักของผู้ต้องขัง

 

 

 

แล้วก็เป็นอย่างที่หญิงสาวคาด มีผู้คุมนอนฟุบอยู่ที่พื้นสี่คน อีกสองคนนั่งฟุบอยู่ที่เก้าอี้ของตนเอง

 

“แค่สลบไป” ปราณที่วิ่งตามมา รีบเข้าไปจับชีพจรผู้คุมคนหนึ่งที่นอนไม่ได้สติอยู่ “เหมือนโดนยา” เธอกล่าวพลางหันมามองหัวหน้าของตน

 

มายาเดินนำลูกน้องเดินเข้าไปสำรวจพื้นที่ด้านใน พบผู้คุมนอนสลบไสลเรียงรายอยู่ตามพื้นนับสิบคน แม้แต่นักโทษในห้องขังก็สลบไปหลายคนเช่นกัน

 

“หาห้องสามสามแปด!” มายาสั่งเสียงเข้ม ลูกน้องที่ได้ยินจึงรีบทำตามทันที

 

 

 

“ทางนี้ค่ะหัวหน้า!!” ปราณตะโกนมาจากทางขึ้นบันไดชั้นสาม

 

มายาไม่รอช้ารีบขึ้นบันไดไปตามเสียงของลูกน้องสาว แต่เมื่อไปถึงห้องเป้าหมายก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ประตูลูกกรงถูกกระชากออก ประหนึ่งว่าผู้ที่ต้องการเปิดมันไม่อยากแม้แต่จะเสียเวลาหากุญแจด้วยซ้ำ

 

“โอ้โห! ต้องแข็งแรงขนาดไหนถึงพังลูกกรงนี่ได้เนี่ย!” แชนใช้มือลูบไปตามรอยหยักของเหล็กที่เกิดจากการกระชากอย่างรุนแรงจนฉีกขาด สีหน้าของชายหนุ่มเหมือนไม่อยากเชื่อ

 

ปราณที่ยืนมองอยู่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างชัดเจน การกระทำอันอุกอาจนี้เป็นฝีมือของใครกัน ใครที่กล้ามาตัดหน้าภารกิจของหน่วยมังกรทมิฬ

 

ในขณะที่เลโอรู้สึกใจเต้นรัวราวกับกลองชุด บอกยากว่านี่เป็นความกลัวหรือความตื่นเต้น แต่ที่แน่ๆ ชายหนุ่มแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหน้าคนที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้

 

“รีบไปเร็วเข้า!” มายาสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด คล้ายกับรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของผู้ใด

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา