หัวใจรักเร้นวิญญาณ
-
เขียนโดย ไอรินรดาดาว
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.36 น.
13 ตอน
3 วิจารณ์
7,424 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 19.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บทที่ 9 ติดตาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความชินกฤตนั่งนิ่ง ขณะที่พิธีสวดศพคืนนี้ดำเนินไปตามลำดับขั้นตอน หญิงสาวไม่ลดละที่จะนั่งข้างผู้ชายคนนี้ ด้วยความหวังใจว่าเขามองเห็นเธอจริงๆ และเขาสามารถช่วยเหลือเธอได้ในอนาคต
“หรือว่าเราจะเข้าใจผิด แต่เราแน่ใจนะว่าเมื่อกี้เขามองเราจริงๆ”
ชาลิสาคิดขณะที่มองเขาไปพลาง แต่แล้วก็มีเสียงใครคนหนึ่งแทรกเข้ามาระหว่างเธอและเขา
“เห้ย ไอ้ชิน มึงโอเคป่าววะ?”
คมสัน หรือไอ้คม เพื่อนคนสนิทของชินกฤต เขาสังเกตเห็นชินกฤตนั่งนิ่งมานานจึงถามด้วยความเป็นห่วงปนความสงสัย
“เออ…กู… ก็ไม่ได้เป็นไรนี่”
เขาเหลือบตามองเพื่อนคมชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่วายหันหน้ากลับมามองอย่างไร้จุดหมายอย่างเดิม
“กูไม่ได้ถามเรื่องสุขภาพมึง กูถามเรื่องใจมึงต่างหาก ว่าไง…มึงทำใจได้แล้วเหรอวะ?”
ชินกฤตรีบหันไปมองคนยิงคำถาม ในใจนึกพาลโกรธที่เพื่อนตัวดีถามเรื่องนี้ในตอนนี้ ตอนที่เขากำลังถูกวิญญาณหญิงสาวกำลังจ้องหน้าเขาอยู่
“เงียบไปเลยมึง เสียงดังเกรงใจคนอื่นเขา”
ชายหนุ่มโบ้ยไปเรื่องอื่นเขาอยาก เพราะต้องการให้คมสันหยุดถามเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ใช่แล้ว…ที่เขาต้องให้เพื่อนหยุดถามเรื่องที่เขาต้องทำใจ มันเป็นเพราะว่า…
…..เขาหลงรักชาลิสานั่นเอง….
นานมาแล้วแค่ไหนไม่รู้ที่เขาแอบมองชาลิสาแบบชายหนุ่มมองหญิงสาว เรื่องนี้มีเพียงไอ้คม เพื่อนคนสนิทที่ทำงานด้วยกันเท่านั้นที่รู้ดี แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็เพียงแค่มองห่างๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ชาลิสาคือคนรักของจักรวาล เจ้านายของเขา และเธอก็รักจักรวาล ขอเพียงแค่เห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความสุขของเธอ เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
…โดยที่เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ครอบครองแต่อย่างใด…
พิธีสวดคืนสุดท้ายผ่านพ้นไปจนช่วงเวลาสุดท้ายก็มาถึง คนบ้านรัตนบดินทร์ยืนไหว้ส่งแขกเดินออกจากศาลา ผู้คนต่างทยอยกลับออกไปจากลานวัด รวมถึงชินกฤตเองก็ยกมือไหว้ลาจักรวาลและเพชรี
“พรุ่งนี้ฝากดูความเรียบร้อยที่บริษัทอีกวันนะ เสร็จงานแล้วฉันจะรีบเข้าไปเคลียร์ทุกอย่างเอง”
จักรวาลเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเรียบๆ กับชินกฤต ชินกฤตพยักหน้ารับและกล่าวลาทั้งสอง เขาเดินไปที่รถของเขา ชาลิสาหันรีหันขวาง ลังเลว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ หรือติดตามชายผู้นี้ จนในที่สุดเธอก็เลือกติดตามชายหนุ่มมาที่รถ เธอจับมือดึงประตูรถเก๋งด้านหลังคนขับ ใช้พลังอีกเฮือกในการเปิดประตูรถของชินกฤต
“สำเร็จ!!!”
ชาลิสานึกตะโกนในใจด้วยความดีใจสุดขีด ด้วยความพยายามที่จะติดตามชายผู้นี้เป็นผลสำเร็จ ชินกฤตที่กำลังจับกุญแจจะสตาร์จรถถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูรถด้านหลังคนขับ
“ปึ้ก!!!!”
เสียงตบที่กระจกหน้าต่างข้างคนขับดังขึ้น ทำเอาชินกฤตสะดุ้งโหยง
“เห้ย ไปด้วยดิวะ ไอ้กรณ์แม่งแอบกลับก่อนตอนไหนไม่รู้
คมสันนั่นเอง เขาถูกเพื่อนอีกคนที่มาด้วยทิ้งไว้ที่งาน ชินกฤตถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยินดีที่จะไปส่งเพื่อนคนนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องอยู่ลำพังกับวิญญาณหญิงสาวสักพัก ระยะทางที่ไปส่งคมสันกลับบ้าน พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องงานในบริษัท
“มึงไหวมั๊ยวะ ช่วงนี้รับงานอ่วมเลยนี่”
“เรื่อยๆ ว่ะ กูชินละ”
“เห้ยๆ พักบ้างก็ได้ เจ้านายมึงยังไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย กูเห็นมึงยุ่งจนจะกลายเป็นเจ้าของบริษัทแล้วนะมึง”
หลายครั้งที่ชินกฤตรู้สึกเหน็ดเหนื่อย อยากระบายเกี่ยวกับงานการกับเพื่อนฝูงบ้าง แต่เขารู้ดีว่าไม่สามารถคุยได้ในเวลานี้ เพราะชาลิสาภรรยาของเจ้านายนั่งอยู่เบาะหลัง แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในสถานะของคนที่มีชีวิตแล้ว แต่เธอก็มีจิตใจ เขาไม่ต้องการให้เธอต้องมารับรู้อะไรแย่ๆ ภายในบริษัทที่กำลังเผชิญอยู่
รถของชินกฤตจอดหน้ารั้วบ้านของคมสัน คมสันขอบใจและลงจากรถ ชินกฤตรอให้คมสันเปิดประตูเข้าไปในบ้านเสร็จก็เอ่ยขึ้น
“แล้วคุณล่ะครับ จะไปไหน? ผมจะไปส่ง”
ชาลิสาตาเบิกโพลงด้วยความตกใจแกมดีใจ จนในที่สุดเขาก็ยอมรับสักทีว่ามองเห็นเธอ จากนี้คงต้องเป็นเรื่องของการสื่อสารกับเขาแล้ว
“คุณ…คุณมองเห็นฉันจริงๆ ด้วย!!”
ชินกฤตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถึงแม้เขาจะอยู่ในสถานะแอบรักเธอมานาน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะดีใจที่เวลานี้เธอและเขาได้มาอยู่ด้วยกันตอนนี้
“ผมถามว่าคุณอยากไปที่ไหน ผมจะไปส่ง”
ชินกฤตถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้ชาลิสาแน่ใจอย่างที่สุดแล้วว่าเธอและเขาสามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ ความหวังของเธอโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันตามคุณมาเพราะคุณมองเห็นฉันได้เท่านั้นเอง”
“แล้วคุณจะทำยังไง ผมต้องกลับบ้านผมนะ”
“งั้นฉันไปด้วย!!!”
ชาลิสาพูดด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความกลัวที่ว่าจะพลัดกับชายหนุ่มอีก
“เห้ยคุณ!!! จะตามผมไปทำไมเนี่ย คุณไม่กลับไปที่วัดหรือที่บ้านของคุณล่ะ?”
ชินกฤตพูดขึ้นด้วยความตกใจ แม้เขาจะรู้สึกแอบชอบชาลิสามาก่อน แต่เขาไม่ได้ต้องการให้เธอมาอยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลาแบบนี้ ขณะที่อยู่ในพิธีสวดศพ เขานิ่งอยู่นานจนแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวที่จ้องมองเขาอยู่คือวิญญาณของชาลิสาอย่างแน่นอน ไม่ใช่คนที่ดูคล้ายหรือฝาแฝดของชาลิสาแต่อย่างใด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าต้องไปทำอะไรที่ไหน ที่สำคัญฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันตายเพราะอะไรกันแน่ กว่าฉันจะรู้ว่าฉันตายก็ผ่านมาสามวันแล้ว ฉันกำลังหาคนที่พอจะช่วยฉันได้น่ะค่ะ”
หญิงสาวตะกุยตะกายจากเบาะหลังมาเบาะด้านข้างคนขับ
“คุณช่วยฉันทีนะ ขอร้องล่ะ”
แววตาของหญิงสาวส่งสัญญาณอ้อนวอน มีหรือที่คนอย่างเขาจะปฏิเสธ แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องก็ตาม เขามองหน้าเธออยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจออกรถ ระหว่างทางไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเขา ชาลิสายากสุดที่จะเดาใจชายหนุ่มคนนี้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
“ถึงแล้ว นี่คอนโดผม”
ชินกฤตเดินนำชาลิสาขึ้นลิฟท์ไปยังห้องห้องหนึ่ง ในคอนโดใกล้กับบริษัทของจักรวาล แม้จะไม่หรูหรามากนักแต่ก็พอมีพื้นที่ให้ได้พักผ่อนหลายมุม ชาลิสาก้าวช้าๆ มองไปรอบๆ
“คุณนอนในห้องผมละกัน ถ้าคุณจะนอนนะ”
ชินกฤตพูดขึ้นเพื่อให้หญิงสาวหายเกร็ง เขาไม่มีทางเลือก ยังไงก็ตามคืนนี้เขาคงต้องให้ความช่วยเหลือหญิงสาวเบื้องต้นไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ ค่อยคิดทีหลัง
“เดี๋ยวก่อน!!!”
ชินกฤตกางแขนข้างหนึ่งกันที่ขอบประตูห้องนอนเอาไว้ในขณะที่ชาลิสากำลังจะเดินเข้าไป เธอหยุดกึกและหันมาสบตากับชินกฤต เขารู้สึกวูบวาบที่หัวใจแต่สุดท้ายก็ต้องเรียกสติคืนมาเพื่อพูดคุยกับหญิงสาว
“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่าง คุณจะเป็นผีหรืออะไรก็ตาม ถ้าจะขอความช่วยเหลือจากผมคุณคงต้องรอหน่อยนะ”
ในที่สุดชายหนุ่มก็พูดกับเธอเต็มประโยคบ้าง หลังจากที่เขาพูดน้อยมาตลอดจนเธอรู้สึกเกร็ง ชาลิสายิ้มและรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
“ได้ค่ะ ฉันรอคุณได้”
ชาลิสานอนบนเตียงของชินกฤต เธอขดตัวและรู้สึกอ่อนล้าเป็นอย่างมาก มันไม่ได้รู้สึกหิวเหมือนตอนที่ยังมีชีวิต แต่ขณะนี้เธอกลับรู้สึกอ่อนล้าหมดกำลัง เธอหลับตาลงและคิดว่านี่เป็นการนอนหลับในสภาพผีครั้งแรก บางทีพรุ่งนี้เธออาจหายไปไม่ตื่นมาอีกแล้วก็ได้ ว่าแล้วความนึกคิดสุดท้ายของเธอก็วูบลง รอวันใหม่ที่จะมาถึงหรืออาจจะไม่มาถึงสำหรับผีอย่างเธอ
************************
“หรือว่าเราจะเข้าใจผิด แต่เราแน่ใจนะว่าเมื่อกี้เขามองเราจริงๆ”
ชาลิสาคิดขณะที่มองเขาไปพลาง แต่แล้วก็มีเสียงใครคนหนึ่งแทรกเข้ามาระหว่างเธอและเขา
“เห้ย ไอ้ชิน มึงโอเคป่าววะ?”
คมสัน หรือไอ้คม เพื่อนคนสนิทของชินกฤต เขาสังเกตเห็นชินกฤตนั่งนิ่งมานานจึงถามด้วยความเป็นห่วงปนความสงสัย
“เออ…กู… ก็ไม่ได้เป็นไรนี่”
เขาเหลือบตามองเพื่อนคมชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่วายหันหน้ากลับมามองอย่างไร้จุดหมายอย่างเดิม
“กูไม่ได้ถามเรื่องสุขภาพมึง กูถามเรื่องใจมึงต่างหาก ว่าไง…มึงทำใจได้แล้วเหรอวะ?”
ชินกฤตรีบหันไปมองคนยิงคำถาม ในใจนึกพาลโกรธที่เพื่อนตัวดีถามเรื่องนี้ในตอนนี้ ตอนที่เขากำลังถูกวิญญาณหญิงสาวกำลังจ้องหน้าเขาอยู่
“เงียบไปเลยมึง เสียงดังเกรงใจคนอื่นเขา”
ชายหนุ่มโบ้ยไปเรื่องอื่นเขาอยาก เพราะต้องการให้คมสันหยุดถามเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ใช่แล้ว…ที่เขาต้องให้เพื่อนหยุดถามเรื่องที่เขาต้องทำใจ มันเป็นเพราะว่า…
…..เขาหลงรักชาลิสานั่นเอง….
นานมาแล้วแค่ไหนไม่รู้ที่เขาแอบมองชาลิสาแบบชายหนุ่มมองหญิงสาว เรื่องนี้มีเพียงไอ้คม เพื่อนคนสนิทที่ทำงานด้วยกันเท่านั้นที่รู้ดี แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็เพียงแค่มองห่างๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ชาลิสาคือคนรักของจักรวาล เจ้านายของเขา และเธอก็รักจักรวาล ขอเพียงแค่เห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความสุขของเธอ เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
…โดยที่เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ครอบครองแต่อย่างใด…
พิธีสวดคืนสุดท้ายผ่านพ้นไปจนช่วงเวลาสุดท้ายก็มาถึง คนบ้านรัตนบดินทร์ยืนไหว้ส่งแขกเดินออกจากศาลา ผู้คนต่างทยอยกลับออกไปจากลานวัด รวมถึงชินกฤตเองก็ยกมือไหว้ลาจักรวาลและเพชรี
“พรุ่งนี้ฝากดูความเรียบร้อยที่บริษัทอีกวันนะ เสร็จงานแล้วฉันจะรีบเข้าไปเคลียร์ทุกอย่างเอง”
จักรวาลเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเรียบๆ กับชินกฤต ชินกฤตพยักหน้ารับและกล่าวลาทั้งสอง เขาเดินไปที่รถของเขา ชาลิสาหันรีหันขวาง ลังเลว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ หรือติดตามชายผู้นี้ จนในที่สุดเธอก็เลือกติดตามชายหนุ่มมาที่รถ เธอจับมือดึงประตูรถเก๋งด้านหลังคนขับ ใช้พลังอีกเฮือกในการเปิดประตูรถของชินกฤต
“สำเร็จ!!!”
ชาลิสานึกตะโกนในใจด้วยความดีใจสุดขีด ด้วยความพยายามที่จะติดตามชายผู้นี้เป็นผลสำเร็จ ชินกฤตที่กำลังจับกุญแจจะสตาร์จรถถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูรถด้านหลังคนขับ
“ปึ้ก!!!!”
เสียงตบที่กระจกหน้าต่างข้างคนขับดังขึ้น ทำเอาชินกฤตสะดุ้งโหยง
“เห้ย ไปด้วยดิวะ ไอ้กรณ์แม่งแอบกลับก่อนตอนไหนไม่รู้
คมสันนั่นเอง เขาถูกเพื่อนอีกคนที่มาด้วยทิ้งไว้ที่งาน ชินกฤตถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยินดีที่จะไปส่งเพื่อนคนนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องอยู่ลำพังกับวิญญาณหญิงสาวสักพัก ระยะทางที่ไปส่งคมสันกลับบ้าน พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องงานในบริษัท
“มึงไหวมั๊ยวะ ช่วงนี้รับงานอ่วมเลยนี่”
“เรื่อยๆ ว่ะ กูชินละ”
“เห้ยๆ พักบ้างก็ได้ เจ้านายมึงยังไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย กูเห็นมึงยุ่งจนจะกลายเป็นเจ้าของบริษัทแล้วนะมึง”
หลายครั้งที่ชินกฤตรู้สึกเหน็ดเหนื่อย อยากระบายเกี่ยวกับงานการกับเพื่อนฝูงบ้าง แต่เขารู้ดีว่าไม่สามารถคุยได้ในเวลานี้ เพราะชาลิสาภรรยาของเจ้านายนั่งอยู่เบาะหลัง แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในสถานะของคนที่มีชีวิตแล้ว แต่เธอก็มีจิตใจ เขาไม่ต้องการให้เธอต้องมารับรู้อะไรแย่ๆ ภายในบริษัทที่กำลังเผชิญอยู่
รถของชินกฤตจอดหน้ารั้วบ้านของคมสัน คมสันขอบใจและลงจากรถ ชินกฤตรอให้คมสันเปิดประตูเข้าไปในบ้านเสร็จก็เอ่ยขึ้น
“แล้วคุณล่ะครับ จะไปไหน? ผมจะไปส่ง”
ชาลิสาตาเบิกโพลงด้วยความตกใจแกมดีใจ จนในที่สุดเขาก็ยอมรับสักทีว่ามองเห็นเธอ จากนี้คงต้องเป็นเรื่องของการสื่อสารกับเขาแล้ว
“คุณ…คุณมองเห็นฉันจริงๆ ด้วย!!”
ชินกฤตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถึงแม้เขาจะอยู่ในสถานะแอบรักเธอมานาน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะดีใจที่เวลานี้เธอและเขาได้มาอยู่ด้วยกันตอนนี้
“ผมถามว่าคุณอยากไปที่ไหน ผมจะไปส่ง”
ชินกฤตถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้ชาลิสาแน่ใจอย่างที่สุดแล้วว่าเธอและเขาสามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ ความหวังของเธอโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันตามคุณมาเพราะคุณมองเห็นฉันได้เท่านั้นเอง”
“แล้วคุณจะทำยังไง ผมต้องกลับบ้านผมนะ”
“งั้นฉันไปด้วย!!!”
ชาลิสาพูดด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความกลัวที่ว่าจะพลัดกับชายหนุ่มอีก
“เห้ยคุณ!!! จะตามผมไปทำไมเนี่ย คุณไม่กลับไปที่วัดหรือที่บ้านของคุณล่ะ?”
ชินกฤตพูดขึ้นด้วยความตกใจ แม้เขาจะรู้สึกแอบชอบชาลิสามาก่อน แต่เขาไม่ได้ต้องการให้เธอมาอยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลาแบบนี้ ขณะที่อยู่ในพิธีสวดศพ เขานิ่งอยู่นานจนแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวที่จ้องมองเขาอยู่คือวิญญาณของชาลิสาอย่างแน่นอน ไม่ใช่คนที่ดูคล้ายหรือฝาแฝดของชาลิสาแต่อย่างใด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าต้องไปทำอะไรที่ไหน ที่สำคัญฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันตายเพราะอะไรกันแน่ กว่าฉันจะรู้ว่าฉันตายก็ผ่านมาสามวันแล้ว ฉันกำลังหาคนที่พอจะช่วยฉันได้น่ะค่ะ”
หญิงสาวตะกุยตะกายจากเบาะหลังมาเบาะด้านข้างคนขับ
“คุณช่วยฉันทีนะ ขอร้องล่ะ”
แววตาของหญิงสาวส่งสัญญาณอ้อนวอน มีหรือที่คนอย่างเขาจะปฏิเสธ แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องก็ตาม เขามองหน้าเธออยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจออกรถ ระหว่างทางไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเขา ชาลิสายากสุดที่จะเดาใจชายหนุ่มคนนี้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
“ถึงแล้ว นี่คอนโดผม”
ชินกฤตเดินนำชาลิสาขึ้นลิฟท์ไปยังห้องห้องหนึ่ง ในคอนโดใกล้กับบริษัทของจักรวาล แม้จะไม่หรูหรามากนักแต่ก็พอมีพื้นที่ให้ได้พักผ่อนหลายมุม ชาลิสาก้าวช้าๆ มองไปรอบๆ
“คุณนอนในห้องผมละกัน ถ้าคุณจะนอนนะ”
ชินกฤตพูดขึ้นเพื่อให้หญิงสาวหายเกร็ง เขาไม่มีทางเลือก ยังไงก็ตามคืนนี้เขาคงต้องให้ความช่วยเหลือหญิงสาวเบื้องต้นไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ ค่อยคิดทีหลัง
“เดี๋ยวก่อน!!!”
ชินกฤตกางแขนข้างหนึ่งกันที่ขอบประตูห้องนอนเอาไว้ในขณะที่ชาลิสากำลังจะเดินเข้าไป เธอหยุดกึกและหันมาสบตากับชินกฤต เขารู้สึกวูบวาบที่หัวใจแต่สุดท้ายก็ต้องเรียกสติคืนมาเพื่อพูดคุยกับหญิงสาว
“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่าง คุณจะเป็นผีหรืออะไรก็ตาม ถ้าจะขอความช่วยเหลือจากผมคุณคงต้องรอหน่อยนะ”
ในที่สุดชายหนุ่มก็พูดกับเธอเต็มประโยคบ้าง หลังจากที่เขาพูดน้อยมาตลอดจนเธอรู้สึกเกร็ง ชาลิสายิ้มและรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
“ได้ค่ะ ฉันรอคุณได้”
ชาลิสานอนบนเตียงของชินกฤต เธอขดตัวและรู้สึกอ่อนล้าเป็นอย่างมาก มันไม่ได้รู้สึกหิวเหมือนตอนที่ยังมีชีวิต แต่ขณะนี้เธอกลับรู้สึกอ่อนล้าหมดกำลัง เธอหลับตาลงและคิดว่านี่เป็นการนอนหลับในสภาพผีครั้งแรก บางทีพรุ่งนี้เธออาจหายไปไม่ตื่นมาอีกแล้วก็ได้ ว่าแล้วความนึกคิดสุดท้ายของเธอก็วูบลง รอวันใหม่ที่จะมาถึงหรืออาจจะไม่มาถึงสำหรับผีอย่างเธอ
************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ