หัวใจรักเร้นวิญญาณ
-
เขียนโดย ไอรินรดาดาว
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.36 น.
13 ตอน
3 วิจารณ์
7,472 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 19.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 2 คฤหาสน์ที่เงียบงัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงตะวันอ่อนๆ กสาดมายังที่หน้าต่างห้องนอน ชาลิสาลืมตาช้าๆ ด้วยร่างกายที่ปวดเมื่อยอย่างเป็นที่สุด เธอไม่ลืมที่จะหันไปมองโซฟาที่จักรวาลนอน และบัดนี้เขาได้หายไปแล้ว
“พี่คะ” เธอมองไปรอบๆ ห้อง ที่ว่างเปล่าไม่เห็นแม้แต่เงา ชาลิสาค่อยๆ ลุกจากที่นอนนุ่ม วันนี้เธอต้องจัดการหลายๆ เรื่องก่อนที่จะย้ายเข้าสู่คฤหาสน์ “รัตนบดินทร์” บ้านหลังที่สองที่เธอต้องใช้ชีวิตคู่กับจักรวาล
สายมากแล้ว ชาลิสาได้แก้วตา สาวรับใช้คนสนิทที่สุดของเธอมารับถึงห้องพักในโรงแรม แก้วตาจัดแจงเก็บข้าวของของชาลิสาอย่างระมัดระวัง แต่หญิงสาวไม่ได้กังวลในเรื่องนี้เลย แต่กลับเป็นเรื่องที่ตื่นขึ้นมาแล้วกลับไม่เห็นคนที่ชื่อว่าเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่เงา
“คุณหนูคิดอะไรอยู่เหรอคะ” แก้วตาเอ่ยขึ้นจนเธอสะดุ้งเล็กน้อย “ก็…แก้วตาคุยด้วยตั้งนานแล้วเห็นคุณหนูเหม่อๆ น่ะค่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า…”
“ไม่มีไรจ้า เราไปกันเถอะ มันสายมากแล้ว” หญิงสาวเอ่ยแทรกขึ้นกับสาวใช้วัยรุ่นพี่อย่างยิ้มๆ และเดินตามแก้วตาที่ถือกระเป๋าเดินไปร้องเพลงเบาๆ ไปอย่างสนุกสนาน “นั่นสิ เราคงคิดอะไรมากไปจริง” แก้วตาถึงได้สังเกต เธอตั้งมั่นว่าคราวนี้จะไม่คิดมากอีก
ในที่สุดรถแท็กซี่ที่เธอนั่งมา ก็จอดที่ลานน้ำพุของคฤหาสน์อย่างช้าๆ แก้วตามองไปรอบๆ สายตาของเธอจับจ้องขึ้นไปบนห้องที่น่าจะเป็นห้องนอนของจักรวาล ระยะเวลาปีกว่าๆ ที่คบกัน เธอได้มีโอกาสมาทานข้าวที่บ้านนี้อยู่ราวๆ สองสามครั้ง ทำให้เธอพอจะรู้โครงสร้างของคฤหาสน์หลังนี้อยู่บ้าง
“อ้าว…หนูลิสา ไม่มากับจักรหรือจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามาทักทาย ลิสาและแก้วตายกมือไหว้ หญิงคนนี้ก็คือ เพชรี แม่ของจักรวาลนั่นเอง
“คือ…จักรเขาไม่ได้มาที่บ้านก่อนเหรอคะคุณแม่” เธอเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่เพชรีได้ยินดังนั้นถึงกับชะงัก จึงรีบคุยเปลี่ยนเรื่อง
“อ้อ…คือ…แม่ให้จักรเขาไปซื้อของใช้มาเตรียมให้หนูน่ะจ้ะ นี่ร้อนมากแล้ว เข้าข้างในก่อนเร็ว” เพชรีรีบกุลีกุจอกอดประคองลูกสะใภ้คนสวยเข้าไปในบ้าน รวมทั้งแก้วตาที่เดินตามมาติดๆ
เพชรีให้แก้วตาไปจัดห้อง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นห้องของจักรวาลที่เธอต้องมาอยู่ร่วมด้วย ชาลิสารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่อารมณ์ที่จะมายินดีกับการมาอยู่ในบ้านใหม่ ที่เธอต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือได้คุยกับสามีมากกว่า เมื่อสิ้นสายตาของเพชรีและแก้วตา เธอแอบมาอยู่ข้างนอกบ้านริมสระน้ำ แล้วกดเบอร์โทรหาจักรวาลทันที
“ไม่มีสัญญาณตอบรับ…” ปิดเครื่อง!!! นับตั้งแต่คบกันมา จักรวาลไม่เคยปิดมือถือเลยสักครั้ง เธอทวนหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ แล้วโทรซ้ำ ผลก็เป็นแบบเดิม
จนเวลาบ่ายคล้อย แก้วตากลับไปที่บ้านของเธอเพื่อเตรียมข้าวของมาอยู่เป็นเพื่อนเธอในบ้านหลังใหม่ ส่วนเพชรี แม่สามีก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ส่วนไหนของบ้าน แก้วตาออกจากห้องมาเดินเล่นในสวนอย่างเหงาหงอยเพียงลำพัง
“สวัสดีครับ” มีใครคนหนึ่งเดินมาที่ทางเดินเข้าสวน แต่งกายคล้ายจะเป็นคนที่อยู่เวลาทำงาน เน็คไท เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าเขามาจากบริษัทของจักรวาล
“คุณจักรวาลอยู่ไหมครับ ผมเอางานด่วนมาให้ท่านเซ็นต์” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบๆ ก่อนที่เธอจะเดินมารับแขกด้วยตัวเอง
“คุณจักรไม่อยู่ค่ะ มีอะไรฝากไว้ไหมคะ” ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงความผิดปกติทันที โรงแรมก็ไม่อยู่ บ้านก็ไม่อยู่ ไหนจะที่บริษัทก็ไม่อยู่อีก แล้วเขาหายไปไหน?
ชายหนุ่มส่งแฟ้มเอกสารให้ “ถ้าคุณจักรวาลกลับมา รบกวนให้ท่านเซ็นต์ด่วนนะครับ แล้วคืนนี้สักสองทุ่มผมจะมารับคืน ขอบคุณครับผม” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินหันหลังกลับออกไปจากคฤหาสน์
“โห…ชักเป็นห่วงแล้วสิ” ชาลิสารำพันกับตัวเอง แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร สามีไม่ใช่คนตัวน้อยๆ ที่จะมีอะไรทำอันตรายเขาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะมีธุระด่วนจริงๆ
ชาลิสาเดินเล่นในสวนหลังบ้าน สนามหญ้าเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เวลาที่จักรไม่อยู่ด้วยแล้วเธอรู้สึกเหงาจริงๆ บางทีการได้มาอยู่บ้านหลังนี้เธอเองคงต้องหางานอดิเรกทำบ้าง ไม่งั้นคงเหงาตาย หรือจะขอเขาไปทำงานที่บริษัทด้วยดีหรือเปล่านะ? ชาลิสาเดินสำรวจไปพลางคิดอะไรไปพลาง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปจนเริ่มมืดแล้ว เธอรีบเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ แต่ไร้แสงไฟ ไม่มีไฟดวงไหนเปิดแม้แต่ดวงเดียว เธอนึกหัวเสียนิดหน่อยที่ไม่ได้สังเกตว่าสวิชต์ไฟอยู่ตรงไหนของบ้าน ตอนนี้เธอคลำทางที่มีเพียงเแสงจากไฟทางเดินนอกบ้านที่สาดเข้ามาตามหน้าต่างสลัวๆ
“แก้วตา …เธอมารึยัง คุณแม่คะ…คุณจักร….มีใครอยู่บ้างคะ” ไม่มีเสียงใครตอบรับ คฤหาสน์หลังใหญ่นี้จะไม่มีใครอยู่สักคนเลยหรือไง เธอเริ่มตระหนก มือก็คลำเฟอร์นิเจอร์ของบ้านเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องนั่งเล่น บรรยากาศของบ้านช่างเงียบงัน ผสมกับอากาศที่เริ่มเย็นลง “ไม่เอานะ ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” ชาลิสาคิดในใจ สมองเจ้ากรรมดันไปคิดถึงหนังสยองขวัญที่จักรวาลพาไปดูในโรงหนังบ่อยๆ มือทั้งสองข้างของเธอเริ่มสั่น เหงื่อตามไรผมก็พากันซึมออกมาทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนแต่อย่างใดเลย “ไม่นะ ฉันกลัวผี” ภาพของเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของตกแต่งในห้องที่อยู่ในความมืดทำเอาเธอจินตนาการไปถึงสิ่งที่น่ากลัว
ขณะที่เธอกำลังสติเตลิด ทันใดนั้นแสงไฟก็สว่างขึ้น พร้อมกับจักรวาล คุณแม่พัชรี แก้วตา และแม่บ้านของคฤหาสน์สองสามคนปรบมือ ชาลิสาตกใจปนแปลกใจ “อะไรกันคะเนี่ย…” เธอนึกโล่งใจและแปลกใจจนทำตัวไม่ถูก
“พวกเราอยากฉลองเซอร์ไพร้ซ์ ต้อนรับคุณชาลิสาค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยขึ้น “ก็หนูลิสาเพิ่งแต่งงานกับตาจักร แต่ทางบ้านนี้ก็อยากจะฉลองเล็กๆ ที่มีแต่พวกเราน่ะจ้า บ้านนี้ขอต้อนรับหนูนะจ๊ะ” เพชรียิ้มแย้มเอ่ยขึ้นท่ากลางรอยยิ้มของทุกคน ทำเอาชาลิสาตื้นตันใจและรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้มาอยู่ร่วมกันกับพวกเขา เธอเพิ่งสังเกตว่าจุดที่เธอและทุกคนยืนอยู่คือรอบโต๊ะอาหารใหญ่ ที่มีอาหารที่เธอชอบหลายอย่าง และที่โดดเด่นสุดท่ามกลางอาหารและสิ่งตกแต่งใดๆ บนโต๊ะนี้ ก็คือเค้กก้อนใหญ่ของโปรดของเธอ ถึงแม้ในงานแต่งที่โรงแรมจะมีพิธีตัดแต่ก็ได้แจกให้กับผู้ร่วมงาน ส่วนเธอที่ทำหน้าที่เจ้าสาวในงานก็อดทาน ไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อย
“พี่รู้ว่าเธออยากทาน คืนนี้ก็ทานเต็มที่เลยนะ” จักรเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาหอมที่หน้าผากเธอเบาๆ ชาลิสารู้สึกดีจนบรรยายไม่ถูก คืนนี้คงเป็นคืนที่ดีที่เธอจะจดจำไปจนวันสุดท้ายของชีวิต
………………………….
จบบทที่ 2 แร้วง้าบ ตอนแรกนึกว่าจะเขียนต่อไม่ได้แล้วเพราะไร้ท์รับศึกหนักมากมายจนถอดใจกันเลยทีเดียว แต่ความรักที่จะเขียนเรื่องให้ผู้คนอ่านมันดึงเรากลับมาเปิดคอมอีกทีหนึ่ง ขอกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อยๆ ด้วยนะง้าบ
“พี่คะ” เธอมองไปรอบๆ ห้อง ที่ว่างเปล่าไม่เห็นแม้แต่เงา ชาลิสาค่อยๆ ลุกจากที่นอนนุ่ม วันนี้เธอต้องจัดการหลายๆ เรื่องก่อนที่จะย้ายเข้าสู่คฤหาสน์ “รัตนบดินทร์” บ้านหลังที่สองที่เธอต้องใช้ชีวิตคู่กับจักรวาล
สายมากแล้ว ชาลิสาได้แก้วตา สาวรับใช้คนสนิทที่สุดของเธอมารับถึงห้องพักในโรงแรม แก้วตาจัดแจงเก็บข้าวของของชาลิสาอย่างระมัดระวัง แต่หญิงสาวไม่ได้กังวลในเรื่องนี้เลย แต่กลับเป็นเรื่องที่ตื่นขึ้นมาแล้วกลับไม่เห็นคนที่ชื่อว่าเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่เงา
“คุณหนูคิดอะไรอยู่เหรอคะ” แก้วตาเอ่ยขึ้นจนเธอสะดุ้งเล็กน้อย “ก็…แก้วตาคุยด้วยตั้งนานแล้วเห็นคุณหนูเหม่อๆ น่ะค่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า…”
“ไม่มีไรจ้า เราไปกันเถอะ มันสายมากแล้ว” หญิงสาวเอ่ยแทรกขึ้นกับสาวใช้วัยรุ่นพี่อย่างยิ้มๆ และเดินตามแก้วตาที่ถือกระเป๋าเดินไปร้องเพลงเบาๆ ไปอย่างสนุกสนาน “นั่นสิ เราคงคิดอะไรมากไปจริง” แก้วตาถึงได้สังเกต เธอตั้งมั่นว่าคราวนี้จะไม่คิดมากอีก
ในที่สุดรถแท็กซี่ที่เธอนั่งมา ก็จอดที่ลานน้ำพุของคฤหาสน์อย่างช้าๆ แก้วตามองไปรอบๆ สายตาของเธอจับจ้องขึ้นไปบนห้องที่น่าจะเป็นห้องนอนของจักรวาล ระยะเวลาปีกว่าๆ ที่คบกัน เธอได้มีโอกาสมาทานข้าวที่บ้านนี้อยู่ราวๆ สองสามครั้ง ทำให้เธอพอจะรู้โครงสร้างของคฤหาสน์หลังนี้อยู่บ้าง
“อ้าว…หนูลิสา ไม่มากับจักรหรือจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามาทักทาย ลิสาและแก้วตายกมือไหว้ หญิงคนนี้ก็คือ เพชรี แม่ของจักรวาลนั่นเอง
“คือ…จักรเขาไม่ได้มาที่บ้านก่อนเหรอคะคุณแม่” เธอเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่เพชรีได้ยินดังนั้นถึงกับชะงัก จึงรีบคุยเปลี่ยนเรื่อง
“อ้อ…คือ…แม่ให้จักรเขาไปซื้อของใช้มาเตรียมให้หนูน่ะจ้ะ นี่ร้อนมากแล้ว เข้าข้างในก่อนเร็ว” เพชรีรีบกุลีกุจอกอดประคองลูกสะใภ้คนสวยเข้าไปในบ้าน รวมทั้งแก้วตาที่เดินตามมาติดๆ
เพชรีให้แก้วตาไปจัดห้อง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นห้องของจักรวาลที่เธอต้องมาอยู่ร่วมด้วย ชาลิสารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่อารมณ์ที่จะมายินดีกับการมาอยู่ในบ้านใหม่ ที่เธอต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือได้คุยกับสามีมากกว่า เมื่อสิ้นสายตาของเพชรีและแก้วตา เธอแอบมาอยู่ข้างนอกบ้านริมสระน้ำ แล้วกดเบอร์โทรหาจักรวาลทันที
“ไม่มีสัญญาณตอบรับ…” ปิดเครื่อง!!! นับตั้งแต่คบกันมา จักรวาลไม่เคยปิดมือถือเลยสักครั้ง เธอทวนหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ แล้วโทรซ้ำ ผลก็เป็นแบบเดิม
จนเวลาบ่ายคล้อย แก้วตากลับไปที่บ้านของเธอเพื่อเตรียมข้าวของมาอยู่เป็นเพื่อนเธอในบ้านหลังใหม่ ส่วนเพชรี แม่สามีก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ส่วนไหนของบ้าน แก้วตาออกจากห้องมาเดินเล่นในสวนอย่างเหงาหงอยเพียงลำพัง
“สวัสดีครับ” มีใครคนหนึ่งเดินมาที่ทางเดินเข้าสวน แต่งกายคล้ายจะเป็นคนที่อยู่เวลาทำงาน เน็คไท เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าเขามาจากบริษัทของจักรวาล
“คุณจักรวาลอยู่ไหมครับ ผมเอางานด่วนมาให้ท่านเซ็นต์” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบๆ ก่อนที่เธอจะเดินมารับแขกด้วยตัวเอง
“คุณจักรไม่อยู่ค่ะ มีอะไรฝากไว้ไหมคะ” ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงความผิดปกติทันที โรงแรมก็ไม่อยู่ บ้านก็ไม่อยู่ ไหนจะที่บริษัทก็ไม่อยู่อีก แล้วเขาหายไปไหน?
ชายหนุ่มส่งแฟ้มเอกสารให้ “ถ้าคุณจักรวาลกลับมา รบกวนให้ท่านเซ็นต์ด่วนนะครับ แล้วคืนนี้สักสองทุ่มผมจะมารับคืน ขอบคุณครับผม” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินหันหลังกลับออกไปจากคฤหาสน์
“โห…ชักเป็นห่วงแล้วสิ” ชาลิสารำพันกับตัวเอง แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร สามีไม่ใช่คนตัวน้อยๆ ที่จะมีอะไรทำอันตรายเขาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะมีธุระด่วนจริงๆ
ชาลิสาเดินเล่นในสวนหลังบ้าน สนามหญ้าเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เวลาที่จักรไม่อยู่ด้วยแล้วเธอรู้สึกเหงาจริงๆ บางทีการได้มาอยู่บ้านหลังนี้เธอเองคงต้องหางานอดิเรกทำบ้าง ไม่งั้นคงเหงาตาย หรือจะขอเขาไปทำงานที่บริษัทด้วยดีหรือเปล่านะ? ชาลิสาเดินสำรวจไปพลางคิดอะไรไปพลาง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปจนเริ่มมืดแล้ว เธอรีบเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ แต่ไร้แสงไฟ ไม่มีไฟดวงไหนเปิดแม้แต่ดวงเดียว เธอนึกหัวเสียนิดหน่อยที่ไม่ได้สังเกตว่าสวิชต์ไฟอยู่ตรงไหนของบ้าน ตอนนี้เธอคลำทางที่มีเพียงเแสงจากไฟทางเดินนอกบ้านที่สาดเข้ามาตามหน้าต่างสลัวๆ
“แก้วตา …เธอมารึยัง คุณแม่คะ…คุณจักร….มีใครอยู่บ้างคะ” ไม่มีเสียงใครตอบรับ คฤหาสน์หลังใหญ่นี้จะไม่มีใครอยู่สักคนเลยหรือไง เธอเริ่มตระหนก มือก็คลำเฟอร์นิเจอร์ของบ้านเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องนั่งเล่น บรรยากาศของบ้านช่างเงียบงัน ผสมกับอากาศที่เริ่มเย็นลง “ไม่เอานะ ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” ชาลิสาคิดในใจ สมองเจ้ากรรมดันไปคิดถึงหนังสยองขวัญที่จักรวาลพาไปดูในโรงหนังบ่อยๆ มือทั้งสองข้างของเธอเริ่มสั่น เหงื่อตามไรผมก็พากันซึมออกมาทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนแต่อย่างใดเลย “ไม่นะ ฉันกลัวผี” ภาพของเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของตกแต่งในห้องที่อยู่ในความมืดทำเอาเธอจินตนาการไปถึงสิ่งที่น่ากลัว
ขณะที่เธอกำลังสติเตลิด ทันใดนั้นแสงไฟก็สว่างขึ้น พร้อมกับจักรวาล คุณแม่พัชรี แก้วตา และแม่บ้านของคฤหาสน์สองสามคนปรบมือ ชาลิสาตกใจปนแปลกใจ “อะไรกันคะเนี่ย…” เธอนึกโล่งใจและแปลกใจจนทำตัวไม่ถูก
“พวกเราอยากฉลองเซอร์ไพร้ซ์ ต้อนรับคุณชาลิสาค่ะ” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยขึ้น “ก็หนูลิสาเพิ่งแต่งงานกับตาจักร แต่ทางบ้านนี้ก็อยากจะฉลองเล็กๆ ที่มีแต่พวกเราน่ะจ้า บ้านนี้ขอต้อนรับหนูนะจ๊ะ” เพชรียิ้มแย้มเอ่ยขึ้นท่ากลางรอยยิ้มของทุกคน ทำเอาชาลิสาตื้นตันใจและรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้มาอยู่ร่วมกันกับพวกเขา เธอเพิ่งสังเกตว่าจุดที่เธอและทุกคนยืนอยู่คือรอบโต๊ะอาหารใหญ่ ที่มีอาหารที่เธอชอบหลายอย่าง และที่โดดเด่นสุดท่ามกลางอาหารและสิ่งตกแต่งใดๆ บนโต๊ะนี้ ก็คือเค้กก้อนใหญ่ของโปรดของเธอ ถึงแม้ในงานแต่งที่โรงแรมจะมีพิธีตัดแต่ก็ได้แจกให้กับผู้ร่วมงาน ส่วนเธอที่ทำหน้าที่เจ้าสาวในงานก็อดทาน ไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อย
“พี่รู้ว่าเธออยากทาน คืนนี้ก็ทานเต็มที่เลยนะ” จักรเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาหอมที่หน้าผากเธอเบาๆ ชาลิสารู้สึกดีจนบรรยายไม่ถูก คืนนี้คงเป็นคืนที่ดีที่เธอจะจดจำไปจนวันสุดท้ายของชีวิต
………………………….
จบบทที่ 2 แร้วง้าบ ตอนแรกนึกว่าจะเขียนต่อไม่ได้แล้วเพราะไร้ท์รับศึกหนักมากมายจนถอดใจกันเลยทีเดียว แต่ความรักที่จะเขียนเรื่องให้ผู้คนอ่านมันดึงเรากลับมาเปิดคอมอีกทีหนึ่ง ขอกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อยๆ ด้วยนะง้าบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ