หัวใจรักเร้นวิญญาณ
-
เขียนโดย ไอรินรดาดาว
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.36 น.
13 ตอน
3 วิจารณ์
7,417 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 19.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) บทที่ 12 ห้องตุ๊กตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คุณจัดการให้ฉันหน่อยสิ คุณชิน”
ชาลิสาตรงเข้ามาบอกกับเขาอย่างร้อนรน ด้วยสีหน้าที่โกรธเอาเรื่อง
“ให้ผมจัดการยังไงล่ะคุณ”
“ก็…ไล่พวกเขาไปไง พวกเขาจะมาทำแบบนี้กับบ้านฉันไมไ่ด้นะ”
“โอเค เดี๋ยวผมคุยให้”
ชินกฤตรับปาก พอเหมาะเวลาที่พวกเขาทั้งสองเดินเข้ามาพบกับชินกฤตที่ยืนอยู่กลางห้องโถงรับแขก
“คุณเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ทำไม?”
แก้วตาหยุดหัวเราะกับแฟนหนุ่ม และเริ่มยิงคำถามกับชินกฤต
“ผม…คุณจักรวาลสั่งให้ผมมาดูแลบ้านของคุณชาลิสา”
ชินกฤตใช้ไหวพริบในการตอบคำถาม แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับจากแก้วตากลับเป็นเสียงหัวเราะแหลมเสียดแทงโสตประสาท
“อะไรกันคู๊ณ….ดูแลอะไรอีก? ขายก็ขายไปแล้วความจำเสื่อมรึไง”
“เมื่อกี๊คุณว่าอะไรนะ?”
ชินกฤตเริ่มเสียงเข้ม สีหน้าที่จริงจังของเขาเค้นถามเจ้าของเสียงที่แผดใส่เขาอย่างหงุดหงิด
“ก็เจ้านายคุณ เขาขายบ้านหลังนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีกไม่นานเจ้าของคนใหม่คงจะมารื้อแล้ว แล้วนี่คุณจะมาดูแลอะไรอีก”
“ถ้างั้น…ผมขอไปเก็บของบางอย่างของคุณชาลิสาได้ไหม?”
ชายหนุ่มใช้ไหวพริบอีกครั้ง เวลานี้เขาต้องการเจรจาหารือกับชาลิสา โดยต้องเป็นจุดที่ไม่มีใครเห็นเขาคุยกับวิญญาณสาว
“เอาสิคะ โน่น…ห้องเธออยู่ชั้นสอง ประตูซ้ายมือสุด”
แก้วตาชี้ขึ้นไปด้านบนอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนที่จะเข้าไปกอดแฟนหนุ่มแล้วเก็บของใช้ส่วนตัวก่อนที่จะออกไปจากที่นี่อย่างไม่มีวันกลับมา
ชินกฤตหันไปมองชาลิสาที่กำลังอึ้งตาค้างกับสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน น้ำตาของเธอคลอเบ้า แทบไม่น่าเชื่อว่าผีก็ร้องไห้ได้เหมือนกัน เขาเห็นเธอแล้วยิ่งใจเสีย จึงพยักหน้าให้สัญญาณกับเธอเพื่อเดินไปที่ห้องนอนส่วนตัวของชาลิสา
ขณะที่เขาเดินขึ้นไปชั้นบน แก้วตาและหวานใจของเธอเก็บข้าวของที่ต้องการเสียงโครมครามโดยไม่ได้สนใจชินกฤตแม้แต่น้อย ทั้งสองพูดคุยตะโกนกันอย่างไม่มีความเกรงใจ โดยไม่รู้ว่าชาลิสาได้ยินคำเหล่านั้นจากคนใช้ที่เคยสนิทเหมือนญาติทุกคำ ทุกย่างก้าวของเธอขณะเดินไปชั้นบนจนถึงห้องนอนเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
“..............”
ชินกฤตนิ่งเงียบ สายตาของเขามองหญิงสาวด้วยความเห็นใจ ชาลิสายืนนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอน น้ำตาของเธอไหลรินเป็นทาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำลายบรรยากาศที่เงียบงันแห่งนี้ด้วยคำพูดอะไรจึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะความรักของชาลิสาที่มีต่อบ้านหลังนี้ คงไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะทำให้เธอหายโศกเศร้าได้โดยง่าย
“วิญญาณของคุณพ่อคุณแม่ พวกเขาไปที่ไหนกันแล้วนะ?”
หญิงสาวสะอื้น ทำลายความเงียบระหว่างเขาและเธอ ชินกฤตรู้สึกโล่งใจที่หญิงสาวกลับคืนสติและดูเหมือนจะยอมรับความจริง แม้ว่าแววตาของเธอจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าหมองก็ตาม
“ญาติของคุณคนอื่นๆ พวกเขาไปไหนกันหมด?”
“ฉันมีลุง ลูกพี่ลูกน้องของคุณแม่ เป็นญาติคนเดียวที่พอจะสนิทด้วย ตอนนี้ท่านคง…น่าจะทำงานอยู่อังกฤษ ฉันไม่ได้ติดต่อท่านมาปีกว่าๆ แล้ว”
“คุณพอจะมีเบอร์โทร หรืออีเมล หรือที่อยู่ที่ติดต่อเขาได้ไหม เผื่อบางทีผมอาจจะช่วยคุณได้”
ชาลิสาส่ายหน้าเบาๆ สายตาของเธอมองทอดออกไปอย่างไร้จุดหมาย ชินกฤตเข้าใจแล้วว่าเวลานี้หญิงสาวคงอ่อนล้าหัวใจเป็นอย่างมาก กับสิ่งที่เธอต้องสูญเสีย ไม่ใช่เพียงชีวิตของเธอ ทุกสิ่งที่นี่…ที่เธอรัก เธอก็สูญเสียมันไปเช่นกัน เขารู้สึกเห็นใจและสงสารชาลิสาจับใจ และเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ คงไม่มีอะไรให้เราต้องทำต่อไปอีกแล้ว ว่าแต่…คุณอยากได้อะไรกลับไปบ้างหรือเปล่า?”
ชินกฤตเริ่มให้ความสนใจสิ่งของที่วางรอบๆ ห้องนอนของชาลิสา เป็นห้องนอนที่ตกแต่งให้ดูอบอุ่น มุมต่างๆ ของห้องประดับไปด้วยตุ๊กตาหลากสีหลากชนิด เพราะครอบครัวของเธอทำกิจการผลิตตุ๊กตา เธอจึงมีของเล่นของประดับเป็นตุ๊กตามากมาย
โชคดีที่แก้วตาไม่เข้ามารื้อค้นห้องนอนของชาลิสา เพราะแก้วตาเองก็เป็นคนที่กลัวผีเอามากๆ
การหันเหความสนใจของชาลิสาให้หายโศกเศร้านั้นได้ผล ชาลิสาปาดน้ำตาทิ้งและเดินไปหยิบตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งที่จำลองรูปลักษณ์ของเธอ เป็นตุ๊กตาสาวน้อยที่มีผมสีน้ำตาลยาวสลวย ผิวขาวสะอาดอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เสื้อผ้าของตุ๊กตาใส่ชุดกระโปรงสีขาวน่ารัก
น่าแปลกที่เธอสามารถหยิบจับข้าวของในห้องนี้ได้อย่างใจนึก ขณะที่สิ่งของอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เธอกลับต้องใช้พลังในการหยิบจับเป็นอย่างมากจนต้องหลับลึกถึงสามวันทุกครั้งไป
“คุณรู้มั๊ย ตุ๊กตาในห้องนี้ฉันเป็นคนออกแบบทุกตัวเลยนะ”
สีหน้าของชาลิสาผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเธอพูดถึงตุ๊กตาผลงานของเธอ ทำให้ชินกฤตรู้สึกคลายความเป็นห่วงได้บ้าง
“คุณพ่อคุณแม่ของคุณ พวกเขาคงภูมิใจในตัวคุณมาก”
ชินกฤตมองดูเหล่าตุ๊กตาที่วางเรียงกันตามมุมต่างๆ ของห้อง เขาหยิบตัวหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ๆ ตุ๊กตาตัวนี้เป็นแบบยอดนิยมตัวหนึ่ง หลายปีที่แล้วสร้างยอดขายมหาศาลให้กับบริษัททิพย์โกศลจนเป็นข่าวดังอยู่นาน และตัวอื่นๆ ในห้องนี้ก็เช่นกัน เป็นตุ๊กตาที่ทำให้บริษัททิพย์โกศล เปลี่ยนสถานะจากกิจการธรรมดากลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการออกแบบและผลิตตุ๊กตา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่บริษัททิพย์โกศลตัดสินใจเลิกกิจการกะทันหันด้วยเหตุผลส่วนตัว
ชินกฤตรู้สึกทึ่งในความสามารถของหญิงสาวเมื่อยามที่ยังมีชีวิต หลายครั้งที่เขาไปตามห้างสรรพสินค้าจะมีตุ๊กตาแบรนด์นี้ปรากฏตามร้านค้าต่างๆ บางร้านใช้สินค้าของทิพย์โกศลประดับตกแต่งร้าน อีกทั้งป้ายโฆษณาก็จะมีแบรนด์นี้ปรากฏอยู่บ่อยๆ ที่แท้ผู้ออกแบบตุ๊กตาเหล่านั้นก็คือชาลิสา วิญญาณสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้นี่เอง
“ไปกันเถอะค่ะ คุณหยิบถือไปนะ”
หญิงสาวยื่นตุ๊กตาตัวที่เธอเลือกให้กับชินกฤต เขามองแววตาที่สดชื่นขึ้นของชาลิสาแล้วก็เกิดความคิดที่จะช่วยเหลือเธอ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าคนที่ตายไปแล้วควรจะละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แต่คุณค่าของบางสิ่งบางอย่างมันก็ยากเกินที่จะทิ้งได้ลง
******************************
ชาลิสาตรงเข้ามาบอกกับเขาอย่างร้อนรน ด้วยสีหน้าที่โกรธเอาเรื่อง
“ให้ผมจัดการยังไงล่ะคุณ”
“ก็…ไล่พวกเขาไปไง พวกเขาจะมาทำแบบนี้กับบ้านฉันไมไ่ด้นะ”
“โอเค เดี๋ยวผมคุยให้”
ชินกฤตรับปาก พอเหมาะเวลาที่พวกเขาทั้งสองเดินเข้ามาพบกับชินกฤตที่ยืนอยู่กลางห้องโถงรับแขก
“คุณเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ทำไม?”
แก้วตาหยุดหัวเราะกับแฟนหนุ่ม และเริ่มยิงคำถามกับชินกฤต
“ผม…คุณจักรวาลสั่งให้ผมมาดูแลบ้านของคุณชาลิสา”
ชินกฤตใช้ไหวพริบในการตอบคำถาม แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับจากแก้วตากลับเป็นเสียงหัวเราะแหลมเสียดแทงโสตประสาท
“อะไรกันคู๊ณ….ดูแลอะไรอีก? ขายก็ขายไปแล้วความจำเสื่อมรึไง”
“เมื่อกี๊คุณว่าอะไรนะ?”
ชินกฤตเริ่มเสียงเข้ม สีหน้าที่จริงจังของเขาเค้นถามเจ้าของเสียงที่แผดใส่เขาอย่างหงุดหงิด
“ก็เจ้านายคุณ เขาขายบ้านหลังนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีกไม่นานเจ้าของคนใหม่คงจะมารื้อแล้ว แล้วนี่คุณจะมาดูแลอะไรอีก”
“ถ้างั้น…ผมขอไปเก็บของบางอย่างของคุณชาลิสาได้ไหม?”
ชายหนุ่มใช้ไหวพริบอีกครั้ง เวลานี้เขาต้องการเจรจาหารือกับชาลิสา โดยต้องเป็นจุดที่ไม่มีใครเห็นเขาคุยกับวิญญาณสาว
“เอาสิคะ โน่น…ห้องเธออยู่ชั้นสอง ประตูซ้ายมือสุด”
แก้วตาชี้ขึ้นไปด้านบนอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนที่จะเข้าไปกอดแฟนหนุ่มแล้วเก็บของใช้ส่วนตัวก่อนที่จะออกไปจากที่นี่อย่างไม่มีวันกลับมา
ชินกฤตหันไปมองชาลิสาที่กำลังอึ้งตาค้างกับสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน น้ำตาของเธอคลอเบ้า แทบไม่น่าเชื่อว่าผีก็ร้องไห้ได้เหมือนกัน เขาเห็นเธอแล้วยิ่งใจเสีย จึงพยักหน้าให้สัญญาณกับเธอเพื่อเดินไปที่ห้องนอนส่วนตัวของชาลิสา
ขณะที่เขาเดินขึ้นไปชั้นบน แก้วตาและหวานใจของเธอเก็บข้าวของที่ต้องการเสียงโครมครามโดยไม่ได้สนใจชินกฤตแม้แต่น้อย ทั้งสองพูดคุยตะโกนกันอย่างไม่มีความเกรงใจ โดยไม่รู้ว่าชาลิสาได้ยินคำเหล่านั้นจากคนใช้ที่เคยสนิทเหมือนญาติทุกคำ ทุกย่างก้าวของเธอขณะเดินไปชั้นบนจนถึงห้องนอนเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
“..............”
ชินกฤตนิ่งเงียบ สายตาของเขามองหญิงสาวด้วยความเห็นใจ ชาลิสายืนนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอน น้ำตาของเธอไหลรินเป็นทาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำลายบรรยากาศที่เงียบงันแห่งนี้ด้วยคำพูดอะไรจึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะความรักของชาลิสาที่มีต่อบ้านหลังนี้ คงไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะทำให้เธอหายโศกเศร้าได้โดยง่าย
“วิญญาณของคุณพ่อคุณแม่ พวกเขาไปที่ไหนกันแล้วนะ?”
หญิงสาวสะอื้น ทำลายความเงียบระหว่างเขาและเธอ ชินกฤตรู้สึกโล่งใจที่หญิงสาวกลับคืนสติและดูเหมือนจะยอมรับความจริง แม้ว่าแววตาของเธอจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าหมองก็ตาม
“ญาติของคุณคนอื่นๆ พวกเขาไปไหนกันหมด?”
“ฉันมีลุง ลูกพี่ลูกน้องของคุณแม่ เป็นญาติคนเดียวที่พอจะสนิทด้วย ตอนนี้ท่านคง…น่าจะทำงานอยู่อังกฤษ ฉันไม่ได้ติดต่อท่านมาปีกว่าๆ แล้ว”
“คุณพอจะมีเบอร์โทร หรืออีเมล หรือที่อยู่ที่ติดต่อเขาได้ไหม เผื่อบางทีผมอาจจะช่วยคุณได้”
ชาลิสาส่ายหน้าเบาๆ สายตาของเธอมองทอดออกไปอย่างไร้จุดหมาย ชินกฤตเข้าใจแล้วว่าเวลานี้หญิงสาวคงอ่อนล้าหัวใจเป็นอย่างมาก กับสิ่งที่เธอต้องสูญเสีย ไม่ใช่เพียงชีวิตของเธอ ทุกสิ่งที่นี่…ที่เธอรัก เธอก็สูญเสียมันไปเช่นกัน เขารู้สึกเห็นใจและสงสารชาลิสาจับใจ และเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ คงไม่มีอะไรให้เราต้องทำต่อไปอีกแล้ว ว่าแต่…คุณอยากได้อะไรกลับไปบ้างหรือเปล่า?”
ชินกฤตเริ่มให้ความสนใจสิ่งของที่วางรอบๆ ห้องนอนของชาลิสา เป็นห้องนอนที่ตกแต่งให้ดูอบอุ่น มุมต่างๆ ของห้องประดับไปด้วยตุ๊กตาหลากสีหลากชนิด เพราะครอบครัวของเธอทำกิจการผลิตตุ๊กตา เธอจึงมีของเล่นของประดับเป็นตุ๊กตามากมาย
โชคดีที่แก้วตาไม่เข้ามารื้อค้นห้องนอนของชาลิสา เพราะแก้วตาเองก็เป็นคนที่กลัวผีเอามากๆ
การหันเหความสนใจของชาลิสาให้หายโศกเศร้านั้นได้ผล ชาลิสาปาดน้ำตาทิ้งและเดินไปหยิบตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งที่จำลองรูปลักษณ์ของเธอ เป็นตุ๊กตาสาวน้อยที่มีผมสีน้ำตาลยาวสลวย ผิวขาวสะอาดอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เสื้อผ้าของตุ๊กตาใส่ชุดกระโปรงสีขาวน่ารัก
น่าแปลกที่เธอสามารถหยิบจับข้าวของในห้องนี้ได้อย่างใจนึก ขณะที่สิ่งของอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เธอกลับต้องใช้พลังในการหยิบจับเป็นอย่างมากจนต้องหลับลึกถึงสามวันทุกครั้งไป
“คุณรู้มั๊ย ตุ๊กตาในห้องนี้ฉันเป็นคนออกแบบทุกตัวเลยนะ”
สีหน้าของชาลิสาผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเธอพูดถึงตุ๊กตาผลงานของเธอ ทำให้ชินกฤตรู้สึกคลายความเป็นห่วงได้บ้าง
“คุณพ่อคุณแม่ของคุณ พวกเขาคงภูมิใจในตัวคุณมาก”
ชินกฤตมองดูเหล่าตุ๊กตาที่วางเรียงกันตามมุมต่างๆ ของห้อง เขาหยิบตัวหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ๆ ตุ๊กตาตัวนี้เป็นแบบยอดนิยมตัวหนึ่ง หลายปีที่แล้วสร้างยอดขายมหาศาลให้กับบริษัททิพย์โกศลจนเป็นข่าวดังอยู่นาน และตัวอื่นๆ ในห้องนี้ก็เช่นกัน เป็นตุ๊กตาที่ทำให้บริษัททิพย์โกศล เปลี่ยนสถานะจากกิจการธรรมดากลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการออกแบบและผลิตตุ๊กตา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่บริษัททิพย์โกศลตัดสินใจเลิกกิจการกะทันหันด้วยเหตุผลส่วนตัว
ชินกฤตรู้สึกทึ่งในความสามารถของหญิงสาวเมื่อยามที่ยังมีชีวิต หลายครั้งที่เขาไปตามห้างสรรพสินค้าจะมีตุ๊กตาแบรนด์นี้ปรากฏตามร้านค้าต่างๆ บางร้านใช้สินค้าของทิพย์โกศลประดับตกแต่งร้าน อีกทั้งป้ายโฆษณาก็จะมีแบรนด์นี้ปรากฏอยู่บ่อยๆ ที่แท้ผู้ออกแบบตุ๊กตาเหล่านั้นก็คือชาลิสา วิญญาณสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้นี่เอง
“ไปกันเถอะค่ะ คุณหยิบถือไปนะ”
หญิงสาวยื่นตุ๊กตาตัวที่เธอเลือกให้กับชินกฤต เขามองแววตาที่สดชื่นขึ้นของชาลิสาแล้วก็เกิดความคิดที่จะช่วยเหลือเธอ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าคนที่ตายไปแล้วควรจะละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แต่คุณค่าของบางสิ่งบางอย่างมันก็ยากเกินที่จะทิ้งได้ลง
******************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ