หัวใจรักเร้นวิญญาณ

-

เขียนโดย ไอรินรดาดาว

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 14.36 น.

  13 ตอน
  3 วิจารณ์
  7,215 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 19.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) บทที่ 11 บ้านเก่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ด้านมุมหนึ่งของชาลิสา หลังจากที่ศพของเธอถูกเผาแล้ว เธอสามารถเดินทะลุทุกอย่างได้ตามใจนึก เธอเข้ามาในห้องของจักรวาลซึ่งก็คือห้องเดิมที่เธอเคยอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนจะเสียชีวิต ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ข้าวของเครื่องใช้ที่เธอนำมาจากบ้านเดิมของเธอ ตอนนี้ได้ถูกเก็บออกไปหมดแล้ว

 

สิ่งที่เหลืออยู่คือรูปแต่งงานของเธอและจักรวาลที่แขวนบนผนัง เธอเดินเข้าไปดูรูปช้าๆ ทันใดนั้นประตูก็ได้เปิดออก แต่ร่างที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่จักรวาล

 

ชาลิสารู้สึกคุ้นตากับชายผู้นี้เหลือเกิน เหมือนเคยพบเจอกันที่ไหนสักแห่ง ชาลิสามองดูชายหนุ่มที่กำลังเดินไปที่เตียงนอน

 

ทันใดนั้นเอง!!!

 

ชายหนุ่มได้นั่งลงบนที่นอนของจักรวาลแล้วใช้มือลูบไล้ไปบนหมอน ชาลิสามองด้วยความตกตะลึงถึงการกระทำของชายหนุ่ม ขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปดูใบหน้าและแววตาของชายหนุ่มใกล้ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

 

“คุณจักรครับ ผมจะกลับแล้วนะครับ”

เสียงของชินกฤตตะโกนเข้ามาถึงในห้อง ชาลิสาหันขวับไปตามเสียง ส่วนตัวชายหนุ่มปริศนาคนนี้ถึงกับชะงัก แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง

 

“คุณจักรยังไม่ขึ้นมาที่ห้องครับ”

ตระการกุลบอกชินกฤตอย่างสุภาพ แต่ชินกฤตไม่ได้สนใจชายหนุ่มแม้แต่น้อย สายตาของเขามองข้ามไหล่ของตระการกุลมายังในห้องเพื่อมองหาชาลิสา

 

“เอ่อ…ขอโทษครับ”

 

ชินกฤตกล่าวสั้นๆ กับตระการกุลและส่งสายตาเรียกชาลิสา วิญญาณสาวรีบเดินทะลุผนังออกจากห้อง

 

“นี่คุณ ฉันขออยู่ที่นี่ต่อนะ คุณกลับไปเถอะ”

ชินกฤตได้ยินดังนั้นถึงกับตาโต

 

“ไม่ได้ คุณต้องกลับไปกับผม”

ชินกฤตพูดกับผีสาวเบาๆ ด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาต้องพูดเบาจนแทบกระซิบก่อนที่ใครๆ จะมาเห็นและคิดว่าเขาบ้าพูดอยู่คนเดียว

 

“ทำไมล่ะ นี่ฉันยังไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับฉันเลยนะ”

“ขอร้องล่ะ เชื่อผมสักครั้ง กลับไปกับผมเถอะนะ”

“ไม่เอ๊าาาา”

หญิงสาวคัดค้านจนแทบจะตะโกน แต่ต้องชะงักเมื่อชินกฤตมองแรงจนเธอแทบหงายหลัง

 

“วันหลังค่อยมาใหม่ ถ้าคุณไม่เชื่อผม ต่อไปนี้ผมจะไม่ช่วยอะไรคุณอีก”

ชินกฤตพูดจบก็รีบเดินออกจากบริเวณชั้นบน เขาเดินลงบันไดโค้งตัวปลิวโดยมีวิญญาณหญิงสาวเดินตามด้วยความอารมณ์เสีย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมชินกฤตต้องเครียดขนาดนี้

 

“นี่ถามหน่อยเถอะ ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่ไม่ได้ คุณอย่าเงียบได้ไหม นี่ฉันคุยกับคุณอยู่นะ”

ชาลิสานั่งข้างคนขับโวยวายกรอกหูชินกฤตที่กำลังขับรถ แต่ชินกฤตไม่ได้โกรธเธอเลย เพียงแต่เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อวิเคราะห์อะไรบางอย่าง และภาวนาขอให้สิ่งที่เขาสงสัยอย่าได้กลายเป็นเรื่องจริง

 

ทั้งสองนิ่งเงียบไปตลอดทาง เมื่อไปถึงหน้าประตูชาลิสาทะลุกำแพงเข้าไปในห้องนั่งเล่น และทะลุกำแพงอีกชั้นเข้าไปในห้องนอน เธอนอนขดตัวบนที่นอนหันหลังให้กับประตูห้องนอนที่ชินกฤตกำลังเปิดเข้ามา ดูก็รู้ว่าหญิงสาวกำลังโกรธและงอนจากการกระทำของชายหนุ่มอย่างหนัก

 

ชินกฤตมองดูชาลิสาที่นอนขดตัวหลับตาอยู่บนเตียงของเขาพลางถอนหายใจ เขานั่งกึ่งนอนบนโซฟาดูโทรทัศน์และจิบเบียร์เย็นฉ่ำ แม้ว่าตาของเขาจะมองดูภาพเคลื่อนไหวในโทรทัศน์ที่อยู่ตรงหน้า แต่สมองของเขากลับไม่ได้สนใจสิ่งที่กำลังฉายอยู่แม้แต่น้อย เพราะเรื่องราวของชาลิสาซับซ้อนและน่าหนักใจ เขาเริ่มไม่มั่นใจว่าชาลิสาจะทำอย่างไรต่อไป เธอจะรู้สึกอย่างไร ถ้าหากความจริงเป็นเรื่องที่ยากจะรับได้และไม่เป็นไปตามที่เธอคาดหวัง

 

เวลาผ่านไปจนถึงเวลาตกดึก เขาเดินเข้ามาในห้องนอนมองดูวิญญาณหญิงสาวที่ตอนนี้ไม่ได้นอนท่าขดอีกต่อไป เวลาที่เธอหลับก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอยามนอนหลับนั้นสำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งที่งดงามและทำให้จิตใจของเขาสงบอย่างประหลาด

 

ชินกฤตนั่งที่ขอบเตียง เอื้อมมือไปลูบปอยผมที่ย้อยลงมาบนใบหน้าของชาลิสา แน่นอน…มันเหมือนกับลมที่ว่างเปล่า เขาไม่สามารถสัมผัสเธอได้ แม้ภาพเธอตรงหน้าจะชัดเจนเพียงใดก็ตาม

 

“ผมรู้ว่าคุณอยากได้กลิ่นอาหาร ลุกมาเถอะ”

รุ่งเช้ามาถึง ชินกฤตทำข้าวต้มง่ายๆ วางไว้และเรียกเธอมาร่วมโต๊ะอาหาร หญิงสาวลุกขึ้นนั่งมองเขาที่เดินนำออกจากห้องนอน ตอนนี้เธอรู้สึกเมื่อยล้า แต่ก็ไม่หลับลึกจนนานข้ามวันข้ามคืน

 

สิ่งที่ชินกฤตสันนิษฐานนั้นได้ผลดี ชาลิสาได้กลิ่นแทนการกินอาหารแบบคนที่ยังมีชีวิต เธอนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาที่กำลังทานอาหารเช้าตามปกติ

 

“คุณรู้ว่าฉันดมกลิ่นแทนกิน”

ชินกฤตเงยหน้าขึ้นสบตาเธอชั่วขณะและเปลี่ยนเรื่องคุย

 

“วันนี้ผมจะพาคุณกลับไปบ้านเดิม…บ้านพ่อแม่ของคุณ”

ชาลิสายิ้มอย่างสดใสจนแก้มแทบปริ แม้เธอจะยังค้างคาใจเรื่องของบ้านรัตนบดินทร์และยังไม่ได้พบจักรวาล แต่อย่างน้อยเธอก็จะได้กลับบ้านหลังเดิมที่เติบโตมาให้หายคิดถึง

 

รถเก๋งสีดำของชินกฤตค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณบ้านทิพย์โกศล บ้านเดิมของชาลิสาที่เธอกำเนิดและเติบโตมาจนได้แต่งงานออกเรือน เป็นบ้านหลังใหญ่สมฐานะของครอบครัวที่ทำกิจการโรงงานงานตุ๊กตามานับ 30 ปี ตัวบ้านสีครีมและหลังคาสีน้ำตาลเข้มของอาคารแห่งนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมอ

 

ชาลิสารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อก้าวลงจากรถและย่ำเท้าเปล่าลงบนผืนหญ้าที่ขึ้นบริเวณรอบตัวบ้าน ชินกฤตสังเกตเห็นสีหน้าที่สดชื่นและรอยยิ้มของหญิงสาวก็พลอยรู้สึกสบายใจไปกับเธอด้วย

 

“เข้าไปกันเถอะ ฉันคิดถึงที่นี่มากๆ เลย”

วิญญาณสาวเดินนำชินกฤตเข้าสู่ตัวบ้าน เธอผ่านทะลุเข้าไปได้ แต่ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก ไม่สิ…นี่ประตูบ้านแท้ๆ แต่กลับแง้มเอาไว้ เขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลจึงรีบดึงประตูและพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมองดูรอบๆ ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่พบเห็น

 

น้ำเครื่องดื่มบางอย่างกระจายอยู่บนพื้น ทั้งคราบเก่าและใหม่ รวมไปทั้งเศษอาหาร กระดาษชำระใช้แล้ว แจกันที่ตกแตก ชุดชั้นในที่วางพาดไว้ตามราวบันได กองขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระป๋องสารพัด ถุงพลาสติกใส่อาหารที่กองบนโต๊ะโซฟา และอะไรอื่นๆ อีกมากมายยากจะสรรหาคำมาอธิบาย สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาคือมีขโมยเข้ามารื้อของในบ้าน แต่ดูดีๆ แล้วไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

 

ชายหนุ่มมองไปรอบๆ อย่างครุ่นคิด สักพักคำตอบก็เฉลย หญิงสาวที่น่าจะอายุมากกว่าชาลิสากำลังเดินคลอเคลีย กอดรัดฟัดเหวี่ยงตุปัดตุเป๋มากับชายคนหนึ่ง ทั้งสองหัวเราะสนุกสนานร่าเริงราวกับโลกนี้เป็นของคนทั้งสอง

 

ชาลิสาตะลึงงันกับสิ่งที่พบเห็น เธอคนนี้คือ “แก้วตา” สาวใช้ประจำบ้านของเธอที่เคยสนิทกันมากนั่นเอง!!! เธอตกใจกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพบ้านที่เคยสะอาด อบอุ่น ปลอดภัย ขณะนี้ได้กลายสภาพเป็นรังรักสุดแสนสกปรกไปอย่างสมบูรณ์



**************





 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา