ชีวิตใหม่ของผู้กล้าจอมปลอม
-
เขียนโดย GUEST1656840114
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.39 น.
33 บท
5 วิจารณ์
20.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 16.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) Ep21 รวมหัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ•โนอา แอชคลาส•
ผมควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดีนะ ?
หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์ ผมก็ได้แค่ครุ่นคิด การจะเปลี่ยนแปลงที่เปรียบเสมือนชุมโจรนั้นแห่งหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาเลยคือเรื่องของกองกำลังอีกฝ่ายค่อนข้างมากและมีฝีมือ
"นี่เจ้าหนู! ฟังอยู่หรือป่าว?"
เสียงตะคอกใส่ด้วยโทสะของหญิงสาว มือบางทุบโต๊ะเสียงดัง ปั้ง! ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด สาวเอลฟ์ตัวเล็ก ผมสีทองยาว ดวงตาสีเขียวอ่อนจ้องผมอย่างเขม็งปานจะกินเลือดกินเนื้อ
"ผะ...ผมขอโทษครับ อาจารย์เมวิส"
ผมลุกขึ้นก้มหัวขอโทษเธอด้วยความรู้สึกผิด มือบางเธอขึ้นสีแดงและสั่นเทาเล็กน้อย เธอที่เห็นการกระทำของผมจึงยอมเย็นลง
"ปะ..เป็นอะไรหรือป่าวครับ"
เรนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทำให้ผมพลางรู้สึกผิดมากกว่าเดิม นี้เป็นเวลาสอนพิเศษของอาจารย์เมวิส ที่มีเพียงไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์
การที่ผมเหม่อลอยไม่สนใจแบบนี้ เหมือนกับว่าให้เกียรติเธอ จึงเป็นเหตุให้เธอโมโห
"ฮาฮ่า เพียงแค่เด็กอายุไม่ถึง7ขวบไม่ตั้งใจเรียน ก็โมโหขนาดนี้เลยหรอค่ะ"
นักปราชญ์หญิงลิเลียนที่นั่งดื่มชาดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก็พลางคอยยั่วโมโหอาจารย์เมวิสเข้าไปอีก ปกติแล้วเธอจะมีบรรยากาศเย็นชาดูเข้าหาได้ยากแต่มีเพียงตอนอยู่ต่อหน้าอาจารย์เมวิสเท่านั้น ที่เธอจะคอยกัดคอยจิกตลอด
"ยัยแว่นโรคจิต แกนะเงียบไปซะ"
อาจารย์เมวิสพลางเดือดดาลขึ้นมาอีก ทำท่าเหมือนจะมีเรื่องให้ได้
"ว่ายังไงนะค่ะ"
ส่วนนักปราชญ์หญิงก็ไม่แพ้กัน ผู้ถูกเรียกว่าเยือกเย็นที่สุด แต่ไม่เห็นต่างอะไรกับอาจารย์เมวิสเลย
"ดะ...ได้โปรด หยุดทะเลาะกันเถอะครับ"
เรนเข้าห้ามปรามด้วยท่าทางตะกุกตะกัก แต่ยังดีที่ทั้งสองยังให้ความเกรงใจ จึงยอมหยุดแค่เพียงเท่านี้
"ผมขอโทษครับ ที่ผมใจลอยไปหน่อย ผมขออนุญาตออกไปสงบสติอารมณ์สักครู่หนึ่งก่อนนะครับ"
ผมก้มหัวให้อาจารย์เมวิสอีกครั้ง เธอเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจเฮือก ก่อนจะพยักหน้าตอบ
ผมจึงรีบออกไปจากห้องทันที ผมมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ เวลาแบบนี้กลิ่นหอมของพืชพรรณน่าจะช่วยให้ผมผ่อนคลายลงก็เป็นได้
"เจ้าดอกไม้เอ๋ย เผยโฉมงามเด่นของเจ้าออกมาเถิด มัวอายอยู่ทำไมเล่า"
ท่านพี่อลิชที่กำลังดูแลสวนอยู่ กำลังนั่งคุยกับดอกไม้ในสวนที่ยังไม่ถึงเวลาบาน
"ดอกไม้นั้นไม่ได้อาย หากแต่เพียงรอวันฟ้าใส รอแสงแดดเป็นใจ จึงจะเติบโตและเบ่งบาน"
ผมเผลอเอ่ยตอบจากข้างหลังเธอ แต่เธอก็ทำเพียงแค่ยิ้ม และยังคงสนทากับดอกไม้ต่อไป จนสุดท้ายก็กลายเป็นบทสนทนาระหว่างท่านพี่กับผม
"แต่ข้านั้นรอเจ้ามาแสนนาน เพียงเพื่อจะพบพานและชมเชย"
"ดอกไม้นั้นไม่อาจเร่งบานผาดเผย ยังมีหลายสิ่งไม่อาจละเลยได้ ควรตามครรลองเวลาเร็ว-ช้า เกินไปไม่ดี"
"เข้าใจแล้วเจ้าดอกไม้ จะไม่รีบเร่งแล้วคราวนี้ จะรอวันที่เจ้านั้นบานตามวัย"
"โนอาก็เหมือนกับดอกไม้ รีบเร่งให้เติบโตเกินไปก็ไม่ดี ควรจะทำในสิ่งที่น้องพี่ทำได้ก็เพียงพอ"
พี่อลิชหันมายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน คำพูดของเธอราวกับทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉากับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จริงด้วย ทำไมผมถึงคิดไม่ได้กันนะ ตัวผมในตอนนี้อ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้เหลือเพียงตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ผมมีพร้อมทั้งครอบครัวและสหาย ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
"ท่านพี่ ขอบคุณมากครับ"
ผมขอบคุณพี่สาวจากใจจริง เธอได้แต่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน เอาล่ะถึงเวลาต้องกลับไปเรียนพิเศษต่อแล้ว
....
"เป็นยังไงบ้าง มีอะไรที่ผมพอจะช่วยนายได้หรือป่าว?"
หลังจากผมเปิดประตูเข้าไป เรนก็รีบเข้ามาทักถามด้วยความเป็นห่วง
"โอ้...ถ้านายพูดถึงขนาดนั้นแล้วล่ะก็"
ผมกลับทันที เรนได้แต่ทำน่าเหยเก หัวเราะแห้งๆ คงจะรู้ตัวแล้วสินะ ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา
"ผมอยากได้กองกำลังจำนวนหนึ่ง ที่จะทำให้สามารถขับไล่หรือจับกุมกลุ่มโจรที่ซ้อนตัวอยู่ในเขตสลัมนะ"
ผมเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่เรนกับอ้าปากค้าง สีหน้าซีด เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของผม
เรนเป็นถึงลูกชายของจักรพรรดิคนต่อไป และเรนเองก็น่าจะมีเส้นสายพอสมควร ผมก็คิดอยู่ว่าจะขอให้เรนช่วยยังไงดี แต่เจ้าตัวเสนอให้แบบนี้ก็สบายใจหน่อย
"เจ้าหนู เจ้าคิดจะทำยังไงกันแน่?"
น้ำเสียงจริงจังของอาจารย์เมวิสเอ่ยขึ้นมาขัดบทสนทนา ด้วยฐานะที่เธอเป็นอาจารย์ก็ควรจะห้ามปราม แต่แววตาของเธอมีประกายระยิบระยับ
"ผมจะสร้างกิลด์ที่เขตสลัมนะครับ ผมขออนุญาตท่านพ่อไปเรียบร้อยแล้วด้วย คราวนี้ก็เหลือเพียงลงมือสร้าง แต่มันก็ติดปัญหานิดหน่อยครับ"
ผมอธิบายแบบคลุมเครือ แต่ด้วยความอัจฉริยะของอาจารย์เมวิสสามารถเข้าใจได้ในทันที
"กลุ่มโจรที่คอยซ่อนตัวอยู่ข้างในสลัมสินะ"
เธอเอ่ยเสียงจริงจัง พลางพยักหน้าตอบ อาจารย์เมวิสเข้าใจในสิ่งที่ผมกังวลในทันที
"ผมคิดจะทำความสะอาดเสียก่อน อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ?"
ในเมื่อผมคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นอย่างงี้ ก็ลากอาจารย์เข้ามาเอี่ยวด้วยเลย กำจัดศัตรูที่เข้มแข็งกว่า ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง
"วะฮาฮ่า น่าสนุกดีหนิ!"
อาจารย์เมวิสหัวเราจะชอบใจ นัยน์ตาสีเขียวอ่อนมีความตื่นเต้น หรือว่าบางทีเธออาจจะเป็นคนที่ชอบก่อเรื่องกันแนนะ
"ข้ามีแผนง่ายๆเลย เอาเฟนริลของข้าไปถล่มซะก็จบ"
สัตว์อสูรหมาป่าร่างยักษ์สีดำ เฟนริล แค่เพียงเฟนริลตัวเดียวก็เป็นภัยคุกคามระดับ D แล้วยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตอนที่ได้รับบัพขี้โกงจากเธอเลย
ก็จริง แบบนั้นอาจจะง่ายกว่าที่คิดไว้ก็ได้ แต่กลับมีเสียงคัดค้านดังขึ้นมาจากบริเวณโต๊ะน้ำชา มุมห้อง สาวงามสวมแว่นสายตา ผมยาวสลวยสีชมพูพาสเทล กำลังนั่งดื่มชา ท่าทางของเธอช่างสูงส่งและเย็นชา
"โง่เง่ามากคะ แค่ลูกหมาตัวน้อยจะไปทำอะไรได้"
น้ำเสียงเย็นชาปนเย้ยหยันของเธอ ทำให้
อาจารย์เมวิสต้องระเบิดโทสะ จนผมกับเรนจึงต้องช่วยกันห้ามปราม เฮ้อ...ผมถอนหายใจเฮือกอย่างอ่อนแรง
"อาจารย์ลิเลียนมีวิธีที่ดีกว่านี้หรือครับ"
เรนเอ่ยถามนักปราชญ์หญิงลิเลียนที่นั่งดื่มชาอยู่มุมห้อง
"อยู่แล้วค่ะ"
น้ำเสียงเรียบนิ่งของนักปราชญ์หญิง กับบรรยากาศเย็นชาของเธอ ทำให้เดาอารมณ์ได้ยากยิ่ง ทุกสายตาต่างจ้องมายังเธอ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอตื่นตระหนกเลยสักนิด
"วิธีที่ดีกว่าของยัยเอลฟ์โลลิก็คือ..."
***
•นักปราชญ์หญิงลิเลียน•
นี้ก็เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ที่ข้าได้พักอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลแอชคลาส นั้นจึงทำให้ข้าได้ตกใจมาก
โนอา แอชคลาส บุตรชายคนเล็กของตระกูลแอชคลาส จะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะก็ไม่ปาน อายุเพียง6ขวบ ก็สามารถบรรลุ[ระดับฝึกหัดระยะกลาง] ซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถทำได้
ฝีมือดาบก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักดาบขั้นสูงเลย เพียงแต่เรี่ยวแรงอาจจะยังไม่เพียงพอ สามารถเข้าใจถึงทฤษฎียุ่งยากของยัยเอลฟ์โลลิ ที่แม้แต่ตัวข้าก็ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด
และที่สำคัญดวงตานั้น [เนตรสวรรค์] เหมือนกับในบันทึกในศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผิด นัยน์ตาสีอำพัน มีลวดลายดอกไม้ ดวงตาที่สามารถมองเห็นแม้แต่ความจริงบนโลก
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะค่อนข้างรักอิสระ จะเลือกทำในสิ่งที่อยากจะทำแค่นั้น แต่ก็ค่อนข้างใส่ใจกับสหายตน
ท่านเรนคิดถูกแล้ว ที่เลือกผูกมิดกับคนแบบนี้
แต่น่าเจ็บใจ อัจฉริยะเช่นนี้กับต้องเป็นลูกศิษย์ของยัยเอลฟ์โลลิ ที่มีนิสัยเหมือนเด็กที่พยายามทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ ถึงจะมีความรู้มากมายแต่กลับตัดสินใจได้โง่เขลานัก
ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว หลายครั้งที่รางวัลที่ได้จากการทำภารกิจของนักผจญภัย กับต้องเอาไปใช้เป็นค่าชดเชยมิหนำซ้ำยังต้องควักกระเป๋าตัวเองเพิ่มอีก เพื่อเป็นค่าชดเชยที่ทำเกินไปกว่าเหตุ
ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้ยัยบ้านี้ ทำตามใจชอบไม่ได้ และเพื่อไม่ให้ทุ่งดอกไฮยาชินต้องถูกต้องถูกทำลายลง ข้าจะต้องคอยสนับสนุนท่านเรน แค่คิดถึงผลรับหัวใจก็เต้นรัวแล้ว
"วิธีที่ดีกว่าของยัยเอลฟ์โลลิก็คือ..."
"ต้องได้รับความช่วยเหลือจากท่านเรนคะ"
แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเรนเป็นใคร? บุตรชายของผู้สืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิและยังเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
"แค่เพียงใช้ชื่อเสียงของท่านเรน ก็สามารถรวบรวมกำลังได้แล้วคะ"
คำอธิบายของข้า ทำให้ท่านเรนมีสีหน้างุนงง แต่เด็กชายผมสีดำกับสงบเยือกเย็น สามารถเข้าใจในสิ่งที่ข้าอธิบายได้ทันที
ว่าแล้วเชียว ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย
"ฮาฮ่า ต้องรบกวนนายแล้วละเพื่อนรัก"
น้ำเสียงเย้าหยอก และรอยยิ้มอ่อนโยนของเด็กชายผมสีดำ ทำให้ท่านเรนตัวแข็งทื่อ ท่านเรนเป็นถึงองค์ชายการจะหาสหายที่เข้ากันได้นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะส่วนใหญ่นั้นหวังสิ่งตอบแทนจากท่านเรน
แต่แววตาของเด็กชายผมสีดำตรงหน้านี้ ไม่มีความเสแสร้งแม้แต่น้อย ท่านเรนพยายามเข้า ความสัมพันธ์มันต้องเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันก่อนจากนั้นก็....
ข้ารู้สึกหัวใจเต้นแรงมาก ดังนั้นจึงพยายามสงบสติอารมณ์รักษาภาพลักษณ์ของข้าเอาไว้
"เจ้าคงคิดอะไรแปลกๆอยู่สินะ?"
ยัยเอลฟ์โลลิจ้องจะหาเรื่องข้า แต่ข้าไม่สนใจหรอกนะ ไม่อยากจะทะเลาะกับเด็กไม่รู้จักโต ข้าคิดในใจเช่นนี้ก็รู้สึกว่าจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ฮาฮา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นทำให้บรรยากาศที่ตรึงเครียดนี้ผ่อนคลายลง
"เชิญเข้ามาครับ"
เด็กชายผมสีดำ ขานตอบรับ ประตูจึงค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แต่งกลายด้วยชุดเกราะหนัง นี่คือนักผจญภัยที่ได้รับภาระกิจจากท่านอาเรีย ให้มาคอยอารักขาท่านเรน
"ขออนุญาตครับ นายน้อยโนอา องค์ชายเรน และท่านนักปราชญ์หญิงทั้งสอง"
ชายร่างสูงใหญ่ทักทายทุกคนตามประสานักผจญภัย
"ข้าได้ยินว่าท่านจะทำการช่วยเหลือผู้คนเขตสลัม ที่นั้นเป็นบ้านเกิดของข้า ได้โปรดให้ข้าได้มีส่วนร่วมได้หรือไม่ครับ"
น้ำเสียงจริงจังหนักแน่น อยากจะปฎิเสธทำให้ทุกสายตาต่างหันมามองยังชายร่างสูงใหญ่
"ข้ามีเส้นสายพอสมควรในที่แห่งนั้น อาจจะพอเป็นประโยชน์ต่อท่านได้บ้าง"
....
ผมควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดีนะ ?
หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์ ผมก็ได้แค่ครุ่นคิด การจะเปลี่ยนแปลงที่เปรียบเสมือนชุมโจรนั้นแห่งหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาเลยคือเรื่องของกองกำลังอีกฝ่ายค่อนข้างมากและมีฝีมือ
"นี่เจ้าหนู! ฟังอยู่หรือป่าว?"
เสียงตะคอกใส่ด้วยโทสะของหญิงสาว มือบางทุบโต๊ะเสียงดัง ปั้ง! ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด สาวเอลฟ์ตัวเล็ก ผมสีทองยาว ดวงตาสีเขียวอ่อนจ้องผมอย่างเขม็งปานจะกินเลือดกินเนื้อ
"ผะ...ผมขอโทษครับ อาจารย์เมวิส"
ผมลุกขึ้นก้มหัวขอโทษเธอด้วยความรู้สึกผิด มือบางเธอขึ้นสีแดงและสั่นเทาเล็กน้อย เธอที่เห็นการกระทำของผมจึงยอมเย็นลง
"ปะ..เป็นอะไรหรือป่าวครับ"
เรนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ทำให้ผมพลางรู้สึกผิดมากกว่าเดิม นี้เป็นเวลาสอนพิเศษของอาจารย์เมวิส ที่มีเพียงไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์
การที่ผมเหม่อลอยไม่สนใจแบบนี้ เหมือนกับว่าให้เกียรติเธอ จึงเป็นเหตุให้เธอโมโห
"ฮาฮ่า เพียงแค่เด็กอายุไม่ถึง7ขวบไม่ตั้งใจเรียน ก็โมโหขนาดนี้เลยหรอค่ะ"
นักปราชญ์หญิงลิเลียนที่นั่งดื่มชาดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก็พลางคอยยั่วโมโหอาจารย์เมวิสเข้าไปอีก ปกติแล้วเธอจะมีบรรยากาศเย็นชาดูเข้าหาได้ยากแต่มีเพียงตอนอยู่ต่อหน้าอาจารย์เมวิสเท่านั้น ที่เธอจะคอยกัดคอยจิกตลอด
"ยัยแว่นโรคจิต แกนะเงียบไปซะ"
อาจารย์เมวิสพลางเดือดดาลขึ้นมาอีก ทำท่าเหมือนจะมีเรื่องให้ได้
"ว่ายังไงนะค่ะ"
ส่วนนักปราชญ์หญิงก็ไม่แพ้กัน ผู้ถูกเรียกว่าเยือกเย็นที่สุด แต่ไม่เห็นต่างอะไรกับอาจารย์เมวิสเลย
"ดะ...ได้โปรด หยุดทะเลาะกันเถอะครับ"
เรนเข้าห้ามปรามด้วยท่าทางตะกุกตะกัก แต่ยังดีที่ทั้งสองยังให้ความเกรงใจ จึงยอมหยุดแค่เพียงเท่านี้
"ผมขอโทษครับ ที่ผมใจลอยไปหน่อย ผมขออนุญาตออกไปสงบสติอารมณ์สักครู่หนึ่งก่อนนะครับ"
ผมก้มหัวให้อาจารย์เมวิสอีกครั้ง เธอเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจเฮือก ก่อนจะพยักหน้าตอบ
ผมจึงรีบออกไปจากห้องทันที ผมมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ เวลาแบบนี้กลิ่นหอมของพืชพรรณน่าจะช่วยให้ผมผ่อนคลายลงก็เป็นได้
"เจ้าดอกไม้เอ๋ย เผยโฉมงามเด่นของเจ้าออกมาเถิด มัวอายอยู่ทำไมเล่า"
ท่านพี่อลิชที่กำลังดูแลสวนอยู่ กำลังนั่งคุยกับดอกไม้ในสวนที่ยังไม่ถึงเวลาบาน
"ดอกไม้นั้นไม่ได้อาย หากแต่เพียงรอวันฟ้าใส รอแสงแดดเป็นใจ จึงจะเติบโตและเบ่งบาน"
ผมเผลอเอ่ยตอบจากข้างหลังเธอ แต่เธอก็ทำเพียงแค่ยิ้ม และยังคงสนทากับดอกไม้ต่อไป จนสุดท้ายก็กลายเป็นบทสนทนาระหว่างท่านพี่กับผม
"แต่ข้านั้นรอเจ้ามาแสนนาน เพียงเพื่อจะพบพานและชมเชย"
"ดอกไม้นั้นไม่อาจเร่งบานผาดเผย ยังมีหลายสิ่งไม่อาจละเลยได้ ควรตามครรลองเวลาเร็ว-ช้า เกินไปไม่ดี"
"เข้าใจแล้วเจ้าดอกไม้ จะไม่รีบเร่งแล้วคราวนี้ จะรอวันที่เจ้านั้นบานตามวัย"
"โนอาก็เหมือนกับดอกไม้ รีบเร่งให้เติบโตเกินไปก็ไม่ดี ควรจะทำในสิ่งที่น้องพี่ทำได้ก็เพียงพอ"
พี่อลิชหันมายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน คำพูดของเธอราวกับทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉากับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จริงด้วย ทำไมผมถึงคิดไม่ได้กันนะ ตัวผมในตอนนี้อ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้เหลือเพียงตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ผมมีพร้อมทั้งครอบครัวและสหาย ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
"ท่านพี่ ขอบคุณมากครับ"
ผมขอบคุณพี่สาวจากใจจริง เธอได้แต่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน เอาล่ะถึงเวลาต้องกลับไปเรียนพิเศษต่อแล้ว
....
"เป็นยังไงบ้าง มีอะไรที่ผมพอจะช่วยนายได้หรือป่าว?"
หลังจากผมเปิดประตูเข้าไป เรนก็รีบเข้ามาทักถามด้วยความเป็นห่วง
"โอ้...ถ้านายพูดถึงขนาดนั้นแล้วล่ะก็"
ผมกลับทันที เรนได้แต่ทำน่าเหยเก หัวเราะแห้งๆ คงจะรู้ตัวแล้วสินะ ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา
"ผมอยากได้กองกำลังจำนวนหนึ่ง ที่จะทำให้สามารถขับไล่หรือจับกุมกลุ่มโจรที่ซ้อนตัวอยู่ในเขตสลัมนะ"
ผมเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่เรนกับอ้าปากค้าง สีหน้าซีด เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของผม
เรนเป็นถึงลูกชายของจักรพรรดิคนต่อไป และเรนเองก็น่าจะมีเส้นสายพอสมควร ผมก็คิดอยู่ว่าจะขอให้เรนช่วยยังไงดี แต่เจ้าตัวเสนอให้แบบนี้ก็สบายใจหน่อย
"เจ้าหนู เจ้าคิดจะทำยังไงกันแน่?"
น้ำเสียงจริงจังของอาจารย์เมวิสเอ่ยขึ้นมาขัดบทสนทนา ด้วยฐานะที่เธอเป็นอาจารย์ก็ควรจะห้ามปราม แต่แววตาของเธอมีประกายระยิบระยับ
"ผมจะสร้างกิลด์ที่เขตสลัมนะครับ ผมขออนุญาตท่านพ่อไปเรียบร้อยแล้วด้วย คราวนี้ก็เหลือเพียงลงมือสร้าง แต่มันก็ติดปัญหานิดหน่อยครับ"
ผมอธิบายแบบคลุมเครือ แต่ด้วยความอัจฉริยะของอาจารย์เมวิสสามารถเข้าใจได้ในทันที
"กลุ่มโจรที่คอยซ่อนตัวอยู่ข้างในสลัมสินะ"
เธอเอ่ยเสียงจริงจัง พลางพยักหน้าตอบ อาจารย์เมวิสเข้าใจในสิ่งที่ผมกังวลในทันที
"ผมคิดจะทำความสะอาดเสียก่อน อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ?"
ในเมื่อผมคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นอย่างงี้ ก็ลากอาจารย์เข้ามาเอี่ยวด้วยเลย กำจัดศัตรูที่เข้มแข็งกว่า ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง
"วะฮาฮ่า น่าสนุกดีหนิ!"
อาจารย์เมวิสหัวเราจะชอบใจ นัยน์ตาสีเขียวอ่อนมีความตื่นเต้น หรือว่าบางทีเธออาจจะเป็นคนที่ชอบก่อเรื่องกันแนนะ
"ข้ามีแผนง่ายๆเลย เอาเฟนริลของข้าไปถล่มซะก็จบ"
สัตว์อสูรหมาป่าร่างยักษ์สีดำ เฟนริล แค่เพียงเฟนริลตัวเดียวก็เป็นภัยคุกคามระดับ D แล้วยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตอนที่ได้รับบัพขี้โกงจากเธอเลย
ก็จริง แบบนั้นอาจจะง่ายกว่าที่คิดไว้ก็ได้ แต่กลับมีเสียงคัดค้านดังขึ้นมาจากบริเวณโต๊ะน้ำชา มุมห้อง สาวงามสวมแว่นสายตา ผมยาวสลวยสีชมพูพาสเทล กำลังนั่งดื่มชา ท่าทางของเธอช่างสูงส่งและเย็นชา
"โง่เง่ามากคะ แค่ลูกหมาตัวน้อยจะไปทำอะไรได้"
น้ำเสียงเย็นชาปนเย้ยหยันของเธอ ทำให้
อาจารย์เมวิสต้องระเบิดโทสะ จนผมกับเรนจึงต้องช่วยกันห้ามปราม เฮ้อ...ผมถอนหายใจเฮือกอย่างอ่อนแรง
"อาจารย์ลิเลียนมีวิธีที่ดีกว่านี้หรือครับ"
เรนเอ่ยถามนักปราชญ์หญิงลิเลียนที่นั่งดื่มชาอยู่มุมห้อง
"อยู่แล้วค่ะ"
น้ำเสียงเรียบนิ่งของนักปราชญ์หญิง กับบรรยากาศเย็นชาของเธอ ทำให้เดาอารมณ์ได้ยากยิ่ง ทุกสายตาต่างจ้องมายังเธอ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอตื่นตระหนกเลยสักนิด
"วิธีที่ดีกว่าของยัยเอลฟ์โลลิก็คือ..."
***
•นักปราชญ์หญิงลิเลียน•
นี้ก็เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ที่ข้าได้พักอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลแอชคลาส นั้นจึงทำให้ข้าได้ตกใจมาก
โนอา แอชคลาส บุตรชายคนเล็กของตระกูลแอชคลาส จะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะก็ไม่ปาน อายุเพียง6ขวบ ก็สามารถบรรลุ[ระดับฝึกหัดระยะกลาง] ซึ่งน้อยคนนักที่จะสามารถทำได้
ฝีมือดาบก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักดาบขั้นสูงเลย เพียงแต่เรี่ยวแรงอาจจะยังไม่เพียงพอ สามารถเข้าใจถึงทฤษฎียุ่งยากของยัยเอลฟ์โลลิ ที่แม้แต่ตัวข้าก็ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด
และที่สำคัญดวงตานั้น [เนตรสวรรค์] เหมือนกับในบันทึกในศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผิด นัยน์ตาสีอำพัน มีลวดลายดอกไม้ ดวงตาที่สามารถมองเห็นแม้แต่ความจริงบนโลก
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะค่อนข้างรักอิสระ จะเลือกทำในสิ่งที่อยากจะทำแค่นั้น แต่ก็ค่อนข้างใส่ใจกับสหายตน
ท่านเรนคิดถูกแล้ว ที่เลือกผูกมิดกับคนแบบนี้
แต่น่าเจ็บใจ อัจฉริยะเช่นนี้กับต้องเป็นลูกศิษย์ของยัยเอลฟ์โลลิ ที่มีนิสัยเหมือนเด็กที่พยายามทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ ถึงจะมีความรู้มากมายแต่กลับตัดสินใจได้โง่เขลานัก
ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว หลายครั้งที่รางวัลที่ได้จากการทำภารกิจของนักผจญภัย กับต้องเอาไปใช้เป็นค่าชดเชยมิหนำซ้ำยังต้องควักกระเป๋าตัวเองเพิ่มอีก เพื่อเป็นค่าชดเชยที่ทำเกินไปกว่าเหตุ
ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้ยัยบ้านี้ ทำตามใจชอบไม่ได้ และเพื่อไม่ให้ทุ่งดอกไฮยาชินต้องถูกต้องถูกทำลายลง ข้าจะต้องคอยสนับสนุนท่านเรน แค่คิดถึงผลรับหัวใจก็เต้นรัวแล้ว
"วิธีที่ดีกว่าของยัยเอลฟ์โลลิก็คือ..."
"ต้องได้รับความช่วยเหลือจากท่านเรนคะ"
แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเรนเป็นใคร? บุตรชายของผู้สืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิและยังเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
"แค่เพียงใช้ชื่อเสียงของท่านเรน ก็สามารถรวบรวมกำลังได้แล้วคะ"
คำอธิบายของข้า ทำให้ท่านเรนมีสีหน้างุนงง แต่เด็กชายผมสีดำกับสงบเยือกเย็น สามารถเข้าใจในสิ่งที่ข้าอธิบายได้ทันที
ว่าแล้วเชียว ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย
"ฮาฮ่า ต้องรบกวนนายแล้วละเพื่อนรัก"
น้ำเสียงเย้าหยอก และรอยยิ้มอ่อนโยนของเด็กชายผมสีดำ ทำให้ท่านเรนตัวแข็งทื่อ ท่านเรนเป็นถึงองค์ชายการจะหาสหายที่เข้ากันได้นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะส่วนใหญ่นั้นหวังสิ่งตอบแทนจากท่านเรน
แต่แววตาของเด็กชายผมสีดำตรงหน้านี้ ไม่มีความเสแสร้งแม้แต่น้อย ท่านเรนพยายามเข้า ความสัมพันธ์มันต้องเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันก่อนจากนั้นก็....
ข้ารู้สึกหัวใจเต้นแรงมาก ดังนั้นจึงพยายามสงบสติอารมณ์รักษาภาพลักษณ์ของข้าเอาไว้
"เจ้าคงคิดอะไรแปลกๆอยู่สินะ?"
ยัยเอลฟ์โลลิจ้องจะหาเรื่องข้า แต่ข้าไม่สนใจหรอกนะ ไม่อยากจะทะเลาะกับเด็กไม่รู้จักโต ข้าคิดในใจเช่นนี้ก็รู้สึกว่าจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ฮาฮา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นทำให้บรรยากาศที่ตรึงเครียดนี้ผ่อนคลายลง
"เชิญเข้ามาครับ"
เด็กชายผมสีดำ ขานตอบรับ ประตูจึงค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แต่งกลายด้วยชุดเกราะหนัง นี่คือนักผจญภัยที่ได้รับภาระกิจจากท่านอาเรีย ให้มาคอยอารักขาท่านเรน
"ขออนุญาตครับ นายน้อยโนอา องค์ชายเรน และท่านนักปราชญ์หญิงทั้งสอง"
ชายร่างสูงใหญ่ทักทายทุกคนตามประสานักผจญภัย
"ข้าได้ยินว่าท่านจะทำการช่วยเหลือผู้คนเขตสลัม ที่นั้นเป็นบ้านเกิดของข้า ได้โปรดให้ข้าได้มีส่วนร่วมได้หรือไม่ครับ"
น้ำเสียงจริงจังหนักแน่น อยากจะปฎิเสธทำให้ทุกสายตาต่างหันมามองยังชายร่างสูงใหญ่
"ข้ามีเส้นสายพอสมควรในที่แห่งนั้น อาจจะพอเป็นประโยชน์ต่อท่านได้บ้าง"
....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ