แด่เธอ...สุดที่รัก
10.0
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
21 ตอน
1 วิจารณ์
10.73K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) รับรู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ ห้องผู้ป่วย ที่เขียนชื่อเอาไว้ว่า วิยะดา วิริยะโยธิน
แม่ของแพรวนอนหลับอยู่ที่โซฟารับรอง เจมส์เข็นรถเข็นที่มีกายนั่งอยู่เข้ามาอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้รบกวนแม่แพรวที่นอนหลับ กายถูกเข็นมาชิดเตียงของแพรวอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เอามือทั้งสองกุมมือแพรวเอาไว้
เจมส์กระซิบ "ถ้ามึงจะกลับมึงก็ไลน์มา หรือโทรมากูจะรอนอกห้อง" กายหันไปมองด้วยสายที่ที่เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ
กายกระซิบ "ขอบคุณมึงจริงๆ นะ"
กายนั่งมองหน้าแพรวอยู่แบบนั้นจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ กายที่ตอนนี้ที่อ่อนล้าเต็มทีก็เผลอหลับไปข้างๆ แพรว
กี่โมงแล้วเนี่ย ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความเพลีย มองไปรอบห้องที่มืด รู้สึกถึงอะไรทั้งร้อนทั้งหนักทับแขน ขยับมือไม่ได้เลย เหน็บกินหมดแล้วเนี่ย ฉันพยายามตะแคงข้างมาดูผู้ชายที่นอนเอาหน้าทับแขนฉันอยู่ข้างๆ ในเงามืดเพื่อดูให้ชัดว่าใคร
"กาย"
"กาย"
"กาย ลุกเลย มานอนอะไรตรงนี้" ตัวร้อนจี๋เลย
"กาย" ไม่ขยับเลยแฮะ เป็นอะไรเนี่ย มาเฝ้าเราหรือจะให้เราเฝ้ากันแน่
"กาย!!!" พอฟ้าจับตัวกายก็พบว่ากายทิ้งตัวแบบคนหมดสติแถมตัวร้อนจนแพรวสัมผัสได้ ด้วยความตกใจจึงรีบลงจากเตียงมาพยุงตัวของกายให้หงายไปพิงกับพนักรถเข็น รำคาญก็แต่สายน้ำเกลือนี่เกะกะจริงๆ แพรวสังเกตดูดีๆ ถึงได้เริ่มเห็นความผิดปกติของร่างกายที่เอนพิงไปกับพนักเก้าอี้ มันคือเก้าอี้รถเข็น กายเป็นอะไรทำไมถึงนั่งรถเข็น แถมยังหมดสติอีก
"แพรวฟื้นแล้วเหรอลูก" แม่ของแพรวที่กลับมาจากที่ไหนซักที่เดินเข้าประตูห้องมาหาแพรว
"แม่ กายเป็นอะไรไม่รู้ ทั้งนั่งบนรถเข็นแล้วมาสลบตรงนี้ แม่ช่วยกายด้วย" แพรวเริ่มเสียงสั่นด้วยความตกใจ ส่วนแม่แพรวตอนที่เดินออกไปจากห้องเพื่อไปซื้อของมาให้เด็กๆ กิน ก็ไม่ทันสังเกตเพราะห้องปิดไฟมืด
เจมส์ที่นอนอยู่ด้านนอกพอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที
"กาย!!!! มึงฟื้นสิ เป็นอะไรวะ" เจมส์เข้ามาช่วยเรียกกาย
"เจมส์" นี่เจมส์ก็ยังไม่กลับเหรอเนี่ย
"เจมส์ เจมส์ช่วยกายด้วย"
ในขณะที่ฉันกำลังร้องไห้และพยายามจะปลุกกาย แม่ของแพรวเลยมาห้ามไว้เนื่องจากไม่รู้ว่ากายนั้นเป็นอะไรกันแน่ "แพรว เรายังไม่รู้ว่ากายเป็นอะไร อย่าไปเขย่ากายแบบนั้น" แพรวหยุดทันทีและเปลี่ยนมาเรียกกายแทน
เจมส์ที่มีสติอยู่คนเดียวรีบวิ่งไปเรียกหมอและพยาบาลเพื่อเข้ามาดูอาการของกาย หลังจากนั้นทั้งหมอและพยาบาลก็พากันวิ่งวุ่นนำตัวของกายขึ้นเตียงนอนและพาออกไปทันที
"กาย กาย!!!" แพรวยังคงเรียกกายไม่หยุด
"แพรว แพรวใจเย็นๆ" ทั้งแม่และเจมส์ต่างพากันพูดบอกแพรว แต่แพรวไม่ฟังเลยแม้แต่น้อยแถมยังดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนและวิ่งไปหากาย เจมส์รีบคว้าแขนของแพรวไว้ไม่ให้ตามไป
"เจมส์ปล่อย!!! เราจะไปดูกาย"
"คุณพยาบาลครับ ช่วยดูสายน้ำเกลือให้เธอด้วย" แต่แพรวเหมือนจะไม่ฟังพยายามสะบัดแขนออกจากมือเจมส์ "แพรวอย่าดื้อนะ!!" เจมส์ที่เป็นคนแสนดีมาโดยตลอดครั้งนี้อดทนกับการไม่ฟังใครของแพรวไม่ไหวเหมือนกัน เลยออกเสียงดุใส่แพรว ดังนั้นเมื่อเจมส์พูดแทนคำพูดที่แม่แพรวอยากจะพูดไปแล้ว แม่ของแพรวได้แต่เข้ามากันแพรวไว้ไม่ให้ตามไป
"อย่ามายุ่งได้ไหมเจมส์!!! แม่ถอยไป กายเป็นอะไร ทำไมถึงต้องนั่งรถเข็นแล้วทำไมถึงสลบไปแบบนั้น" แพรวโวยวายด้วยความเป็นห่วงคนเมื่อสักครู่ที่ถูกหามขึ้นรถเข็นออกจากห้องไป
"แพรวอย่ามาใช้อารมณ์กับคนอื่นแบบนี้นะ!!!" แม่แพรวหมดความอดทน "รู้ไหมว่าคนตรงหน้าคือคนที่อุ้มแกมาที่นี่ และเขาก็ยังไม่ได้กลับบ้านหรือไปนอนพักเลยแม้แต่น้อย เฝ้าแกอยู่ตลอดเวลา" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของแม่แพรวแสดงอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแพรวเห็นแบบนั้นก็ได้สติและสงบลง
เจมส์ถอนหายใจก่อนจะพูดกับแพรวแบบใจเย็น "อยู่นิ่งซักเดี๋ยว" คนพูด พูดพลางหยิบมือข้างที่แพรวถอดสายน้ำเกลือออกมาแล้วลูบอย่างอ่อนโยน "สงบสติก่อนเราจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง แล้วจะพาไปเจอกาย" เมื่อแพรวได้ยินตามนั้นถึงได้คลายอารมณ์ลงและยอมนั่งอยู่บนเตียงตามเดิม
เมื่อพยาบาลเข้ามาจัดการกับสายน้ำเกลือที่แพรวดึงทิ้งเรียบร้อย แม่ของแพรวเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้วเลยบอกกับเด็กๆ ว่าจะกลับไปดูบ้านสักหน่อยและจะแวะเข้าออฟฟิศเพราะไม่ได้ทำเรื่องลาเอาไว้ ส่วนแพรวก็อยู่ในท่านั่งเพื่อรอฟังสิ่งที่เจมส์กำลังจะพูด
"เล่าให้ฟังได้หรือยังว่ากายเป็นอะไร"
"ต้องบอกก่อนนะเราก็พึ่งรู้ตอนมาส่งแพรวที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้"
"รู้ว่าอะไร" รีบๆ พูดหน่อยสิเจมส์
"กายป่วยหนัก"
"โอ๊ย... ป่วยเป็นอะไรพูดทีเดียวได้ไหม" ลืมตัวอีกแล้วฉันต้องสงบสติต้องไม่เหวี่ยงใส่คนที่ช่วยฉัน
"..."
"ทำไมไม่พูดต่อล่ะ กายเป็นอะไร" เงียบทำไมนะคนยิ่งร้อนใจอยู่
"เฮ้อ~ เอาเถอะจะเสียมารยาทกับเรายังไงก็ได้แต่อย่าทำต่อหน้าผู้ใหญ่หรือให้ใครเห็นมันจะดูไม่ดี ยิ่งเวลาแพรวขึ้นเสียงใส่เรา เราอยากถามว่าเราทำอะไรผิดเหรอ" เจมส์ที่เริ่มเหลืออดกับการพูดจาเสียงดังของแพรว
แพรวที่ลืมตัวถูกดึงสติกลับมาเป็นครั้งที่ 2 จริงด้วยเจมส์ไม่ได้ทำอะไรผิด เขามาดูแลเราด้วยซ้ำ เรายังจะทำนิสัยแย่ๆ ใส่อีก "เราขอโทษนะเจมส์ ขอร้องละเจมส์บอกเราหน่อยว่ากายเป็นอะไร" แพรวเริ่มปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"สัญญาว่าจะไม่โวยวาย และเตรียมใจยอมรับสิ่งที่จะได้ฟังต่อไปนี้ว่ามันคือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติของมัน เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำอะไรไม่ได้ เราแค่ต้องหาทางอยู่ร่วมกับมันนะ"
"..." ร้ายแรงมากขนาดไหนกันถึงได้บอกให้เตรียมใจ
"กายเป็นลูคีเมีย"
"อะไรนะ! มะเร็งเม็ดเลือดขาวนะเหรอ"
เหตุการณ์ที่เคยไม่เข้าใจตั้งแต่ที่กายเริ่มตีตัวออกหาก พูดจาแปลกๆ ไหนบอกว่าจะไปต่างประเทศแต่ก็กลับมาอยู่กับเรา แล้วร่างกายที่ซูบผอมอีก มันชัดเจนว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น คนฉลาดอย่างแพรวทำให้เดาทางเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
"แพรว"
"..." ฉันหันไปมองหน้าเจมส์แต่มันพูดอะไรไม่ออกจริงๆ ไม่รู้จะพูดอะไร สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมละกาย เพื่อนกันจะปิดบังทำไม ทำไมจะต้องหายไป จะตีตัวออกหากทำไม
"แพรว โอเคหรือเปล่า" เหมือนเสียงของเจมส์จะไม่เข้าหูแพรวสักนิด
"..." ลูคีเมียเหรอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิดสิแพรว อยู่ๆ กายก็ผอมลงจนสังเกตเห็นได้ชัด พร้อมๆ กับอาการตีตัวออกหาก ตั้งแต่วันเกิด ตั้งแต่ที่ถูกทำโทษ หรือเมื่อไหร่กัน
"แพรว!!! อย่านิ่งแบบนี้สิ"
"กายอยู่ที่นี่ใช่ไหม เราจะไปดูกาย"
ชั้น 3 ของโรงพยาบาล เมโย เมื่อ ไม่กี่นาทีก่อนหน้า
"คนไข้มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง หมดสติ และมีภาวะเลือดจางด้วยค่ะคุณหมอ"
"เราคงต้องให้คีโมโดยด่วน และถ่ายเลือดให้เขาด้วย"
"คนไข้ คนไข้คะได้ยินเสียงดิฉันไหม" ไร้การตอบรับจากกาย
"กาย คุณกาย" เหมือนว่ากายพอจะได้สติเล็กน้อย แล้วพยายามจะลืมตาแต่ไม่สามารถต้านทานอาการอ่อนเพลียนี้ได้ทำให้กายอยู่ในสภาพนอนไม่รู้เรื่องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอและพยาบาลรักษากันไปตามความเหมาะสม
แพรวและเจมส์ยืนดูอยู่ด้านนอกมองเห็นทั้งหมอและพยาบาลกำลังชุลมุนอยู่ ทั้งคู่รอให้หมอและพยาบาลออกมาให้หมดก่อนแล้วถึงจะเข้าไปหากาย
ไม่ร้องนะแพรว เราต้องไม่ร้อง คงเจ็บน่าดูเลยกายทำไมเป็นหนักขนาดนี้นะ สายอะไรเต็มตัวไปหมด ไหนจะเครื่องช่วยหายใจอีก ภาพที่เห็นตรงหน้ามันอดไม่ได้ที่น้ำตาจะซึมออกมา ในครั้งนี้เจมส์รู้ฐานะตัวเองดีว่าอะไรควรหรือไม่ควรแม้จะอยากกอดแพรวเพื่อปลอบใจแค่ไหนก็ทำได้แค่บีบไหล่แพรวเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่ายังไงแพรวก็จะยังมีเจมส์อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัว
"กายเป็นหนักมากเลยเจมส์"
"ครับ"
"จะมีโอกาสหายไหม"
"โอกาสหายมี แต่คิดเป็นกลางเข้าไว้นะครับ อย่าลืมว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้จะได้เตรียมใจทันหากเกิดเหตุไม่คาดคิด" เจมส์ตอบแบบคนเป็นผู้ใหญ่ปลงโลก อาจจะเป็นเพราะเคยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาแล้ว ในตอนนั้นเจมส์เองก็เป็นคนที่ไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้นเพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากไม่มีแม้แต่เวลาได้เตรียมใจ ไม่มีช่วงเวลาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
ที่เจมส์พูดมามันก็จริง แต่ปัจจุบันยังไงก็น่าจะมีทางรักษาให้หายได้อยู่แล้ว กายต้องไม่เป็นอะไรหรอก ฉันเชื่อแบบนั้น
แม่ของแพรวนอนหลับอยู่ที่โซฟารับรอง เจมส์เข็นรถเข็นที่มีกายนั่งอยู่เข้ามาอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้รบกวนแม่แพรวที่นอนหลับ กายถูกเข็นมาชิดเตียงของแพรวอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เอามือทั้งสองกุมมือแพรวเอาไว้
เจมส์กระซิบ "ถ้ามึงจะกลับมึงก็ไลน์มา หรือโทรมากูจะรอนอกห้อง" กายหันไปมองด้วยสายที่ที่เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ
กายกระซิบ "ขอบคุณมึงจริงๆ นะ"
กายนั่งมองหน้าแพรวอยู่แบบนั้นจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ กายที่ตอนนี้ที่อ่อนล้าเต็มทีก็เผลอหลับไปข้างๆ แพรว
กี่โมงแล้วเนี่ย ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความเพลีย มองไปรอบห้องที่มืด รู้สึกถึงอะไรทั้งร้อนทั้งหนักทับแขน ขยับมือไม่ได้เลย เหน็บกินหมดแล้วเนี่ย ฉันพยายามตะแคงข้างมาดูผู้ชายที่นอนเอาหน้าทับแขนฉันอยู่ข้างๆ ในเงามืดเพื่อดูให้ชัดว่าใคร
"กาย"
"กาย"
"กาย ลุกเลย มานอนอะไรตรงนี้" ตัวร้อนจี๋เลย
"กาย" ไม่ขยับเลยแฮะ เป็นอะไรเนี่ย มาเฝ้าเราหรือจะให้เราเฝ้ากันแน่
"กาย!!!" พอฟ้าจับตัวกายก็พบว่ากายทิ้งตัวแบบคนหมดสติแถมตัวร้อนจนแพรวสัมผัสได้ ด้วยความตกใจจึงรีบลงจากเตียงมาพยุงตัวของกายให้หงายไปพิงกับพนักรถเข็น รำคาญก็แต่สายน้ำเกลือนี่เกะกะจริงๆ แพรวสังเกตดูดีๆ ถึงได้เริ่มเห็นความผิดปกติของร่างกายที่เอนพิงไปกับพนักเก้าอี้ มันคือเก้าอี้รถเข็น กายเป็นอะไรทำไมถึงนั่งรถเข็น แถมยังหมดสติอีก
"แพรวฟื้นแล้วเหรอลูก" แม่ของแพรวที่กลับมาจากที่ไหนซักที่เดินเข้าประตูห้องมาหาแพรว
"แม่ กายเป็นอะไรไม่รู้ ทั้งนั่งบนรถเข็นแล้วมาสลบตรงนี้ แม่ช่วยกายด้วย" แพรวเริ่มเสียงสั่นด้วยความตกใจ ส่วนแม่แพรวตอนที่เดินออกไปจากห้องเพื่อไปซื้อของมาให้เด็กๆ กิน ก็ไม่ทันสังเกตเพราะห้องปิดไฟมืด
เจมส์ที่นอนอยู่ด้านนอกพอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที
"กาย!!!! มึงฟื้นสิ เป็นอะไรวะ" เจมส์เข้ามาช่วยเรียกกาย
"เจมส์" นี่เจมส์ก็ยังไม่กลับเหรอเนี่ย
"เจมส์ เจมส์ช่วยกายด้วย"
ในขณะที่ฉันกำลังร้องไห้และพยายามจะปลุกกาย แม่ของแพรวเลยมาห้ามไว้เนื่องจากไม่รู้ว่ากายนั้นเป็นอะไรกันแน่ "แพรว เรายังไม่รู้ว่ากายเป็นอะไร อย่าไปเขย่ากายแบบนั้น" แพรวหยุดทันทีและเปลี่ยนมาเรียกกายแทน
เจมส์ที่มีสติอยู่คนเดียวรีบวิ่งไปเรียกหมอและพยาบาลเพื่อเข้ามาดูอาการของกาย หลังจากนั้นทั้งหมอและพยาบาลก็พากันวิ่งวุ่นนำตัวของกายขึ้นเตียงนอนและพาออกไปทันที
"กาย กาย!!!" แพรวยังคงเรียกกายไม่หยุด
"แพรว แพรวใจเย็นๆ" ทั้งแม่และเจมส์ต่างพากันพูดบอกแพรว แต่แพรวไม่ฟังเลยแม้แต่น้อยแถมยังดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนและวิ่งไปหากาย เจมส์รีบคว้าแขนของแพรวไว้ไม่ให้ตามไป
"เจมส์ปล่อย!!! เราจะไปดูกาย"
"คุณพยาบาลครับ ช่วยดูสายน้ำเกลือให้เธอด้วย" แต่แพรวเหมือนจะไม่ฟังพยายามสะบัดแขนออกจากมือเจมส์ "แพรวอย่าดื้อนะ!!" เจมส์ที่เป็นคนแสนดีมาโดยตลอดครั้งนี้อดทนกับการไม่ฟังใครของแพรวไม่ไหวเหมือนกัน เลยออกเสียงดุใส่แพรว ดังนั้นเมื่อเจมส์พูดแทนคำพูดที่แม่แพรวอยากจะพูดไปแล้ว แม่ของแพรวได้แต่เข้ามากันแพรวไว้ไม่ให้ตามไป
"อย่ามายุ่งได้ไหมเจมส์!!! แม่ถอยไป กายเป็นอะไร ทำไมถึงต้องนั่งรถเข็นแล้วทำไมถึงสลบไปแบบนั้น" แพรวโวยวายด้วยความเป็นห่วงคนเมื่อสักครู่ที่ถูกหามขึ้นรถเข็นออกจากห้องไป
"แพรวอย่ามาใช้อารมณ์กับคนอื่นแบบนี้นะ!!!" แม่แพรวหมดความอดทน "รู้ไหมว่าคนตรงหน้าคือคนที่อุ้มแกมาที่นี่ และเขาก็ยังไม่ได้กลับบ้านหรือไปนอนพักเลยแม้แต่น้อย เฝ้าแกอยู่ตลอดเวลา" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของแม่แพรวแสดงอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแพรวเห็นแบบนั้นก็ได้สติและสงบลง
เจมส์ถอนหายใจก่อนจะพูดกับแพรวแบบใจเย็น "อยู่นิ่งซักเดี๋ยว" คนพูด พูดพลางหยิบมือข้างที่แพรวถอดสายน้ำเกลือออกมาแล้วลูบอย่างอ่อนโยน "สงบสติก่อนเราจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง แล้วจะพาไปเจอกาย" เมื่อแพรวได้ยินตามนั้นถึงได้คลายอารมณ์ลงและยอมนั่งอยู่บนเตียงตามเดิม
เมื่อพยาบาลเข้ามาจัดการกับสายน้ำเกลือที่แพรวดึงทิ้งเรียบร้อย แม่ของแพรวเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้วเลยบอกกับเด็กๆ ว่าจะกลับไปดูบ้านสักหน่อยและจะแวะเข้าออฟฟิศเพราะไม่ได้ทำเรื่องลาเอาไว้ ส่วนแพรวก็อยู่ในท่านั่งเพื่อรอฟังสิ่งที่เจมส์กำลังจะพูด
"เล่าให้ฟังได้หรือยังว่ากายเป็นอะไร"
"ต้องบอกก่อนนะเราก็พึ่งรู้ตอนมาส่งแพรวที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้"
"รู้ว่าอะไร" รีบๆ พูดหน่อยสิเจมส์
"กายป่วยหนัก"
"โอ๊ย... ป่วยเป็นอะไรพูดทีเดียวได้ไหม" ลืมตัวอีกแล้วฉันต้องสงบสติต้องไม่เหวี่ยงใส่คนที่ช่วยฉัน
"..."
"ทำไมไม่พูดต่อล่ะ กายเป็นอะไร" เงียบทำไมนะคนยิ่งร้อนใจอยู่
"เฮ้อ~ เอาเถอะจะเสียมารยาทกับเรายังไงก็ได้แต่อย่าทำต่อหน้าผู้ใหญ่หรือให้ใครเห็นมันจะดูไม่ดี ยิ่งเวลาแพรวขึ้นเสียงใส่เรา เราอยากถามว่าเราทำอะไรผิดเหรอ" เจมส์ที่เริ่มเหลืออดกับการพูดจาเสียงดังของแพรว
แพรวที่ลืมตัวถูกดึงสติกลับมาเป็นครั้งที่ 2 จริงด้วยเจมส์ไม่ได้ทำอะไรผิด เขามาดูแลเราด้วยซ้ำ เรายังจะทำนิสัยแย่ๆ ใส่อีก "เราขอโทษนะเจมส์ ขอร้องละเจมส์บอกเราหน่อยว่ากายเป็นอะไร" แพรวเริ่มปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"สัญญาว่าจะไม่โวยวาย และเตรียมใจยอมรับสิ่งที่จะได้ฟังต่อไปนี้ว่ามันคือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติของมัน เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำอะไรไม่ได้ เราแค่ต้องหาทางอยู่ร่วมกับมันนะ"
"..." ร้ายแรงมากขนาดไหนกันถึงได้บอกให้เตรียมใจ
"กายเป็นลูคีเมีย"
"อะไรนะ! มะเร็งเม็ดเลือดขาวนะเหรอ"
เหตุการณ์ที่เคยไม่เข้าใจตั้งแต่ที่กายเริ่มตีตัวออกหาก พูดจาแปลกๆ ไหนบอกว่าจะไปต่างประเทศแต่ก็กลับมาอยู่กับเรา แล้วร่างกายที่ซูบผอมอีก มันชัดเจนว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น คนฉลาดอย่างแพรวทำให้เดาทางเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
"แพรว"
"..." ฉันหันไปมองหน้าเจมส์แต่มันพูดอะไรไม่ออกจริงๆ ไม่รู้จะพูดอะไร สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมละกาย เพื่อนกันจะปิดบังทำไม ทำไมจะต้องหายไป จะตีตัวออกหากทำไม
"แพรว โอเคหรือเปล่า" เหมือนเสียงของเจมส์จะไม่เข้าหูแพรวสักนิด
"..." ลูคีเมียเหรอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิดสิแพรว อยู่ๆ กายก็ผอมลงจนสังเกตเห็นได้ชัด พร้อมๆ กับอาการตีตัวออกหาก ตั้งแต่วันเกิด ตั้งแต่ที่ถูกทำโทษ หรือเมื่อไหร่กัน
"แพรว!!! อย่านิ่งแบบนี้สิ"
"กายอยู่ที่นี่ใช่ไหม เราจะไปดูกาย"
ชั้น 3 ของโรงพยาบาล เมโย เมื่อ ไม่กี่นาทีก่อนหน้า
"คนไข้มีอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง หมดสติ และมีภาวะเลือดจางด้วยค่ะคุณหมอ"
"เราคงต้องให้คีโมโดยด่วน และถ่ายเลือดให้เขาด้วย"
"คนไข้ คนไข้คะได้ยินเสียงดิฉันไหม" ไร้การตอบรับจากกาย
"กาย คุณกาย" เหมือนว่ากายพอจะได้สติเล็กน้อย แล้วพยายามจะลืมตาแต่ไม่สามารถต้านทานอาการอ่อนเพลียนี้ได้ทำให้กายอยู่ในสภาพนอนไม่รู้เรื่องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอและพยาบาลรักษากันไปตามความเหมาะสม
แพรวและเจมส์ยืนดูอยู่ด้านนอกมองเห็นทั้งหมอและพยาบาลกำลังชุลมุนอยู่ ทั้งคู่รอให้หมอและพยาบาลออกมาให้หมดก่อนแล้วถึงจะเข้าไปหากาย
ไม่ร้องนะแพรว เราต้องไม่ร้อง คงเจ็บน่าดูเลยกายทำไมเป็นหนักขนาดนี้นะ สายอะไรเต็มตัวไปหมด ไหนจะเครื่องช่วยหายใจอีก ภาพที่เห็นตรงหน้ามันอดไม่ได้ที่น้ำตาจะซึมออกมา ในครั้งนี้เจมส์รู้ฐานะตัวเองดีว่าอะไรควรหรือไม่ควรแม้จะอยากกอดแพรวเพื่อปลอบใจแค่ไหนก็ทำได้แค่บีบไหล่แพรวเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่ายังไงแพรวก็จะยังมีเจมส์อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัว
"กายเป็นหนักมากเลยเจมส์"
"ครับ"
"จะมีโอกาสหายไหม"
"โอกาสหายมี แต่คิดเป็นกลางเข้าไว้นะครับ อย่าลืมว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้จะได้เตรียมใจทันหากเกิดเหตุไม่คาดคิด" เจมส์ตอบแบบคนเป็นผู้ใหญ่ปลงโลก อาจจะเป็นเพราะเคยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาแล้ว ในตอนนั้นเจมส์เองก็เป็นคนที่ไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้นเพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากไม่มีแม้แต่เวลาได้เตรียมใจ ไม่มีช่วงเวลาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
ที่เจมส์พูดมามันก็จริง แต่ปัจจุบันยังไงก็น่าจะมีทางรักษาให้หายได้อยู่แล้ว กายต้องไม่เป็นอะไรหรอก ฉันเชื่อแบบนั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ