สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
-
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
45 chapter
53 วิจารณ์
21.44K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) คำขอร้อง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ‘พ่อคะริณกำลังจะกลับบ้าน...หนูคิดถึงพ่อค่ะ’
ฉันนึกประหวัดไปถึงเรื่องราวแต่หนหลัง...ตอนที่ฉันยังคงเป็นเด็ก
“ฉันคิดว่าหลังจากที่จบประถมแล้วจะให้ลูกไปเรียนต่อในเมืองนะ” แม่ของฉันพูดขึ้น ขณะที่ฉันกับพ่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เล็กๆ ตรงมุมโต๊ะอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ที่ไหนหรือคุณ?” พ่อเอ่ยถาม พลางตักผัดผักลงบนจานข้าวสวยร้อนๆ
ฉันชะเง้อคอมองกับข้าวสองสามอย่างที่แม่ทำ มีผัดผักที่เต็มไปด้วยแครอทหั่นเป็นเส้นๆ ถั่วงอก เห็ดหูหนู และ กะหล่ำปลีสีเขียวๆ ไข่เจียวหมูสับฟูๆ รวมไปถึงต้มจืดกระดูกหมูในชามกระเบื้องปากกว้างก้นลึกที่มีควันลอยกรุ่น ทุกอย่างดูน่าทานจนฉันตาวาว
“ที่อยุธยาค่ะ น้องสาวฉันทำงานอยู่ที่นั่น เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดให้แก่บริษัทนำเข้าเครื่องสำอางรายใหญ่ ฉันเกริ่นเรื่องนี้กับน้องแล้ว เธอดูแลลูกของเราได้” แม่ชี้แจงขณะรินน้ำเย็นในเหยือกใส่แก้วใบใสลายดอกทานตะวันให้ฉัน และลายกุหลาบแดงให้แก่พ่อ
“ทำไมเราต้องส่งลูกไปไกลหูไกลตาขนาดนั้นล่ะคุณ?”
“ฉันไม่อยากให้ลูกอยู่ที่นี่!” แม่กระแทกเหยือกลงบนโต๊ะอาหารทรงกลมจนน้ำกระเฉาะหกลงผ้าปูพลาสติกฉลุลายสีขาว ฉันตกใจที่จู่ๆ แม่ก็เสียงแข็งขึ้นมา
“คุณใจเย็นก่อนสิ”
“ฉันจะไม่มีวันยอมให้ลูกอยู่ที่นี่หรอกนะคะคุณ”
น้ำตาฉันปริ่มเหมือนจะไหล ขณะเงยหน้ามองแม่เห็นเธอยืนหลังตรงค้ำหัวของพ่อ ดวงตาโตจ้องประสานกับสายตาของอีกฝ่ายที่ก็มองจ้องมาทางเธอเช่นกัน สองมือของแม่ที่อยู่แนบลำตัวกำแน่นและสั่นระริก
“คุณนั่งลงก่อน” พ่อเตือน
ฉันรู้ว่าพ่อเองก็ตกใจเช่นกัน เพราะแต่ก่อนแม่ไม่ใช่คนแบบนี้จนมาช่วงหลังๆ นี่ล่ะที่ท่านหลุดแสดงอาการเครียดโดยไม่ทราบสาเหตุออกมาบ่อยครั้ง
แม่ค่อยๆ นั่งลงตรงที่ประจำของเธอ ร่างนั้นยังคงสั่น
“คุณก็รู้นี่คะว่าที่นี่เป็นยังไง” เธอหันไปคุยกับพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ พ่อวางช้อนส้อมลงและกอดอกรับฟัง ฉันแลเห็นเสี้ยวหน้าของแม่ และเส้นผมดำยาวถึงกลางแผ่นหลังขยับไหว มือข้างหนึ่งวางลงบนตักเหนือผ้ากันเปื้อนเก่าๆ ที่เปรอะไปด้วยคราบเขม่าก้นหม้อสีดำส่วนอีกข้างเธอยื่นไปเกาะแขนที่กอดอกอยู่ของพ่อและพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าฉันขอร้องละกันค่ะ”
“คุณน่ะคิดมากเกินไปนะที่รัก” พ่อยกมือซ้ายมากุมมือเรียวของแม่ไว้
ฉันแอบเหลือบมองดวงไฟเล็กๆ สีขาวอยู่เหนือโต๊ะอาหาร มีแมลงเม่าตัวน้อยบินหลงเข้ามาหาแสงบินเข้าถอยออกตอมหลอดแก้วนั้น
“ฉันกลัวว่าลูกเรา...” เสียงของแม่ขาดห้วงไป ระหว่างที่ฉันเฝ้ามองพฤติกรรมอันน่าฉงนของเจ้าแมลงเม่าอย่างสนอกสนใจ
“ฉันกลัวว่าลูกเราจะตกอยู่ในอันตราย....”
“ถึงแม้ว่าหมู่บ้านนี้จะไกลปืนเที่ยงและไม่เหมือนที่อื่นๆ เค้า แต่ก็คงไม่เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก....คุณอย่ากังวลไปเลยนะอย่างน้อยตราบใดที่ลูกมีเราอยู่เค้าจะต้องปลอดภัย”
“กรคะ เราสองคนไม่อาจจะจับตาเฝ้าดูแลลูกได้ตลอดเวลาหรอกนะคะ...และฉันก็ไม่รู้ว่าพวกคนอื่นๆ จะมาจับตัวเธอไปเมื่อไหร่”
“นี่คุณรู้...คุณรู้ได้ยังไง!” พ่อเสียงแข็งขึ้นมาทันที ดวงตาโตใต้เรียวคิ้วเข้มลุกวาวด้วยความตกใจ
ฉันได้ยินเสียงเปรี๊ยะ เบาๆ ก่อนที่ไฟจะดับวูบลงเพียงวินาทีแล้วจึงส่องสว่างขึ้นมาใหม่
เจ้าแมลงนั่นหายไปแล้ว….
ฉันนึกประหวัดไปถึงเรื่องราวแต่หนหลัง...ตอนที่ฉันยังคงเป็นเด็ก
“ฉันคิดว่าหลังจากที่จบประถมแล้วจะให้ลูกไปเรียนต่อในเมืองนะ” แม่ของฉันพูดขึ้น ขณะที่ฉันกับพ่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เล็กๆ ตรงมุมโต๊ะอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ที่ไหนหรือคุณ?” พ่อเอ่ยถาม พลางตักผัดผักลงบนจานข้าวสวยร้อนๆ
ฉันชะเง้อคอมองกับข้าวสองสามอย่างที่แม่ทำ มีผัดผักที่เต็มไปด้วยแครอทหั่นเป็นเส้นๆ ถั่วงอก เห็ดหูหนู และ กะหล่ำปลีสีเขียวๆ ไข่เจียวหมูสับฟูๆ รวมไปถึงต้มจืดกระดูกหมูในชามกระเบื้องปากกว้างก้นลึกที่มีควันลอยกรุ่น ทุกอย่างดูน่าทานจนฉันตาวาว
“ที่อยุธยาค่ะ น้องสาวฉันทำงานอยู่ที่นั่น เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดให้แก่บริษัทนำเข้าเครื่องสำอางรายใหญ่ ฉันเกริ่นเรื่องนี้กับน้องแล้ว เธอดูแลลูกของเราได้” แม่ชี้แจงขณะรินน้ำเย็นในเหยือกใส่แก้วใบใสลายดอกทานตะวันให้ฉัน และลายกุหลาบแดงให้แก่พ่อ
“ทำไมเราต้องส่งลูกไปไกลหูไกลตาขนาดนั้นล่ะคุณ?”
“ฉันไม่อยากให้ลูกอยู่ที่นี่!” แม่กระแทกเหยือกลงบนโต๊ะอาหารทรงกลมจนน้ำกระเฉาะหกลงผ้าปูพลาสติกฉลุลายสีขาว ฉันตกใจที่จู่ๆ แม่ก็เสียงแข็งขึ้นมา
“คุณใจเย็นก่อนสิ”
“ฉันจะไม่มีวันยอมให้ลูกอยู่ที่นี่หรอกนะคะคุณ”
น้ำตาฉันปริ่มเหมือนจะไหล ขณะเงยหน้ามองแม่เห็นเธอยืนหลังตรงค้ำหัวของพ่อ ดวงตาโตจ้องประสานกับสายตาของอีกฝ่ายที่ก็มองจ้องมาทางเธอเช่นกัน สองมือของแม่ที่อยู่แนบลำตัวกำแน่นและสั่นระริก
“คุณนั่งลงก่อน” พ่อเตือน
ฉันรู้ว่าพ่อเองก็ตกใจเช่นกัน เพราะแต่ก่อนแม่ไม่ใช่คนแบบนี้จนมาช่วงหลังๆ นี่ล่ะที่ท่านหลุดแสดงอาการเครียดโดยไม่ทราบสาเหตุออกมาบ่อยครั้ง
แม่ค่อยๆ นั่งลงตรงที่ประจำของเธอ ร่างนั้นยังคงสั่น
“คุณก็รู้นี่คะว่าที่นี่เป็นยังไง” เธอหันไปคุยกับพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ พ่อวางช้อนส้อมลงและกอดอกรับฟัง ฉันแลเห็นเสี้ยวหน้าของแม่ และเส้นผมดำยาวถึงกลางแผ่นหลังขยับไหว มือข้างหนึ่งวางลงบนตักเหนือผ้ากันเปื้อนเก่าๆ ที่เปรอะไปด้วยคราบเขม่าก้นหม้อสีดำส่วนอีกข้างเธอยื่นไปเกาะแขนที่กอดอกอยู่ของพ่อและพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าฉันขอร้องละกันค่ะ”
“คุณน่ะคิดมากเกินไปนะที่รัก” พ่อยกมือซ้ายมากุมมือเรียวของแม่ไว้
ฉันแอบเหลือบมองดวงไฟเล็กๆ สีขาวอยู่เหนือโต๊ะอาหาร มีแมลงเม่าตัวน้อยบินหลงเข้ามาหาแสงบินเข้าถอยออกตอมหลอดแก้วนั้น
“ฉันกลัวว่าลูกเรา...” เสียงของแม่ขาดห้วงไป ระหว่างที่ฉันเฝ้ามองพฤติกรรมอันน่าฉงนของเจ้าแมลงเม่าอย่างสนอกสนใจ
“ฉันกลัวว่าลูกเราจะตกอยู่ในอันตราย....”
“ถึงแม้ว่าหมู่บ้านนี้จะไกลปืนเที่ยงและไม่เหมือนที่อื่นๆ เค้า แต่ก็คงไม่เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก....คุณอย่ากังวลไปเลยนะอย่างน้อยตราบใดที่ลูกมีเราอยู่เค้าจะต้องปลอดภัย”
“กรคะ เราสองคนไม่อาจจะจับตาเฝ้าดูแลลูกได้ตลอดเวลาหรอกนะคะ...และฉันก็ไม่รู้ว่าพวกคนอื่นๆ จะมาจับตัวเธอไปเมื่อไหร่”
“นี่คุณรู้...คุณรู้ได้ยังไง!” พ่อเสียงแข็งขึ้นมาทันที ดวงตาโตใต้เรียวคิ้วเข้มลุกวาวด้วยความตกใจ
ฉันได้ยินเสียงเปรี๊ยะ เบาๆ ก่อนที่ไฟจะดับวูบลงเพียงวินาทีแล้วจึงส่องสว่างขึ้นมาใหม่
เจ้าแมลงนั่นหายไปแล้ว….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ