สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)

-

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.

  45 chapter
  62 วิจารณ์
  22.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ชะตา…ที่ต้องเปลี่ยน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“สิ่งที่คุณพยายามปกปิดฉันตลอดมา ฉันรู้ ฉันเห็นหมดแล้วค่ะ... ‘ธินกร’ คุณจะให้ลูกอยู่ในที่ๆ อันตรายแบบนี้ได้ยังไงกันคะ”  เสียงของแม่สั่นเครือ

 

“เรื่องพรรค์นั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับลูกของเราเป็นอันขาด…แต่ถ้าคุณไม่สบายใจเราจะส่งยัยริณไปเรียนต่อในโรงเรียนประจำในอำเภอเมือง” เสียงของพ่อฟังดูขุ่นเครียด แต่ในภาวะตรงนั้นฉันกลับสนใจสิ่งอื่นมากกว่าที่จะไปตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาทุ่มเถียงกัน

 

ฉันพยายามกวาดตามองหา เจ้าแมลงสีน้ำตาลตัวน้อยนั่น ‘มันบินไปไหนแล้วนะเร็วจัง?’

 

แต่แล้วเมื่อเลื่อนสายตาลงไปยังชามต้มจืด ฉันก็แลเห็นบางสิ่งบางอย่างดิ้นไหวอยู่บนผิวน้ำซุป

 

คราบมันเกาะปีกใสและตัวของแมลงเม่าก็กลายเป็นสีดำเมี่ยม ‘มันคงถูกไฟช็อตตกลงมา’ มีเพียงเท้าเล็กๆ ที่ชี้แข้งชี้ขาตะเกียกตะกายบอกให้รับรู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่ และกำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

 

“ลูกเรียนโรงเรียนประจำ มาพอแล้วนะคะ และฉันอยากให้เธอไปอยู่กับคนที่ไว้ใจได้ และพร้อมที่จะดูแลริณเป็นอย่างดี”

 

แม่กำลังพูดถึงน้องสาวเพียงคนเดียวของเธอที่อายุห่างกันห้าปี คุณน้าลดาแต่งงานมาหลายปีแล้วแต่ยังไม่มีลูก ฉันรู้แต่เพียงว่าเธอเป็นคุณน้าใจดีคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในอยุธยา ที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป...ไกลจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่เราอยู่

 

“ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับยกลูกของเราให้คนอื่นน่ะสิ....ผมไม่เห็นด้วย….ผมรักลูกมากนะ ‘รัน’ ”

                          

 “แล้วฉันไม่ได้รักลูกอย่างนั้นเหรอคะ...” แม่ลุกขึ้นพรวดพราด แม้เสียงของเธอจะสั่นเครือแต่ก็ฟังดูเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุด

 

“แล้วการที่เราให้เธอไปเรียนโรงเรียนประจำอย่างที่ทำอยู่นี่มันไม่ได้เหมือนกับการยกลูกให้คนอื่นอย่างนั้นเหรอคะ”

 

“แต่อย่างน้อยลูกก็ยังอยู่ใกล้เรา และเราก็สามารถไปหาเธอเมื่อไหร่ก็ได้” พ่อให้เหตุผล

 

“คุณคะ...อีกหน่อย ลูกก็จะต้องโตขึ้น เธอจะต้องเข้าเรียนมัธยม เรียนมหา’ลัย เราจะให้ลูกอยู่’ประจำไปตลอดชีวิตได้ยังไงกัน สักวันหนึ่งเธอก็จะต้องไปจากที่นี่ และเธอควรจะไปจากที่นี่”

 

พ่อปรายตามาดูฉันแวบหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นพยายามเข้าไปโอบกอดแม่เผื่อปลอบโยน แต่อีกฝ่ายกลับปัดป้องและดันตัวพ่อออกห่าง

 

ฉันได้แต่นั่งตัวแข็งทื่ออาการชาแล่นวาบไปทั่วร่าง เพราะความตระหนกตกใจ เพียงแต่ฉันไม่ได้ร้องไห้เหมือนกับแม่ในตอนนี้

 

“รันใจเย็นก่อน เราค่อยๆ หาทางแก้ไขไปดีมั๊ย ผมว่าบางทีคุณอาจจะคิดมากไปเอง เครียดไปเอง ทั้งๆ ที่ความจริงมันอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิด”   

 

“ก็มีแต่คนในหมู่บ้านนี้เท่านั้นแหละค่ะที่คิดแบบคุณ” แม่แผดเสียงก่อนจะปาดน้ำตา “กรคะ คุณเองก็เคยเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ คุณพาฉันมาอยู่ที่นี่...เพราะฉันรักคุณ...ฉันเลยยังคงอยู่ที่นี่เพื่ออยู่เคียงข้างคุณ”

 

“แต่สำหรับลูกสาวเพียงคนเดียวของเรา...ให้เธอไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้เถอะค่ะ...ถือว่านี่เป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะขอร้องจากคุณ”

 

พ่อมีท่าทีอ้ำอึ้งและนิ่งงัน เสียงฝนตกกระทบลงบนหลังคาดังกราวใหญ่ก่อนจะไหลลู่ลงมาตามร่องหลังคาไม้เป็นสายน้ำ ชั่วขณะที่เสมือนเวลาจะหยุดนิ่ง แม่ก็ประกาศกร้าวขึ้นมา

 

“แต่ถ้าคุณไม่ยอม ฉันก็จะเป็นคนหยุดความชั่วช้าของหมู่บ้านนี้เอง”  พูดเสร็จแม่ก็สะบัดร่างเดินปึงปังกลับเข้าไปในครัว

 

ณ เวลานั้น...ฉันไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าสิ่งที่พ่อและแม่ทุ่มเถียงกันอยู่เป็นนานสองนานนั้นมันคืออะไร ทว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วิถีชีวิตของฉันต้องแปรเปลี่ยนไปในเวลาต่อมา

 

หลังจากที่แม่เดินออกไปแล้ว พ่อก็หันมามองฉันด้วยแววตาเหมือนกำลังครุ่นคิดหนัก ฉันหลบสายตาอันน่าอึดอัดนั่น ทำทีเป็นยกช้อนตักแมลงเม่าออกจากถ้วยกระเบื้อง และทิ้งซากของมันลงบนกระดาษทิชชู่ที่วางรองไว้ ก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร 

 

ดูเหมือนเจ้าแมลงตัวนั้นจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนอีกต่อไป ร่างสีดำของมันแข็งทื่อ และหงิกงออยู่ในท่านั้น ชีวิตของสัตว์ตัวน้อยๆ ดับมอดลงอย่างง่ายดาย และน่าเวทนายิ่ง

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา