สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
-
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
45 chapter
53 วิจารณ์
21.45K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
41) ดอกสายฝน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ขณะที่พวกเราวิ่งลอดผืนผ้าใบไปนั้น ฉันก็รู้สึกถึงสายตาหลายสิบคู่กำลังแอบชำเลืองมองฉันจนต้องหยุดกึก แต่พอเหลียวไปพวกเขาก็เหมือนจะรู้ทันและแสร้งทำเป็นหลบสายตาและหันไปพูดคุยกันทำทีเป็นไม่สนใจ
“ริณเป็นไร จู่ๆ ก็หยุด จะซื้ออะไรเหรอ?” แก้วเอ่ยปากถาม พร้อมกับเอกที่เบรคเอี๊ยดจนแทบหัวทิ่มหัวตำ
เมื่อสักครู่ฉันเห็นป้าคนที่ยืนซื้อผักตรงนั้นแกหันหน้ามามองฉัน…จริงๆ นะฉันไม่ได้ตาฝาด แม้ว่าพอมองไปอีกครั้งจะเห็นว่าแกกำลังยื่นมือไปจ่ายแบงก์ร้อยให้กับแม่ค้ารูปร่างอ้วนท้วนผิวเข้มสวมเสื้อคอกระเช้าและผ้าถุงสีเขียวแก่ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ อยู่ก็เถอะ
ฉันชักเริ่มเป็นกังวลแล้วว่า…บางทีถ้อยคำที่ทั้งสองคนนั้นกำลังสนทนาวิสาสะกันอยู่ อาจมีอะไรเกี่ยวพันถึงตัวฉันด้วยรึเปล่านะ
‘นี่มันอะไรกัน หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง’
“อ๋อเปล่าๆ ไปกันเถอะ” ฉันตอบก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองป้าคนนั้น ด้วยความขับข้องใจอีกหลายครั้งหลายหน
______________________________
แสงพลอยพาฉันเดินมาถึงทุ่งดอกไม้สีขาวอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งงดงามตระการตาเสียจนฉันต้องร้องว้าวออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดูมืดหม่นแห่งนี้จะมีสถานที่ที่สวยงามแบบนี้อยู่ด้วย
“นี่มันดอกอะไรน่ะ สวยจัง” เพื่อนสาวของฉันเปรยออกมาลอยๆ ดวงตาโตเรียวเบิกกว้าง ริมฝีปากบางสีชมพูอ้าออก ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“โหยยเสียดายไม่ได้หยิบกล้องมา เซ็งชิบ” เอกบ่นอุบพร้อมกับเบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันเห็นเขาวางกล้องถ่ายรูปทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะหนังสือ ปกติไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เจ้าตัวก็มักจะหยิบมันมาคล้องคอติดตัวไว้เสมอ ฉันเองก็รู้สึกเสียดายนิดๆ ที่เขาไม่ได้เอามันมาด้วยจะได้เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย
และเมื่อได้ลองรื้อฟื้นความทรงจำดู ฉันก็มองเห็นภาพเด็กผู้หญิงถักเปียคู่หนึ่งกำลังวิ่งเล่นเริงร่า ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสราวกับผีเสื้อแสนสวยตัวน้อยๆ ที่กำลังสยายปีกโบยบินท่ามกลางหมู่มวลบุปผชาติอันพิสุทธิ์ โดยมีพ่อของเธอกำลังหัวเราะชื่นชมลูกสาววัยซนอยู่เคียงใกล้
“นี่มัน…ต้นสายฝนนี่” ฉันปรารภออกมา ใช่แล้ว ฉันนึกออกแล้ว ดอกไม้ลำต้นเตี้ยๆ สูงประมาณต้นขา มีกลีบดอกเล็กๆ แปดกลีบซ้อนกันสองชั้น แต่ละกลีบแผ่กว้างราวเปลือกหอยสีขาวสะอ้านดูบอบบางน่าทะนุถนอม กลุ่มเกสรด้านในสุดมีหลากหลายสี เหลืองบ้าง ขาวบ้าง บางดอกก็เห็นเป็นสีม่วง ไม่ก็ชมพูเข้ม ดูสวยละลานตาเป็นสีสันให้พวกเรารู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาได้บ้าง
“เอ...ดอกสายฝนอย่างนั้นเหรอ” แก้วเปรยออกมาด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาคู่สวยทอประกายแห่งความตื่นเต้น ชื่นชม
“ใช่แล้วล่ะ ต้นสายฝนเป็นหญ้ามีดอก ซึ่งจะบานสะพรั่งรับน้ำฝนอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ตลอดปี ตอนเด็กๆ พ่อฉันก็เคยพามาเล่นที่นี่อยู่บ่อยๆ แต่ฉันไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้วจึงลืมไปเกือบสนิท เป็นที่ที่หนึ่งที่ฉันเคยชอบมากๆ เลยล่ะ เธอดูสิแก้วมันสวยมากเลยใช่มั๊ย” ฉันชี้ชวนให้เพื่อนทอดสายตามองความงดงามจากธรรมชาตินี้ด้วยกัน
“นี่แสดงว่าไอ้เจ้าดอกไม้นี่มันขึ้นอยู่ที่นี่ที่เดียวอย่างนั้นเหรอริณ”
“อืม…ฉันก็คิดว่าพวกเธอก็คงจะไม่เคยเห็นมันที่ไหนนะ อาจเป็นเพราะว่ามันต้องการน้ำฝนอยู่ตลอดเวลาก็ได้ละมั้ง” ฉันสันนิษฐาน แล้วพอหันขวับไปอีกทีก็เห็นแก้วเดินระทุ่งดอกไม้นำไปโน่นแล้ว พร้อมกับหยิบมือถือเครื่องสีชมพูอมม่วงซึ่งกำลังได้รับความนิยมในขณะนั้นขึ้นมาเล็งภาพแล้วถ่ายรูปหมู่มวลดอกไม้อย่างสนุกสนาน
“ว้าว~สวยจังเลยริณ” แสงพลอยมีท่าทีกระดี๊กระด๊าราวกับปลากระดี่ได้น้ำ เธอหมุนไปทางซ้ายทีขวาทีถ่ายรูปไปพลางเด็ดดอกไม้ขึ้นดมเชยชมไปพลางอย่างเพลิดเพลินไม่ยี่หระต่อเปลวแดดยามบ่ายคล้อยที่ยังคงทอแสงอ่อนให้ร้อนผิวอยู่บ้าง
“ริณไม่ถ่ายรูปเก็บไว้บ้างเหรอ?” ชานนท์เอ่ยถาม
ฉันซึ่งมีแต่มือถือเครื่องเก่า ได้แต่ยิ้มแหยนึกเสียดายอยู่นิดๆ แต่ก็ถือซะว่าฝากเพื่อนรักถ่ายให้ด้วยก็แล้วกัน จากนั้นจึงส่ายหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร ฉันขอยืนดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า” ฉันตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“งั้นไว้เดี๋ยววันพรุ่งนี้ค่อยมาถ่ายกันใหม่ ริณมาเป็นนางแบบให้เราด้วยนะโพสท่าให้เก๋ๆ เอาให้แก้วมันอายไปเลย” เอกพูดแล้วจึงทำปากบุ้ยใบ้ให้ฉันเหลือบไปมองเพื่อนที่กำลังทำหน้าเบี้ยวปากจู๋จิกตาสู้กล้องประหนึ่งว่าเธอเป็นนางแบบสาวสวยที่กำลังโพสท่าหน้าเฉี่ยวๆ ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังอยู่
“โหยไม่ไหวมั้ง แบบนั้นน่ะ” ฉันเผลอเอ่ยออกมาอย่าลืมตัว แต่ก็อย่างว่ายัยแก้วเป็นสาวสวยน่ารักสดใส แม้เธอจะแลบลิ้นปลิ้นตา ทำหน้าเงือก หรือเป็นลิงเป็นค่างก็ยังคงดูมีเสน่ห์น่าสนใจอยู่ดีนั่นแหละ
ฉันนึกอย่างชื่นชม…ทว่ามิทันไร
‘ชะอุ้ย!’
เอ่อ…แต่ถ้าถึงขนาดโก่งแข้งโก่งขาดัดตัว ทำสะพานโค้ง อย่างที่เธอทำอยู่ตอนนี้พร้อมกับปั้นหน้าบูดหน้าเบี้ยวทรมานสังขารแบบนั้นไปด้วยล่ะก็
ฉัน..ฉันก็..ก็คิดว่ามันออกจะเกินเลยไปหน่อยนะ
“ริณ ริณ ไม่มาถ่ายรูปด้วยกันเหรอ วู้วว!” แสงพลอยร้องชวนเสียงหลงขณะทำท่าดัดหลังเป็นรูปตัวยูคว่ำโดยเอามือข้างหนึ่งยันพื้นไว้ส่วนอีกข้างก็ยกมือถือขึ้นถ่ายรูปท่าสะพานโค้งของตัวเองด้วยท่าทางยักแย่ยักยัน จะล้มมิล้มแหล่ แล้วก็นึกปลง
“ริณเป็นไร จู่ๆ ก็หยุด จะซื้ออะไรเหรอ?” แก้วเอ่ยปากถาม พร้อมกับเอกที่เบรคเอี๊ยดจนแทบหัวทิ่มหัวตำ
เมื่อสักครู่ฉันเห็นป้าคนที่ยืนซื้อผักตรงนั้นแกหันหน้ามามองฉัน…จริงๆ นะฉันไม่ได้ตาฝาด แม้ว่าพอมองไปอีกครั้งจะเห็นว่าแกกำลังยื่นมือไปจ่ายแบงก์ร้อยให้กับแม่ค้ารูปร่างอ้วนท้วนผิวเข้มสวมเสื้อคอกระเช้าและผ้าถุงสีเขียวแก่ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ อยู่ก็เถอะ
ฉันชักเริ่มเป็นกังวลแล้วว่า…บางทีถ้อยคำที่ทั้งสองคนนั้นกำลังสนทนาวิสาสะกันอยู่ อาจมีอะไรเกี่ยวพันถึงตัวฉันด้วยรึเปล่านะ
‘นี่มันอะไรกัน หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง’
“อ๋อเปล่าๆ ไปกันเถอะ” ฉันตอบก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองป้าคนนั้น ด้วยความขับข้องใจอีกหลายครั้งหลายหน
______________________________
แสงพลอยพาฉันเดินมาถึงทุ่งดอกไม้สีขาวอันกว้างใหญ่ไพศาลซึ่งงดงามตระการตาเสียจนฉันต้องร้องว้าวออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดูมืดหม่นแห่งนี้จะมีสถานที่ที่สวยงามแบบนี้อยู่ด้วย
“นี่มันดอกอะไรน่ะ สวยจัง” เพื่อนสาวของฉันเปรยออกมาลอยๆ ดวงตาโตเรียวเบิกกว้าง ริมฝีปากบางสีชมพูอ้าออก ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“โหยยเสียดายไม่ได้หยิบกล้องมา เซ็งชิบ” เอกบ่นอุบพร้อมกับเบ้หน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันเห็นเขาวางกล้องถ่ายรูปทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะหนังสือ ปกติไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เจ้าตัวก็มักจะหยิบมันมาคล้องคอติดตัวไว้เสมอ ฉันเองก็รู้สึกเสียดายนิดๆ ที่เขาไม่ได้เอามันมาด้วยจะได้เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย
และเมื่อได้ลองรื้อฟื้นความทรงจำดู ฉันก็มองเห็นภาพเด็กผู้หญิงถักเปียคู่หนึ่งกำลังวิ่งเล่นเริงร่า ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสราวกับผีเสื้อแสนสวยตัวน้อยๆ ที่กำลังสยายปีกโบยบินท่ามกลางหมู่มวลบุปผชาติอันพิสุทธิ์ โดยมีพ่อของเธอกำลังหัวเราะชื่นชมลูกสาววัยซนอยู่เคียงใกล้
“นี่มัน…ต้นสายฝนนี่” ฉันปรารภออกมา ใช่แล้ว ฉันนึกออกแล้ว ดอกไม้ลำต้นเตี้ยๆ สูงประมาณต้นขา มีกลีบดอกเล็กๆ แปดกลีบซ้อนกันสองชั้น แต่ละกลีบแผ่กว้างราวเปลือกหอยสีขาวสะอ้านดูบอบบางน่าทะนุถนอม กลุ่มเกสรด้านในสุดมีหลากหลายสี เหลืองบ้าง ขาวบ้าง บางดอกก็เห็นเป็นสีม่วง ไม่ก็ชมพูเข้ม ดูสวยละลานตาเป็นสีสันให้พวกเรารู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาได้บ้าง
“เอ...ดอกสายฝนอย่างนั้นเหรอ” แก้วเปรยออกมาด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาคู่สวยทอประกายแห่งความตื่นเต้น ชื่นชม
“ใช่แล้วล่ะ ต้นสายฝนเป็นหญ้ามีดอก ซึ่งจะบานสะพรั่งรับน้ำฝนอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ตลอดปี ตอนเด็กๆ พ่อฉันก็เคยพามาเล่นที่นี่อยู่บ่อยๆ แต่ฉันไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้วจึงลืมไปเกือบสนิท เป็นที่ที่หนึ่งที่ฉันเคยชอบมากๆ เลยล่ะ เธอดูสิแก้วมันสวยมากเลยใช่มั๊ย” ฉันชี้ชวนให้เพื่อนทอดสายตามองความงดงามจากธรรมชาตินี้ด้วยกัน
“นี่แสดงว่าไอ้เจ้าดอกไม้นี่มันขึ้นอยู่ที่นี่ที่เดียวอย่างนั้นเหรอริณ”
“อืม…ฉันก็คิดว่าพวกเธอก็คงจะไม่เคยเห็นมันที่ไหนนะ อาจเป็นเพราะว่ามันต้องการน้ำฝนอยู่ตลอดเวลาก็ได้ละมั้ง” ฉันสันนิษฐาน แล้วพอหันขวับไปอีกทีก็เห็นแก้วเดินระทุ่งดอกไม้นำไปโน่นแล้ว พร้อมกับหยิบมือถือเครื่องสีชมพูอมม่วงซึ่งกำลังได้รับความนิยมในขณะนั้นขึ้นมาเล็งภาพแล้วถ่ายรูปหมู่มวลดอกไม้อย่างสนุกสนาน
“ว้าว~สวยจังเลยริณ” แสงพลอยมีท่าทีกระดี๊กระด๊าราวกับปลากระดี่ได้น้ำ เธอหมุนไปทางซ้ายทีขวาทีถ่ายรูปไปพลางเด็ดดอกไม้ขึ้นดมเชยชมไปพลางอย่างเพลิดเพลินไม่ยี่หระต่อเปลวแดดยามบ่ายคล้อยที่ยังคงทอแสงอ่อนให้ร้อนผิวอยู่บ้าง
“ริณไม่ถ่ายรูปเก็บไว้บ้างเหรอ?” ชานนท์เอ่ยถาม
ฉันซึ่งมีแต่มือถือเครื่องเก่า ได้แต่ยิ้มแหยนึกเสียดายอยู่นิดๆ แต่ก็ถือซะว่าฝากเพื่อนรักถ่ายให้ด้วยก็แล้วกัน จากนั้นจึงส่ายหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร ฉันขอยืนดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า” ฉันตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“งั้นไว้เดี๋ยววันพรุ่งนี้ค่อยมาถ่ายกันใหม่ ริณมาเป็นนางแบบให้เราด้วยนะโพสท่าให้เก๋ๆ เอาให้แก้วมันอายไปเลย” เอกพูดแล้วจึงทำปากบุ้ยใบ้ให้ฉันเหลือบไปมองเพื่อนที่กำลังทำหน้าเบี้ยวปากจู๋จิกตาสู้กล้องประหนึ่งว่าเธอเป็นนางแบบสาวสวยที่กำลังโพสท่าหน้าเฉี่ยวๆ ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังอยู่
“โหยไม่ไหวมั้ง แบบนั้นน่ะ” ฉันเผลอเอ่ยออกมาอย่าลืมตัว แต่ก็อย่างว่ายัยแก้วเป็นสาวสวยน่ารักสดใส แม้เธอจะแลบลิ้นปลิ้นตา ทำหน้าเงือก หรือเป็นลิงเป็นค่างก็ยังคงดูมีเสน่ห์น่าสนใจอยู่ดีนั่นแหละ
ฉันนึกอย่างชื่นชม…ทว่ามิทันไร
‘ชะอุ้ย!’
เอ่อ…แต่ถ้าถึงขนาดโก่งแข้งโก่งขาดัดตัว ทำสะพานโค้ง อย่างที่เธอทำอยู่ตอนนี้พร้อมกับปั้นหน้าบูดหน้าเบี้ยวทรมานสังขารแบบนั้นไปด้วยล่ะก็
ฉัน..ฉันก็..ก็คิดว่ามันออกจะเกินเลยไปหน่อยนะ
“ริณ ริณ ไม่มาถ่ายรูปด้วยกันเหรอ วู้วว!” แสงพลอยร้องชวนเสียงหลงขณะทำท่าดัดหลังเป็นรูปตัวยูคว่ำโดยเอามือข้างหนึ่งยันพื้นไว้ส่วนอีกข้างก็ยกมือถือขึ้นถ่ายรูปท่าสะพานโค้งของตัวเองด้วยท่าทางยักแย่ยักยัน จะล้มมิล้มแหล่ แล้วก็นึกปลง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ