สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
35) จงเกลียดจงชัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกลิ่นอับชื้นแปลกๆ ที่ลอยมาแตะจมูกส่งผลให้แสงพลอยถึงกับต้องรีบยกนิ้วโป้งและนิ้วชี้ขึ้นบีบจมูก คิ้วขมวด ส่วนชานนท์ก็เบ้หน้าโดยอัตโนมัติ
“กลิ่นอะไรเหม็นจัง” เธอบ่น
“เงียบน่าแก้ว” เอกส่งเสียงเอ็ดเบาๆ ทำให้คนถูกว่าหน้างุ้มงอขึ้นมาทันที แต่แล้วสีหน้านั้นก็เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาใกล้เตียงที่พ่อของฉันนอนอยู่
ฉันจับสีหน้าอันตะลึงงันของเพื่อนออกเมื่อแก้วได้เห็นหน้าพ่อที่ซีดเซียวและใบหน้าก็ซูบตอบอย่างถนัดชัดเจน ขณะที่เราสามคนยืนทอดสายตามองดูท่านอยู่ริมขอบเตียง เอกและแก้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะกล่าวสวัสดีด้วยเสียงแผ่วๆ ราวกับคำพูดได้ถูกกลืนหายไปในลำคอ
พ่อยกมือขวาอันผอมแห้งขึ้นแล้วจึงกล่าวทักทายทั้งสองเพียงเล็กน้อย
“หวัดดีจ้ะ”
“โทษทีนะที่อาจทำให้พวกหนูลำบากกันนิดหน่อย ที่นี่มันไม่ค่อยมีอะไรเจริญหูเจริญตานักหรอกนะฮะฮะฮะ” ท่านหัวเราะร่วนก่อนจะยกมืออันอ่อนเปลี้ยขึ้นปิดปาก และตามด้วยการไอแห้งๆ ออกมาเป็นชุด ฉันเห็นสภาพของพ่อในตอนนี้แล้วก็อดสะเทือนใจจนน้ำตาคลอไม่ได้
“พ่อคะ หมอวิเชียรเขาว่ายังไงบ้างคะ พ่อกำลังดีขึ้นใช่มั๊ยคะ?”
“หนูจะพาหมอเก่งๆ มารักษาพ่อนะคะ” ฉันพูดออกมาจากความตั้งใจ หากเพียงมีแพทย์มาวินิจฉัยโรคของพ่อ และดูแลรักษากันอย่างจริงจัง ฉันเชื่อว่าพ่อจะหายได้ในที่สุด
“นั่นน่ะสิคะ มัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้อาการก็คงจะไม่ดีขึ้นหรอกค่ะ” แก้วเสนอความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา แล้วจึงผินหน้ามาคุยกับฉัน “ริณฉันว่าเราควรจะพาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลางในตัวจังหวัดจะดีกว่านะ ที่นั่นคงมีหมอเก่งๆ ที่จะช่วยคุณพ่อของเธอได้ เดี๋ยวรอให้พ่อกับแม่ฉันกลับมาจากต่างประเทศก่อนเถอะ ฉันว่าพวกเขาต้องช่วยเธอได้แน่”
“ไม่เป็นไรหรอกหนูอย่าลำบากเลย” พ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและแผ่วเบาๆ ก่อนจะไอโขลกๆ ขึ้นมาอีกหน จนยัยแก้วถึงกับเผลอทำสีหน้าแขยง เห็นแล้วก็ยิ่งทำให้ฉันน้ำตาไหลเรื่อยลงมาเป็นสายด้วยความสงสารท่านจับใจ
_______________________
ตอนเย็น ขณะที่แก้วกับเอกกำลังนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ตรงหน้าโทรทัศน์รุ่นโบราณสภาพเก่าเก็บอยู่นั้น ฉันก็เข้ามาช่วยน้าสายทิพย์ตระเตรียมอาหารเย็นในโซนของห้องครัวเล็กๆ ซึ่งอยู่บริเวณหลังบ้าน ด้วยหวังจะญาติดีกับเธอดูบ้าง
“ให้ริณช่วยนะคะ” ฉันพยายามทำเป็นใจดีสู้เสือ และสังเกตเห็นว่าคุณน้าที่กำลังยืนล้างใบกระเพราอยู่ตรงซิงก์น้ำก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจรังงอนอะไร จึงถือเสียว่าเธอได้อนุญาตแล้วละกัน
“งั้นเดี๋ยวหนูช่วยหั่นผักให้นะคะ” ฉันบอกแล้วจึงจัดแจงคว้าหัวแคร็อทที่เตรียมไว้ลงหั่นกับเขียงไม้ทรงสี่เหลี่ยมแผ่นบางที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ระหว่างที่กำลังหั่นแคร็อทเป็นเส้นๆ เพื่อจะทำผัดกระเพราหมูสับอยู่นั้น จู่ๆ น้าสายทิพย์ที่เงียบอยู่เป็นนานก็เอ่ยปากพูดจากับฉัน
“ปีนี้คงอายุครบ 18 แล้วสินะ”
“ค่ะ...ใช่” ฉันตอบค่อยๆ เลื่อนปลายนิ้วดันหัวแคร็อทสดสีส้มเข้าไปใต้คมมีด และกดมีดเล่มเล็กบางลงหั่น
“ว่าแต่คุณน้าถามทำไมเหรอคะ?” แม้จะเป็นคำถามที่ดูธรรมดาอย่างที่สุด แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจอยู่นิดๆ เหมือนกัน
“มันคงจะไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไปหรอกนะถ้าฉันจะถามอายุของแก” แม่เลี้ยงตอบเสียงขุ่น ฉันเห็นเธอรูดเด็ดใบกระเพราแต่ละต้นจนเต็มกำมือแล้วจึงใส่ไว้ในอ่างพลาสติกเล็กๆ ปากกว้างก้นลึกสีน้ำเงินฟ้าที่วางอยู่ข้างๆ
ฉันเงียบไปพักหนึ่งก้มหน้าก้มตาหั่นแคร็อทจนเหลือเพียงหัวสุดท้าย จึงตัดสินใจปริปากถามในสิ่งที่ตนเองรู้สึกอัดอั้นอยู่ในอกมานาน
“ทำไมคุณน้าถึงไม่ชอบหนูหรือคะ?” น้ำเสียงอันแผ่วเบา เปล่งออกไปจากก้นบึ้งในจิตใจของฉัน มันอาจจะเป็นคำถามที่ไม่เหมาะไม่ควรที่จะเอ่ยต่อผู้ใหญ่แต่ก็ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของฉันที่สุดแล้วในตอนนี้
ช่วงเวลาที่ฉันรอคอยคำตอบ จริงแล้วเพียงไม่นานแต่กลับรู้สึกเหมือนกับชั่วนาตาปี มันช่างน่าอึดอัด และเจ็บปวดทุกลมหายใจเข้าออก
“ฉันรู้สึกกับแกเหมือนกับที่ฉันรู้สึกกับแม่ของแกนั่นแหละ...”
คำตอบของคุณน้ารุนแรงพอจะทำให้ฉันโกรธขึ้งระคนงุนงงในคราวเดียวกัน
“รู้สึกยังไงเหรอคะ...” ฉันสวนทันควัน “แม่ริณไม่ดีตรงไหน ไปทำอะไรให้คุณน้าโกรธเคืองอย่างนั้นเหรอคะ”
ทันใดนั้นน้าสายทิพย์ก็พลิกตัวหันกลับมา ก่อนจะจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาแข็งกร้าว และเปล่งวาจาอันร้ายกาจใส่ฉันราวกับลูกกระสุนที่พุ่งทะลุทะลวงผ่านกระจกผืนหนาเกิดเป็นรูโหว่ก่อนจะปริเป็นรอยร้าวทั่วทั้งบานและแตกละเอียดลงในที่สุด
เหมือนเส้นแบ่งความอดทนของเธอขาดสะบั้นลงด้วยแรงแค้นที่โหมกระพือ
“เพราะแม่ของแกคนเดียวที่ทำให้ที่นี่ต้องเป็นแบบนี้ และแกก็เป็นแค่นังเด็กอกตัญญูที่ไม่เคยคิดจะรับผิดชอบอะไร ตั้งแต่ที่นังเกจมณีเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ ที่นี่ก็มีแต่ความหายนะ ดีแล้วที่แม่ของแกตายๆ ไปเสียได้ก็ดี” แม่เลี้ยงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและชิงชังแผ่วเบาแต่บาดลึก เครื่องหน้าของเธอเขม็งตึงดูดุดันน่ากลัวเกรง แต่ความกลัว ณ เวลานี้มีค่าน้อยกว่าความโกรธเกลียดของฉันที่มีต่อเธอมากนัก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ