สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
36) อ้อมกอดของคนรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ไม่จริงหรอก สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านนี้ มันเกิดขึ้นจากนักบวชพวกนั้นต่างหากคุณน้าอย่ามากล่าวหาแม่นะ” ฉันเถียงปากคอสั่นระริก รู้สึกถึงอารมณ์เดือดที่แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย
“อย่ามาพูดจาสามหาวดูหมิ่นเบื้องสูงนะ แม่แกนั่นแหละที่นำความฉิบหายมาสู่พวกเรา…เพราะแม่ของแกคนเดียว ทุกๆ คนที่นี่กำลังพากันล้มตายรวมถึงพ่อของแกเองด้วย...แกเองมันก็เป็นตัวกาลกิณีไม่ต่างอะไรกับแม่ของแกนังริณ” แม่เลี้ยงแผดเสียงสูงขึ้น
‘กาลกิณีอย่างนั้นหรือ’
ฉันรู้สึกอึ้งและชาวาบ
แม้เราสองคนจะไม่ได้ตะเบ็งเสียง หรือตะโกนต่อล้อต่อเถียงกัน แต่ฉันก็แน่ใจว่าคำพูดของฉันกับแม่เลี้ยงก็ดังพอจะทำให้ ชานนท์วิ่งเข้ามาดูสถานการณ์
“เกิดอะไรกันขึ้นเหรอครับ?” ชานนท์ร้องถามหน้าตาตื่นพร้อมกับแทรกตัวเข้ามาตรงช่องประตู
น้าสายทิพย์ตวัดสายตาอันแข็งกร้าวจิกใส่เอกในทันทีจนเขาออกอาการเหวอด้วยความตกใจ เมื่อทะเล่อทะล่าเข้ามาแบ่งรับความโกรธเกรี้ยวของเธอไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ฉันเองที่อารมณ์พุ่งปรี๊ดขึ้นมาก็ไม่อาจหยุดยั้งความโกรธนั้นได้เช่นเดียวกัน
ฉันกระแทกด้ามมีดลงบนเขียงไม้ทรงสี่เหลี่ยมอย่างแรง จนเกิดเสียงดังปึก! ก่อนที่จะหันตัววิ่งพรวดพราดออกไปจากห้องครัว ด้วยอาการควันออกหู เอกถึงกับเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน
รู้สึกโกรธตัวเองที่ต้องมาทนอยู่ที่นี่ เพื่อคอยรองรับความเกลียดชังของผู้หญิงคนนั้น แล้วก็นึกเสียใจว่าหาก ณ วันนี้แม่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้
ฉันวิ่งออกไป วิ่งออกไป อยากจะหนีไปให้ไกลจากทุกสรรพสิ่ง ผ่านบ้านหลายหลังสวนกับผู้คนแปลกหน้ามากมายที่หันมาจับจ้องที่ตัวฉันราวกับว่ามองเห็นตัวประหลาด ก้าวเท้าวิ่งฉับฉับไปตามทางเดิน ตลาดเล็กๆ ที่เงียบเหงา แผงลอยซึ่งมีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบกันงึมงำตามหลัง ในหัวตื้อตัน หัวใจเต้นแรงระรัว
แน่ล่ะ…ตอนเด็กๆ ฉันเคยอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่ทว่าในตอนนี้ฉันชักจะสงสัยเสียแล้วสิว่าการที่ผู้คนต่างแสดงท่าทีแปลกๆ แบบนี้ นี่เป็นเพราะฉันหรือว่าพวกเขาที่เปลี่ยนไปกันแน่
“ตุบ ตุบ ตุบ” ฉันวิ่งไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย จนรู้สึกเหนื่อยและคิดว่าวิ่งมาไกลพอสมควรแล้วจึงค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลง ก่อนจะโผเข้าไปใช้มือข้างขวาท้าวลำต้นของต้นไม้ใหญ่เพื่อพักเหนื่อยพลางหอบแฮ่กๆ จนตัวโยน เหงื่อแตกตามหน้า ตามเนื้อตัวพลั่กๆ และดูเหมือนว่าการวิ่งออกมาแบบนี้จะช่วยสลัดอารมณ์โกรธขึ้งของฉันให้หลุดร่อนไปได้มากทีเดียว
เมื่อลองคิดดูแล้วหากจะหนีไปจากที่นี่ ในตอนนี้มันก็คงเป็นสิ่งที่ไม่ได้ยากเกินกำลัง แต่ทว่าฉันกลับเป็นห่วงพ่อมากกว่า ถ้าฉันกลับไปแล้วปล่อยให้พ่อซึ่งป่วยหนักต้องทนอยู่กับผู้หญิงแบบนั้นแล้วล่ะก็ ฉันคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่
ขณะที่ยืนหอบเอาอากาศหายใจอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนชะลอฝีเท้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้เงยหน้าขึ้นมาก็รู้ในทันทีว่าบุคคลปริศนาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก
“เอก!” ฉันหลุดปากออกไปเมื่อเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยนั้นฉีกยิ้มให้ ก่อนที่ชานนท์จะดึงตัวฉันเข้าไปสวมกอด สองมือของฉันโอบหลังเขาไว้
‘นี่เขาวิ่งตามเรามา?’ ฉันนึกแปลกใจแต่ก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นเดียวกัน
“ริณเป็นอะไรรึเปล่า? เราเป็นห่วงริณมากเลยนะ” เขากล่าวเสียงเข้ม สีหน้าเครียด บนหน้าขาวเกลี้ยงเกลามีเหงื่อแตกซึม ฉันซบใบหน้าลงที่หัวไหล่อันแข็งแรงด้วยความเหนื่อยอ่อน และโหยหาที่พักพิงใจ
‘ขอบคุณจริงๆ ที่เขาไม่เคยปล่อยให้ฉันเดียวดาย’
ฉันเปิดตามองทุกสิ่งทุกอย่าง แลเห็นพื้นดินสีโคลน กิ่งไม้ ใบไม้เขียวขจี นับเป็นวินาทีที่ตนเองได้หยุดการคิดอันวุ่นวาย ในหัวปลอดโปร่ง และเปี่ยมไปด้วยความสุข ลำตัวของเราแนบชิดกันอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ รู้สึกอุ่นใจจริงๆ ที่มีเขาคอยเป็นห่วงเป็นใย
เพียงเท่านั้นฉันก็รู้สึกดีขึ้น
"ฉันโอเคแล้วล่ะ” ฉันบอกพลางดันตัวออกจากอกของเขานิดหนึ่งแล้วจึงเงยหน้าถาม “แล้วยัยแก้วล่ะ?”
“ไม่รู้สิก็คงดูทีวีอยู่ละมั้ง เราเห็นริณวิ่งพรวดพราดออกมาก็เลยวิ่งตาม” เขาลดใบหน้าลงตอบ นัยน์ตาหยีๆ อันแสนมีเสน่ห์ส่งแววซึ้งสบมาชวนใจให้ระทดระทวย
ฉันพยักหน้าก่อนจะคลายกอดแล้วจึงหันตัวไปอีกทางหนึ่ง เพราะขวยเขินจนไม่อาจจะสู้หน้าสบตากับเขาตรงๆ ได้
“เอกเราอยากจะพาพ่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เอกคิดว่าดีมั๊ย?” ฉันถามความคิดเห็นของเขาแม้ว่าที่จริงจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ตาม เพียงแต่ต้องการใครสักคนที่เห็นพร้องต้องกัน
“เราก็เห็นด้วยนะ ปล่อยให้อยู่ที่นี่ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ว่าเรื่องค่ารักษาล่ะจะทำไงเราว่าคงต้องใช้เงินเยอะแน่ๆ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ