สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
-
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
45 chapter
54 วิจารณ์
21.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) อาการน่าเป็นห่วง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความด้านชานนท์ก็เดินไปวางเชิงเทียนไว้ข้างๆ ตู้เก็บเสื้อผ้าไม้ประตูบานเกล็ดสีฟ้าเข้มขนาดใหญ่แบบสองบานเปิด ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง
แค่แสงไฟจากเปลวเทียนสองดวงก็ทำให้ห้องเล็กๆ แห่งนี้สว่างไสวขึ้นมาทันตา
“ริณแล้วเธอจะอยู่ยาวเลยจริงๆ เหรอ?” เพื่อนสาวของฉันถามไถ่ก่อนจะปัดผ้าปูที่นอนผืนสีขาวลายดอกซากุระสีน้ำเงินเบาๆ แล้วหย่อนก้นนั่ง
“คงต้องดูก่อนแต่ถ้าพ่อยังอาการแย่แบบนี้ฉันก็อยากจะดูแลเขาไปจนกว่าจะดีขึ้น” ฉันตอบขณะที่เดินไปแง้มหน้าต่างบานไม้ ให้มีลมพัดผ่านเข้ามาบ้าง
“อืม..” เอกทำสุ่มเสียงเห็นด้วย
“ริณทำอะไรยะเดี๋ยวพวกแมลงก็เข้ามาหรอก!” แก้วร้องเตือนเหมือนไซเรนดังขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ถ้าไม่เปิดหน้าต่างออกไปเดี๋ยวก็อึดอัดตายกันพอดี” ฉันบอก แม้ใจหนึ่งจะนึกกลัวเจ้าแมลงพวกนั้นเหมือนกันแต่ก็เกรงจะขาดอากาศหายใจตายมากกว่า
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แลเห็นแปลงดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาก็พาลทำให้จิตใจห่อเหี่ยวตามลงไปด้วย สุดสายตานั้นคือกำแพงหินที่ก่อขึ้นเตี้ยๆ ไว้แบ่งอาณาเขตของแต่ละบ้านเอาไว้และปิดกั้นสายตาจากคนภายนอกจนเกือบมิดถ้าไม่มีรูโหว่ประมาณหนึ่งฝ่ามือที่ทำให้พอมองทะลุออกไปจนเห็นถนน
พอลมเย็นๆ โกรกเข้ามาแล้วก็ทำให้ฉันหายใจหายคอได้สะดวกและรู้สึกสดชื่นขึ้นได้หน่อย
ตอนแรกพวกเรากะจะสลับผลัดเปลี่ยนกันไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เพราะความมืดหรือแปลกที่แปลกทางกระมังจึงทำให้ไม่มีใครกล้าอยู่คนเดียว
สุดท้ายฉันกับแก้วก็ไปยืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำโดยมีชานนท์ เปิดวาวฝักบัวราดรดตัวอยู่ข้างใน
“กึก”
ฉันวางเชิงเทียนไว้กับพื้น
“อีตาเอกเขาอาบน้ำหรือดำน้ำดูปะการังกันแน่นะ ชิ” แสงพลอยกอดอกบ่น
“นี่ก็เพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเอง บ่นไปได้น่าแก้ว”
“ไม่รู้เที่ยงคืนจะเสร็จรึเปล่า ฉันน่ะเหนียวตัวไปหมดแล้ว มืดก็มืด…..” เธอพูดพลางมองกวาดไปทั่วเหมือนหวาดหวั่นอะไรซักอย่างที่ฉันพอจะเดาได้
“ไม่มีหรอก…บ้าน่าอย่าคิดมากสิ” ฉันเอ็ด นึกแล้วก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน
“ว่าแต่ถ้าพ่อเธออาการไม่ดี ฉันว่าก็น่าจะพาไปหาหมอนะริณ” แก้วแสดงความเป็นห่วง
“คุณน้าบอกว่าเคยพาหมอมาตรวจดูแล้ว” ฉันตอบ ภาพของพ่อเมื่อครู่ฉายย้อนเข้ามาในมโนสำนึก
“แล้วพ่อของเธอเป็นอะไรริณ”
“ฉันเองก็ไม่รู้…แต่แปลกใจว่าทำไมอาการของพ่อถึงทรุดเร็วอย่างนี้ เมื่อสองเดือนก่อนยังโทรฯ คุยกันอยู่เลย”
“น่าสงสารพ่อเธอจัง...” ยัยแก้วปรารภทำหน้าเศร้าสลด “ฉันหวังว่าพ่อของเธอจะอาการดีขึ้นในไม่ช้านะ ถ้าไม่ได้เรื่องยังไงบอกฉันได้นะริณป๊าของฉันก็พอจะรู้จักหมอเก่งๆ อยู่บ้าง”
“ขอบใจนะ” ฉันกล่าวรู้สึกซาบซึ้งในความอาทรของเพื่อน
แค่แสงไฟจากเปลวเทียนสองดวงก็ทำให้ห้องเล็กๆ แห่งนี้สว่างไสวขึ้นมาทันตา
“ริณแล้วเธอจะอยู่ยาวเลยจริงๆ เหรอ?” เพื่อนสาวของฉันถามไถ่ก่อนจะปัดผ้าปูที่นอนผืนสีขาวลายดอกซากุระสีน้ำเงินเบาๆ แล้วหย่อนก้นนั่ง
“คงต้องดูก่อนแต่ถ้าพ่อยังอาการแย่แบบนี้ฉันก็อยากจะดูแลเขาไปจนกว่าจะดีขึ้น” ฉันตอบขณะที่เดินไปแง้มหน้าต่างบานไม้ ให้มีลมพัดผ่านเข้ามาบ้าง
“อืม..” เอกทำสุ่มเสียงเห็นด้วย
“ริณทำอะไรยะเดี๋ยวพวกแมลงก็เข้ามาหรอก!” แก้วร้องเตือนเหมือนไซเรนดังขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ถ้าไม่เปิดหน้าต่างออกไปเดี๋ยวก็อึดอัดตายกันพอดี” ฉันบอก แม้ใจหนึ่งจะนึกกลัวเจ้าแมลงพวกนั้นเหมือนกันแต่ก็เกรงจะขาดอากาศหายใจตายมากกว่า
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แลเห็นแปลงดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาก็พาลทำให้จิตใจห่อเหี่ยวตามลงไปด้วย สุดสายตานั้นคือกำแพงหินที่ก่อขึ้นเตี้ยๆ ไว้แบ่งอาณาเขตของแต่ละบ้านเอาไว้และปิดกั้นสายตาจากคนภายนอกจนเกือบมิดถ้าไม่มีรูโหว่ประมาณหนึ่งฝ่ามือที่ทำให้พอมองทะลุออกไปจนเห็นถนน
พอลมเย็นๆ โกรกเข้ามาแล้วก็ทำให้ฉันหายใจหายคอได้สะดวกและรู้สึกสดชื่นขึ้นได้หน่อย
ตอนแรกพวกเรากะจะสลับผลัดเปลี่ยนกันไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เพราะความมืดหรือแปลกที่แปลกทางกระมังจึงทำให้ไม่มีใครกล้าอยู่คนเดียว
สุดท้ายฉันกับแก้วก็ไปยืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำโดยมีชานนท์ เปิดวาวฝักบัวราดรดตัวอยู่ข้างใน
“กึก”
ฉันวางเชิงเทียนไว้กับพื้น
“อีตาเอกเขาอาบน้ำหรือดำน้ำดูปะการังกันแน่นะ ชิ” แสงพลอยกอดอกบ่น
“นี่ก็เพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเอง บ่นไปได้น่าแก้ว”
“ไม่รู้เที่ยงคืนจะเสร็จรึเปล่า ฉันน่ะเหนียวตัวไปหมดแล้ว มืดก็มืด…..” เธอพูดพลางมองกวาดไปทั่วเหมือนหวาดหวั่นอะไรซักอย่างที่ฉันพอจะเดาได้
“ไม่มีหรอก…บ้าน่าอย่าคิดมากสิ” ฉันเอ็ด นึกแล้วก็กลัวๆ อยู่เหมือนกัน
“ว่าแต่ถ้าพ่อเธออาการไม่ดี ฉันว่าก็น่าจะพาไปหาหมอนะริณ” แก้วแสดงความเป็นห่วง
“คุณน้าบอกว่าเคยพาหมอมาตรวจดูแล้ว” ฉันตอบ ภาพของพ่อเมื่อครู่ฉายย้อนเข้ามาในมโนสำนึก
“แล้วพ่อของเธอเป็นอะไรริณ”
“ฉันเองก็ไม่รู้…แต่แปลกใจว่าทำไมอาการของพ่อถึงทรุดเร็วอย่างนี้ เมื่อสองเดือนก่อนยังโทรฯ คุยกันอยู่เลย”
“น่าสงสารพ่อเธอจัง...” ยัยแก้วปรารภทำหน้าเศร้าสลด “ฉันหวังว่าพ่อของเธอจะอาการดีขึ้นในไม่ช้านะ ถ้าไม่ได้เรื่องยังไงบอกฉันได้นะริณป๊าของฉันก็พอจะรู้จักหมอเก่งๆ อยู่บ้าง”
“ขอบใจนะ” ฉันกล่าวรู้สึกซาบซึ้งในความอาทรของเพื่อน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ