สาปสายฝน (เดอะซีรีย์)
-
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.55 น.
45 chapter
53 วิจารณ์
21.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 00.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) ถ้อยคำปฏิเสธ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยัยแก้วถอนหายใจเบาๆ ฉันเองก็ค่อยรู้สึกหายเกร็งจากการนั่งลุ้นว่าพวกแมลงที่อยู่ยั้วเยี้ยข้างนอกจะบินเล็ดลอดเข้ามาหรือไม่ โชคดีเหมือนกันที่ไฟดับ มิเช่นนั้นพวกมันอาจพากันบินตามแสงไฟจากหลอดนีออนเข้ามาก็เป็นได้
หลังจากนั้นน้าสายทิพย์ก็เดินพาพวกเรามายังหน้าห้องน้ำ
“พวกเธอก็มาอาบน้ำกันที่นี่นะ” เธอบอกแล้วจึงตรงไปยังห้องนอนอีกห้องที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
“น้าปัดกวาดทำความสะอาดให้แล้วล่ะ” แม่เลี้ยงพูดพร้อมกับดึงกุญแจสีเงินดอกเล็กๆ จากพวงกุญแจหลักของบ้านขึ้นมาไขประตูเสียงดังกริกๆ “คงต้องนอนเบียดๆ กันหน่อยนะเด็กๆ แล้วพวกเธอกะมาอยู่กี่วันล่ะ”
“พรุ่งนี้ก็กลับแล้วค่ะ” แสงพลอยหลุดปากโพล่งออกมาแต่ก็ถูกชานนท์ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเบาๆ จนเพื่อนสาวชักสีหน้าก่อนที่ฝ่ายชายจะตอบสวนขึ้นมาแทน
“คงสักสองสามวันครับ พวกเราคงกลับพร้อมกับริณ”
“ส่วนหนูยังไม่แน่ใจค่ะ” คำตอบของฉันทำให้แก้วกับเอกหันมามองเป็นตาเดียว คำว่าไม่แน่ใจในที่นี้หมายความว่าฉันอยากจะอยู่ดูอาการของคุณพ่อไปอีกสักพักหนึ่งก่อนแล้วจึงค่อยกลับ ซึ่งแน่นอนว่าคงผิดความคาดหมายของทั้งสองจนถึงกับต้องทำหน้าทำตาตกอกตกใจออกมาแบบนั้น
“ดีแล้ว...ที่ผ่านมาเธอเองก็ไม่ได้มีโอกาสดูแลพ่อเขาเลยสินะ ถึงเวลาที่เธอจะได้ทำเพื่อพ่อของเธอบ้าง...ริณ” คุณน้าพูดอะไรแปลกๆ ออกมาอีกแล้วทั้งยังเป็นถ้อยคำเหน็บแนมที่ทำให้เจ็บแสบเสียด้วยสิ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องอดกลั้นฟังเพียงผ่านหู
จะว่าไปแล้วในหัวของฉันตอนนี้มีแต่เรื่องสงสัยมากมาย ทั้งโทรศัพท์ปริศนา อาการป่วยของพ่อ รวมถึงเรื่องจดหมายลึกลับนั่น…บางทีผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้อาจจะรู้คำตอบก็เป็นได้
“คุณน้าคะแล้วเรื่องจดหมายนี่ คุณน้าเป็นคนเขียนไปหาริณเหรอคะ?” ฉันลองถามออกไป
ประตูห้องเปิดออก พร้อมกับส่งเสียงแอ๊ดแยงรูหูราวกับจะกล่าวเชื้อเชิญให้พวกเราก้าวเข้าไปสู่ความมืดภายในห้องนอนของฉัน
“เดี๋ยวเราไปเอาเทียนมาเพิ่ม” ชานนท์ขันอาสาก่อนจะเดินไปหยิบเชิงเทียนแถวนั้นมาสองเล่มซึ่งเขาถือไว้อันหนึ่งส่วนอีกอันส่งให้แก้วถือ
“จดหมายอะไรกัน?”
ผิดคาด…คุณน้าถามกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“ก็จดหมายที่…” ฉันบอกพลางล้วงไม้ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ส์สีอ่อน เพื่อจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาให้เธอดู แต่ทว่ามันก็กลับอันตรธานไปซะแล้ว
“อุ๊ย!” ฉันอุทานอย่างตกใจ และรู้สึกหัวเสียที่หามันไม่เจอ
“เอ…หายไปไหนนะ” ฉันพึมพำ พยายามคิดทบทวน
“จดหมายอะไรของเธอ?” แม่เลี้ยงถามหน้านิ่วคิ้วขมวด ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกเสียหน้า และสุดท้ายก็มานึกออกว่า พ่อได้เก็บมันไว้นี่นา
“คือว่า ตอนแรกหนูก็นึกว่าพ่อเขียนจดหมายมาบอกหนู เรื่องที่ท่านป่วยน่ะค่ะ แต่เมื่อกี้พ่อบอกว่าท่านไม่ได้เขียนมา” ฉันชี้แจง แต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งกวนอารมณ์ของแม่เลี้ยงให้ขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก
“อ้อ เธอก็เลยคิดว่าฉันเป็นคนทำงั้นเหรอ” อีกฝ่ายกล่าวเสียงเรียบพลางส่งสายตาเย็นชามายังฉัน
“คือ…หนูแค่อยากรู้ว่าใคร เอ่อ เป็นคนเขียนมันน่ะค่ะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำ” เธอสะบัดเสียงใส่ก่อนจะปรับสีหน้าที่ดูหงุดหงิดนั้นลง “เอาเถอะ…” คราวหลังก็อย่าเอาเรื่องไร้สาระมาจุกจิกกวนใจฉันอีกก็แล้วกัน”
แสงไฟจากเทียนไขหลายเล่มส่องสว่างพอให้ฉันกล้าที่จะเดินนำอีกสองคนเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งอดีต ซึ่งถึงแม้มันจะเคยเป็นห้องที่ฉันเคยอยู่มาก่อน แต่การกลับมาในครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกแปลกๆ อย่างไรพิกล และที่สำคัญเรื่องจดหมายนั่นก็ยังคงเป็นปริศนาลึกลับซึ่งทำให้ฉันกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่ เพราะในตอนนี้นอกจากแม่เลี้ยงของฉันแล้ว ก็นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเป็นใครไปได้อีก
‘ถ้าคุณน้าไม่ได้ทำแล้วใครเป็นคนทำกันแน่นะ’ ฉันคิดอย่างเคลือบแคลง รู้สึกติดค้างคาใจอยากรู้คำตอบเป็นที่สุด
หลังจากนั้นน้าสายทิพย์ก็เดินพาพวกเรามายังหน้าห้องน้ำ
“พวกเธอก็มาอาบน้ำกันที่นี่นะ” เธอบอกแล้วจึงตรงไปยังห้องนอนอีกห้องที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
“น้าปัดกวาดทำความสะอาดให้แล้วล่ะ” แม่เลี้ยงพูดพร้อมกับดึงกุญแจสีเงินดอกเล็กๆ จากพวงกุญแจหลักของบ้านขึ้นมาไขประตูเสียงดังกริกๆ “คงต้องนอนเบียดๆ กันหน่อยนะเด็กๆ แล้วพวกเธอกะมาอยู่กี่วันล่ะ”
“พรุ่งนี้ก็กลับแล้วค่ะ” แสงพลอยหลุดปากโพล่งออกมาแต่ก็ถูกชานนท์ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเบาๆ จนเพื่อนสาวชักสีหน้าก่อนที่ฝ่ายชายจะตอบสวนขึ้นมาแทน
“คงสักสองสามวันครับ พวกเราคงกลับพร้อมกับริณ”
“ส่วนหนูยังไม่แน่ใจค่ะ” คำตอบของฉันทำให้แก้วกับเอกหันมามองเป็นตาเดียว คำว่าไม่แน่ใจในที่นี้หมายความว่าฉันอยากจะอยู่ดูอาการของคุณพ่อไปอีกสักพักหนึ่งก่อนแล้วจึงค่อยกลับ ซึ่งแน่นอนว่าคงผิดความคาดหมายของทั้งสองจนถึงกับต้องทำหน้าทำตาตกอกตกใจออกมาแบบนั้น
“ดีแล้ว...ที่ผ่านมาเธอเองก็ไม่ได้มีโอกาสดูแลพ่อเขาเลยสินะ ถึงเวลาที่เธอจะได้ทำเพื่อพ่อของเธอบ้าง...ริณ” คุณน้าพูดอะไรแปลกๆ ออกมาอีกแล้วทั้งยังเป็นถ้อยคำเหน็บแนมที่ทำให้เจ็บแสบเสียด้วยสิ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องอดกลั้นฟังเพียงผ่านหู
จะว่าไปแล้วในหัวของฉันตอนนี้มีแต่เรื่องสงสัยมากมาย ทั้งโทรศัพท์ปริศนา อาการป่วยของพ่อ รวมถึงเรื่องจดหมายลึกลับนั่น…บางทีผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้อาจจะรู้คำตอบก็เป็นได้
“คุณน้าคะแล้วเรื่องจดหมายนี่ คุณน้าเป็นคนเขียนไปหาริณเหรอคะ?” ฉันลองถามออกไป
ประตูห้องเปิดออก พร้อมกับส่งเสียงแอ๊ดแยงรูหูราวกับจะกล่าวเชื้อเชิญให้พวกเราก้าวเข้าไปสู่ความมืดภายในห้องนอนของฉัน
“เดี๋ยวเราไปเอาเทียนมาเพิ่ม” ชานนท์ขันอาสาก่อนจะเดินไปหยิบเชิงเทียนแถวนั้นมาสองเล่มซึ่งเขาถือไว้อันหนึ่งส่วนอีกอันส่งให้แก้วถือ
“จดหมายอะไรกัน?”
ผิดคาด…คุณน้าถามกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“ก็จดหมายที่…” ฉันบอกพลางล้วงไม้ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ส์สีอ่อน เพื่อจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาให้เธอดู แต่ทว่ามันก็กลับอันตรธานไปซะแล้ว
“อุ๊ย!” ฉันอุทานอย่างตกใจ และรู้สึกหัวเสียที่หามันไม่เจอ
“เอ…หายไปไหนนะ” ฉันพึมพำ พยายามคิดทบทวน
“จดหมายอะไรของเธอ?” แม่เลี้ยงถามหน้านิ่วคิ้วขมวด ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกเสียหน้า และสุดท้ายก็มานึกออกว่า พ่อได้เก็บมันไว้นี่นา
“คือว่า ตอนแรกหนูก็นึกว่าพ่อเขียนจดหมายมาบอกหนู เรื่องที่ท่านป่วยน่ะค่ะ แต่เมื่อกี้พ่อบอกว่าท่านไม่ได้เขียนมา” ฉันชี้แจง แต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งกวนอารมณ์ของแม่เลี้ยงให้ขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก
“อ้อ เธอก็เลยคิดว่าฉันเป็นคนทำงั้นเหรอ” อีกฝ่ายกล่าวเสียงเรียบพลางส่งสายตาเย็นชามายังฉัน
“คือ…หนูแค่อยากรู้ว่าใคร เอ่อ เป็นคนเขียนมันน่ะค่ะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำ” เธอสะบัดเสียงใส่ก่อนจะปรับสีหน้าที่ดูหงุดหงิดนั้นลง “เอาเถอะ…” คราวหลังก็อย่าเอาเรื่องไร้สาระมาจุกจิกกวนใจฉันอีกก็แล้วกัน”
แสงไฟจากเทียนไขหลายเล่มส่องสว่างพอให้ฉันกล้าที่จะเดินนำอีกสองคนเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งอดีต ซึ่งถึงแม้มันจะเคยเป็นห้องที่ฉันเคยอยู่มาก่อน แต่การกลับมาในครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกแปลกๆ อย่างไรพิกล และที่สำคัญเรื่องจดหมายนั่นก็ยังคงเป็นปริศนาลึกลับซึ่งทำให้ฉันกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่ เพราะในตอนนี้นอกจากแม่เลี้ยงของฉันแล้ว ก็นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเป็นใครไปได้อีก
‘ถ้าคุณน้าไม่ได้ทำแล้วใครเป็นคนทำกันแน่นะ’ ฉันคิดอย่างเคลือบแคลง รู้สึกติดค้างคาใจอยากรู้คำตอบเป็นที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ