เรื่องรักสามฤดู
-
เขียนโดย LaVieRosy
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.
15 ตอน
0 วิจารณ์
6,297 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) บทที่ 8
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกลทีป์ หรือ ดร.กลทีป์ คือนักเรียนทุนรุ่นพี่ที่ดารินรู้จักที่งานพบปะนักเรียนไทยที่สถานทูตเช่นกันแต่ด้วยความที่ชายหนุ่มนั้นเรียนอยู่คนละเมืองกับเธอจึงไม่ได้สนิทสนมกัน จะเจอกันในช่วงสงกรานต์ที่วัดไทยหรือเวลาที่ชายหนุ่มเข้ามาในลอนดอนเท่านั้น อันที่จริงลินาเป็นคนแนะนำให้เธอรู้จักกับเขา หญิงสาวยกมือไหว้เขา
"ไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ดูแก่ไปเลยแฮะ"
เขารับไหว้หล่อนและยกมือลูบคอด้านหลังแบบเขินๆ
"ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น พี่ทีเป็นรุ่นพี่ที่เคารพไงคะ"
ดารินรีบอธิบาย กลังจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี ชายหนุ่มโบกมือยิ้ม
"พี่เข้าใจๆ แต่ต่อไปนี้พี่ต้องเคารพรินนะ เพราะพี่จะไปเป็นรุ่นน้องริน"
หญิงสาวฟังแล้วขมวดคิ้วน้อยสักครู่ก็ตาโตขึ้น
"อาจารย์ใหม่ที่จะมาคือ พี่ทีเองเหรอคะ"
"ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
ชายหนุ่มค้อมศีรษะลงมา
"กรี๊ดด พี่ทีสุดหล่อออของลินา"
สาวน้อยวิ่งผละมาจากกลุ่มเพื่อนเข้ากอดแขนชายหนุ่มรุ่นพี่ เป็นกิริยาที่ทุกคนเห็นจนชินเสียแล้ว ลินานั้นช่างอ้อนกับรุ่นพี่ทุกคน
"ไง ตัวแสบ พี่กลับมาอยู่ที่นี่ถาวรละนะ เราล่ะเมื่อไร่จะกลับ ฮึ"
"แหม ก็ลินากำลังสนุกนี่คะ แต่ถ้าพี่ทียกขันหมากมาสู่ขอล่ะก็ ลินาจะกดจองตั๋วเดี๋ยวนี้เลย"
"งานยังไม่เริ่ม เมาแล้วเหรอ ให้พี่ขอเรา พี่ยอมอยู่ตัวคนเดียวเฉาตายไปดีกว่า"
"โอ๊ย ปากร้าย พี่รินดูนะคะ ไม่เคยเปลี่ยนเลย พี่ชายเราคนนี้"
"แต่พี่ชายปากร้ายคนนี้กำลังวางแผนว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวต้มหลังงานเลิกนา ว่าไงสนใจรึเปล่า"
"ไปค่ะ ไปๆๆๆ พี่รินไปด้วยนะคะ เราจะได้เม้าท์กันให้สนุกไปเล้ยย"
ดารินไม่คิดปฏิเสธเพราะรู้ว่าในงานมีเพียงอาหารว่างแบบตะวันตกเย็นๆเสิร์ฟเป็นคำๆ เธอคงไม่มีทางจะอิ่ม กะจะชวนลินาไปหาอะไรกินต่ออยู่แล้ว
"จ้า ไป ว่าแต่เราทักคนนั้นคนนี้หมดทั่วงานรึยัง เผื่อแอบออกไปก่อน"
"ขออีกสิบนาทีไม่ขาดไม่เกินค่ะ พอสปีชเริ่มเราก็สนีกกันนะ"
พูดเสร็จหญิงสาวก็วิ่งไปหาเพื่อนอีกกลุ่มที่ยกมือทัก ดารินและกลทีป์หัวเราะพร้อมกัน
"พี่ทีมีธุระต้องคุยกับใครรึเปล่าคะ ไม่ต้องเกรงใจรินนะ เดี๋ยวเราค่อยมาเจอกันตรงนี้ รินว่าจะเข้าไปดูนิทรรศการซะหน่อยค่ะ ไหนๆมาแล้ว"
"ดารินเด็กดีไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ ดูนิทรรศก..."
"แล้วก็หาของอร่อยกินค่ะ"
เธอยิ้มให้เขาตาหยีแบบน้อยคนนักจะได้เห็น กลทีป์รู้สึกว่าความรู้สึกบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในหัวใจที่พยายามปกปิดและลืมไป กำลังกลับมาก่อตัวอีกครั้ง
"พี่กำลังจะชวน อยากดูนิทรรศการเหมือนกัน ไป เข้าไปข้างในกันเถอะ"
เขาแตะข้อศอกเธอย่างสุภาพ สัมผัสเนื้อเย็นเนียนนุ่มนั้นชวนให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มหญิงสาวเดินชมนิทรรศการและพูดคุยกันเบาๆ กลทีป์ได้กลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็กมาจากตัวหญิงสาวเวลาที่เดินเคียงกัน จนลินาโทรเข้ามาหาดาริน ทั้งสามจึงออกไปจากงานเงียบๆโดยตกลงกันว่าจะขับรถไปจอดที่คอนโดของลินาก่อนและไปรถของกลทีป์คันเดียวเพื่อความสะดวกในการหาที่จอด
ตลอดการเดินทางนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันสนุกสนานจากเรื่องเล่าของลินาที่โดนกลทีป์เย้าแหย่บ่อยๆ ส่วนดารินเป็นผู้ฟังเสียส่วนมากและคอยหัวเราะไปด้วย จนมาถึงร้านข้าวต้มรอบดึกเก่าแก่ในซอยที่ลินาบอกว่าถ้ามาอีกแปดรอบก็จำไม่ได้เพราะเลี้ยวเยอะจนเธองงไปหมด
ตัวร้านดัดแปลงจากบ้านไม้เก่าขนาดใหญ่ มีบริเวณให้จอดรถได้ในร้านไม่กี่คัน โชคดีที่ทั้งสามได้ที่จอดรถที่เหลือว่างที่เดียวพอดี ทั้งสามช่วยกันสั่งกับข้าวหลายอย่าง มีทั้งผัดสามเหม็น กุยช่ายขาวผัดหมูกรอบ ผัดหนำเลี๊ยบ ต้มยำทะเล ปลาหมึกผัดไข่เค็ม หอยลายผัดพริกเผาและปลากระป๋องผัดไข่ใส่คะน้าที่ลินาขอเป็นพิเศษโดยเฉพาะ
"เด็กอะไร เป็นคุณหนูลูกมหาเศรษฐี แต่ชอบกินปลากระป๋อง"
กลทีป์แกล้งค่อนสาวน้อยที่กำลังตักน้ำแข็งใส่แก้วให้รุ่นพี่ทั้งสอง
"แหม ก็อยู่บ้าน ลินาได้กินที่ไหนล่ะคะ ขอแม่ครัวเขาก็ไม่ทำให้ ออกจะอร่อย ลินาชอบ"
เธอยิ้มตาหยีเหมือนเด็กให้รุ่นพี่ทั้งสองที่รู้ดีจากการเคยนัดทำอาหารไทยกันทานว่า มาม่าและปลากระป๋องนั้นเป็นของโปรดของลินา
"เดี๋ยวนะคะ ก่อนเราจะคุยกันต่อ ลินามีคำถามสำคัญจะถามพี่ที"
ชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะเลิกคิ้วเป็นคำถาม
"กลับมานี่มีใครติดมาด้วยรึเปล่าคะ จะมีข่าวดีอะไรเร็วๆนี้ไหม"
เขาหัวเราะกับคำถามของยัยจอมแสบ ลอบมองไปทางดารินที่กำลังใช้กระดาษทิชชู่ที่พกมาส่วนตัวเช็ดจานชามช้อนส้อมอยู่
"ไม่มี โสดสนิทอย่างสัตย์จริงล้านเปอร์เซ็นต์"
ลินาทำหน้าผิดหวังทันที
"โธ่ น้องก็อุตส่าห์รอฟัง ไม่สนุกเลยอ่ะ"
ดารินหัวเราะกับท่าทางห่อไหล่ลู่อย่างผิดหวัง
"ถามแต่พี่ เราสองคนน่ะ ว่าไง"
"จะว่าไงล่ะคะ ถ้ามีแฟนคงไม่มานั่งกินข้าวต้มกับด็อกเตอร์อ็อกซ์ฟอร์ดหรอกค่ะ"
"จ้า พี่คนนี้จะรีบหาเมียแต่ง เลือกโรงแรมที่อาหารอร่อยเลิศสุดเพื่อน้องสาวเลย ดีไหม"
"เก่งมากค่าา ปรบมือ"
รุ่นพี่ทั้งสองหัวเราะพร้อมกันด้วยความเอ็นดูลินา ก่อนจะเริ่มกินอาหารที่ทยอยมาเสิร์ฟ ดารินรู้สึกว่านี่เป็นหนึ่งในมื้ออาหารที่ผ่อนคลายและดีที่สุด อาหารอร่อยสมกับที่กลทีป์ตั้งใจพามาและบทสนทนาเรื่องเก่าๆในอดีตนั้นทำให้เกิดเสียงหัวเราะตลอดเวลา ไม่ทันเอะใจว่า กลทีป์นั้นคอยมอง คอยขยับจานผัดสามเหม็นมาให้เธอตักได้สะดวกเพราะจำได้แม่นยำว่าวุ้นเส้นคืออาหารโปรดของเธอ
ในขณะที่ดารินกำลังเอร็ดอร่อยเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร พศิกากำลังติดอยู่ในความกระอักกระอ่วนใจและไม่รับรู้รสชาติอาหารใดบนภัตตาคารอาหารจีนบนโรงแรมหรูใจกลางเมือง การนัดกินข้าวของครอบครัวแท้จริงแล้วเป็นการดูตัวเธอกับลูกชายคนโตผู้กำลังเข้าสืบทอดกิจการร้านทองแทนบิดามารดา
ถ้าพูดกันตามตรง หิรัญ นั้นดูดีมากๆเลยทีเดียว อากงอาม่ารวมถึงบิดามารดาของทั้งสองสนิทสนมกันดีเพราะพบกันบ่อยจากงานพบปะของสมาคมผู้ค้าทองคำ ร้านและบ้านก็ตั้งในละแวกคนจีนเก่าแก่ที่อพยพมาสมัยสงครามโลกเหมือนกันและตัวชายหนุ่มนั้นก็ดูสนใจเธออยู่ไม่น้อย
เขาคอยดูแล ตักอาหารให้เธอและครอบครัวของเธอ ชวนเธอคุยในเรื่องทั่วๆไปแต่พศิกากลับรู้สึกว่า เธอไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากขอบคุณในน้ำใจเขาเท่านั้น
"อาหมวยเล็ก ลื้อเหม่อไปหนาย ม่าถามว่าลื้อจะกินของหวานอะไร คนอื่นสั่งกันหมดแล้ว"
หญิงสาวหลุดจากความคิด รับเมนูมาดู เลือกสั่งมะยงชิดลอยแก้วไป
"น้องหลิวคงกำลังคิดเรื่องงานนะครับอาม่า เห็นว่ารับจัดเบรกงานแต่งงานสามร้อยชุดเอาไว้"
"โอ้โห เก่งจังเลย หนูหลิว ขนมหนูต้องอร่อยมากๆแน่ ลูกค้าถึงมาสั่งเยอะขนาดนั้น"
มารดาของหิรัญเอ่ยชมด้วยความจริงใจ ท่านเป็นคนสวยและใจดีมากทีเดียว
"ไอ้หย่าา ลื้อจะล่ายนอนไหม อาหมวยเล็ก กงบอกลื้อให้มาขายทอง ขายทองลื้อก็ไม่เอา"
แล้วบทสนทนาก็วนมาเข้าเรื่องเดิมๆที่พศิกาได้แต่ทำหูทวนลม ตักมะยงชิดลอยแก้วเข้าปากไปเรื่อยๆจนได้ยินเสียงหัวเราะจากคนนั่งข้างๆ เธอจึงหันไปเลิกคิ้ว
"ขอโทษครับ พี่ไม่ได้หัวเราะเยาะอะไรหลิวนะ แต่ประทับใจความดื้อเงียบของหลิว พี่คิดว่าพี่เริ่มจะชอบหลิวขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะครับ"
"ไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ดูแก่ไปเลยแฮะ"
เขารับไหว้หล่อนและยกมือลูบคอด้านหลังแบบเขินๆ
"ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น พี่ทีเป็นรุ่นพี่ที่เคารพไงคะ"
ดารินรีบอธิบาย กลังจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี ชายหนุ่มโบกมือยิ้ม
"พี่เข้าใจๆ แต่ต่อไปนี้พี่ต้องเคารพรินนะ เพราะพี่จะไปเป็นรุ่นน้องริน"
หญิงสาวฟังแล้วขมวดคิ้วน้อยสักครู่ก็ตาโตขึ้น
"อาจารย์ใหม่ที่จะมาคือ พี่ทีเองเหรอคะ"
"ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
ชายหนุ่มค้อมศีรษะลงมา
"กรี๊ดด พี่ทีสุดหล่อออของลินา"
สาวน้อยวิ่งผละมาจากกลุ่มเพื่อนเข้ากอดแขนชายหนุ่มรุ่นพี่ เป็นกิริยาที่ทุกคนเห็นจนชินเสียแล้ว ลินานั้นช่างอ้อนกับรุ่นพี่ทุกคน
"ไง ตัวแสบ พี่กลับมาอยู่ที่นี่ถาวรละนะ เราล่ะเมื่อไร่จะกลับ ฮึ"
"แหม ก็ลินากำลังสนุกนี่คะ แต่ถ้าพี่ทียกขันหมากมาสู่ขอล่ะก็ ลินาจะกดจองตั๋วเดี๋ยวนี้เลย"
"งานยังไม่เริ่ม เมาแล้วเหรอ ให้พี่ขอเรา พี่ยอมอยู่ตัวคนเดียวเฉาตายไปดีกว่า"
"โอ๊ย ปากร้าย พี่รินดูนะคะ ไม่เคยเปลี่ยนเลย พี่ชายเราคนนี้"
"แต่พี่ชายปากร้ายคนนี้กำลังวางแผนว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวต้มหลังงานเลิกนา ว่าไงสนใจรึเปล่า"
"ไปค่ะ ไปๆๆๆ พี่รินไปด้วยนะคะ เราจะได้เม้าท์กันให้สนุกไปเล้ยย"
ดารินไม่คิดปฏิเสธเพราะรู้ว่าในงานมีเพียงอาหารว่างแบบตะวันตกเย็นๆเสิร์ฟเป็นคำๆ เธอคงไม่มีทางจะอิ่ม กะจะชวนลินาไปหาอะไรกินต่ออยู่แล้ว
"จ้า ไป ว่าแต่เราทักคนนั้นคนนี้หมดทั่วงานรึยัง เผื่อแอบออกไปก่อน"
"ขออีกสิบนาทีไม่ขาดไม่เกินค่ะ พอสปีชเริ่มเราก็สนีกกันนะ"
พูดเสร็จหญิงสาวก็วิ่งไปหาเพื่อนอีกกลุ่มที่ยกมือทัก ดารินและกลทีป์หัวเราะพร้อมกัน
"พี่ทีมีธุระต้องคุยกับใครรึเปล่าคะ ไม่ต้องเกรงใจรินนะ เดี๋ยวเราค่อยมาเจอกันตรงนี้ รินว่าจะเข้าไปดูนิทรรศการซะหน่อยค่ะ ไหนๆมาแล้ว"
"ดารินเด็กดีไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ ดูนิทรรศก..."
"แล้วก็หาของอร่อยกินค่ะ"
เธอยิ้มให้เขาตาหยีแบบน้อยคนนักจะได้เห็น กลทีป์รู้สึกว่าความรู้สึกบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในหัวใจที่พยายามปกปิดและลืมไป กำลังกลับมาก่อตัวอีกครั้ง
"พี่กำลังจะชวน อยากดูนิทรรศการเหมือนกัน ไป เข้าไปข้างในกันเถอะ"
เขาแตะข้อศอกเธอย่างสุภาพ สัมผัสเนื้อเย็นเนียนนุ่มนั้นชวนให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มหญิงสาวเดินชมนิทรรศการและพูดคุยกันเบาๆ กลทีป์ได้กลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็กมาจากตัวหญิงสาวเวลาที่เดินเคียงกัน จนลินาโทรเข้ามาหาดาริน ทั้งสามจึงออกไปจากงานเงียบๆโดยตกลงกันว่าจะขับรถไปจอดที่คอนโดของลินาก่อนและไปรถของกลทีป์คันเดียวเพื่อความสะดวกในการหาที่จอด
ตลอดการเดินทางนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันสนุกสนานจากเรื่องเล่าของลินาที่โดนกลทีป์เย้าแหย่บ่อยๆ ส่วนดารินเป็นผู้ฟังเสียส่วนมากและคอยหัวเราะไปด้วย จนมาถึงร้านข้าวต้มรอบดึกเก่าแก่ในซอยที่ลินาบอกว่าถ้ามาอีกแปดรอบก็จำไม่ได้เพราะเลี้ยวเยอะจนเธองงไปหมด
ตัวร้านดัดแปลงจากบ้านไม้เก่าขนาดใหญ่ มีบริเวณให้จอดรถได้ในร้านไม่กี่คัน โชคดีที่ทั้งสามได้ที่จอดรถที่เหลือว่างที่เดียวพอดี ทั้งสามช่วยกันสั่งกับข้าวหลายอย่าง มีทั้งผัดสามเหม็น กุยช่ายขาวผัดหมูกรอบ ผัดหนำเลี๊ยบ ต้มยำทะเล ปลาหมึกผัดไข่เค็ม หอยลายผัดพริกเผาและปลากระป๋องผัดไข่ใส่คะน้าที่ลินาขอเป็นพิเศษโดยเฉพาะ
"เด็กอะไร เป็นคุณหนูลูกมหาเศรษฐี แต่ชอบกินปลากระป๋อง"
กลทีป์แกล้งค่อนสาวน้อยที่กำลังตักน้ำแข็งใส่แก้วให้รุ่นพี่ทั้งสอง
"แหม ก็อยู่บ้าน ลินาได้กินที่ไหนล่ะคะ ขอแม่ครัวเขาก็ไม่ทำให้ ออกจะอร่อย ลินาชอบ"
เธอยิ้มตาหยีเหมือนเด็กให้รุ่นพี่ทั้งสองที่รู้ดีจากการเคยนัดทำอาหารไทยกันทานว่า มาม่าและปลากระป๋องนั้นเป็นของโปรดของลินา
"เดี๋ยวนะคะ ก่อนเราจะคุยกันต่อ ลินามีคำถามสำคัญจะถามพี่ที"
ชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะเลิกคิ้วเป็นคำถาม
"กลับมานี่มีใครติดมาด้วยรึเปล่าคะ จะมีข่าวดีอะไรเร็วๆนี้ไหม"
เขาหัวเราะกับคำถามของยัยจอมแสบ ลอบมองไปทางดารินที่กำลังใช้กระดาษทิชชู่ที่พกมาส่วนตัวเช็ดจานชามช้อนส้อมอยู่
"ไม่มี โสดสนิทอย่างสัตย์จริงล้านเปอร์เซ็นต์"
ลินาทำหน้าผิดหวังทันที
"โธ่ น้องก็อุตส่าห์รอฟัง ไม่สนุกเลยอ่ะ"
ดารินหัวเราะกับท่าทางห่อไหล่ลู่อย่างผิดหวัง
"ถามแต่พี่ เราสองคนน่ะ ว่าไง"
"จะว่าไงล่ะคะ ถ้ามีแฟนคงไม่มานั่งกินข้าวต้มกับด็อกเตอร์อ็อกซ์ฟอร์ดหรอกค่ะ"
"จ้า พี่คนนี้จะรีบหาเมียแต่ง เลือกโรงแรมที่อาหารอร่อยเลิศสุดเพื่อน้องสาวเลย ดีไหม"
"เก่งมากค่าา ปรบมือ"
รุ่นพี่ทั้งสองหัวเราะพร้อมกันด้วยความเอ็นดูลินา ก่อนจะเริ่มกินอาหารที่ทยอยมาเสิร์ฟ ดารินรู้สึกว่านี่เป็นหนึ่งในมื้ออาหารที่ผ่อนคลายและดีที่สุด อาหารอร่อยสมกับที่กลทีป์ตั้งใจพามาและบทสนทนาเรื่องเก่าๆในอดีตนั้นทำให้เกิดเสียงหัวเราะตลอดเวลา ไม่ทันเอะใจว่า กลทีป์นั้นคอยมอง คอยขยับจานผัดสามเหม็นมาให้เธอตักได้สะดวกเพราะจำได้แม่นยำว่าวุ้นเส้นคืออาหารโปรดของเธอ
ในขณะที่ดารินกำลังเอร็ดอร่อยเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร พศิกากำลังติดอยู่ในความกระอักกระอ่วนใจและไม่รับรู้รสชาติอาหารใดบนภัตตาคารอาหารจีนบนโรงแรมหรูใจกลางเมือง การนัดกินข้าวของครอบครัวแท้จริงแล้วเป็นการดูตัวเธอกับลูกชายคนโตผู้กำลังเข้าสืบทอดกิจการร้านทองแทนบิดามารดา
ถ้าพูดกันตามตรง หิรัญ นั้นดูดีมากๆเลยทีเดียว อากงอาม่ารวมถึงบิดามารดาของทั้งสองสนิทสนมกันดีเพราะพบกันบ่อยจากงานพบปะของสมาคมผู้ค้าทองคำ ร้านและบ้านก็ตั้งในละแวกคนจีนเก่าแก่ที่อพยพมาสมัยสงครามโลกเหมือนกันและตัวชายหนุ่มนั้นก็ดูสนใจเธออยู่ไม่น้อย
เขาคอยดูแล ตักอาหารให้เธอและครอบครัวของเธอ ชวนเธอคุยในเรื่องทั่วๆไปแต่พศิกากลับรู้สึกว่า เธอไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากขอบคุณในน้ำใจเขาเท่านั้น
"อาหมวยเล็ก ลื้อเหม่อไปหนาย ม่าถามว่าลื้อจะกินของหวานอะไร คนอื่นสั่งกันหมดแล้ว"
หญิงสาวหลุดจากความคิด รับเมนูมาดู เลือกสั่งมะยงชิดลอยแก้วไป
"น้องหลิวคงกำลังคิดเรื่องงานนะครับอาม่า เห็นว่ารับจัดเบรกงานแต่งงานสามร้อยชุดเอาไว้"
"โอ้โห เก่งจังเลย หนูหลิว ขนมหนูต้องอร่อยมากๆแน่ ลูกค้าถึงมาสั่งเยอะขนาดนั้น"
มารดาของหิรัญเอ่ยชมด้วยความจริงใจ ท่านเป็นคนสวยและใจดีมากทีเดียว
"ไอ้หย่าา ลื้อจะล่ายนอนไหม อาหมวยเล็ก กงบอกลื้อให้มาขายทอง ขายทองลื้อก็ไม่เอา"
แล้วบทสนทนาก็วนมาเข้าเรื่องเดิมๆที่พศิกาได้แต่ทำหูทวนลม ตักมะยงชิดลอยแก้วเข้าปากไปเรื่อยๆจนได้ยินเสียงหัวเราะจากคนนั่งข้างๆ เธอจึงหันไปเลิกคิ้ว
"ขอโทษครับ พี่ไม่ได้หัวเราะเยาะอะไรหลิวนะ แต่ประทับใจความดื้อเงียบของหลิว พี่คิดว่าพี่เริ่มจะชอบหลิวขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะครับ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ