เรื่องรักสามฤดู

-

เขียนโดย LaVieRosy

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.33 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,211 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 16.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่ 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"คุณหลิวใช่ไหมครับ"

 

"ค่ะ"

 

"ผมอยู่ตึกตรงข้ามครับ บริษัทที่ผมทำงาน สั่งขนมที่นี่ประจำ"

 

ชานนท์อธิบายเมื่อใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าเหมือนมีคำถามว่ารู้จักชื่อเธอได้เช่นไร เขาเอ่ยชื่อบริษัทข้ามชาติชื่อดังที่ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 

 

"อ่อ ขอบคุณมากเลยค่ะ มาอุดหนุนกันทุกวันเลย"

 

พศิกายิ้มกว้าง ขอบคุณอย่างจริงใจจนเห็นลักยิ้มบุ๋มทั้งสองข้างแก้ม ทำให้หัวใจชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้ามเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย 

 

"เห็นน้องบอกว่า คุณจะสั่งเบรก 300 ชุดเหรอคะ"

 

"ครับ งานหมั้นน้องสาวผมเอง นี่นามบัตรผมครับ เรียกผมว่านนท์ก็ได้"

 

หญิงสาวยื่นมือทั้งสองไปรับนามบัตรมาอ่านตามมารยาท


ชานนท์ สิทธิเวช 

Drilling Engineer 

 

"คุณนนท์อยากได้เบรกแบบไหนคะ บอกหลิวได้เลยค่ะ มีธีมสีอะไรคะ"

 

"ผมกำลังจะขอคำปรึกษาเลยครับ เราเป็นครอบครัวบ้านๆน่ะครับ ไม่มีธีมอะไร น้องสาวผมเน้นกันเองๆสบายๆ ครอบครัวผมพื้นเพเป็นคนพังงาก็จะมีญาติจากทางพังงามาเยอะเลย ส่วนฝ่ายแฟนน้องสาวเป็นคนกรุงเทพฯครับ ผู้อาวุโสอาจจะเยอะหน่อย"

 

"สถานที่จัดงานกลางแจ้งหรืออยู่ในที่ปิดมีแอร์คะ"

 

"กลางแจ้งครับ เป็นสวนริมแม่น้ำท่าจีน" 

 

ชายหนุ่มเอ่ยชื่อโรงแรมเก่าแก่ชื่อดังแห่งหนึ่ง 

 

"ที่บ้านชอบขับรถไปเที่ยวตลาดน้ำแล้วก็เลยไปกินข้าวกลางวันที่ร้านข้างในน่ะครับ"

 

"ร้านที่เป็นเรือนไม้ริมแม่น้ำใช่ไหมคะ"

 

"ครับ คุณหลิวไปเหมือนกันเหรอครับ"

"ชอบมากเลยค่ะ อาหารไทยอร่อยมาก ร้านโปรดหลิวเหมือนกันค่ะ"

 

คนที่ฟังยิ้มกว้างอีกครั้ง 'ผู้ชายคนนี้ยิ้มสวย ยิ้มไปถึงตา' พศิกานึกในใจ 

 

"ถ้าอย่างนั้นเครื่องดื่มเอาเป็นน้ำมะพร้าว น้ำกระเจี๊ยบ น้ำอัญชันมะนาว ให้แขกเลือกดีไหมคะ หลิวเพิ่มชาดอกมะลิไปด้วยดีกว่า ผู้อาวุโสบางท่านก็มีโรคประจำตัว อาจจะไม่อยากดื่มน้ำหวานๆ ส่วนขนมเบรกเป็นคาวหวานคู่กันเป็นเซ็ต ขอโทษนะคะ ทางบ้านคุณนนท์นับถือศาสนาอิสลามรึเปล่าคะ"

 

"ไม่ครับ"

 

หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว

 

"หลิวจัดของคาวให้สามอย่างแล้วกันค่ะ แขกจะได้เลือก"

 

พศิกา วาดรูปคร่าวๆลงในสมุดที่ถือติดมือมาตั้งแต่แรก

 

"เป็นกระทงใบตองสี่ช่องแบบนี้นะคะ เซตแรกเป็นช่อม่วง เซตที่สองเป็นสาคูไส้หมู เซตสุดท้ายเป็นปอเปี๊ยะทอดคั่วกลิ้งไก่ มีของหวานเหมือนกัน เป็นทองเอกกับเสน่ห์จันทร์ ขนมชั้นพิมพ์ลายดอกซากุระสีชมพูกับใบเตยม้วนเป็นดอกกุหลาบแล้วก็มงกุฎเพชรคละสี เป็นขนมมงคลทั้งหมดค่ะ"

มือขาวอมชมพูเขียนรายการและวาดภาพคร่าวๆให้เขาดูอย่างรวดเร็วสมกับประสบการณ์ที่เปิดร้านมานานสิบปี ชานนท์นึกชื่นชมในใจ 

 

"ตามนั้นเลยครับ ผมเชื่อฝีมือคุณหลิว กินที่บริษัทจนติดใจเลยตามมา"

 

"หลิวถนัดแต่เค้กค่ะ ส่วนขนมไทยโชคดีที่เรามีเชฟประจำที่เก่งมาก"

 

เธอกล่าวอย่างถ่อมตัวแล้วสอบถามเพิ่มเติมเรื่องวันเวลางาน 

 

"ตามปกติจะขอให้ลูกค้ามัดจำไว้สามสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ"

 

หญิงสาวจิ้มเครื่องคิดเลขแล้วยื่นให้ชานนท์ดู

 

"ได้ครับ ขอเลขบัญชีครับ ผมโอนเลย"

 

"เป็นพี่ชายที่น่ารักมากเลยนะคะ หลิวนึกถึงพี่ชายตัวเองเลย"

 

เธอยิ้มให้เขาหลังจากบอกเบอร์โทรศัพท์สำหรับจ่ายพร้อมเพย์ของบัญชีร้าน ชายหนุ่มเงยหน้ามาหัวเราะแบบเขินๆที่ถูกชมตรงๆ 

 

"น้องสาวคนเดียวน่ะครับ เขาเป็นแอร์ฯ เดินทางตลอด ช่วงนี้ผมเข้าฝั่งพอดีมีอะไรช่วยได้ก็อยากช่วย"

 

"เข้าฝั่ง?"

 

"อ้อ...คือผมพูดจนเคย คุณหลิวอาจจะไม่คุ้น ปกติผมทำงานกลางทะเลที่แท่นครับ ช่วงนี้เป็นช่วงพัก"

 

พศิกาพยักหน้า นึกถึงตำแหน่งของเขาที่อ่านในนามบัตร 

 

"วันนี้เป็นวันแรกที่เรามีซีซันนอลเมนู ถ้าคุณนนท์ไม่รีบไปไหน หลิวแถมพิเศษให้นะคะ ปกติทานมะยงชิดไหมคะ"

 

"ทานครับ ชอบมากด้วยแต่คิดเงินเถอะครับ ของซื้อของขาย ผมเกรงใจ"

 

แววตาและท่าทางเขาดูเกรงใจจริงๆ 

 

"ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ถือว่าประเดิมให้ร้านนะคะ"

 

หญิงสาวไม่รออีกฝ่ายทัดทาน หันไปสั่งพนักงานที่อยู่ไม่ไกล ไม่นาน มะยงชิดคว้านเมล็ดกับข้าวเหนียวมูนโรยงาขาวสีเขียว สีชมพูและสีฟ้าที่จัดเรียงอย่างสวยงามบนใบตองบนจานรูปใบไม้เพ้นท์ลายวาดเป็นเถาวัลย์อ่อนช้อยโดยรอบก็มาวางตรงหน้าชายหนุ่ม ชานนท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที 

"พอดีหลิวมีงานลูกค้าสั่งเค้กวันเกิด ต้องขอตัวก่อนนะคะ ทานให้อร่อยนะคะ ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรอยากเปลี่ยนแปลงแก้ไข แจ้งหลิวได้ตลอดเลยนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ"

 

พศิกายกมือพนมไหว้จนเขายกมือรับไหว้แทบไม่ทัน 

 

"ขอบคุณเช่นกันนะครับ"

 

หญิงสาวยิ้มตอบ เป็นอีกครั้งที่ลักยิ้มบุ๋มข้างแก้มนั้นทำให้หัวใจชานนท์เต้นไม่ตรงจังหวะ เขากดเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ พิมพ์ชื่อว่า "Sweet dimples" ในขณะที่อีกฝ่ายเดินเข้ามานั่งที่นั่งประจำตรงหน้าแท่นหมุนเค้ก ภาพรอยยิ้มกว้างถึงดวงตาติดตาไม่หาย เธอส่ายหน้าบอกตัวเองให้ลงมือทำงานแต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน รายชื่อหน้าจอทำให้แอบถอนใจเล็กน้อย

 

"ค่ะ อาม่า" 

 

"อาหลิว ลื้อไม่มากินข้าวเย็นสองอาทิตย์แล้วนา เย็นนี้ลื้อต้องมานา อากงลื้อโกรธขึ้นมาจะเป็นเรื่อง"

 

"วันนี้เสาร์ต้นเดือน ลูกค้าเยอะ หลิวไม่แน่ใจว่าไปทันรึเปล่า"

 

"ลูกน้องลื้อมีเยอะแยะ อากงลื้อบอกว่านานแค่ไหนก็จะรอ"

พศิกาแอบกลอกตา เธอรู้หรอกว่าอากงกับอาม่าไม่ได้อยากเจอเธอแต่อยากให้เธอไปเจอบรรดาเหล่าลูกชายหลานชายร้านทองที่ยังโสดที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วเพราะอยากให้หลานสาวคนเดียวแต่งงานแล้วไปเป็นเถ้าแก่เนี๊ยะนั่งขายทองมากกว่ามานั่งทำขนมงกๆแบบนี้ หญิงสาวต้องพยายามอดทนต่อสู้กับความกดดันอย่างหนักจากทางบ้านเมื่อตัดสินใจทำร้านขนม ไม่สืบทอดกิจการขยายสาขาร้านทองของตระกูล 

 

บ่ายเบี่ยงมาได้หลายครั้ง วันนี้คงจำต้องไป 

 

"ค่ะ หลิวจะพยายามไปให้ทันนะคะ"

 

แสงแดดจ้าลอดผ่านรอยแยกผ้าม่านทึบสีครีมเข้ามาจนดารินต้องกระพริบตาถี่ๆ หญิงสาวพลิกตัวหนีหันหน้าไปหนุนหมอนอีกฝั่งหลับตาลงอีกครั้งเพราะยังง่วงงุ่น การได้นอนซุกในผ้านวมอุ่นนุ่มสบายโดยไม่ต้องรีบตื่นมาเพื่อไปสอนตอนแปดโมงเช้าเป็นความสุขของเธออย่างหนึ่ง แต่ไม่ทันที่เธอจะเข้าสู่นิทรารมณ์อีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาทำลายยามสายอันสุขสงบของเธอเสียก่อน คิ้วขมวดเมื่อเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย

 

"สวัสดีค่ะ"

 

"พี่รินนนนนนนน ลินาเองค่าาา"

 

 

เสียงหวานสดใสดังด้วยความยินดี ดารินยิ้มกับเสียงนั้น ลินาเป็นสาวน้อยรุ่นน้องชาวไทยที่ไปเรียนต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ที่อังกฤษ ได้พบกันในงานพบปะนักเรียนไทยที่สถานทูต สาวน้อยถูกคอกับเธอตั้งแต่แรกเจอและติดดารินแจ ส่วนหนึ่งคงเพราะตนเองมีแต่พี่ชายและอยากมีพี่สาวมานานและมีลักษณะนิสัยคล้ายๆกัน เพียงแต่ลินาจะช่างพูดมากกว่า 

 

"ไง เรา กลับมาอยู่เมืองไทยแล้วเหรอ"

 

สาวรุ่นน้องเรียนจบแล้วเข้าทำงานกับแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอังกฤษชื่อดัง ด้วยไม่อยากกลับมาทำโรงสีข้าวส่งออกซึ่งเป็นธุรกิจของทางบ้าน 

 

"กลับมาพักร้อนค่ะ เครื่องเพิ่งลงเมื่อวาน คิดถึงพี่รินมากเลยจะมาชวนไปงานรียูเนี่ยนเย็นนี้ด้วยกัน ลินากำลังสร้างคอนเนกชั่นเอาไว้ก่อนกลับมาทำแบรนด์ตัวเอง พี่รินไปด้วยกันนะคะ"

 

ดารินเห็นการ์ดเชิญที่ส่งมาทางอีเมล์นานแล้ว งานเลี้ยงรียูเนี่ยนนักเรียนไทยในอังกฤษจัดขึ้นทุกๆปีแต่เพราะดารินไม่มีใครที่สนิทด้วยนอกจากลินา จึงไม่เคยไปร่วมนอกจากไปงานบรรยายเชิงวิชาการเท่านั้น หญิงสาวไม่อยากให้เสียน้ำใจรุ่นน้องสาวและเธอเองก็คิดถึงอีกฝ่ายเช่นกัน ลินาเป็นสาวน้อยน่ารักและมีน้ำใจ ไม่เคยถือตัวว่าเป็นลูกคนรวยมีสตางค์ สมัยเรียน ทั้งสองทำอาหารไทยง่ายๆกินด้วยกันบ่อยๆเนื่องจากที่พักในลอนดอนนั้นอยู่ห่างกันเพียงบล็อกเดียวและราคาถูกกว่าการไปนั่งกินในร้านอาหารมาก

"โอเคจ้ะ เดี๋ยวพี่ไปรับ แอดไลน์แล้วแชร์โลเคชั่นมา สักหกโมงครึ่งแล้วกัน"

 

"เย้! ขอบคุณมากเลยค่า มีเรื่องอยากคุยเยอะแยะไปหมดเลย เดี๋ยวคุยตอนเจอทีเดียวเลยนะคะ ลินานัดกินข้าวกลางวันกับเพื่อนๆสมัยมัธยมเอาไว้ เจอกันตอนเย็นนะคะ"

 

"โอเคจ้ะ เจอกัน"

 

ดารินวางโทรศัพท์ พบว่าลินาแอดเฟรนมาพร้อมส่งที่อยู่ของเธอมาให้เรียบร้อย ตื่นเต็มตาเสียแล้วจึงกดเข้าเช็คอีเมล์ในโทรศัพท์อีกครั้ง การ์ดเชิญระบุเดรสโค้ดเป็นสี ส้ม ชมพู หรือโอลด์โรส หญิงสาวลุกเดินตรงไปในส่วนวอร์คอินโคลทเซ็ตห้องใหญ่ที่ลงทุนจ้างอินทีเรียร์ดีไซน์มาออกแบบให้อย่างดี เลื่อนบานกระจกใสบานหนึ่งออก หยิบชุดตัวโปรดที่สั่งซื้อเก็บไว้มานานมาแขวนไว้

 

เดรสคอปาดแขนกุดเข้ารูปด้านบนและบานออกเป็นผ้าชีฟองทรงสุ่ม ช่วงเอวเป็นริบบิ้นผูกโบว์ เข้าคู่พอดีกับรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีโอลด์โรสที่มีอยู่หลายคู่ เธอหมุนตัวมาที่ไอร์แลนด์กลางห้องที่สั่งทำพิเศษเช่นกัน เป็นที่เก็บนาฬิกาและเครื่องประดับต่างๆ หยิบนาฬิกาหน้าปัดฝังเพชรสีดำมาตัดความหวานเข้าคู่กับกระเป๋าคลัทช์และเลือกต่างหูมุกล้อมเพชรรูปดาว ซึ่งเป็นคู่ประจำในการใส่ออกงานกลางคืนคล้องกับชื่อของเธอ ดาริน 

 

หกโมงครึ่งไม่ขาดไม่เกิน ดารินก็จอดรถเทียบรอหน้าคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ครู่เดียวหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งในเดรสเกาะอกเข้ารูปกระโปรงทรงสอบสีส้มอ่อนยาวเพียงครึ่งต้นขาในรองเท้าส้นสูงปรี๊ดก็เดินตรงออกมาอย่างมั่นใจ เธอเปิดยิ้มกว้างโบกมือเมื่อดารินลดกระจกรถลงยิ้มให้

 

ตลอดการเดินทางไปยังโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ทั้งคู่คุยกันไม่หยุดในเรื่องต่างๆ ลินาเป็นฝ่ายคุยมากกว่าแต่ดารินก็เพลิดเพลินที่จะฟัง ทั้งคู่มาถึงช่วงเริ่มงานพอดีจึงต้องต่อแถวสแกนคิวอาร์โค้ดเข้างานที่ยาวพอสมควร ตลอดการรอ สาวน้อยข้างกายนลินทักคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา ลินาเป็นคนอัธยาศัยดีและมีเพื่อนเยอะต่างกับดารินที่ยืนอ่านแผ่นพับเกี่ยวกับรายละเอียดของงานอย่างตั้งใจ จนกระทั่งรู้สึกว่ามีคนมาเข้าแถวต่อหลังและเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น

 

"กรุงเทพฯต้องหิมะตกแน่เลย ปีนี้ ดร.ดารินมางานรียูเนี่ยนด้วย"

 

ดารินหันไปตามเสียงและพบชายหนุ่มผิวขาวตัวสูงในเชิ้ตสีโอลด์โรสกับกางเกงสแล็คสีครีมยิ้มตาหยีมาให้ 

 

“พี่ที”  

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา