ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก

-

เขียนโดย ณรีนิน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.

  44 ตอน
  2 วิจารณ์
  16.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

43) เมื่อไหร่จะได้พบกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วจนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมขององค์ชายใหญ่ หากเป็นไปตามที่หมอหลวงบอกไว้ในทางร้าย เป็นไปได้ที่พระองค์อาจจะสิ้นพระชนม์จากพิษร้ายแรงที่ยาสมุนไพรทั่วไปไม่อาจรักษาได้
ด้วยเหตุนี้บรรยากาศในวังหลวงมีแต่ความโศกเศร้าและเริ่มหมดความหวัง โดยเฉพาะพระชายาหม่านลี่ที่ทรงกันแสงครั้งแล้วครั้งเล่า
บ่ายวันนี้จึงทรงเรียกให้เหม่ยหลินเข้าเฝ้าเพราะหวังว่าคนของจวนสกุลหวางอาจจะได้ทราบข่าวสารใดที่เป็นประโยชน์บ้าง
“หม่อมฉันเพิ่งทราบข่าวจากนายกองกัวไม่นานมานี่เองเพคะ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรอีกเลย แต่หม่อมฉันยังเชื่อว่าทั้งคู่ต้องกลับมาอย่างปลอดภัย ท่านแม่ทัพหวางต้องช่วยองค์ชายใหญ่ได้แน่ๆเพคะ”
ทั้งที่ตนเองก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย แต่จำเป็นต้องเอ่ยในแง่ดีอีกทั้งเพื่อเป็นการให้กำลังใจพระชายาหม่านลี่
“ขอบใจเจ้ามากเหม่ยหลิน ต่อจากนี้หากเจ้าได้รับรู้ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือแม้ว่าจะประสบปัญหาใดก็ตาม เจ้ามาหาข้าที่ตำหนักเฟยหลงได้ทุกเมื่อ”
“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”
 
หลังจากกล่าวทูลลาพระชายาหม่านลี่แล้ว เหม่ยหลินเดินออกจากตำหนักเฟยหลงด้วยท่าทางเหม่อลอย เมื่อนึกถึงน้ำเสียงเศร้าและสีหน้าอมทุกข์ของพระชายาหม่านลี่ที่มีแต่ความเป็นห่วงพระสวามี ช่างแลดูน่าสงสารจับใจ
ส่วนตัวเธอเองก็เป็นห่วงแม่ทัพหวางชุนเทียนไม่แพ้กัน แต่จะทำสิ่งใดได้นอกจากรอคอย
จูผิงที่เดินตามหลังมาติดๆเหลือบไปเห็นขบวนเสด็จที่มีทหารและนางกำนัลเดินตาม ที่นี่คือเขตพระราชฐานที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง จึงเป็นธรรมดาที่เหล่าเชื้อพระวงศ์เดินทางไปมาภายในวังหลวงโดยการประทับภายในเกี้ยวประจำตัว
อดีตที่เคยเป็นนางกำนัลในตำหนักเฟิ่งหวงมาก่อนทำให้จูผิงรู้ได้ทันทีว่าเป็นขบวนเสด็จของเชื้อพระวงศ์ประจำตำหนักเฟิ่งหวง และผู้ที่อยู่ในเกี้ยวนั้นไม่ใช่ใครอื่น
“คุณหนูๆ นั่นขบวนเสด็จขององค์ชายรองเจ้าค่ะ”
เหม่ยหลินได้ยินดังนั้นก็รีบหลีกเข้าข้างทางเตรียมพร้อมรับเสด็จ ทั้งสองสาวนั่งคุกเข่ากับพื้นก้มหน้าเช่นเดียวกันกับทหารและนางกำนัลละแวกนั้น
ขันทีที่เดินอยู่เคียงข้างเกี้ยวขององค์ชายใหญ่ปรายตามองบรรดาหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างทาง  เขาสังเกตเห็นหญิงนางหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมชั้นดี พอมองเสี้ยวหน้าชัดๆก็จำได้ว่าเป็นแม่นางเหม่ยหลินคู่หมายของแม่ทัพหวางชุนเทียน
และเป็นหญิงสาวที่องค์ชายรองเคยหมายปองอยากได้เป็นสนมด้วย!
ขันทีเคาะที่ข้างเกี้ยวพลางทูลให้บุคคลภายในเกี้ยวรู้ว่าเหม่ยหลินนั่งคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักเฟยหลง
“อะไรนะ นางอยู่ที่นี่งั้นรึ”องค์ชายทำน้ำเสียงสนอกสนใจ
ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่นี่ เท่าที่รู้มาว่าพระชายาหม่านลี่ทรงเอ็นดูนางอยู่มากจึงมักจะติดตามแม่ทัพหวางมาเข้าเฝ้าที่ตำหนักเฟยหลงอยู่บ่อยครั้ง
แต่บัดนี้ ไม่มีแม่ทัพหวางที่คอยอยู่ข้างกายนางแล้ว ครั้นคิดได้เช่นนั้นก็สั่งการกับขันที
“หยุดเกี้ยว!” เสียงร้องตะโกนของขันทีทำให้เหล่าทหารและนางกำนัลที่ร่วมขบวนเสด็จยืนนิ่งตามคำสั่ง
ทันทีที่ขันทีเปิดผ้าม่านออก รองเท้าผ้าชั้นดีก้าวถึงพื้นและเดินมุ่งตรงไปที่หาหญิงผู้เป็นเป้าหมาย
“ไม่ได้พบกันเสียนานนะ แม่นางเหม่ยหลิน”
หญิงสาวชะงักงันกับเสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายนั้น รีบประสานมือก้มหน้าติดพื้นเพื่อทำความเคารพ
“ถวายบังคมเพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด อย่าพิธีรีตองอะไรเลย ข้ารู้ว่าเจ้ายังอยู่ในความโศกเศร้า”
ชายสูงศักดิ์ทำทีเอ่ยด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ตั้งแต่เหตุการณ์วันพิธีอำลาของเหล่าหญิงบรรณาการก็ไม่ได้พบดวงหน้าหวานนี้อีกเลย พอได้พบกับนางอีกครั้งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ความงามของนางยังคงเหมือนเดิม หรือว่างามมากกว่าเดิมก็ว่าได้
“ในเมื่อวันนี้มีโอกาสได้พบกัน ข้าอยากจะเชิญเจ้าไปสนทนากันที่ตำหนักของข้าสักหน่อย เจ้าสะดวกหรือไม่”
“เอ่อ...คือว่าหม่อมฉัน...” หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจไม่กล้าที่จะมองหน้าองค์ชายลี่หยางตรงๆ แน่นอนว่าการที่จะปฏิเสธคำเชิญชวนนี้คงทำได้ยาก
“เจ้าพาสาวใช้ไปด้วยกันก็ได้ หรือว่าเจ้ากลัวสิ่งใด”
ไม่ใช่แค่เหม่ยหลินที่ไม่อยากย่างกรายเข้าไปภายในตำหนักเฟิ่งหวง แม้แต่จูผิงเองก็เช่นกัน สาวใช้หน้ามนยังเข็ดกับท่อนไม้ที่โบยเข้าที่หลังของนางโทษฐานช่วยเหลือเหม่ยหลิน ในครั้งนั้นนางเองยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะสาเหตุใด
แต่มาบัดนี้เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าน่าจะเป็นเพราะนางทำให้แผนการสลับตัวเหม่ยหลินต้องล้มเหลว
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขออนุญาตเข้าร่วมสนทนาด้วย เชิญองค์ชายรองที่ตำหนักเฟยหลงดีกว่าเพคะ”
เสียงของพระชายหม่านลี่แทรกเข้ามาทันที ร่างของหญิงวัยกลางคนซึ่งมีฐานะเป็น ‘พี่สะใภ้’ เดินทรงเข้ามาขัดขวางคำชักชวนอย่างจงใจ
พระนางทรงทราบจากนางกำนัลว่าองค์ชายรองทรงประทับเกี้ยวผ่านตำหนักในเวลานี้ ทำให้สวนทางกับเหม่ยหลินที่กำลังจะจะกลับจวนพอดี และทรงคิดไว้ไม่ผิดจริงๆว่าองค์ชายรองต้องไม่ปล่อยให้เหม่ยหลินเดินผ่านไปเฉยๆ
“ที่ตำหนักเฟยหลงก็กว้างขวางสามารถต้อนรับพระองค์ได้ดีไม่น้อยไปกว่าที่ตำหนักเฟิ่งหวง หรือว่าองค์ชายรองต้องการให้จัดเตรียมสิ่งใดเพิ่มเติม ทรงแนะนำได้นะเพคะ”
“เอ่อ...ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ข้าเองก็รู้สึกเป็นห่วงทั้งเสด็จพี่ลี่หมิงและแม่ทัพหวางชุนเทียนจึงคิดจะปลอบโยนแม่นางเหม่ยหลินเท่านั้น”
องค์ชายรองทรงตรัสพลางหันพระพักตร์ไปทางอื่นด้วยสิ่งที่พูดนั้นไม่ใช่มาจากใจจริง
“เอาล่ะ หากแม่นางเหม่ยหลินยังมีเรื่องที่ต้องสนทนากับพระชายาหม่านลี่ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนดีกว่า”
ทรงสรุปเอาเองแล้วหันกลับก้าวขึ้นประทับภายในเกี้ยวด้วยสีหน้าขัดเคืองใจ
เอาเถิด หากทุกอย่างจบสิ้นลงตามที่วางแผนไว้ ถึงตอนนั้นจะออกคำสั่งบังคับโดยที่ไม่มีใครกล้าขัดขวางอีกต่อไป
“กลับตำหนัก!” เสียงนำขบวนของขันทีดังขึ้น
เมื่อเกี้ยวขององค์ชายรองเคลื่อนพ้นบริเวณหน้าตำหนักเฟยหลง เหม่ยหลินจึงหายใจโล่งอกได้บ้างพลางหันไปขอบพระทัยพระชายาหม่านลี่
“ที่ข้าปกป้องเจ้าได้ในเวลานี้เป็นเพราะองค์ชายรองยังเกรงใจข้าอยู่บ้าง แต่ภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไรก็คงต้องคอยดูกันต่อไป”
สิ่งที่พระชายาทรงตรัสคงจะหมายถึงหากองค์ชายลี่หมิงหายสาบสูญไปจริงๆ สุดท้ายแล้วบัลลังก์แห่งแคว้นตงเยว่ย่อมตกเป็นขององค์ชายลี่หยางในฐานะองค์รัชทายาทคนต่อไป!
 
เค่อหยวนดั้นด้นไปถึงชายแดนทางใต้เพื่อหาพืชสมุนไพรหายากตามคำสั่งของหมอหลิวซูเหยียน ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่บนหลังม้ามองไปที่เทือกเขาพรมแดนที่กั้นระหว่างแคว้นตงเยว่และแคว้นฟู่เฉิง
สิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ราบกว้างใหญ่เบื้องหน้านั้นคือกำแพงหินอันแข็งแกร่งทอดยาวขนานไปกับเทือกเขาสูงตระหง่าน อาณาบริเวณที่เห็นคือ ‘ค่ายทหารแห่งแคว้นตงเยว่’ เค่อหยวนหยิบของสำคัญในสาบเสื้อด้านหน้าออกมาพินิจดูอย่างครุ่นคิด
ของสำคัญในมือเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยยืนยันเรื่องราวที่เค่อหยวนจะบอกเล่าแก่ผู้มีอำนาจคุมค่ายทหารชายแดนใต้แห่งแคว้นต่งเยว่ ‘รองแม่ทัพเลี่ยงจิน’
“สารนี้มาจากแม่ทัพหวางชุนเทียนจริงหรือ”
รองแม่ทัพเลี่ยงจินถามด้วน้ำเสียงเครียดพลางเงยหน้ามองเค่อหยวนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากเป็นจริงดังที่เนื้อหาในสารนี้ แสดงว่าตอนนี้องค์ชายใหญ่ยังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
“จริงแท้แน่นอนขอรับ ข้าเองก็ต้องรีบนำพืชสมุนไพรหายากกลับไปช่วยรักษาพิษขององค์ชายใหญ่ให้เร็วที่สุดเช่นกัน หากท่านรองแม่ทัพไม่เชื่อ ให้ทหารตามข้าไปที่หมู่บ้านหนิงอันเพื่อพิสูจน์ความจริงได้ขอรับ”
ร่างสูงในชุดเกราะคิดอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้นพลางม้วนสารกลับดั่งเดิม
“ข้าจะไปกับเจ้าเอง!” รองแม่ทัพหนุ่มตัดสินใจได้ในที่สุด
 
ในขณะที่ชายแดนทางใต้ได้รับข่าวการมีชีวิตอยู่องค์ชายใหญ่ ทางฝั่งเมืองหลวงก็เช่นกัน...
นกพิราบสื่อสารบินจากหมู่บ้านหนิงอันกลับไปถึงจวนสกุลหวาง ทำให้ทุกคนที่พากันมารอฟังข่าวที่ห้องโถงของเรือนหลักต่างดีใจกันยกใหญ่ที่เจ้าของจวนยังมีชีวิตอยู่
“ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านแม่ทัพต้องปลอดภัย” เหม่ยหลินอ่านสารวนไปวนมาหลายรอบด้วยประกายตาแห่งความหวัง
“ท่านแม่ทัพยังไม่ตาย!” จูผิงที่ดีใจไม่แพ้กันจนเผลอลืมตัวกอดแขนนายกองกัวเสี่ยนหรง พอนางนึกขึ้นได้ว่าทำกิริยาไม่สมควรก็คลายมือออกอย่างเขินอาย จนกัวเสี่ยนหรงอดยิ้มขันไม่ได้
“ข้าจะนำสารนี้ไปแจ้งให้ทางราชสำนักส่งทหารองครักษ์ไปรับเสด็จองค์ชายใหญ่ให้เร็วที่สุดขอรับ”
นายกองกัวเสี่ยนหรงหันมารับสารคืนจากเหม่ยหลินแล้วรีบขอตัวเดินทางออกจากห้องไปทันที
ส่วนลู่หลิ่งและเย่เหยาที่ฟังอยู่ข้างๆ ต่างพากันถอนหายใจโล่งอก สิ่งที่รองแม่ทัพเหอไป่เฉินคาดเดาเป็นจริงเสียด้วย
ลู่หลิ่งพลันคิดถึงสิ่งที่เหอไป่เฉินทวงถามจากนาง
“หวางชุนเทียนอาจจะกลับมาในไม่ช้า แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น เจ้าต้องทำสิ่งที่ตกลงกันไว้ให้สำเร็จ”
 
และในคืนวันเดียวกันนั้น เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องของเหม่ยหลินก็ดังขึ้น
และหญิงสาวต้องแปลกใจที่เห็นลู่หลิ่งยืนอยู่หน้าห้อง นางบอกว่ามีธุระจึงขอเข้ามาคุยภายในห้อง
“เหม่ยหลิน เจ้าอยากเดินทางไปพบท่านแม่ทัพที่หมู่บ้านหนิงอันหรือไม่” ลู่หลิ่งเปิดประเด็นขึ้นทันที
“อยากไปสิ แต่ราชสำนักจะอนุญาตให้ข้าร่วมขบวนไปด้วยหรือ”
“เราไปกันเองได้ ไม่จำเป็นต้องร่วมขบวนของราชสำนักหรอก”
“หมายความว่าอย่างไร?” คิ้วของหญิงสาวย่นเข้าหากันเล็กน้อย
“ข้าเตรียมรถม้าไว้แล้ว  หากเดินทางไปกันพรุ่งนี้ก่อนฟ้าสาง เราจะไปถึงหมู่บ้านหนิงอันก่อนขบวนของราชสำนักแน่นอน”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปบอกให้จูผิงเตรียมตัว”
ก่อนที่เหม่ยหลินจะขยับเท้าก้าวเดิน ลู่หลิ่งกลับร้องห้ามเสียงดังจนหญิงสาวชะงัก “จูผิงไปไม่ได้!”
ลูหลิ่งให้เหตุผลว่าหากพากันไปหลายคนจะไม่คล่องตัว จะทำให้ถึงหมู่บ้านหนิงอันได้ล่าช้า นางขอให้เหม่ยหลินเขียนจดหมายวางไว้ในห้องก็เพียงพอแล้ว
“เจ้าเตรียมแค่ข้าวของจำเป็น แล้วพรุ่งนี้ออกไปพบข้าที่เรือนเล็ก ข้านัดให้รถม้าจอดรออยู่ทางประตูด้านหลังจวน”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา