ฤาบุปผาลิขิตชะตารัก
-
เขียนโดย ณรีนิน
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 16.26 น.
44 ตอน
2 วิจารณ์
17.02K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 22.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) พวงมาลัยโม่ลี่ฮวา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลายวันต่อมาเหอไป่เฉินมาขอพบเหม่ยหลินที่จวนสกุลหวาง จุดประสงค์การมาของเขามีนัยแอบแฝง ขอแค่เข้าในจวนแม่ทัพแห่งนี้ให้ได้เสียก่อนเถิดหลังจากนั้นค่อยคิดหาวิธีการสืบหาความลับทางการทหารให้ได้ แต่สำหรับบุคคลภายนอกแล้วความเคร่งครัดในการเข้าออกจวนแห่งนี้ยังเป็นอุปสรรคอยู่มาก เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นเป็นแขกที่ได้รับเชิญจากคนในจวน
“โปรดแจ้งนามของท่านมา” ทหารหน้าประตูจวนกล่าวถามเมื่อชายหนุ่มลักษณะท่าทางดีสวมอาภรณ์ด้วยผ้าชั้นเลิศผู้หนึ่งมาขอพบแม่นางเหม่ยหลิน
“นามของข้าคือเหอไป่เฉิน บอกแม่นางเหม่ยหลินว่าข้าคือคนที่ช่วยแม่นางไว้ที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยาง ข้านำของที่นางทำตกไว้มาคืน” เมื่อดูแล้วถ้อยคำของเหอไป่เฉินดูไม่มีพิรุธใดๆ นายทหารชั้นประทวนจึงขอให้รอหน้าประตูก่อน แล้วเข้าไปแจ้งชื่อและจุดประสงค์การเข้าพบตามที่เหอไป่เฉินบอก ผ่านไปเพียงสักครู่หนึ่งนายทหารคนเดิมเดินออกมาพร้อมจูผิงสาวใช้ของเหม่ยหลิน
“คุณชายเหอไป่เฉิน” จูผิงเห็นหน้าเหอไป่เฉินแล้วจำได้ทันที
“เรื่องที่ท่านช่วยเหลือคุณหนูในวันนั้น ข้าขอขอบคุณชายมากเลยเจ้าค่ะ เชิญคุณชายด้านใน” นางไม่รอช้ารับหน้าที่เป็นผู้นำพาเขาเข้าไปภายในจวน เหอไป่เฉินรู้สึกพอใจที่แผนการก้าวแรกเป็นไปด้วยดี
ส่วนเหม่ยหลินในขณะนี้หายดีจากอาการบาดเจ็บที่ขาแล้ว เธอหากิจกรรมทำยามว่างอยู่ที่ศาลากลางสวนบนโต๊ะ ตรงหน้ามีบรรดาถาดดอกไม้หลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่ ทั้งโม่ลี่ฮวา (ดอกมะลิ) หลานฮวา (ดอกกล้วยไม้) ไป๋หลันฮวา (ดอกจำปี) เหมยกุ้ยฮวา (ดอกกุหลาบ)
ดอกไม้เหล่านี้ดูจะไม่เป็นที่นิยมนำมาประดับตกแต่งของคนที่นี่เท่าไรนักจึงถือว่าหาซื้อได้ยาก แต่จูผิงที่เคยอยู่ในตำหนักเฟิ่งหวงมาก่อน เคยได้รับหน้าที่ให้ติดต่อพ่อค้าที่จัดหาดอกไม้สำหรับใช้สอยในตำหนักจึงสามารถสอบถามพ่อค้าคนเดิมให้ช่วยหาดอกไม้เหล่านี้มาให้นายหญิงของนางได้ เมื่อเหม่ยหลินบอกว่าดอกไม้ที่ยังขาดไปคือ หนิวเจียวฮวา (ดอกรัก) ซึ่งดูจะหาได้ยากมากเพราะเป็นดอกไม้เมืองร้อน พ่อค้ารับปากว่าโอกาสหน้าจะหามาให้ได้
เมื่อผลงานชิ้นแรกสำเร็จจึงถูกวางไว้อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนในมือของหญิงสาวเป็นผลงานชิ้นต่อไปที่บรรจงสรรค์สร้าง นิ้วเรียวยาวหยิบโม่ลี่ฮวาดอกตูมสลับกับกลีบเหมยกุ้ยฮวาร้อยเรียงซ้อนกันลงสู่เข็มขนาดยาวที่เป็นอุปกรณ์หลักจนเกือบเต็มด้ามเข็ม ในขณะที่ค่อยๆบรรจงรูดแถวดอกไม้ทั้งสองออกจากเข็มลงสู่เชือกเส้นเล็กพลันคิดถึงคุณยายเจิมจันทร์ที่เป็นผู้สอนการ ‘ร้อยมาลัย' ให้เธอตั้งแต่เมื่อครั้งเธอยังเป็นสาวน้อยเอมมาลินหรือหนูเอมหลานสาวสุดที่รัก การที่ฝันเห็นคุณยายและคุณแม่ในวันนั้นทำให้อยากทำอะไรก็ตามให้หายคิดถึงคนทั้งสอง
จูผิงเดินนำแขกผู้มาเยือนจนมาถึงศาลากลางสวน ทั้งสองยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว “คุณหนู คุณชายเหอไป่เฉินมาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ”
เหม่ยหลินได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นหันไปตามเสียงเรียกเพื่อต้อนรับ
เหอไป่เฉินเพิ่งได้เห็นหน้าของเหม่ยหลินชัดๆ ก็วันนี้นี่เอง วันนั้นเหตุการณ์ชุลมุนเกินไปจึงไม่ได้ทำความรู้จักกับหญิงสาว ดวงตากลมโตสดใสรับกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เขาเห็นตอนนี้ทำให้เหอไป่เฉินลืมคิดถึงแผนการในวันนี้ไปชั่วขณะ
“คุณชายเหอไป่เฉิน เป็นคุณชายนี่เองที่ช่วยข้า ขอบคุณคุณชายมาก” น้ำเสียงอ่อนหวานของหญิงสาวกับท่าทางประสานมือย่อตัวกล่าวขอบคุณอยู่ในสายตาของเขา
“คุณชายอุตสาห์เสียเวลามาเยี่ยมเยียนข้า แต่ข้ายังไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านเลย” เหม่ยหลินอดคิดไม่ได้ว่าการที่คุณชายเหอผู้นี้มาหาเธอถึงที่จวนอาจเป็นเพราะต้องการทวงบุญคุณหรือไม่
“แม่นางอย่าเพิ่งเข้าใจผิด วันนี้ข้าไม่ได้มาทวงสิ่งตอบแทนแต่ข้าเพียงมาเยี่ยมเยียนและนำสิ่งนี้มาคืน”
รอยยิ้มเล็กๆและท่าทางดีใจปรากฏขึ้นเมื่อเห็นถุงหอมที่หายไปอยู่ในมือของคุณชายที่เพิ่งรู้จักชื่อ หญิงสาวกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
“ความจริงข้าควรตอบแทนท่านมากกว่า” เหม่ยหลินพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทนหรอก อย่าเป็นกังวลถึงเพียงนั้น”
“ถ้าเช่นนั้น ขอเชิญคุณชายไปดื่มน้ำชาที่เรือนรับรองก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” ลักษณะการพูดไปยิ้มไปเช่นนี้ทำให้เหอไป่เฉินเผลอยิ้มตาม เขาตั้งคำถามในใจ แม่นางที่ดูไม่ประสีประสาผู้นี้คือคู่หมายของแม่ทัพหวางชุนเทียนคนสำคัญแห่งแคว้นตงเยว่เช่นนั้นหรือ
“ศาลาแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ข้าขอดื่มชาที่นี่จะเป็นการรบกวนแม่นางเหม่ยหลินหรือไม่” เขาพูดพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ
เหม่ยหลินส่ายหน้าน้อยๆไม่ขัดข้อง ผายมือเชิญเหอไป่เฉินไปที่โต๊ะกลางศาลา ไม่ลืมที่จะสั่งให้จูผิงไปเตรียมน้ำชาสำหรับแขกคนสำคัญ
“ดอกไม้นี้แม่นางทำขึ้นเองหรือ ข้าไม่เคยเห็นการประดิษฐ์ดอกไม้ในลักษณะนี้มาก่อน ช่างสวยนัก” เหอไป่เฉินพูดทักขึ้นทันทีที่ได้เห็นพวงดอกไม้ถูกร้อยเป็นวงกลมด้วยวิธีการแปลกทีไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฝีมือการร้อยดอกไม้ของข้ายังไม่ดีพอที่จะมอบให้แก่ใครหรอกเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าคิดว่าสวยมากทีเดียว หากแม่นางไม่ว่ากระไรข้าขอดอกไม้ที่แม่นางประดิษฐ์ชิ้นนี้เป็นการตอบแทนได้หรือไม่” เขาออกปากขอเพราะรู้สึกพอใจกับพวงดอกโม่ลี่ฮวานี้ยิ่งนัก พอได้มองเห็นใกล้ๆ รู้สึกทึ่งในวิธีการที่นำโมลี่ฮวาซ้อนกับกลีบเหมยกุ้ยฮวาในเข็มด้ามยาวจนออกมาสวยงามได้ขนาดนี้
เหม่ยหลินทำท่าอึกอักเล็กน้อย คิดเพียงว่าหากจะมอบผลงานชิ้นแรกของเธอเป็นสิ่งตอบแทนให้แก่ใคร เธอควรจะมอบให้แม่ทัพหวางชุนเทียนก่อนเป็นคนแรก แต่วันนี้กลับมีผู้มีบุญคุณอีกหนึ่งคนที่ต้องการสิ่งตอบแทนนี้
“ของตอบแทนสำหรับท่าน ข้าจะเป็นผู้มอบให้เอง” อยู่ๆก็ได้ยินเสียงห้วนดังใกล้เข้ามา
ชายหญิงทั้งสองคนหันไปทางต้นเสียง เห็นหวางชุนเทียนในชุดขุนนางอย่างเป็นทางการก้าวเร็วๆตรงดิ่งมาที่ศาลากลางสวน เวลานี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องเดินทางไปปฏิบัติงานที่ราชสำนัก หวางชุนเทียนจะต้องเดินผ่านศาลากลางสวนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเหม่ยหลินเป็นปกติทุกวัน เขาเห็นจูผิงยกชุดน้ำชาเดินสวนมาจึงไถ่ถามจนได้ทราบว่าเหม่ยหลินนั่งสนทนากับเหอไป่เฉินผู้ที่ต่อสู่กับคนร้ายเพื่อช่วยเหลือเหม่ยหลินในวันนั้น
“ข้าเหอไป่เฉิน ขอคารวะท่านแม่ทัพ” เหอไป่เฉินแนะนำตัวก่อน
“ท่านนี่เองที่ช่วยเหลือเหม่ยหลินไว้ แล้วเรือนของท่านอยู่ที่ใดข้าจะให้คนนำของตอบแทนไปให้”
“ข้าไม่มีเรือนในแคว้นนี้ ข้าเดินทางมาจากต่างแคว้นเพื่อค้าขาย ตอนนี้พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยางได้หลายวันแล้ว”
เมื่อหวางขุนเทียนได้ยินเช่นนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ หลายวันมานี้เขาสั่งการให้กัวเสี่ยนหรงนายกองคนสนิทลาดตระเวนจับตาดูคนที่เพิ่งเข้ามาจากต่างแคว้น แล้วคนตรงหน้าเขาก็เป็นพ่อค้าต่างแคว้นรูปร่างแข็งแรงกำยำไม่เหมือนพ่อค้าทั่วไปหนำซ้ำยังสามารถต่อกรกับคนร้ายสี่ห้าคนนั้นได้ด้วย ก็ถือว่าอยู่ในข่ายต้องสงสัยเช่นกันมิใช่หรือ
“แล้วคุณชายเหอมาวันนี้...” หวางชุนเทียนมองหน้าพ่อค้าหนุ่มอย่างสงสัย
“คุณชายเหอนำถุงหอมมาคืนข้าเจ้าค่ะ ข้ากำลังคิดว่าจะให้สิ่งใดตอบแทนแก่คุณชายดี” เหม่ยหลินพยายามออกตัวแทนเหอไป่เฉินเพื่อไม่ให้แม่ทัพหวางเข้าใจผิดคิดว่าบุคคลภายนอกเข้ามาโดยพลการ
พอเหม่ยหลินกล่าวถึงสิ่งตอบแทน ทั้งเหอไป่เฉินและหวางชุนเทียนต่างมองไปที่พวงดอกไม้แสนสวยจากฝีมือหญิงสาว ก่อนที่จะมีใครเอ่ยอะไรออกมาก็ได้ยินเสียงเรียก
“ท่านแม่ทัพขอรับ รถม้าพร้อมแล้วขอรับ” พ่อบ้านเฉินเดินมาตามเพราะเห็นว่าผิดเวลาไปมากแล้ว เกรงว่าจะไปราชสำนักไม่ทันตามกำหนด
หวางชุนเทียนได้ทีรีบหันไปสั่งการ “พ่อบ้านเฉิน พรุ่งนี้เป็นธุระจัดการหาของล้ำค่ามอบเป็นของกำนัลให้แก่คุณชายเหอแทนข้าด้วย” คำสั่งนี้เป็นการพูดกีดกันเพื่อไม่ให้เหอไป่เฉินได้พวงดอกไม้นั้นไป เขาได้ยินที่เหอไป่เฉินออกปากขอกับเหม่ยหลินแล้วรู้สึกขัดเคืองใจ หากเหม่ยหลินยกให้ด้วยความเกรงใจแล้วมันจะไม่เป็นการต่อสายสัมพันธ์เช่นนั้นหรือ
“ไม่ต้องลำบากหาของล้ำค่าให้ข้าหรอก เมื่อครู่ข้าขอของตอบแทนเล็กน้อยจากแม่นางเหม่ยหลินแล้ว”
“ถ้าคุณชายเหอหมายถึงพวงดอกไม้นี้แล้วล่ะก็ เห็นจะไม่ได้” หวางชุนเทียนเดินเข้ามาหยิบพวงดอกไม้นั้นขึ้นมาแล้วปรายตาไปที่หญิงสาวเจ้าของฝีมือร้อยพวงดอกไม้นี้ เขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไปทางอื่นแล้วพูดต่อ “เพราะสิ่งนี้เป็นของข้า ขอให้คุณชายรับสิ่งอื่นไปแทนเถิด”
เหม่ยหลินเหลือบตาขึ้นมองแม่ทัพหนุ่มที่ด่วนสรุปเอาเองว่าพวงดอกไม้นั้นทำขึ้นเพื่อเขา
‘บอกตอนไหนว่าจะให้’ หญิงสาวก้มหน้าอมยิ้มขบขันท่าทางของหวางชุนเทียน ยามนี้เขาไม่แม้แต่จะหันมองหน้าเธอ อาจเพราะรู้ตัวเองดีว่าเป็นการพูดทึกทักไปเองทั้งที่ยังไม่ได้ตกลงกับหญิงสาวมาก่อน
“ข้าเข้าใจแล้ว” เหอไป่เฉินพยักหน้าเบาๆหลายครั้ง เขาตอบตกลงเอ่ยขอรับน้ำใจจากแม่ทัพหวาง
“หากเป็นของล้ำค่าจากท่านแม่ทัพ ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมารับของนั้นด้วยตนเองก็แล้วกัน”
“ได้ แต่วันพรุ่งนี้ข้ามีเหตุต้องนำทหารไปลาดตระเวนนอกเมือง คงไม่ได้อยู่ต้อนรับคุณชาย” พูดแล้วก็ฝากให้พ่อบ้านเฉินเป็นผู้ต้อนรับคุณชายแทน
ส่วนเหอไป่เฉินเหยียดยิ้มอย่างพอใจ หากพรุ่งนี้แม่ทัพหวางและทหารบางส่วนจะต้องออกจากจวนแสดงว่าจวนแห่งนี้น่าจะมีทหารเพียงไม่กี่นายรักษาการอยู่ เขาไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปอย่างแน่นอน
แม่ทัพหนุ่มทำหน้านิ่งแต่ในใจมีข้อสงสัยหลายประการ เขายอมบอกความเคลื่อนไหวภายในจวนให้เหอไป่เฉินรับรู้เช่นนี้เพราะเห็นว่าคุณชายผู้นี้ประสงค์จะมารับของที่จวนด้วยตนเองให้ได้ เขาจึงอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
พอถึงเวลาที่ทั้งหวางชุนเทียนและเหอไป่เฉินต้องออกจากจวน ตามมารยาทแล้วเหม่ยหลินต้องเดินตามไปส่งถึงหน้าประตูจวน แต่ดูเหมือนแม่ทัพหนุ่มยังกังขาท่าที่ของเหอไป่เฉินที่มีต่อเหม่ยหลินเขาไม่อยากให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังอีก จึงอยากให้คุณชายเหอผู้นี้กลับออกจากจวนไปก่อน
“ข้าขอส่งคุณชายเหอเพียงเท่านี้” เขากล่าวขึ้นก่อนในฐานะที่เป็นเจ้าของจวนเพื่อเร่งส่งพ่อค้าหนุ่มขึ้นรถม้า เหอไป่เฉินก้มคารวะไม่วายหันไปมองเหม่ยหลินที่ยืนอยู่ข้างกายแม่ทัพหนุ่ม
“ขอบคุณคุณชายเหอ” หญิงสาวย่อตัวคารวะกล่าวด้วยเสียงนอบน้อมด้วยเช่นกัน เหอไป่เฉินยิ้มให้ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป อย่างไรเสียเขาคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องได้พบกับหญิงสาวอีกครั้งจึงยอมกลับไปก่อน
หลังจากเห็นว่ารถม้าของเหอไป่เฉินวิ่งออกห่างจวนไปแล้วแม่ทัพหนุ่มหันมาเอ่ยถามกับเหม่ยหลิน “พวงดอกไม้ที่เจ้าทำขึ้น มีชื่อเรียกหรือไม่”
“ชื่อเรียก...เรียกว่าพวงมาลัยเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบ
“ต่อไปนี้หากคุณชายเหอไป่เฉินผู้นั้นขอให้เจ้าทำพวงมาลัยขึ้นมาเพื่อมอบแก่เขาอีก เจ้าต้องปฏิเสธไป”
“ทำไมหรือเจ้าคะ” เหม่ยหลินถามขึ้นเพราะในเมื่อท่านแม่ทัพก็ได้รับพวงมาลัยพวงแรกไปแล้ว หากต้องร้อยพวงมาลัยขึ้นอีกสักชิ้นก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร และเป็นไปได้ว่าพรุ่งนี้คุณชายเหออาจจะออกปากขอให้ทำขึ้นเพื่อเขาอีกแน่นอน
“ข้าขอเจ้าแค่นี้ไม่ได้หรือ?” น้ำเสียงห้วนของเขาดังขึ้นมาทันที หญิงสาวย้อนถามแค่ประโยคเดียวแต่กลับทำให้แม่ทัพหวางหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ โดยปกติไม่ว่าเขากล่าวสิ่งใดกับใครก็ตามในจวนแห่งนี้ แม้จะไม่ใช่คำสั่งแต่ทุกคนต้องตอบรับเขาแต่โดยดี
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำพวงมาลัยนี้เพื่อตอบแทนบุญคุณให้แก่ผู้ใดหากข้าไม่อนุญาต โดยเฉพาะกับคนภายนอก” คำอธิบายช่างดูคล้ายเป็นคำสั่งมากกว่า นอกจากนี้ยังกำชับให้พ่อบ้านเฉินต้อนรับคุณชายเหอไป่เฉินที่เรือนรับรองเท่านั้น เขาให้เหตุผลว่าศาลากลางสวนอยู่ใกล้ห้องนอนของเหม่ยหลินจึงไม่เหมาะที่จะรับรองแขกที่เป็นชาย
เหม่ยหลินลอบทำปากคว่ำเหลือบตามองค้อนไม่พอใจกับคำพูดเชิงบังคับแถมยังเอาแต่ใจเช่นนี้ ผู้ชายยุคสมัยโบราณอย่างเช่นแม่ทัพหวางชุนเทียนช่างคิดอะไรหยุมหยิมเสียจริง แถมดูเหมือนไม่อยากไม่ให้คบค้าสมาคมกับคนภายนอกอีก
“แล้วอย่างนี้ข้าจะร้อยพวงมาลัยขึ้นอีกทำไมล่ะเจ้าคะ ในเมื่อไม่อาจให้ผู้ใดได้ชื่นชมผลงานของข้า” เหม่ยหลินยืนทำหน้าหงิกหน้างอก่อนที่จะพูดขึ้น
“ถ้าเจ้าจะทำขึ้นมาอีก ให้ข้าชื่นชมเพียงคนเดียวก็พอแล้ว อย่าลืมนำพวงมาลัยของเจ้าไปไว้ที่ห้องของข้าด้วย” หวางชุนเทียนตอบก่อนที่เดินขึ้นรถม้าไปเฉยๆ ไม่สนใจหันมองคนข้างหลังที่ยืนนิ่งทำได้แต่กลอกตาไปมา
พ่อบ้านเฉินและจูผิงยืนฟังอยู่ไม่พูดสิ่งใด หากแต่คิดตรงกันว่าแม่ทัพหนุ่มมีอารมณ์ ‘หึงหวง’ไม่ผิดแน่นอน
“โปรดแจ้งนามของท่านมา” ทหารหน้าประตูจวนกล่าวถามเมื่อชายหนุ่มลักษณะท่าทางดีสวมอาภรณ์ด้วยผ้าชั้นเลิศผู้หนึ่งมาขอพบแม่นางเหม่ยหลิน
“นามของข้าคือเหอไป่เฉิน บอกแม่นางเหม่ยหลินว่าข้าคือคนที่ช่วยแม่นางไว้ที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยาง ข้านำของที่นางทำตกไว้มาคืน” เมื่อดูแล้วถ้อยคำของเหอไป่เฉินดูไม่มีพิรุธใดๆ นายทหารชั้นประทวนจึงขอให้รอหน้าประตูก่อน แล้วเข้าไปแจ้งชื่อและจุดประสงค์การเข้าพบตามที่เหอไป่เฉินบอก ผ่านไปเพียงสักครู่หนึ่งนายทหารคนเดิมเดินออกมาพร้อมจูผิงสาวใช้ของเหม่ยหลิน
“คุณชายเหอไป่เฉิน” จูผิงเห็นหน้าเหอไป่เฉินแล้วจำได้ทันที
“เรื่องที่ท่านช่วยเหลือคุณหนูในวันนั้น ข้าขอขอบคุณชายมากเลยเจ้าค่ะ เชิญคุณชายด้านใน” นางไม่รอช้ารับหน้าที่เป็นผู้นำพาเขาเข้าไปภายในจวน เหอไป่เฉินรู้สึกพอใจที่แผนการก้าวแรกเป็นไปด้วยดี
ส่วนเหม่ยหลินในขณะนี้หายดีจากอาการบาดเจ็บที่ขาแล้ว เธอหากิจกรรมทำยามว่างอยู่ที่ศาลากลางสวนบนโต๊ะ ตรงหน้ามีบรรดาถาดดอกไม้หลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่ ทั้งโม่ลี่ฮวา (ดอกมะลิ) หลานฮวา (ดอกกล้วยไม้) ไป๋หลันฮวา (ดอกจำปี) เหมยกุ้ยฮวา (ดอกกุหลาบ)
ดอกไม้เหล่านี้ดูจะไม่เป็นที่นิยมนำมาประดับตกแต่งของคนที่นี่เท่าไรนักจึงถือว่าหาซื้อได้ยาก แต่จูผิงที่เคยอยู่ในตำหนักเฟิ่งหวงมาก่อน เคยได้รับหน้าที่ให้ติดต่อพ่อค้าที่จัดหาดอกไม้สำหรับใช้สอยในตำหนักจึงสามารถสอบถามพ่อค้าคนเดิมให้ช่วยหาดอกไม้เหล่านี้มาให้นายหญิงของนางได้ เมื่อเหม่ยหลินบอกว่าดอกไม้ที่ยังขาดไปคือ หนิวเจียวฮวา (ดอกรัก) ซึ่งดูจะหาได้ยากมากเพราะเป็นดอกไม้เมืองร้อน พ่อค้ารับปากว่าโอกาสหน้าจะหามาให้ได้
เมื่อผลงานชิ้นแรกสำเร็จจึงถูกวางไว้อีกฝั่งหนึ่ง ส่วนในมือของหญิงสาวเป็นผลงานชิ้นต่อไปที่บรรจงสรรค์สร้าง นิ้วเรียวยาวหยิบโม่ลี่ฮวาดอกตูมสลับกับกลีบเหมยกุ้ยฮวาร้อยเรียงซ้อนกันลงสู่เข็มขนาดยาวที่เป็นอุปกรณ์หลักจนเกือบเต็มด้ามเข็ม ในขณะที่ค่อยๆบรรจงรูดแถวดอกไม้ทั้งสองออกจากเข็มลงสู่เชือกเส้นเล็กพลันคิดถึงคุณยายเจิมจันทร์ที่เป็นผู้สอนการ ‘ร้อยมาลัย' ให้เธอตั้งแต่เมื่อครั้งเธอยังเป็นสาวน้อยเอมมาลินหรือหนูเอมหลานสาวสุดที่รัก การที่ฝันเห็นคุณยายและคุณแม่ในวันนั้นทำให้อยากทำอะไรก็ตามให้หายคิดถึงคนทั้งสอง
จูผิงเดินนำแขกผู้มาเยือนจนมาถึงศาลากลางสวน ทั้งสองยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว “คุณหนู คุณชายเหอไป่เฉินมาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ”
เหม่ยหลินได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นหันไปตามเสียงเรียกเพื่อต้อนรับ
เหอไป่เฉินเพิ่งได้เห็นหน้าของเหม่ยหลินชัดๆ ก็วันนี้นี่เอง วันนั้นเหตุการณ์ชุลมุนเกินไปจึงไม่ได้ทำความรู้จักกับหญิงสาว ดวงตากลมโตสดใสรับกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เขาเห็นตอนนี้ทำให้เหอไป่เฉินลืมคิดถึงแผนการในวันนี้ไปชั่วขณะ
“คุณชายเหอไป่เฉิน เป็นคุณชายนี่เองที่ช่วยข้า ขอบคุณคุณชายมาก” น้ำเสียงอ่อนหวานของหญิงสาวกับท่าทางประสานมือย่อตัวกล่าวขอบคุณอยู่ในสายตาของเขา
“คุณชายอุตสาห์เสียเวลามาเยี่ยมเยียนข้า แต่ข้ายังไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านเลย” เหม่ยหลินอดคิดไม่ได้ว่าการที่คุณชายเหอผู้นี้มาหาเธอถึงที่จวนอาจเป็นเพราะต้องการทวงบุญคุณหรือไม่
“แม่นางอย่าเพิ่งเข้าใจผิด วันนี้ข้าไม่ได้มาทวงสิ่งตอบแทนแต่ข้าเพียงมาเยี่ยมเยียนและนำสิ่งนี้มาคืน”
รอยยิ้มเล็กๆและท่าทางดีใจปรากฏขึ้นเมื่อเห็นถุงหอมที่หายไปอยู่ในมือของคุณชายที่เพิ่งรู้จักชื่อ หญิงสาวกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
“ความจริงข้าควรตอบแทนท่านมากกว่า” เหม่ยหลินพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทนหรอก อย่าเป็นกังวลถึงเพียงนั้น”
“ถ้าเช่นนั้น ขอเชิญคุณชายไปดื่มน้ำชาที่เรือนรับรองก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ” ลักษณะการพูดไปยิ้มไปเช่นนี้ทำให้เหอไป่เฉินเผลอยิ้มตาม เขาตั้งคำถามในใจ แม่นางที่ดูไม่ประสีประสาผู้นี้คือคู่หมายของแม่ทัพหวางชุนเทียนคนสำคัญแห่งแคว้นตงเยว่เช่นนั้นหรือ
“ศาลาแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ข้าขอดื่มชาที่นี่จะเป็นการรบกวนแม่นางเหม่ยหลินหรือไม่” เขาพูดพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ
เหม่ยหลินส่ายหน้าน้อยๆไม่ขัดข้อง ผายมือเชิญเหอไป่เฉินไปที่โต๊ะกลางศาลา ไม่ลืมที่จะสั่งให้จูผิงไปเตรียมน้ำชาสำหรับแขกคนสำคัญ
“ดอกไม้นี้แม่นางทำขึ้นเองหรือ ข้าไม่เคยเห็นการประดิษฐ์ดอกไม้ในลักษณะนี้มาก่อน ช่างสวยนัก” เหอไป่เฉินพูดทักขึ้นทันทีที่ได้เห็นพวงดอกไม้ถูกร้อยเป็นวงกลมด้วยวิธีการแปลกทีไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฝีมือการร้อยดอกไม้ของข้ายังไม่ดีพอที่จะมอบให้แก่ใครหรอกเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าคิดว่าสวยมากทีเดียว หากแม่นางไม่ว่ากระไรข้าขอดอกไม้ที่แม่นางประดิษฐ์ชิ้นนี้เป็นการตอบแทนได้หรือไม่” เขาออกปากขอเพราะรู้สึกพอใจกับพวงดอกโม่ลี่ฮวานี้ยิ่งนัก พอได้มองเห็นใกล้ๆ รู้สึกทึ่งในวิธีการที่นำโมลี่ฮวาซ้อนกับกลีบเหมยกุ้ยฮวาในเข็มด้ามยาวจนออกมาสวยงามได้ขนาดนี้
เหม่ยหลินทำท่าอึกอักเล็กน้อย คิดเพียงว่าหากจะมอบผลงานชิ้นแรกของเธอเป็นสิ่งตอบแทนให้แก่ใคร เธอควรจะมอบให้แม่ทัพหวางชุนเทียนก่อนเป็นคนแรก แต่วันนี้กลับมีผู้มีบุญคุณอีกหนึ่งคนที่ต้องการสิ่งตอบแทนนี้
“ของตอบแทนสำหรับท่าน ข้าจะเป็นผู้มอบให้เอง” อยู่ๆก็ได้ยินเสียงห้วนดังใกล้เข้ามา
ชายหญิงทั้งสองคนหันไปทางต้นเสียง เห็นหวางชุนเทียนในชุดขุนนางอย่างเป็นทางการก้าวเร็วๆตรงดิ่งมาที่ศาลากลางสวน เวลานี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องเดินทางไปปฏิบัติงานที่ราชสำนัก หวางชุนเทียนจะต้องเดินผ่านศาลากลางสวนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเหม่ยหลินเป็นปกติทุกวัน เขาเห็นจูผิงยกชุดน้ำชาเดินสวนมาจึงไถ่ถามจนได้ทราบว่าเหม่ยหลินนั่งสนทนากับเหอไป่เฉินผู้ที่ต่อสู่กับคนร้ายเพื่อช่วยเหลือเหม่ยหลินในวันนั้น
“ข้าเหอไป่เฉิน ขอคารวะท่านแม่ทัพ” เหอไป่เฉินแนะนำตัวก่อน
“ท่านนี่เองที่ช่วยเหลือเหม่ยหลินไว้ แล้วเรือนของท่านอยู่ที่ใดข้าจะให้คนนำของตอบแทนไปให้”
“ข้าไม่มีเรือนในแคว้นนี้ ข้าเดินทางมาจากต่างแคว้นเพื่อค้าขาย ตอนนี้พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนหยางได้หลายวันแล้ว”
เมื่อหวางขุนเทียนได้ยินเช่นนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ หลายวันมานี้เขาสั่งการให้กัวเสี่ยนหรงนายกองคนสนิทลาดตระเวนจับตาดูคนที่เพิ่งเข้ามาจากต่างแคว้น แล้วคนตรงหน้าเขาก็เป็นพ่อค้าต่างแคว้นรูปร่างแข็งแรงกำยำไม่เหมือนพ่อค้าทั่วไปหนำซ้ำยังสามารถต่อกรกับคนร้ายสี่ห้าคนนั้นได้ด้วย ก็ถือว่าอยู่ในข่ายต้องสงสัยเช่นกันมิใช่หรือ
“แล้วคุณชายเหอมาวันนี้...” หวางชุนเทียนมองหน้าพ่อค้าหนุ่มอย่างสงสัย
“คุณชายเหอนำถุงหอมมาคืนข้าเจ้าค่ะ ข้ากำลังคิดว่าจะให้สิ่งใดตอบแทนแก่คุณชายดี” เหม่ยหลินพยายามออกตัวแทนเหอไป่เฉินเพื่อไม่ให้แม่ทัพหวางเข้าใจผิดคิดว่าบุคคลภายนอกเข้ามาโดยพลการ
พอเหม่ยหลินกล่าวถึงสิ่งตอบแทน ทั้งเหอไป่เฉินและหวางชุนเทียนต่างมองไปที่พวงดอกไม้แสนสวยจากฝีมือหญิงสาว ก่อนที่จะมีใครเอ่ยอะไรออกมาก็ได้ยินเสียงเรียก
“ท่านแม่ทัพขอรับ รถม้าพร้อมแล้วขอรับ” พ่อบ้านเฉินเดินมาตามเพราะเห็นว่าผิดเวลาไปมากแล้ว เกรงว่าจะไปราชสำนักไม่ทันตามกำหนด
หวางชุนเทียนได้ทีรีบหันไปสั่งการ “พ่อบ้านเฉิน พรุ่งนี้เป็นธุระจัดการหาของล้ำค่ามอบเป็นของกำนัลให้แก่คุณชายเหอแทนข้าด้วย” คำสั่งนี้เป็นการพูดกีดกันเพื่อไม่ให้เหอไป่เฉินได้พวงดอกไม้นั้นไป เขาได้ยินที่เหอไป่เฉินออกปากขอกับเหม่ยหลินแล้วรู้สึกขัดเคืองใจ หากเหม่ยหลินยกให้ด้วยความเกรงใจแล้วมันจะไม่เป็นการต่อสายสัมพันธ์เช่นนั้นหรือ
“ไม่ต้องลำบากหาของล้ำค่าให้ข้าหรอก เมื่อครู่ข้าขอของตอบแทนเล็กน้อยจากแม่นางเหม่ยหลินแล้ว”
“ถ้าคุณชายเหอหมายถึงพวงดอกไม้นี้แล้วล่ะก็ เห็นจะไม่ได้” หวางชุนเทียนเดินเข้ามาหยิบพวงดอกไม้นั้นขึ้นมาแล้วปรายตาไปที่หญิงสาวเจ้าของฝีมือร้อยพวงดอกไม้นี้ เขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไปทางอื่นแล้วพูดต่อ “เพราะสิ่งนี้เป็นของข้า ขอให้คุณชายรับสิ่งอื่นไปแทนเถิด”
เหม่ยหลินเหลือบตาขึ้นมองแม่ทัพหนุ่มที่ด่วนสรุปเอาเองว่าพวงดอกไม้นั้นทำขึ้นเพื่อเขา
‘บอกตอนไหนว่าจะให้’ หญิงสาวก้มหน้าอมยิ้มขบขันท่าทางของหวางชุนเทียน ยามนี้เขาไม่แม้แต่จะหันมองหน้าเธอ อาจเพราะรู้ตัวเองดีว่าเป็นการพูดทึกทักไปเองทั้งที่ยังไม่ได้ตกลงกับหญิงสาวมาก่อน
“ข้าเข้าใจแล้ว” เหอไป่เฉินพยักหน้าเบาๆหลายครั้ง เขาตอบตกลงเอ่ยขอรับน้ำใจจากแม่ทัพหวาง
“หากเป็นของล้ำค่าจากท่านแม่ทัพ ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมารับของนั้นด้วยตนเองก็แล้วกัน”
“ได้ แต่วันพรุ่งนี้ข้ามีเหตุต้องนำทหารไปลาดตระเวนนอกเมือง คงไม่ได้อยู่ต้อนรับคุณชาย” พูดแล้วก็ฝากให้พ่อบ้านเฉินเป็นผู้ต้อนรับคุณชายแทน
ส่วนเหอไป่เฉินเหยียดยิ้มอย่างพอใจ หากพรุ่งนี้แม่ทัพหวางและทหารบางส่วนจะต้องออกจากจวนแสดงว่าจวนแห่งนี้น่าจะมีทหารเพียงไม่กี่นายรักษาการอยู่ เขาไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปอย่างแน่นอน
แม่ทัพหนุ่มทำหน้านิ่งแต่ในใจมีข้อสงสัยหลายประการ เขายอมบอกความเคลื่อนไหวภายในจวนให้เหอไป่เฉินรับรู้เช่นนี้เพราะเห็นว่าคุณชายผู้นี้ประสงค์จะมารับของที่จวนด้วยตนเองให้ได้ เขาจึงอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
พอถึงเวลาที่ทั้งหวางชุนเทียนและเหอไป่เฉินต้องออกจากจวน ตามมารยาทแล้วเหม่ยหลินต้องเดินตามไปส่งถึงหน้าประตูจวน แต่ดูเหมือนแม่ทัพหนุ่มยังกังขาท่าที่ของเหอไป่เฉินที่มีต่อเหม่ยหลินเขาไม่อยากให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพังอีก จึงอยากให้คุณชายเหอผู้นี้กลับออกจากจวนไปก่อน
“ข้าขอส่งคุณชายเหอเพียงเท่านี้” เขากล่าวขึ้นก่อนในฐานะที่เป็นเจ้าของจวนเพื่อเร่งส่งพ่อค้าหนุ่มขึ้นรถม้า เหอไป่เฉินก้มคารวะไม่วายหันไปมองเหม่ยหลินที่ยืนอยู่ข้างกายแม่ทัพหนุ่ม
“ขอบคุณคุณชายเหอ” หญิงสาวย่อตัวคารวะกล่าวด้วยเสียงนอบน้อมด้วยเช่นกัน เหอไป่เฉินยิ้มให้ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป อย่างไรเสียเขาคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องได้พบกับหญิงสาวอีกครั้งจึงยอมกลับไปก่อน
หลังจากเห็นว่ารถม้าของเหอไป่เฉินวิ่งออกห่างจวนไปแล้วแม่ทัพหนุ่มหันมาเอ่ยถามกับเหม่ยหลิน “พวงดอกไม้ที่เจ้าทำขึ้น มีชื่อเรียกหรือไม่”
“ชื่อเรียก...เรียกว่าพวงมาลัยเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบ
“ต่อไปนี้หากคุณชายเหอไป่เฉินผู้นั้นขอให้เจ้าทำพวงมาลัยขึ้นมาเพื่อมอบแก่เขาอีก เจ้าต้องปฏิเสธไป”
“ทำไมหรือเจ้าคะ” เหม่ยหลินถามขึ้นเพราะในเมื่อท่านแม่ทัพก็ได้รับพวงมาลัยพวงแรกไปแล้ว หากต้องร้อยพวงมาลัยขึ้นอีกสักชิ้นก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร และเป็นไปได้ว่าพรุ่งนี้คุณชายเหออาจจะออกปากขอให้ทำขึ้นเพื่อเขาอีกแน่นอน
“ข้าขอเจ้าแค่นี้ไม่ได้หรือ?” น้ำเสียงห้วนของเขาดังขึ้นมาทันที หญิงสาวย้อนถามแค่ประโยคเดียวแต่กลับทำให้แม่ทัพหวางหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ โดยปกติไม่ว่าเขากล่าวสิ่งใดกับใครก็ตามในจวนแห่งนี้ แม้จะไม่ใช่คำสั่งแต่ทุกคนต้องตอบรับเขาแต่โดยดี
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำพวงมาลัยนี้เพื่อตอบแทนบุญคุณให้แก่ผู้ใดหากข้าไม่อนุญาต โดยเฉพาะกับคนภายนอก” คำอธิบายช่างดูคล้ายเป็นคำสั่งมากกว่า นอกจากนี้ยังกำชับให้พ่อบ้านเฉินต้อนรับคุณชายเหอไป่เฉินที่เรือนรับรองเท่านั้น เขาให้เหตุผลว่าศาลากลางสวนอยู่ใกล้ห้องนอนของเหม่ยหลินจึงไม่เหมาะที่จะรับรองแขกที่เป็นชาย
เหม่ยหลินลอบทำปากคว่ำเหลือบตามองค้อนไม่พอใจกับคำพูดเชิงบังคับแถมยังเอาแต่ใจเช่นนี้ ผู้ชายยุคสมัยโบราณอย่างเช่นแม่ทัพหวางชุนเทียนช่างคิดอะไรหยุมหยิมเสียจริง แถมดูเหมือนไม่อยากไม่ให้คบค้าสมาคมกับคนภายนอกอีก
“แล้วอย่างนี้ข้าจะร้อยพวงมาลัยขึ้นอีกทำไมล่ะเจ้าคะ ในเมื่อไม่อาจให้ผู้ใดได้ชื่นชมผลงานของข้า” เหม่ยหลินยืนทำหน้าหงิกหน้างอก่อนที่จะพูดขึ้น
“ถ้าเจ้าจะทำขึ้นมาอีก ให้ข้าชื่นชมเพียงคนเดียวก็พอแล้ว อย่าลืมนำพวงมาลัยของเจ้าไปไว้ที่ห้องของข้าด้วย” หวางชุนเทียนตอบก่อนที่เดินขึ้นรถม้าไปเฉยๆ ไม่สนใจหันมองคนข้างหลังที่ยืนนิ่งทำได้แต่กลอกตาไปมา
พ่อบ้านเฉินและจูผิงยืนฟังอยู่ไม่พูดสิ่งใด หากแต่คิดตรงกันว่าแม่ทัพหนุ่มมีอารมณ์ ‘หึงหวง’ไม่ผิดแน่นอน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ