The Project secret ปฏิบัติการสร้างจารชน
-
เขียนโดย UnknowJ
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.33 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
3,620 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 16.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คุณสมบัติ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อ คาเรีย แกร์ทรูท เป็นผู้อำนวยการของ Secret ฉันเป็นคนส่งจดหมายถึงเธอเอง ” ผู้หญิงที่ใส่สูทและกางเกงสแล็คสีดำที่ดูภูมิฐาน ผู้ที่มีผมสีเงินและดวงตาที่ม่วงอันสวยงามราวกับเครื่องประดับราคาแพงที่มัดผมเป็นมวยผมขึ้นไปและใส่แว่นตาที่ทำให้ดูเหมืิอนพนักงานออฟฟิศหรือเลขาผู้จัดการยังไงยังงั้น กำลังแนะนำตัวกับผมที่มาถึงสถานที่ในพิกัด
“ อ่ะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผม อากาสึกิ ริวจิ ครับ ” ผมแนะนำตัวกลับไปแต่ด้วยความที่กำลังตะลึงกับความสวยไร้ที่ติของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเลยทำให้อยู่ในอาการงุนงงกับชั่วขณะ
“ เธอคือลูกชายของ อากาสึกิ ริวเซย์ สินะ ฉันเคยได้ยินเรื่องของเธอมาจากพ่อของเธอมาบ้างแล้วล่ะนะ” เธอพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ เหมือนไม่ค่อยแสดงอารมณ์
“ เอ๋ ? พ่อน่ะหรอครับ นี่คุณรู้จักกับพ่อด้วยงั้นเหรอครับ ” ไม่คิดว่าผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาพูดถึงเรื่องพ่อเลย แต่ด้วยความอยากรู้ผมจึงถามกลับไป
“ เคยร่วมงานด้วยกันในภารกิจที่สเปน แต่มันก็นานแล้วล่ะนะ ” เธอพูดว่าร่วมงานงั้นเหรอ ? แปลว่าเธอก็เป็นทหารเหมิือนกับพ่อสินะ แถมยังพูดถึงภารกิจที่สเปนอีกด้วย
“ แปลว่าคุณก็เป็นทหารเหมือนกันสินะครับ ที่จริงแล้วผมไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับงานของพ่อเท่าไหร่ มารู้อีกทีก็ตอนที่พ่อเสียแล้วน่ะครับ”
“ ไม่แปลกหรอก งานของจารชนก็แบบนี้แหละ สุดท้ายก็ตายแบบที่ไม่มีใครรู้ในสิ่งที่เราทำ…” เธอพูดทั้งที่ทำหน้าเศร้าเล็กน้อยเพียงชั่วขณะ แต่ผมก็สังเกตเห็นได้ทัน แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้เธอพูดว่าจารชนสินะ
“ เอ๋ ? จารชนงั้นเหรอ พ่อไม่ได้เป็นทหารเหรอครับ พ่อเป็นแบบประมาณ สายลับงั้นเหรอครับ ” สงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้เลยถามไปแบบไม่คิดอะไร
“ ประมาณนั้น ปกติแล้วงานแบบพวกเราไม่ได้เปิดเผยกันหรอกนะ แต่ยังไงซะตอนนี้เธอก็จะมาเข้าร่วมกับเราอยู่แล้วคงไม่เป็นไรที่จะบอกเธอตอนนี้” เธออธิบายแบบง่ายๆ ก่อนจะพูดเรื่องที่น่าสงสัยอีกแล้ว
“ เข้าร่วมกับเรา ? หมายถึงอะไรกันครับ ” ทั้งที่ยังทำความเข้าใจเรื่องแรกไม่ได้เลยแท้ๆ แต่กลับโดนคำพูดที่ทำให้สงสัยเข้าไปกันใหญ่อีก
“ ใช่ พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันเป็นผู้อำนวยการของ Secret และฉันอยากให้เธอเข้าร่วมกับสถานบันของเรา พ่อของเธอที่เอาแต่พูดอวดลูกชายของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกสนใจ จนฉันส่งจดหมายเชิญไปเองยังไงล่ะ ” จะว่าไปตอนแรกที่เจอกันเธอก็พูดถึง Secret นี่นา แล้วไอ้ Secret เนี่ยมันคืออะไรกันล่ะ
“ คงต้องอธิบายให้ฟังด้วยสินะ งั้นไปหาที่นั่งพูดคุยกันดีไหม ที่นี่คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ” พอเห็นสีหน้าที่งุนงงของผมเธอก็คงจะเอือม เลยคิดว่าถ้าไม่อธิบายไอ้เด็กนี่คงไม่เข้าใจแน่ๆ
“ เข้าใจแล้วครับ ”
ถึงจะบอกว่าหาสถานที่พูดคุยกันก็เถอะแต่ทำไมต้องเป็นร้านคาเฟ่ด้วยล่ะ แถมลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอีกด้วย เราสองคนที่ดูสะดุดตาที่สุดเนื่องจากคนตรงหน้าผมที่เป็นผู้หญิงผมสีเงินแถมยังสวยขนาดนี้ แต่ที่น่าสะดุดตาที่สุดคงเป็นแพนเค้กจานขนาดที่ต้องกินกันถึง 3 คน เรียงซ้อนกันถึง 7 ชั้น ราดด้วยน้ำผึ้งและครีมสด เอาจริงดิ ที่เธอจะกินหมดจริงๆน่ะหรอ
“ นี่นี่ ดูผู้หญิงตรงนั้นสิ สวยจังว่าไหม ”
“ ผมสีเงินด้วยล่ะ ชาวต่างชาติหรือลูกครึ่งแน่ๆเลย ”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงจากโต๊ะตรงกันข้ามกับเรา ก็ไม่แปลกล่ะนะทั้งสีผมและความสวยไม่แปลกเลยที่จะสะดุดตา แต่ทำไมถึงไม่มีใครสนใจแพนเค้กที่อยู่หน้าเธอเลยล่ะ หรือเราคนเดียวที่แปลกงั้นเหรอ
“ เอ่อคุณ … ”
“ เรียกฉันว่า ‘ คาเรีย ’ ก็ได้ ” พอเห็นผมลำบากใจที่จะเรียก เธอก็ตอบผมในขณะที่กำลังกินแพนเค้กจานยักษ์
“ คุณคาเรีย แบบว่า…ชอบของหวานสินะครับ ” อดไม่ได้ที่จะถาม
“ หืม เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ ก็ไม่รู้สิ ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่กินไม่หยุดเลยเนี่ยนะ
“ เอาล่ะ จะเริ่มอธิบายตั้งแต่ต้นล่ะนะ อย่างที่บอกฉันชื่อ คาเรีย แกร์ทรูท เป็นผู้อำนวยการของสถาบัน Secret ที่เป็นสถาบันในการสอนเหล่าเด็กที่จะเป็นจารชนในอนาคตน่ะ ” เริ่มมาก็งงแล้ว ยังไงดีล่ะ สถาบันของจารชนหรอ หมายถึงสอนการเป็นสายลับอะไรทำนองนั้นสินะ
“ สถาบัน Secret มีทั้งหมด 3 แห่งบนโลก ซึ่งที่ฉันรับผิดชอบคือสาขาที่ญี่ปุ่น สถาบันของเราคอยสอนเพื่อบ่มสายลับและส่งออกไปทำงานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น CIA , FBI , MI6 และหน่วยข่าวกรองอื่นๆทั่วโลก หรือบางทีก็เป็นสายลับไร้สังกัดคอยรับงานทั่วโลก ” เหมือนจะเข้าใจถูกแหะ นึกว่าจะมีแต่ในหนังสะอีก ถึงจะรู้ว่าพ่อเราทำงานจารชนก็เถอะ แต่ไม่คิดว่าเราจะใกล้ตัวถึงขนาดนี้
“ แล้วทำไมถึงเชิญผมด้วยหรอครับ คงไม่ใช่แค่ผมเป็นลูกของอดีตสายลับหรอกใช่ไหมครับ ” ความสงสัยของผมยังไม่หมด ต่อให้เป็นลูกอดีตสายลับก็คงจะไม่ถูกเชิญง่ายๆหรอก เพราะยังไงผมก็ไม่ได้มีความรู้หรือความสามารถพอที่จะไปเป็นจารชนด้วย ถึงจะเคยได้เหรียญเงินในช่วงมัธยมต้นก็เถอะ เพราะตอนนั้นพ่อช่วยฝึกให้ด้วยน่ะนะ แต่ทำไมกันล่ะทำไมถึงต้องเป็นผม
“ เพราะฉันสนใจในตัวเธอไงล่ะ ” เหตุผลแบบนั้นเนี่ยนะ ขออะไรที่มันเยอะกว่านี้หน่อยสิ
“ ผมคิดว่าผมคงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสายลับหรอกนะครับ ” ไม่ได้โกหกนะ เพราะเราไม่ได้ฉลาดหรืออะไร ถึงจะเป็นคนช่างสังเกตก็เถอะ ที่ชำนาญหน่อยก็มีแต่การปีนเขาเท่านั้น คิดดูดีๆแล้วไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ ไม่หรอก เธอสอบผ่านขั้นแรกแล้วล่ะ ” อะไรนะ เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ บอกว่าเราสอบผ่านขั้นแรกในขณะที่กำลังกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย นี่เธอกินหมดจริงๆหรอเนี่ย
“ เอ๋ ? แต่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะครับ ”
“ เธอมาถึงจุดหมายในพิกัดที่จดหมายบอกไว้ได้ถูกต้องก็ถือว่าสอบผ่านขั้นแรกแล้วล่ะนะ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเลขพวกนั้นคืออะไร หรือคิดว่าเป็นจดหมายน่าสงสัยแล้วทิ้งเฉยๆด้วยซ้ำ มันก็มีนะพวกที่เราส่งจดหมายเชิญไปแต่ก็ซื่อบื้อจนไม่รู้ มาเป็นจดหมายเชิญ ” ก็แน่ล่ะใครมันจะไปรู้กันล่ะ อันที่จริงเราเองตอนแรกก็คิดว่าจดหมายน่าสงสัยด้วยซ้ำ แต่ไม่พูดไปดีกว่า
“ อีกอย่างฉันว่าเธอก็มีแววพอสมควรนะ ก็สมแล้วล่ะที่หมอนั่นพูดอวดอยู่บ่อยๆ ” พูดอย่างนั้นแล้ว จานแพนเค้กนั้นก็หมดลงพอดี
“ หมายถึงพ่อน่ะหรอครับ”
“ ใช่ อีกอย่างเธอน่ะมีสายตาที่เร็วดีนะ เป็นคนช่างสังเกตไม่เบาเลยนิ ตั้งแต่เจอฉันครั้งแรก และตอนเข้าร้านมาก็คอยสังเกตดูบรรยากาศและโต๊ะรอบตัวเราตลอดใช่ไหมล่ะ ” นี่เธอรู้เรื่องที่เราคอยสังเกตด้วยงั้นเหรอ ทั้งที่เอาแต่จดจ่ออยู่กับแพนเค้กแท้ๆ
“ แล้วก็เธอน่ะ ยังไม่รู้จะทำอะไรใช่ไหมล่ะ จะเอาแต่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆตลอดจะดีหรอ จะปล่อยให้ความสามารถยอดเยี่ยมแบบนั้นขึ้นสนิทจะดีหรอ ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ เราไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามีความสามารถขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากที่พ่อฝึกให้ตั้งแต่เด็กๆทั้งนั้น
“ ให้ฉันพูดชัดๆแล้วกันนะ เธอน่ะมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและฉันอยากให้เธอมาที่สถาบันของเรา เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะไม่ต้องเป็นห่วง …ว่าไงล่ะ พ่อของเธอน่ะในภารกิจสุดท้ายก็ยังปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างลุล่วง เขาคือคนที่กล้าเสี่ยงและกล้าหาญ ไม่คิดว่าแบบนั้นมันเท่ดีหรอไง ? ”
เท่งั้นเหรอ ทำภารกิจและตายในหน้าที่และสุดท้ายก็ไม่มีใครรับรู้ถึงวีรกรรมของเราอยู่ดีเนี่ยนะ แต่ถึงยังไงเราก็ยังอยากรู้ในสิ่งที่พ่อทำมาโดยตลอด ไม่ได้เจอกันบ่อย นานๆทีจะกลับมาแล้วก็กลับไปทำงานโดยไม่บอกกล่าว สุดท้ายก็จากไปโดยไม่บอกลาสักคำ เพราะแบบนั้นและอยากจะรู้ว่าพ่อไปเจออะไรมาบ้าง และเขาอยู่ในโลกแบบไหนกันนะ
“ ผมต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ ”
“ อ่ะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผม อากาสึกิ ริวจิ ครับ ” ผมแนะนำตัวกลับไปแต่ด้วยความที่กำลังตะลึงกับความสวยไร้ที่ติของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเลยทำให้อยู่ในอาการงุนงงกับชั่วขณะ
“ เธอคือลูกชายของ อากาสึกิ ริวเซย์ สินะ ฉันเคยได้ยินเรื่องของเธอมาจากพ่อของเธอมาบ้างแล้วล่ะนะ” เธอพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ เหมือนไม่ค่อยแสดงอารมณ์
“ เอ๋ ? พ่อน่ะหรอครับ นี่คุณรู้จักกับพ่อด้วยงั้นเหรอครับ ” ไม่คิดว่าผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาพูดถึงเรื่องพ่อเลย แต่ด้วยความอยากรู้ผมจึงถามกลับไป
“ เคยร่วมงานด้วยกันในภารกิจที่สเปน แต่มันก็นานแล้วล่ะนะ ” เธอพูดว่าร่วมงานงั้นเหรอ ? แปลว่าเธอก็เป็นทหารเหมิือนกับพ่อสินะ แถมยังพูดถึงภารกิจที่สเปนอีกด้วย
“ แปลว่าคุณก็เป็นทหารเหมือนกันสินะครับ ที่จริงแล้วผมไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับงานของพ่อเท่าไหร่ มารู้อีกทีก็ตอนที่พ่อเสียแล้วน่ะครับ”
“ ไม่แปลกหรอก งานของจารชนก็แบบนี้แหละ สุดท้ายก็ตายแบบที่ไม่มีใครรู้ในสิ่งที่เราทำ…” เธอพูดทั้งที่ทำหน้าเศร้าเล็กน้อยเพียงชั่วขณะ แต่ผมก็สังเกตเห็นได้ทัน แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้เธอพูดว่าจารชนสินะ
“ เอ๋ ? จารชนงั้นเหรอ พ่อไม่ได้เป็นทหารเหรอครับ พ่อเป็นแบบประมาณ สายลับงั้นเหรอครับ ” สงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้เลยถามไปแบบไม่คิดอะไร
“ ประมาณนั้น ปกติแล้วงานแบบพวกเราไม่ได้เปิดเผยกันหรอกนะ แต่ยังไงซะตอนนี้เธอก็จะมาเข้าร่วมกับเราอยู่แล้วคงไม่เป็นไรที่จะบอกเธอตอนนี้” เธออธิบายแบบง่ายๆ ก่อนจะพูดเรื่องที่น่าสงสัยอีกแล้ว
“ เข้าร่วมกับเรา ? หมายถึงอะไรกันครับ ” ทั้งที่ยังทำความเข้าใจเรื่องแรกไม่ได้เลยแท้ๆ แต่กลับโดนคำพูดที่ทำให้สงสัยเข้าไปกันใหญ่อีก
“ ใช่ พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันเป็นผู้อำนวยการของ Secret และฉันอยากให้เธอเข้าร่วมกับสถานบันของเรา พ่อของเธอที่เอาแต่พูดอวดลูกชายของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกสนใจ จนฉันส่งจดหมายเชิญไปเองยังไงล่ะ ” จะว่าไปตอนแรกที่เจอกันเธอก็พูดถึง Secret นี่นา แล้วไอ้ Secret เนี่ยมันคืออะไรกันล่ะ
“ คงต้องอธิบายให้ฟังด้วยสินะ งั้นไปหาที่นั่งพูดคุยกันดีไหม ที่นี่คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ” พอเห็นสีหน้าที่งุนงงของผมเธอก็คงจะเอือม เลยคิดว่าถ้าไม่อธิบายไอ้เด็กนี่คงไม่เข้าใจแน่ๆ
“ เข้าใจแล้วครับ ”
ถึงจะบอกว่าหาสถานที่พูดคุยกันก็เถอะแต่ทำไมต้องเป็นร้านคาเฟ่ด้วยล่ะ แถมลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอีกด้วย เราสองคนที่ดูสะดุดตาที่สุดเนื่องจากคนตรงหน้าผมที่เป็นผู้หญิงผมสีเงินแถมยังสวยขนาดนี้ แต่ที่น่าสะดุดตาที่สุดคงเป็นแพนเค้กจานขนาดที่ต้องกินกันถึง 3 คน เรียงซ้อนกันถึง 7 ชั้น ราดด้วยน้ำผึ้งและครีมสด เอาจริงดิ ที่เธอจะกินหมดจริงๆน่ะหรอ
“ นี่นี่ ดูผู้หญิงตรงนั้นสิ สวยจังว่าไหม ”
“ ผมสีเงินด้วยล่ะ ชาวต่างชาติหรือลูกครึ่งแน่ๆเลย ”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงจากโต๊ะตรงกันข้ามกับเรา ก็ไม่แปลกล่ะนะทั้งสีผมและความสวยไม่แปลกเลยที่จะสะดุดตา แต่ทำไมถึงไม่มีใครสนใจแพนเค้กที่อยู่หน้าเธอเลยล่ะ หรือเราคนเดียวที่แปลกงั้นเหรอ
“ เอ่อคุณ … ”
“ เรียกฉันว่า ‘ คาเรีย ’ ก็ได้ ” พอเห็นผมลำบากใจที่จะเรียก เธอก็ตอบผมในขณะที่กำลังกินแพนเค้กจานยักษ์
“ คุณคาเรีย แบบว่า…ชอบของหวานสินะครับ ” อดไม่ได้ที่จะถาม
“ หืม เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ ก็ไม่รู้สิ ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่กินไม่หยุดเลยเนี่ยนะ
“ เอาล่ะ จะเริ่มอธิบายตั้งแต่ต้นล่ะนะ อย่างที่บอกฉันชื่อ คาเรีย แกร์ทรูท เป็นผู้อำนวยการของสถาบัน Secret ที่เป็นสถาบันในการสอนเหล่าเด็กที่จะเป็นจารชนในอนาคตน่ะ ” เริ่มมาก็งงแล้ว ยังไงดีล่ะ สถาบันของจารชนหรอ หมายถึงสอนการเป็นสายลับอะไรทำนองนั้นสินะ
“ สถาบัน Secret มีทั้งหมด 3 แห่งบนโลก ซึ่งที่ฉันรับผิดชอบคือสาขาที่ญี่ปุ่น สถาบันของเราคอยสอนเพื่อบ่มสายลับและส่งออกไปทำงานทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น CIA , FBI , MI6 และหน่วยข่าวกรองอื่นๆทั่วโลก หรือบางทีก็เป็นสายลับไร้สังกัดคอยรับงานทั่วโลก ” เหมือนจะเข้าใจถูกแหะ นึกว่าจะมีแต่ในหนังสะอีก ถึงจะรู้ว่าพ่อเราทำงานจารชนก็เถอะ แต่ไม่คิดว่าเราจะใกล้ตัวถึงขนาดนี้
“ แล้วทำไมถึงเชิญผมด้วยหรอครับ คงไม่ใช่แค่ผมเป็นลูกของอดีตสายลับหรอกใช่ไหมครับ ” ความสงสัยของผมยังไม่หมด ต่อให้เป็นลูกอดีตสายลับก็คงจะไม่ถูกเชิญง่ายๆหรอก เพราะยังไงผมก็ไม่ได้มีความรู้หรือความสามารถพอที่จะไปเป็นจารชนด้วย ถึงจะเคยได้เหรียญเงินในช่วงมัธยมต้นก็เถอะ เพราะตอนนั้นพ่อช่วยฝึกให้ด้วยน่ะนะ แต่ทำไมกันล่ะทำไมถึงต้องเป็นผม
“ เพราะฉันสนใจในตัวเธอไงล่ะ ” เหตุผลแบบนั้นเนี่ยนะ ขออะไรที่มันเยอะกว่านี้หน่อยสิ
“ ผมคิดว่าผมคงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสายลับหรอกนะครับ ” ไม่ได้โกหกนะ เพราะเราไม่ได้ฉลาดหรืออะไร ถึงจะเป็นคนช่างสังเกตก็เถอะ ที่ชำนาญหน่อยก็มีแต่การปีนเขาเท่านั้น คิดดูดีๆแล้วไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ ไม่หรอก เธอสอบผ่านขั้นแรกแล้วล่ะ ” อะไรนะ เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ บอกว่าเราสอบผ่านขั้นแรกในขณะที่กำลังกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย นี่เธอกินหมดจริงๆหรอเนี่ย
“ เอ๋ ? แต่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะครับ ”
“ เธอมาถึงจุดหมายในพิกัดที่จดหมายบอกไว้ได้ถูกต้องก็ถือว่าสอบผ่านขั้นแรกแล้วล่ะนะ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเลขพวกนั้นคืออะไร หรือคิดว่าเป็นจดหมายน่าสงสัยแล้วทิ้งเฉยๆด้วยซ้ำ มันก็มีนะพวกที่เราส่งจดหมายเชิญไปแต่ก็ซื่อบื้อจนไม่รู้ มาเป็นจดหมายเชิญ ” ก็แน่ล่ะใครมันจะไปรู้กันล่ะ อันที่จริงเราเองตอนแรกก็คิดว่าจดหมายน่าสงสัยด้วยซ้ำ แต่ไม่พูดไปดีกว่า
“ อีกอย่างฉันว่าเธอก็มีแววพอสมควรนะ ก็สมแล้วล่ะที่หมอนั่นพูดอวดอยู่บ่อยๆ ” พูดอย่างนั้นแล้ว จานแพนเค้กนั้นก็หมดลงพอดี
“ หมายถึงพ่อน่ะหรอครับ”
“ ใช่ อีกอย่างเธอน่ะมีสายตาที่เร็วดีนะ เป็นคนช่างสังเกตไม่เบาเลยนิ ตั้งแต่เจอฉันครั้งแรก และตอนเข้าร้านมาก็คอยสังเกตดูบรรยากาศและโต๊ะรอบตัวเราตลอดใช่ไหมล่ะ ” นี่เธอรู้เรื่องที่เราคอยสังเกตด้วยงั้นเหรอ ทั้งที่เอาแต่จดจ่ออยู่กับแพนเค้กแท้ๆ
“ แล้วก็เธอน่ะ ยังไม่รู้จะทำอะไรใช่ไหมล่ะ จะเอาแต่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆตลอดจะดีหรอ จะปล่อยให้ความสามารถยอดเยี่ยมแบบนั้นขึ้นสนิทจะดีหรอ ” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ เราไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามีความสามารถขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากที่พ่อฝึกให้ตั้งแต่เด็กๆทั้งนั้น
“ ให้ฉันพูดชัดๆแล้วกันนะ เธอน่ะมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและฉันอยากให้เธอมาที่สถาบันของเรา เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะไม่ต้องเป็นห่วง …ว่าไงล่ะ พ่อของเธอน่ะในภารกิจสุดท้ายก็ยังปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างลุล่วง เขาคือคนที่กล้าเสี่ยงและกล้าหาญ ไม่คิดว่าแบบนั้นมันเท่ดีหรอไง ? ”
เท่งั้นเหรอ ทำภารกิจและตายในหน้าที่และสุดท้ายก็ไม่มีใครรับรู้ถึงวีรกรรมของเราอยู่ดีเนี่ยนะ แต่ถึงยังไงเราก็ยังอยากรู้ในสิ่งที่พ่อทำมาโดยตลอด ไม่ได้เจอกันบ่อย นานๆทีจะกลับมาแล้วก็กลับไปทำงานโดยไม่บอกกล่าว สุดท้ายก็จากไปโดยไม่บอกลาสักคำ เพราะแบบนั้นและอยากจะรู้ว่าพ่อไปเจออะไรมาบ้าง และเขาอยู่ในโลกแบบไหนกันนะ
“ ผมต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ