Love Note โลมาไม่ใช่ปลา -Yaoi-
เขียนโดย Sawadnaithuang
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.20 น.
แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564 20.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) อ่านหนังสือบันทึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
อ่านหนังสือบันทึก
หลายวันที่ผ่านมา ผมพยายามติดต่อที่ซานไปหลายครั้ง ได้คุยเพียงเศษนาทีก่อนที่พี่เขาจะหาเรื่องวางสายไป ต่างจากแต่ก่อนที่เราสองคนแทบจะไม่ห่างกันเลย พี่ซานจะหาเวลามาหาผมที่หอ ใช้เวลาร่วมกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน มันทำให้ผมคิดว่าพี่ซานเปรียบเสมือนเป็นคนเติมเต็มสิ่งที่ผมขาดหาย
ตอนนี้ผมกลัวว่าสิ่งที่ถูกเติมเต็มของผม มันจะจางหายไป
ผมฟุ้งซ่าน
ผมคิดมาก
ผมเริ่มไม่มั่นใจในความรักของเรา
ความรู้สึกมากมายของผมถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มเดิม ตอนนี้มันถูกเขียนจนเกือบเต็มเล่ม ถ้าลองอ่านตั้งแต่ต้นจนจบคงได้สัมผัสกับความทรงจำของผมตั้งแต่เด็ก มีทั้งสุข ทุกข์ และสิ่งที่ผมอยากทำอีกมากมายในอนาคต
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังเป็นจังหวะ ผลักให้ผมหลุดจากห้วงความคิด วันนี้ผมนัดทำงานกลุ่มกับพวกเพื่อนๆที่หอ คิดได้อย่างงั้นก็รีบเอาหนังสือบันทึกในมือไปวางชั้นใต้สุดของกองหนังสือเรียนแล้วรีบไปเปิดประตูให้พวกมัน
“ซ้อมตายอยู่หรอ เปิดประตูช้าชิบหาย” ประโยคทักทายของพาวทันทีที่ผมเจอหน้ามัน พาวอยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาแต่กลับดูดีเป็นระเบียบ มันคงเป็นคนหล่อคนหนึ่งถ้านิสัยมันไม่แย่ไปเสียก่อน
“ถ้าตาย กูจะไปหลอกมึงคนแรก” ผมรีบประชด ชะเง้อมองไปด้านหลังมัน “แล้วไอแตกีล่าล่ะ ไม่ได้มาพร้อมกันหรอ”
“ไม่รู้ กูไม่ได้สนใจ” พาวตอบส่งๆก่อนดันตัวผมออกจากประตูจนผมเซไปชนผนังห้อง ผมมองตามหลังมันเอือมๆก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินตามเข้าไป
พาวทิ้งตัวนอนบนเตียง มันไม่ได้มีท่าทีอยากทำงานเลยสักนิด เนื่องด้วยหน้าที่หลักของมันเป็นการพรีเซนงานหน้าห้อง ด้วยสกิลหน้าตาของมันที่เชื้อเชิญให้เพื่อนร่วมชั้นหรือแม้แต่รุ่นพี่ที่ลงเรียนด้วย ตั้งใจฟัง การทำงานส่วนใหญ่เลยตกเป็นของผมกับนางแตกีล่า
“มึงจะไม่ช่วยกูทำงานหน่อยหรอ” ผมขัดจังหวะคนที่กำลังตาพริ้ม คอมพิวเตอร์เครื่องเก่าถูกเปิดขึ้นมาวางบนเตียงข้างๆมัน ผมไม่ได้คิดว่ามันจะลุกขึ้นมาช่วยหรอก แค่อยากกวนมันเล่น ขจัดอารมณ์เศร้าหมองของตัวเองไปบ้าง
“เออ ๆ เดี๋ยวกูช่วย ของีบก่อน” พาวเหลือบตามองผมผ่านช่องแขนตัวที่มันมันฟุบอยู่ ผมดำสนิทของมันปรกหน้าผากจนเกือบจะเข้าตา ท่าทางผมคงกวนคนจะนอนไปไม่ได้มากกว่านี้
“เออ งั้นเดี๋ยวมีไรให้ทำกูจะเรียก” ผมปล่อยให้มันหลับไป ก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือที่บนโต๊ะมาดูเนื้อหาพร้อมกับหาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ต งานชินนี้ค่อนข้างง่าย แต่ต้องใช้ข้อมูลเยอะ อาจารย์จึงจัดให้ทำเป็นกลุ่ม 3-4 คน จะได้ช่วยกันหาข้อมูลที่หลายหลายจากแหล่งต่างๆ
‘แตกีล่ายังไม่มาอีก งานจะเดินไหมวะเนี่ย’ เวลาผ่านไปเกือบจะชั่วโมง ผมได้เนื้อหาเพียงไม่กี่หน้า อยากปลุกคนข้างๆมาช่วยแต่ก็เกรงใจเสียงกรนเบาๆในลำคอของมัน ‘สู้ๆเว้ยโลมา สู้ๆ’ ผมให้กำลังใจตัวเองด้วยกับตบหน้าตัวเองเบาๆ
“มึงบ่นเสียงดังวะ กูจะนอน” เสียงที่เบาที่สุดของผมแต่พาวกลับได้ยิน มันพูดฟุดฟิดก่อนจะพลิกตัว อีกไม่กี่คืบมันจะตกเตียงอยู่แล้ว
“มึงนอนให้มันดี” ผมดันหลังหนักๆของมันให้พ้นจากขอบเตียง แม้อีกฝ่ายจะขืนแรงแต่ผมคงไม่ปล่อยให้มันร่วงเตียงหลังหักในห้องผมหรอก
“โอย มึงทำอะไรหลังกูเนี่ย แม่ง ตื่นเลยกู” มันลุกขยี้หัวทำหน้าบูดก่อนมีหน้าหันมาทำตายู่ใส่ผม หวังดีกลายเป็นร้ายเสียงั้นไป
“เออ ตื่นแล้วก็ดี มาทำงานต่อจากกูเลย แล้วถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่ม ไปหาหนังสือที่โต๊ะกูเอาเอง กูปวดขี้” ผมลุกพรวดเต็มแรง ปกติคงไม่น้อยใจมันหรอก ถ้าเรื่องที่ซานมันไม่ค้างอยู่ในหัวของผม ทั้งๆที่ผมอยากจะทิ้งตัวนอนร้องไห้ไปทั้งวัน แต่ต้องทำใจแข็งนั่งทำงาน หนำซ้ำยังต้องให้มันมาดุใส่อีก ถึงจะไม่ได้ดุจริงจังก็เถอะ
“เออ” พาวรับปากอย่างไม่เต็มใจ ก่อนมันจะลุกขึ้นมานั่งหน้าคอมแทนผม
ผมทิ้งร่างตัวเองบนฝาชักโครก ใครมันจะปวดขี้กันละวะ ในเมื่อไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ‘ทิชชู่เช็ดก้นนี่มันเช็ดน้ำตาผมตอนนี้ได้หรือเปล่า’ ผมคิดระหว่างมองทิชชู่ไปด้วยสายตาที่น้ำตากำลังไหลพราก
ถ้าพี่ซานเหมือนเดิมผมคงไม่ต้องมาอ่อนไหวกับอะไรแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมจะแอบนั่งร้องไห้ในห้องน้ำสักชั่วโมง ปล่อยให้ไอพาวมันหาข้อมูลเองจนกว่าไอกีจะมา
‘หาข้อมูล’ ความรู้สึกบางอย่างเริ่มผุดมาในหัวผม ‘หาข้อมูลจากกองหนังสือบนโต๊ะ’ ผมเหมือนลืมคิดอะไรบางอย่างไป
‘เชี่ย’ ทันทีที่สมองประมวลผลได้ ผมรีบลุกขึ้นแล้วพุ่งออกจากห้องน้ำทันที ในกองหนังสือเรียนมีหนังสือบันทึกของผมอยู่ ถ้าไอพาวมันได้เปิดอ่านต้องมองผมเป็นคนเฒ่าที่บันทึกความเพ้อของตัวเองแน่ๆ
“พาว มึงทำไรอ่ะ” หลังจากพุ่งออกมาจากห้องน้ำ ผมก็มาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ถึงแม้ใจจะสั่นแต่เสียงผมต้องนิ่งที่สุด พาวยืนอยู่หน้าโต๊ะหนังสือตรงหัวเตียง มันยืนหันหลังให้ผม และผมขอภาวนาให้หนังสือไม่มือมันเป็นหนังสือเรียน
“‘จิรณภัทร เจ้าของไดอารี่ ห้ามเปิดอ่าน!’” พาวเปล่งเสียงออกมาช้าๆตามตัวอักษรหน้าปกหนังสือ “มึงเขียนไดอารี่ด้วยหรอไอโล” มันเบี่ยงตัวหันมาทางผมก่อนจะยกหนังสือในมือมันให้ผมดูชัดๆ
“เออ” ผมยอมรับอย่างเสียไม่ได้ จะปฎิเสธอย่างไรในเมื่อหลักถานมันชัดเจนขนาดนั้น
“ทำตัวโบราณจังนะ”พาวพูดกึ่งขำ อย่างที่ผมคิด ต่อให้จะอ่านหรือยังไม่อ่านไดอารี่ของผม แต่มันคงหาเรื่องล้อผมจนได้
“กูก็จดอะไรไร้สาระของกู ว่าแต่มึงยังไม่ได้เปิดอ่านใช่ปะ” ผมถามอย่างไม่มั่นใจนัก
“ก็นิดหน่อย”
“เออดี งั้นเอาไปวางไว้ที่เดิม”ผมสั่ง ถึงปากจะเออออทำเป็นไม่เดือดร้อน แต่ต่อให้มันอ่านไม่แค่คำเดียวผมก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี บันทึกเล่มนั้นมันเพ้อฝันเกินไปสำหรับคนด้านชาแบบมัน
“ทำไมกูต้องวาง ในเมื่อกูอยากอ่านต่อวะ”
“กูไม่ให้อ่าน”
“กูจะอ่าน”
“พาว อย่ากวนประสาทกู” ผมเดินเข้าไปสู้หน้ามันตรงๆ ก่อนจะรีบคว้าหนังสือในมือมันกลับมา แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด พาวจับมันแน่นแล้วชูขึ้นไปสุดแขน
“ก็กูจะอ่าน”
“เอามาให้กู กูไม่ให้อ่านไง” ผมพยายามเอื้อมมือไปให้สูงเท่ามัน แต่คนเตี้ยกว่ายังไงก็แพ้อยู่ดี
“มึงจะหวงอะไรนักหนา กูแค่จะขออ่านต่อนิดหน่อย” มันก้มหน้าตีนของมันมาพูดกวนใกล้ๆหน้าผม ยิ่งตอนนี้ผมพยายามยืดตัวสูงขึ้นไป พอมันก้มลงมาทำให้ผมต้องรีบหลบก่อนหน้าเราจะใกล้กันไปกว่านี้
“อย่าพูดมาก เอาคืนกูมา” ผมก้มหน้าแม้มือแขนจะยื้อยุดฉุดกระชากแขนมันขาวๆของมันอยู่ สองแรงที่ดึงกันไปกันมาทำให้ขาที่กำลังยืดชันขึ้นไปเสียการทรงตัวอย่างไม่ทันตั้งหลัก
“เห้ย”
ฟุ่บบบ ! เสียงร่างสองร่างกระแทกลงไปบนเตียงนุ่มๆพร้อมกัน แน่นอนไอพาวที่อยู่ใกล้เตียงกว่ามันอยู่ล่าง ส่วนผมอยู่ข้างบน ถึงตอนยืนผมจะเตี้ยจนหน้าอยู่ระดับต่ำกว่ามัน แต่ตอนนอนหน้าเรากลับอยู่ในระดับเดียวกัน
และใกล้กัน…
“เอาหนังสือคืนมาให้กู” ผมเลือกจะยึดแขนมันไว้ก่อนที่จะลุกขึ้นมาให้มันเป็นอิสระ
“ขี้หวงหรอมึงอะ” พาวพูดเบาๆในคอ คงรู้สึกอึดอัดที่ผมทับอยู่บนตัวมัน ยิ่งไปกว่านั้น ลมหายใจของมันที่กระแทกเข้ากับหน้าผม ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเราใกล้กันแค่ไหน
“กู…”
ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังแทรกจนผมสะดุ้ง ดึงสติให้พาวหันไปมองตามแหล่งเสียง ผมใช้จังหวะนั้นดึงหนังสือออกจากมือมันเลยลุกขึ้นยืนเต็มตัว
“แตกีล่าคงมาแล้ว กูไปเปิดประตูนะ”
.
“กว่าจะมาได้นะมึง” ผมบ่นระหว่างเดินนำไอกีเข้ามาในห้อง มันแต่งตัว แต่งหน้าจัดเหมือนทุกวัน แต่ผมเริ่มชิน ตั้งแต่รู้จักมันมา เห็นหน้าสดมันเฉพาะนอนตอนแค่นั้นเลยจริงๆ
“กูแต่งตัวนาน มึงก็รู้” ใช่ ผมรู้ แล้วผมก็รู้อีกด้วยว่ากระเป๋าที่สะพายหลังมาก็คงเป็นกระเป๋าเครื่องสำอางอีกตามเคย
“ไม่ใช่แค่กูหรอกที่รู้”
“โห ไอกี มึงแต่งหน้าแดงเหมือนตูดลิงเลยวะ” ประโยคหมาๆล่องลอยมาต้อนรับเพื่อนตั้งแต่ยังกีไม่ทันได้หย่อนตูดนั่ง เจ้าของแก้มแดงหันไปจ้องหน้าเจ้าของเสียงซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพาว มันนอนกระดิกเท้าอยู่ปลายเตียง ในมือถือขนมเลย์ห่อสุดท้ายของผมกินอย่างหน้าตาเฉย
“เสือก” กีเดินไปพูดใกล้ๆหน้าพาว ก่อนจะฉกขนมเลย์มากินเลียเอง
หมดกันขนมรองท้องของกู
“กูทำงานได้นิดหน่อย มึงว่าเป็นไงบ้างวะกี” หลังจากปล่อยให้มันสองคนแย่งขนมกันสบายใจสักพักใหญ่ ผมก็โน้มน้าวมันเข้าโหมดการทำงานได้สำเร็จ กีเป็นคนนั่งหน้าคอมแทนผมที่ช่วยหาข้อมูลอยู่ข้างๆ ส่วนพาวก็นอน กิน เล่น และก็คุยแชทกับแฟน
จะมาห้องกูเพื่ออะไร?
หลังจากทำงานจนเกือบมืด ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยอย่างลงตัว ยอมรับเลยว่าผมมีส่วนร่วมในงานชิ้นนี้ไม่น้อยไปกว่าไอพาว เพราะสติผมมันไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่ หน้าที่หลักๆวันนี้เลยตกเป็นของกี ที่มาสายแต่วุ่นอยู่กับหน้าคอมอย่างไม่วางสายตา
“ทำงานเสร็จทั้งที ต้องฉลอง” พาวลุกมาบิดขี้เกียจ ก่อนจะทำตาลุกวาวมากอดคอผมที่กำลังตรวจความละเอียดงานอยู่ใกล้ๆ
“ฉลองอะไรวะ”
“เหล้า เหล้าเท่านั้น” กีเป็นคนตอบคำถามผม มันสายตาลุกวาวไม่แพ้พาวเลย เพื่อนผมทั้งสองคนเป็นสายเมาครับ อย่างที่บอก พาวชอบฟังเพลงดังๆ มันเลยชอบไปร้านเหล้า ส่วนกีมันชอบแต่งตัว ชอบสังสรรค์ ร้านเหล้าเลยเป็นทางเลือกที่ดียามค่ำคืน แต่มันต่างจากผม
ผมไม่เที่ยวกลางคืน ผมไม่กินเหล้า
“เออก็ตามนั้น ร้านเดิม กูนัดเพื่อนๆกูไว้แล้” พาวพูดอย่างสบายใจเมื่อได้สมาชิกวงเหล้าคืนนี้เพิ่มอีกคน “มึงไปไหมไอโลมา” มันโยกหัวผมเป็นเด็กขณะถาม มันคงรู้คำตอบอยู่แล้วแหละ
“ไม่ไปอะ” ผมจับมือมันออกจากหัว
“อ่อนชิบหาย โตเป็นควายละ หัดเมาบ้างนะมึงอะ”
“มึงไม่ลองไปเที่ยวดูอ่ะไอโลมา ร้านเหล้าสนุกกว่าที่มึงคิดนะค่ะ”
พวกมันทั้งคู่พากันคะยั้นคะยอผมให้ไปเที่ยวด้วย แต่ผมไม่ชอบบรรยากาศร้านเหล้า ไม่ชอบกลิ่นเหล้า ไม่ชอบรสชาติหน้า ก็เลยปฎิเสธหัวชนฝา อีกอย่างคือพี่ซานเคยบอกว่าไม่อยากให้ไปร้านเหล้า
พี่เขาหวง
หลังจากพวกมันละความพยายามแล้วยอมกลับไป ผมพยายามติดต่อพี่ซานอีกหลายรอบ แต่ไร้การตอบกลับ มีเพียงข้อความสุดท้ายก่อนจะหายไป ‘คืนนี้พี่ทำงานนะ ห้ามกวน’ แล้วผมจะทำอะไรได้อีก นอกจากฟุ้งซ่านและร้องไห้กับตัวเองไปกับการบันทึกความรู้สึกลงในหนังสือเล่มเดิม พอตาเริ่มบวม หนังตาก็เริ่มหนัก
หนักขึ้นเรื่อยๆ
ตึ๊งงง!! เสียงข้อความไลน์
ผมสะดุ้งตื่นมาพร้อมคราบน้ำตา ดึงสติได้ก็รีบคว้าโทรศัพท์ข้างตัวขึ้นดู เจ้าของข้อความกลับไม่ใช่พี่ซาน แต่เป็นพาว
พาว : ส่งรูปภาพถึงคุณ
‘3 ทุ่ม มันจะส่งอะไรมาป่านนี้วะ’ ผมรอรูปโหลดอยู่ครู่หนึ่งก่อนมันจะเผยให้เห็นรูปของคนที่ทำผมร้องไห้จนหลับไปหน้านี้ ‘พี่ซาน’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ