Love Note โลมาไม่ใช่ปลา -Yaoi-
เขียนโดย Sawadnaithuang
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.20 น.
แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564 20.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) กอดแบบเพื่อนไม่เหมือนแฟน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3
กอดแบบเพื่อนไม่เหมือนแฟน
แค่ภาพหนึ่ง เร่งให้ผมต้องมายังแหล่งอโคจรยามค่ำคืน มันเป็นร้านเหล้าร้านใหญ่ที่มองจากข้างนอกเข้าไปก็เห็นกับแสงวูบวาบในความมืด และได้ยินเสียงเพลงที่ดังออกมาจนแสบแก้วหู
“เมามาย” ผมมาร้านนี้ครั้งแรก แต่ก็ไม่มีความประหม่าอยู่เลย หลังจากเข้ามาในร้านได้ ผมก็มองหาโต๊ะที่ซานทันที แต่คนที่เยอะจนแน่นร้านกับแสงสลัวๆทำให้มันยากต่อการมองเห็นเหลือเกิน
“ไอโล” ผมถูกฉุดแขนระหว่างเดินหาอย่างไร้จุดหมาย เจ้าของแรงดึงผมไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ
“ไอพาว”
“กูส่งรูปไอพี่ซานให้มาปั๊ป มาปุ๊ปเลยนะมึง”
“ไหนพี่ซาน” ผมถามทันโดยไม่ต่อปากต่อคำกับมัน สงสลัวจนเกือบจะมืดสนิทแบบนี้ ผมหาเองทั้งคืนก็คงไม่เจอ
“มาถึงก็ถามหาผัวเลยนะมึง” พาวตอบ ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าคอ แล้วยกแก้วมันต่อให้ผม
“กูไม่แดก ไหนพี่ซาน” ผมปัดแก้วที่กลิ่นเหล้าคุ้งให้พ้นไปจากหน้า ก่อนจะเห็นสภาพเพื่อนในโต๊ะของมันแต่ละคนที่เริ่มคอพับกันไปแล้ว เหลือแต่ไอกีที่ยังคงนั่งชงเหล้าซดประดุจน้ำเปล่าอยู่อีกฝั่ง
“เพื่อนรัก กูก็ชงให้มึงนะ เอาไปสิ” กีพูดพร้อมยื่นแก้วเหล้าที่สีเข้มกว่าของไอพาวเมื่อกี้มาให้ จะอยากให้กูเมาอะไรขนาดนั้นวะ
“กูบอกว่ากูไม่แดกไง กูไม่ได้จะมาดื่มกับพวกมึง กูมาตามหาที่ซาน” ผมเค้นเสียงให้ดังขึ้นสู้กับเพลง เกรงว่าพวกมันจะไม่ได้ยิน
“มึงอยากเจอพี่เขาตอนนี้จริงๆหรอ” กีถามด้วยลีหน้าลังเล
“เออใช่ พี่ซานอยู่โต๊ะไหน” ผมเค้นคำตอบจากพวกมันทั้งคู่
“โต๊ะหลัง ริมในสุด” พาวเป็นคนตอบ ผมลุกขึ้นหันหลังไปดูทันที เห็นผู้ชายสองคนโต๊ะนั้นโอบกันไปมา ถึงมันจะมืดจนมองไม่ชัดแต่ผมก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายฝั่งซ้ายที่เป็นคนวาดแขนไปกอดผู้ชายอีกคนคือพี่ซาน เพราะเสื้อตัวที่ใส่อยู่นั่นนั้นเป็นเสื้อที่ผมซื้อให้วันครบรอบที่คบกัน
ภาพตรงหน้ามันทำให้ผมขาอ่อนแรงจนเกือบจะเซ เสียงเพลงเศร้าที่ดังจนแสบแก้วหูก่อนหน้ากลับเบาหวิวเข้ามาในหูเมื่อความรู้สึกแย่ๆมันกำลังแล่นอยู่ในความรู้สึก ขาผมค่อยๆก้าวเข้าไปเพื่อมองในชัดขึ้น แต่เหมือนฟ้าแกล้ง ระหว่างเดินไป แสงไฟในร้านกลับโดนปรับให้มืดสนิทขึ้นกว่าเดิม
“แฮปปี้เบิร์ด เดทูยู แฮปปี้เบิร์ดเด เดทูยู แฮปปี้เบิร์ดเด แฮปปี้เบิร์ดเด แฮปปี้เบิร์ดเดทูยู” คนทั้งร้านเปลี่ยนบรรยากาศจากเพลงเศร้ามาร้องเพลงเฉลิมฉลองพร้อมกันแทน ความมืดตรงหน้าถูกแทนที่ด้วยความสว่างจากเทียนบนเค้กทรง นั่นทำให้ผมเริ่มมองอะไรชัดมากขึ้น ถึงจะมองชัดแค่จุดจุดเดียว
คนที่ถือเค้กคือพี่ซาน
และคนที่เป่าเค้กคือผู้ชายอีกคน
วินาทีที่เทียนดับคงเป็นวินาทีที่น้ำตาผมหล่นลงพื้นพอดี
“พี่ซาน” ผมขัดจังหวะที่กำลังสวีทหวานของคนทั้งคู่ด้วย แขนมันกระชากแฟนตัวเอาออกจากผู้ชายคนนั้นโดยอัติโนมัต
“คุณเป็นใคครับ ทำไมรู้จักผมด้วย” คนที่ผมรู้จักดีหันมาตามแรงมือของผม พี่ซานทำหน้าฉงน “ที่รัก รู้จักคนนี้หรอครับ” เขาหันไปถามคนข้างๆด้วยเสียงอ่อนนุ่ม
“ไม่รู้จักอ่ะ….. นายเป็นใคร รู้จักแฟนผมได้ยังไง” คนที่ถูกพี่ซานเรียกว่าพี่รักหันมาถามผมเสียงแข็ง ผมไม่ได้หันไปมองว่าเขาทำหน้าอย่างไรอยู่ ตอนนี้คนที่ผมอยากคุยด้วยคือพี่ซาน
“นี่มันหมายความว่ายังไงครับพี่ซาน” ผมจ้องเข้าไปในสายตาที่มองผมเหมือนตัวประหลาดนั่น
“อะไรครับคุณ เราไม่รู้จักกันนะครับ”
“ทำไมพี่ซานทำแบบนี้ล่ะครับ พี่ซานปล่อยให้โลรอ พี่ซานบอกว่าทำงาน แต่พี่ซานกลับมาเที่ยวมีความสุขกับคนอื่แบบนี้หรอ” ผมเลื่อนตัวเข้าไปถามพี่ซานใกล้ๆเพื่อเค้นคำตอบ โต๊ะรอบข้างไม่ได้มีใครสนใจพวกเรา เพราะเสียงเพลงยังคงดังอยู่ นั่นคงเป็นเรื่องที่ดีเพราะผมจะได้ปล่อยอารมณ์กับน้ำตาออกมาเต็มที่อย่างไม่อายใคร
“โล? น้องหมายถึงน้องชื่อโลหรอครับ พี่ไม่รู้จักคนชื่อนี้เลยนะครับ” พี่ซานยังคงปฎิเสธเสียงแข็ง
“ใช่,,, นายคงจำผิดคน คนรู้จักของพี่ซาน ผมรู้จักทุกคน และไม่มีนายอยู่ในความทรงจำผมครับ” คนที่พูด เอื้อมมือมาจับแขนที่ซานไว้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ผมเห็น
“อย่าทำแบบนี้สิพี่ซาน อย่างน้อยก็โกหกโลก็ได้ โลจะเชื่อทุกอย่าง” ผมแทบจะคุกเข่าลงตรงนั้น คนที่บอกจะรัก จะดูแลกันไปตลอด คนที่บอกจะอยู่เคียงข้างผม คือคนเดียวกับคนที่บอกว่าไม่รู้จักผม หนำซ้ำยังเป็นคนเดียวกับคนที่มีความสุขกับคนอื่นต่อหน้าผม
“ผมยืนยันอีกครั้งนะครับ เราไม่รู้จักกัน ถ้าเมาก็กลับโต๊ะคุณไปเถอะครับ” พี่ซานตัดบทอย่างง่ายดาย เขากำชับมืออีกคนให้แน่นก่อนจะเดินออกไปจากร้านด้วยกัน แม้ผมจะจับมือเขาไว้แต่ก็โดนสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ผมทำให้แค่ยืนนิ่งมองเขาควงแขนเดินออกไปจากร้านด้วยกัน ช่วงเวลานั้นเหมือนเวลามันหยุดเดิน เพลงหยุดเล่น โลกหยุดหมุน เหมือนเหลือแค่น้ำตาเท่านั้นที่ยังไหลอยู่
“มึงตั้งสติไอโลมา มึงยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้นนานมากรู้มั้ย ถ้ากูไม่ไปลากมึงกลับมา คนคงชนมึงล้มไปแล้ว” กีซับน้ำตาเรียกสติผมหลังจากผมกลับมาที่โต๊ะ ตอนนี้สมองผมโล่งไปหมด เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามันเหมือนความฝัน
ความฝันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต….ผมไม่ได้พูดอะไรออกมา เอาแต่มองพาวกับกีที่เป็นสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมตลอดไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหนก็ตาม
ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าผมไม่มีไอกี ไม่มีพาว ผมจะเหลือใครอยู่อีก คนที่ผมคิดว่าเขาสำคัญเขามองเห็นความสำคัญผมบ้างหรือเปล่า ทั้งพ่อทั้งแม่ก็แยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่ จนลืมไปแล้วว่าผมก็เป็นลูกเขาอีกคน พอมีแฟนที่มาเติมเต็มสิ่งที่ผมเรียกหามาตลอดชีวิตนั่นคือความรัก วันนี้เขาก็แบ่งมันไปให้คนอื่นอีก
ผมเหลือแค่เพื่อนสองคนนี้แล้วจริงๆ
“แดก” ผมยกแก้วเหล้าของใครสักคนในโต๊ะกะดกเข้าปาก รสชาติมันแย่เกินจะอธิบาย แต่ถ้ากินแล้วมันจะพูดเรื่องแย่ๆที่ผมคิดไปก่อนหน้านี้ให้หมด มันก็เปรียบเหมือนน้ำหวานที่ผมพร้อมจะกินให้หมดไม่เหลือแม้นหยดเดียว
“มันเอาจริงวะ” กียกกระดกเป็นเพื่อนผม แต่เพื่อนอีกคนที่ก่อนหน้านี้อยากให้ผมแดกมากกลับนั่งนิ่ง
“มึงไม่ยกกับกูหน่อยหรอ” ผมถามพาวเสียงอู้อี เพิ่งหยุดร้องไห้ได้ไม่นานบวกกับเหล้ารสเข้มเลยทำให้เสียงผมแปลกไป
“กูไม่แดกละ” พาวม้วนหน้าไปอีกฝั่ง ก่อนจะกดโทรศัพท์มือหยิก มันอาจจะเล่นเกมส์หรือคุยกับแฟร์ผมก็ไม่ได้สน แค่มีมันนั่งอยู่ข้างๆในเวลาแบบนี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ความเมามันเป็นแบบนี้นี่เอง เพื่อนคนเดียวสามารถแยกร่างเป็นสี่ หัวก็หนักเหมือนมีอะไรมาตั้งไว้ เสียงก็เริ่มยาน แถมชอบพูดวกไปวนมาอีก
เหมือนผมที่ระบายเรื่องพี่ซานวนไปวนมาอยู่ตอนนี้
“เศร้าแบบนี้อยากกอดพวกมึงจังวะ” คนเมานี่ไม่ค่อยเขินด้วยหรือเปล่า ผมรู้ตัวเองทุกอย่างแต่ควบคุมสติไม่ค่อยอยู่ อยากพูดหรืออยากทำอะไรตอนนี้มันก็กล้าไปหมด
“กอดสิกอด” กีที่เสียงยานไม่แพ้ผมพูดพร้อมอ้าแขนให้ผมซุกตัวไปกอดกับมันตัวกลับ ผมถอนแขนออกจากเพื่อนสาวก่อนจะหันไปอีกข้าง
“พาวกูขอกอ….”
“กูไปหาเมียนะ แฟร์เมาอยู่ร้านข้างๆ” ผมชะงักหยุดพูด เมื่ออีกคนขัดแล้วลุกขึ้นพรวดเต็มตัว พาวไม่ได้รอคำถามหรือคำพูดใดๆจากผม มันทำหน้าเข้มไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินออกไป
แฟร์อาจจะเมา หรือคงทะเลาะกัน
ผมคงเข้าใจ…ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลาที่ผมต้องการมันแบบนี้
“อย่าทำหน้างั้นดิ มีกูอยู่ทั้งคน มากอดกูต่อมา” กีคงเห็นผมหน้าหงอยไปอีกรอบ มันหันมาดึงตัวผมไปกอดอีกครั้ง
“อื้อ” ผมตอบแม้สายตายังมองแผ่นหลังคนที่เดินออกไปจากโต๊ะเมื่อครู่
พาว Talk !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมกลับมาที่ร้านเมามายอีกรอบหลังจากทำธุระเสร็จ นาฬิกาข้อมือบ่งบอกเวลาว่าร้านปิดไปแล้วสักพัก ในร้านเหลือแค่พนักงานที่กำลังเก็บของและดูแลไอโลกับกีอยู่
“เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง ไปเก็บโต๊ะเถอะ” ผมสั่งลูกน้องที่กำลังเช็ดอ้วกให้พวกมันในสภาพนอนแผ่อยู่ที่พื้นทั้งคู่ โชคดีที่ร้านเหล้าร้านนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจของบ้านผม ก่อนออกจากร้านไปก่อนหน้าเลยกำชับให้พนักงานคอยดูพวกมันสองคนไว้ ส่วนคนอื่นๆในโต๊ะก็มีผัวมีเมียมารับกันทุกคนเว้นเสียแต่กีไม่มีแฟน และก็ไอโลมาที่โดนผัวทิ้งไปสดๆ
กีเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ มันเป็นลูกคุณหนู ตอนนี้หน้าร้านก็มีรถตู้ของบ้านมันมาสแตนบายรับอยู่แล้ว ไม่นานคงเข้ามารับมันกลับบ้าน แต่ไอโลมาคลั่งรักนี่สิครับ เหมือนมันจะไม่เหลือใครเลย
หลังจากกีมีคนมารับกลับอย่างปลอดภัย ผมก็แบกเพื่อนที่เหลืออีกคนขึ้นรถ “มึงนั่งดีๆ ห้ามอ้วกใส่รถกู” ผมกำชับโลมาที่กำลังหลับตาพริ้มไรสติอยู่ มันปล่อยสติให้หลุดจนเซซ้ายเซขวาถึงแม้จะนั่งอยู่บนเบาะรถที่ยังไม่ออกตัวด้วยซ้ำ “กว่าจะถึงหอ มึงกูคงหัวฟาดรถกูตายก่อน” ผมจับหัวมันไปพังเบาะไว้อีกรอบ แล้วเอื้อมตัวเองผ่านหน้ามันไปดึงสายเบลท์มาคาดให้มัน แต่เหมือนคนเมามันจะอยู่นิ่งไม่เป็น
ร่างมันโน้มมาข้างหน้าจนหน้ามันปะทะเข้ากับหน้าผมเต็มๆ ถ้าเป็นสาวๆผมคงฉวยอากาศหันปากไปให้มันจุ๊บแทนแก้ม แต่คนเป็นเพศเดียวกันผมทำได้แค่ยันมันไปนั่งให้ตรงๆเหมือนเดิมเท่านั้น “ไม่คาดแม่งละ” ผมถอยมานั่งในท่าตรงแล้วออกตัวรถทันที
ระหว่างทางยังมีหน้าเซมาซบไหล่กูอีกนะมึง ‘คิดผิดจริงๆ ที่ไม่คาดให้มันแต่แรก’
ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงผมก็ถึงหอมัน แต่กว่าล้วงกุญแจห้องแล้วลากมันขึ้นมาถึงเตียงได้ก็เล่นเอาหอบแดกเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนที่ปวดเนื้อปวดตัวแบบนี้
ผมจัดร่างมันให้นอนบนเตียงอย่างลวกๆ ก่อนจะหันไปเห็นหน้าตัวเองในกระจกติดผนังห้องมัน ขอบตาผมช้ำแดง ปากแตกเลือดซิบ แก้มบวมบูดนิดหน่อย ‘โดนหนักเหมือนแงะ’ ผมใช้เวลาสำรวจหน้าที่โดนไอ้ที่ซานฟาดมาอีกรอบ พรางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เดินตามไปต่อยมันจนร่วง ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมโกรธก็นอนหลับปุ้ยไม่รู้เรื่องอยู่ตอนนี้
“เมาขนาดนี้คงไม่ได้กินอะไรทั้งวัน” ผมหันไปพูดกับเพื่อนที่ไร้สติ โลมาจะกินอะไรไม่ลงถ้ามันมีเรื่องเศร้า แล้วช่วงนี้มันก็เป็นอย่างงั้นเกือบทุกวัน ผมดูสายตามันออก ตอนกลางวันที่มาทำงานกลุ่มด้วยกัน มันเศร้าจนไม่มีกระจิตกระใจทำงาน ท้องมันร้องดังจนผมได้ยิน ในห้องมันเหลือเลย์ซองเดียววางอยู่บนโต๊ะ ถ้าผมไม่กินมันก็คงกินแค่เลย์รองท้องโดยไม่หาข้าวแดก
เพราะงั้นผมจึงอยากกินให้มันหมดไป
ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆร่างมันที่เริ่มพลิกไปพลิกมาเมื่อสบายตัวขึ้น ก้นผมไปประทับเข้ากับอะไรบางอย่าง ‘หนังสือบันทึก’ ผมพลิกหน้าหนังสือเข้ามาไว้ในมือ หน้าปกมีรอยคราบน้ำตาอยู่ต่างจากเมื่อตอนกลางวัน
ตอนนั้นผมยังไม่เปิดอ่านเลยสักนิดเดียวเพราะมันมาขัดเสียก่อน แต่ตอนนี้เหมือนจะเป็นเวลาของผมแล้วที่จะได้รู้ว่ามันจะมีความลับอะไรหนักหนาในหนังสือเล่มนี้ ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่ซานหรือเรื่องเพ้อๆของมัน ถึงได้หวงขนาดนี้
ผมหันไปดูมันออกรอบก่อนจะหันกลับมาจดจ่อหนังสือที่กำลังจะเปิดก่อน
“พี่ซานกลับมาหาโลแล้วหรอครับ” ผมโดนแขนเรียวกอดเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว เจ้าสองแขนๆค่อยๆกำชับวงแขนแน่นขึ้นแม้มันจะไม่ลืมตา ผมสัมผัสได้ว่าตอนนี้มันต้องการอ้อมกอดของไอพี่ซานนั่นขนาดไหน แต่นั่นมันไม่ใช่กอดที่ผมจะให้ได้
“กอดของเพื่อนมันไม่เหมือนแฟนหรอกโล แต่มันคงมีสักวิธีที่ทำให้มึงลืมอ้อมกอดเหี้ยๆของมัน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ