Love Note โลมาไม่ใช่ปลา -Yaoi-
เขียนโดย Sawadnaithuang
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.20 น.
แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2564 20.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ผมกับเพื่อนที่นิสัยต่าง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตอนที่1
ผมกับเพื่อนที่นิสัยต่าง
ทุกคนเคยมีความลับกันหรือเปล่าครับ ความลับที่บอกใครไม่ได้ ความลับที่ไม่อยากบอกใคร หรือแม้กระทั่งความลับที่ถ้ามีใครรู้ ก็อาจจะโดนล้อไปตลอดชีวิต
ผมเป็นหนึ่งในคนที่มีความลับครับ และความลับมากมายของผมก็ถูกบันทึกไว้ในไดอารี่เล่มหนึ่ง ที่ชาตินี้ผมก็จะไม่มีทางให้ใครได้เปิดอ่านมันเด็ดขาด
‘จิรณภัทร เจ้าของไดอารี่ ห้ามเปิดอ่าน!’ ผมสลักชื่อตัวเองพร้อมกับคำสั่งบางอย่างไว้หน้าปก ถึงมันจะดูเย้ายวนชวนให้เปิดอ่านมากกว่าเดิมแต่ผมกลับอุ่นใจกว่าการไม่เขียนอะไรลงไปเลย และแน่นอนผมจะยัดมันไว้ส่วนลึกสุดของกระเป๋าเพื่อให้ปลอดภัยจากเพื่อนสนิทขี้เผือกของผม ซึ่งช่วงนี้ผมก็ตัวติดกับพวกมันมากเป็นพิเศษ
“ไอโลมา ชั้น 3 ห้อง 305 มึงตื่นยัง กูมารับมึงแล้ว” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงทุ้มห้าวเรียกชื่อผมก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง มันไม่ใช่เสียนอกจากหนึ่งในเพื่อนสนิทของผม ตั้งแต่เราสอบติดคณะเดียวกัน มันก็มารับผมไปเรียนเกือบทุกเช้า ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือมันชอบมาแหกปากเรียกผมเสียงดังรบกวนห้องอื่นเหมือนที่ได้ยินไปเมื่อครู่นี่แหละ
ผมไม่ได้ตะโกนตอบกลับ แต่รีบยัดรองเท้าสวมแบบลวกๆออกจากห้องลงไปหามันทันที ก่อนที่มันจะเรียกผมลั่นหออีกระลอก
“พาว กูบอกมึงว่าอย่าตะโกนเรียกกูเสียงดังแบบนั้นไง” ผมหันไปดุหน้ายิ้มๆของเพื่อนคนสนิทก่อนจะคาดเข็มขัดหลังขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เพื่อนผมมันชื่อพาว หนุ่มวัยใสหน้าตาดีที่แฝงไปด้วยความกวนตีน หลักถานคือตอนนี้มันลอยหน้าลอยหน้าโยกไปตามเสียงเพลงที่มันเปิดดังก้องอยู่ในรถ เมื่อมันไม่ตอบ ผมจึงถือวิสาสะปิดเพลงที่โคตรจะแสบแก้วหูนั่นเสียเองก่อนจะด่ามันอีกรอบ “มึงได้ยินที่กูพูดปะเนี่ย?”
“ไม่ได้ยิน” พาวส่ายหน้าพรางเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นกว่าเดิม ระหว่างที่ผมจ้องหน้าพาวเขม็ง มันเหยียบรถให้ออกตัวจนผมหลังกระแทกเข้ากับเบาะอย่างแรง มันหันมายิ้มร่าสะใจที่แกล้งผมสำเร็จ แต่ผมไม่ได้สนุกกับมันเอาเสียเลย
“กูจริงจังนะพาว มึงไลน์มาบอกหรือโทรมาก็ได้ แต่มึงตะโกนลั่นหอกูแบบนั้นไม่ได้!” ผมพยายามแหกปากพูดเพื่อข่มสู้กีบเสียงเพลง เรื่องนี้ผมบอกมันตั้งแต่ต้นเทอมแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “ถ้ามีคนไปแจ้งป้าหอ กูโดนไล่ออกเลยนะเว้ย” ผมพยายามทำสตอรี่ให้ใหญ่ขึ้นเผื่อมันจะสนใจที่ผมพูดขึ้นมาบ้าง
“มันก็เรื่องของมึง” คำตอบของมันทำให้รู้ว่าผมคิดผิด ผมน่าจะรู้จักนิสัยพาวดี มันเป็นคนไม่แคร์อะไรเลยในโลกมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงตอนนี้
‘สันดานเหี้ยๆของมึง เมื่อไหร่จะหายไปสักที’ ผมเลือกจะตอบมันในใจแทนการพูดออกไป เพราะถึงจะเถียงให้ตายยังไงคนที่หัวร้อนก็เป็นผม พาวชอบแกล้งผมให้โกรธมาตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกัน เป็นเพราะอย่างงั้นผมถึงไม่ค่อยโกรธมันเหมือนแต่ก่อน พอคิดไปคิดมาดีๆ อาจจะเพราะเป็นแบบนี้ก็ได้ เราสองคนถึงได้เป็นเพื่อนกัน
ผมปล่อยให้เสียงเพลงในรถทำงานแทนการสนทนาของตัวเองกับเพื่อน
.
“โลมา” เจ้าของเสียงหนาเดิมเริ่มเรียกผมให้ตื่นจากความคิดเพ้อๆ ลางทีมันคงคิดได้ว่าพูดกับผมแรงไป ถึงได้เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนเมื่อรถขับรถออกมาได้ครึ่งทาง
“ไม่ต้องมาง้อกู” ผมเพียงเหลือบตาเสมองเจ้าของเสียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเบี่ยงหน้าหันมาอีกฝั่ง ในใจพรางคิดอยากเป็นคนชนะให้มันเป็นคนง้อผมก่อนบ้าง ถึงแม้จะไม่เคยเพียงสักครั้ง
“โลมา” ผมยังเมิน แม้มันจะเพิ่มเสียงเสียงเรียกให้ดังขึ้น อย่าหวังว่าผมจะใจอ่อนเลย
“หึ” ผมพ่นลมหายใจแรงๆข่มเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเหนือกว่า อีกฝ่ายเงียบก่อนเหตุการณ์หลังจากนั้นคือผมหัวทิ่มลงไปหน้ารถ
เอี๊ยด!! เสียงล้อรถเสียดสีเข้ากับถนนอย่างแรง มันแรงพอที่จะต้านให้รถหยุดแล่นเกือบจะกระทันหัน และถ้าไม่มีเบลท์คาดตัวผมอยู่ หัวผมคงได้อาบเลือดเป็นแน่
“ไอเหี้ย” ผมโวยลั่นทันที จิตใจ สติผมหลุดไปอยู่ตาตุ่ม ใจผมเต้นแรงไปพร้อมกับผมหายใจถี่ๆ เหมือนคนกำลังจะขาดอากาศ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าไม่มีคู่กรณีขับรถปาดหน้าแต่อย่างใด รถที่ผมนั่งอยู่กลับถูกจอดเทียบข้างฟุตบาตโดยถูกกฎจราจร ผมเสมองไปที่คนขับช้าๆ ไอคนข้างๆมันกะจะเอาผมตายเลยหรือไง “ทำไมมึงขับรถหมาไม่แดกงี้วะ” ผมถามทั้งที่สติยังไม่กลับมาดี
“กูเรียกมึงตั้งหลายรอบแต่มึงไม่หัน กูเลยใช้วิธีนี้เรียกไง” พาวตอบกึ่งขำ สีหน้ามันแสดงความเป็นผู้ชนะออกมาอย่างเต็มภาคภูมิ
“นี่มึงจะง้อหรือจะฆ่ากูกันแน่” ผมโพร่งคำถามไปแบบไม่ทันคิด รู้สึกแย่กับความหวังว่ามันจะง้อโดนบดขยี้ไปด้วยวินาทีเสี่ยงตาย
“ง้อ?” เพื่อนตัวดีเบี่ยงหน้ามาทาง แววตามันฉายประโยคคำถามออกมาชัดเจน
‘ที่มึงเริ่มเรียกกูก่อนไม่ใช่เพราะมึงจะง้อกูหรือไงวะ’ ผมเริ่มลังเล ผลุบหลบตามันไปทางอื่นก่อนจะมันจะจับผิดความคิดผมได้
“นี่มึงคิดว่ากูจะง้อมึง?” พาวเลิกคิ้วหนาขึ้น มันโน้มหน้าเข้ามาหาคำถามใกล้ๆ
“ป่าว”
“กูเรียกมึงเพราะกูจะบอกให้มึงลุกไปนั่งข้างหลัง เดี๋ยวซอยหน้ากูจะแวะรับแฟร์” หน้าผมเหมือนโดนมีดกรีดออกเป็นเสี่ยงๆ กับคำพูดของมัน ไม่พอแค่นั้น มันเอื้อมมือมาปลดสายเบลให้ผมพร้อมกับพูดว่า “เชิญ”
“เออ” ผมพ่นคำนี้แรงๆใส่หน้ามัน ก่อนจะกำชับกระเป๋าในมือแน่นแล้วลุกไปนั่งเบาะหลัง ถึงจะรู้สึกอายๆนิดหน่อย แต่คงเป็นผมที่บ้าไปหวังเรื่องโง่ๆแบบนั้นเอง แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งคิดได้ พาวมันเริ่มรู้สึกใส่ใจคนอื่นเป็นแล้วสินะ
และคนนั้นคือแฟนของมันไง
แฟร์เป็นสาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น มีสายสะพายดาวมหา’ลัยการันตีความสวย เธอประกาศคบกับไอพาวตั้งแต่วันแรกที่เข้ามหาลัย แต่ไร้ซึ่งกระแสดรามา ทุกคนต่างเห็นว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมทั้งฐานะ หน้าตา และรสนิยม
.
หลังจากแฟร์ขึ้นรถ ผมก็เห็นคนสองตนอ้อนกันไปอ้อนกันมาตลอดทาง ทั้งคู่คบกันเกือบ 1 ปีเต็ม แต่ยังหวานหยดย้อยเหมือนวันแรก ผมไม่ได้รำคาญพวกมันหรอกแค่รู้สึกอิจฉานิดหน่อยที่คู่ของตัวเองไม่เป็นอย่างงี้บ้าง
ถึงจะเคยเป็นก็เถอะ
พาวจอดรถ ให้แฟร์ลงหน้าคณะศึกษาศาสตร์ หลังจากหอมแก้มร่ำลากันฟอดใหญ่
“มองแบบนั้น มึงอิจฉาคู่กูอะดิ” คนขับมองผมจากกระจกส่องหลัง กูเก็บอาการอิจฉาไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอวะ
“อิจฉาอะไรของมึง กูก็มีแฟนของกูอยู่” ผมยันตัวพิงตรงเถียงสู้มัน ผมมีแฟนครับ เรารักกันมาแต่ช่วงนี้แฟนผมติดงาน เลยไม่ค่อยมีเวลาให้สวีทโชว์มันเหมือนแต่ก่อน
“หรอ หวังว่าคู่มึงจะหวานแบบกูตลอดนะ” พาวคงยังยั่วโมโหผมต่อก่ อนจะขับรถไปคณะมนุษศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่พวกผมเรียนกันอยู่
“แน่นอน คอยดูละกัน” ผมตอบอย่างมั่นใจ แล้วหยิบโทรศัพท์มาไลน์หาพี่ซาน ช่วงนี้ผมกับพี่เขาเจอกันน้อยมาก ด้วยเหตุผลที่ซานบอกกับผมว่า ‘ปี4 งานเยอะ พี่ไม่ค่อยมีเวลา’ แฟนผมชื่อพี่ซานเรียนนิเทศศาสตร์ ปี 4 เขาเป็นแฟนคนแรกของผมเพราะคบกันมาตั้งแต่ผมเรียนมัธยม บอกเลยว่าผมรักมาก
.
.
“สวัสดีตอนเช้าค่า เพื่อนรักของกูทั้งสองคน” ทันทีที่ผมกับพาวย่างเท้าเข้ามาในห้องเรียน เสียงแหลมปี๊ดของหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมก็ดังตรงมาจากท้ายห้อง ไร้ซึ่งความเกรงอกเกรงใจนิสิตร่วมห้องคนอื่นๆด้วยสิ้นเชิง
‘นี่เพื่อนกูทุกคนต้องชอบตะโกนเสียงดังรึป่าวว่ะ’ ผมเดินไปหาเจ้าของเสียงพรางคิดในใจ มองหน้ามันยิ้มเฉ่งฟันขาวเด่น เพื่อนผมคนนี้มันชื่อแตกีล่าครับ เป็นสาวผิวเข้ม หลายคนชอบเรียกมันสั้นๆว่ากี กีเป็นคนไม่สุงสิงกับคนแปลกหน้าแต่กับเพื่อนสนิทมันบ้าจนเกินจะควบคุม
“มาแต่เช้าเลยนะมึง” พาวทักทายกีแค่เป็นพิธี ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ติดผนังแล้วฟุบหลับระหว่างรออาจารย์เข้ามาสอน
“ก็กูไม่ต้องไปรับแฟนหรือรอแฟนมารับแบบพวกมึงนิคะ โสด!” กีตอบอย่างขัดอารมณ์ พรางปัดแก้มที่แดงอยู่แล้วให้แดงกว่าเดิม
“มึงโสดเพราะมึงเลือกไง” ผมให้กำลังใจเพื่อนแทนจะซ้ำเติม กีมันเป็นคนสวยแบบไม่สุดครับ นิสัยมันทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาเท่าไหร่นัก
“เรื่องของกูเถอะ ว่าแต่ทำไมช่วงนี้มึงมากับพาวบ่อยจังเลยค่ะ” กีทิ้งจังหวะการตะไบเล็บหันมาถามผมด้วยความเผือก ปกติผมจะให้พี่ซานมาส่งเสียมากกว่า แต่อย่างที่บอกช่วงนี้แกไม่ค่อยมีเวลา ผมเลยเกาะรถพาวมาเกือบทุกวัน
“ก็พี่ซานเขาไม่ค่อยมีเวลาอ่ะมึง กูว่าพี่เขาแปลกๆไปยังไงก็ไม่รู้”ได้ทีผมเลยระบายกับเพื่อนกี ขืนปรึกษาไอพาวมันได้ล้อผมว่าแฟนไม่รักแน่ๆ คนอย่างมันแคร์ความรู้สึกผมซะที่ไหน
“กูว่าแล้ว ปกติมึงกับพี่ซานตัวติดกันอย่างกับขี้ หวานกับอย่างกับนำผึ้ง เพราะพี่ซานตีตัวห่าง มันเลยให้ไอพาวไปรับ ว่างั้น?” แล้วมันจะย้ำให้ผมระกำใจเพิ่มไปอีกทำไม ความจริงแล้วผมพยายามไม่คิดมากมาสักพักเพราะอยากรักษาความสัมพันธ์กับพี่ซานให้นานที่สุด
ผมขาดพี่เขาไม่ได้
พี่เขาเข้ามาเติมเต็มหลายอย่างที่ผมขาดไป
“เออ พี่ซานเขาคงติดทำวิจัยแหละ กูคงคิดมากไปเอง” ลางทีถ้าผมเชื่ออย่างงั้น ผมอาจจะสบายใจมากขึ้น แล้วพี่ซานก็อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมถ้าผมไม่งอแง
“ไม่ใช่ว่ามันหาเมียใหม่อยู่หรอ” เสียงอู้อี้ดังลอดช่องแขนหนามาเข้าร่วมบทสนทนาด้วย คนฟุบหลับที่ดันตัวขึ้นมาบิดขี้เกียจ ผมคิดอยู่แล้วว่าถ้ามันรู้เรื่องนี้คงไม่มีคำไหนที่มันจะให้กำลังใจผมเลย
“มึงอย่ามาใส่ร้ายแฟนกูนะพาว” ผมปกป้องคนรัก
“กูแค่สันนิษฐาน” แต่กูอยากได้กำลังใจป่าววะ
“ข้อสันนิษฐานมึงเหี้ยมาก กูกับพี่ซานรักกันมานานกว่าคู่มึงหลายปี พี่เขาคงไม่ทำอะไรไม่ดีที่มึงคิดหรอก” อารมณ์ผมขึ้นสูงปี๊ดมองหน้าเพื่อน ยิ่งทำให้รู้ว่าผมกับพาวเรานิสัยต่างกันมาก ผมแคร์เพื่อน ผมแคร์คนรัก และเรื่องง่ายๆที่ผมจะทำคือคิดก่อนพูด แต่พาวไม่ใช่อย่างงั้น
“รักกันนานกว่าไม่ได้บอกว่ามันจะรักกันยาว” มันยังขยี้ต่อ
“โอ๊ยพอ เลิกกัดกันค่ะ” กียื่นมือเข้ามาแทรกกลางไฟที่เริ่มคลุกกรุ่นระหว่างผมกับพาว “เอางี้ เดี๋ยวกูจ้างนักสืบให้ จบ” มันใช้เงินแก้ปัญหา
“ไม่เป็นไรมึง กูเชื่อใจพี่ซาน” ผมเน้นคำหลังให้พาวได้ยินชัดๆ ก่อนอาจารย์จะเดินเข้ามาในห้องพอดี ไม่อย่างงั้นผมได้เถียงกับมันจนแม้แต่กีก็ห้ามไม่ได้แน่ๆ
.
.
วันนี้อาจารย์ไม่ได้สอนอะไรมาก เน้นสั่งงานกลุ่มเสียมากกว่า หลังจากเรียนเสร็จเตกีล่าก็แยกกลับบ้านไปก่อน บ้านมันอยู่ใกล้มหา’ลัยที่สุด การเดินทางก็สะดวกที่สุดเพราะมีคนรถขับรับส่งทุกที่
“โลมา มึงกลับหอเองนะ แฟร์เลิกเรียนบ่ายวะ กูจะรอรับกลับพร้อมกันทีเดียว” พาวพูดระหว่างเดินไปลานจอดรถ
“อืม โอเค” ผมตอบเนือยๆ ถึงแม่ไม่ได้งอนหรือโกรธมัน อาจจะมีน้อยใจบ้างนิดหน่อย แฟนไม่มีเวลา เพื่อนก็ติดเมีย แต่ผมก็เข้าใจมันแหละ
การใส่ใจดูแลแฟนเป็นเรื่องที่ดี ผมเชื่ออย่างงั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ