โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
41) เจ้าเป็นใครกันแน่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความดารีลที่เคยอ่อนโยนนุ่มนวล บัดนี้กลับมีจิตคิดร้ายและข่มขวัญอย่างชัดแจ้ง เด็กชายตัวน้อยได้แต่งุนงงว่านี้มันเรื่องอะไรกัน จริงอยู่ช่วงหลังมานี้ดารีลมีอาการสติแตกคลุ้มคลั่งเป็นบางครั้ง แต่ทุกอย่างก็มีสาเหตุที่พอคาดเดาได้ แต่นี่อะไรทุกอย่างเกิดขึ้นปุบปั๊บไร้ที่มาที่ไป
เด็กน้อยไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
จึงพยักหน้าเป็นเชิงว่ายอมรับ
และพยายามส่งเสียง
เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาหายใจไม่ออก
หนุ่มน้อยคนนั้นจึงจับศีรษะของเขาตะแคงไปด้านข้าง
แต่ก็ยังอยู่ในท่าที่ไม่สบายตัวนัก
เขาวางมีดที่แอบหยิบมาจากในครัว
โดยหันด้านคมไปที่ดวงตาของเด็กชายตัวน้อย
ด้วยอาการที่บ่งบอกให้รู้ว่าพร้อมหยิบขึ้นมาใช้งานเสมอ
“ นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
ฟิโลโซเฟอน์ถาม
รู้สึกงุนงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ แท้จริงแล้วพวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ”
น้ำเสียงของดารีลนั้นเรียบเย็นและห่างเหิน
“ เดี๋ยวนะ ข้ายังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดารีลเจ้าปล่อยข้าแล้วเรามานั่งคุยกันดีๆ ก็ได้นี่ ”
เด็กน้อยเสนอ
แต่ดารีลกลับตอบโต้ด้วยการบิดแขนของเขาให้แรงขึ้น
ฟิโลโซเฟอร์ต้องกัดฟันเพื่อสะกดเสียงร้องเอาไว้
เขาไม่อยากให้บิดาได้ยินและตามขึ้นมาถึงนี่
ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องไม่ดี
เพราะดารีลในเวลานี้สามารถทำอย่างที่ปากพูดได้อย่างแน่นอน
“ อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ”
หนุ่มน้อยก้มลงกระซิบที่ข้างหู
“ หรือจะให้ข้าเชือดคอเจ้าแล้วไปถามเอากับคนอื่น ถ้าอย่างนั้นคงต้องใช้แผนที่สอง ”
“ แผนที่สองคืออย่างไร ”
เด็กน้อยถามด้วยความอยากรู้
“ วางเพลิง ถ้ามีคนตายก็ต้องจัดฉากว่าเป็นปล้นทรัพย์และวางเพลิงซ้ำเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งรับประกันได้เลยว่าต้องมีคนตายอีกไม่น้อย เว้นแต่เจ้าจะให้ความร่วมมือถ้าข้าเห็นว่าเหมาะสมวันนี้อาจไม่มีใครตาย ตกลงจะบอกได้หรือยังว่าพวกเจ้าเป็นใครและกำลังทำงานให้ใคร ”
คนอายุมากกว่าขู่
“ ให้ตายสิ ข้าก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็นใยจึงคิดว่าข้าเป็นคนอื่น ”
เด็กน้อยพูดยังไม่จบ
ดารีลก็คว้าเอามีดลากผ่านแก้มเด็กชายไปอย่างรวดเร็ว
เร็วจนไม่ทันรู้สึกเจ็บในทันที
ต้องรอเป็นครู่กว่าจะรู้สึกปวดหนึบๆ ที่แผล
หนุ่มน้อยรูปงามจ้องมองผลงานของตน
ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบจนน่าตกใจ
เขาลากลิ้นผ่านคมมีดที่เปื้อนเลือด
แล้วกล่าวว่า
“ คมมีดทื่อชะมัดไม่สมราคาแม้แต่น้อย ”
“ ดารีล ”
เด็กน้อยกัดฟันพูด
“ เราเป็นเพื่อนกันมิใช่หรือเจ้าต้องบอกเหตุผลมาเหตุใดจึงสงสัยข้า ”
“ พวกเจ้าอยู่ในรายชื่อที่ทางสภาต้องจับตามอง ”
หนุ่มน้อยบอกโดยที่ยังไม่ละสายตาจากคมมีด
“ ข้ามีหน้าที่ค้นหาความจริงในเรื่องที่ผู้อื่นปิดบังไว้ แน่นอนไม่สนวิธีการ จนกว่าจะได้คำตอบข้าทำทุกอย่างโดยไม่ลังเล ”
“ เหตุใดพวกเราจึงมีรายชื่อล่ะ ”
เด็กชายสงสัย
ว่าพวกเขาไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายได้อย่างไร
“ เบรนทรัสที่ปรึกษาแห่งจอมเวทวาลานจะเป็นคนส่งรายชื่อ เขาคือผู้รอบรู้คนหนึ่ง ส่วนผู้พิทักษ์หน้ากากทองจะเป็นคนสะสางเรื่องนี้ หากมีข้อผิดพลาดเหล่าทหารเกราะทองจะเป็นผู้เก็บกวาด ส่วนข้าเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์หน้ากากทอง เรื่องภายในของโอรีเวียอยู่ใต้อำนาจของข้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้โอรีเวียนั้นยิ่งใหญ่ต่อไป โชคร้ายของพวกเจ้าที่มาพบกับข้าที่มีสถิติทำผู้ต้องสงสัยตายคามือบ่อยมาก เช่นนั้นแล้วอย่าพยายามยั่วโมโหข้าให้มากนัก ”
“ ถ้าข้าตายแล้วเจ้าจะถามเอาความจริงได้อย่างไร ”
เด็กชายถามเพื่อถ่วงเวลา
เขาชำเลืองมองไปรอบๆ เพื่อหาทางเอาตัวรอด
แต่สิ่งที่พอหยิบฉวยได้ก็อยู่ไกลเหลือเกิน
อีกทั้งดารีลที่คร่อมทับ
จับเขาให้อยู่ในท่าทรมานตน
สิ่งนี้ชี้ว่าเรื่องนี้มิใช่การล้อเล่นอย่างแน่นอน
ดารีลชำนาญการทรมานเป้าหมายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ ถ้าผู้ต้องสงสัยมีคนเดียวข้าก็ต้องคิดมากหน่อย แต่บ้านเจ้ามีถึงสี่คน ”
หนุ่มน้อยรูปงามนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วว่า
“ ข้าเคยแทะร่างเหยื่อทั้งเป็นต่อหน้าคนในครอบครัว เพียงเวลาไม่นานก็มีคนคายความลับทั้งหมด ข้าไม่รังเกียจที่จะทำเรื่องแบบนั้นอีก เพราะความจริงแล้วเนื้อดิบก็ไม่เลวร้ายนัก ”
“ เจ้ามันวิปริต ”
ฟิโลโซเฟอร์ประณาม
เขาไม่รู้สึกกลัวคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
เพียงแต่กังวลว่าดารีลอาจสติแตก
แล้วทำเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่านี้
เด็กน้อยไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
จึงพยักหน้าเป็นเชิงว่ายอมรับ
และพยายามส่งเสียง
เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาหายใจไม่ออก
หนุ่มน้อยคนนั้นจึงจับศีรษะของเขาตะแคงไปด้านข้าง
แต่ก็ยังอยู่ในท่าที่ไม่สบายตัวนัก
เขาวางมีดที่แอบหยิบมาจากในครัว
โดยหันด้านคมไปที่ดวงตาของเด็กชายตัวน้อย
ด้วยอาการที่บ่งบอกให้รู้ว่าพร้อมหยิบขึ้นมาใช้งานเสมอ
“ นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
ฟิโลโซเฟอน์ถาม
รู้สึกงุนงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ แท้จริงแล้วพวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ”
น้ำเสียงของดารีลนั้นเรียบเย็นและห่างเหิน
“ เดี๋ยวนะ ข้ายังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดารีลเจ้าปล่อยข้าแล้วเรามานั่งคุยกันดีๆ ก็ได้นี่ ”
เด็กน้อยเสนอ
แต่ดารีลกลับตอบโต้ด้วยการบิดแขนของเขาให้แรงขึ้น
ฟิโลโซเฟอร์ต้องกัดฟันเพื่อสะกดเสียงร้องเอาไว้
เขาไม่อยากให้บิดาได้ยินและตามขึ้นมาถึงนี่
ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องไม่ดี
เพราะดารีลในเวลานี้สามารถทำอย่างที่ปากพูดได้อย่างแน่นอน
“ อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ”
หนุ่มน้อยก้มลงกระซิบที่ข้างหู
“ หรือจะให้ข้าเชือดคอเจ้าแล้วไปถามเอากับคนอื่น ถ้าอย่างนั้นคงต้องใช้แผนที่สอง ”
“ แผนที่สองคืออย่างไร ”
เด็กน้อยถามด้วยความอยากรู้
“ วางเพลิง ถ้ามีคนตายก็ต้องจัดฉากว่าเป็นปล้นทรัพย์และวางเพลิงซ้ำเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งรับประกันได้เลยว่าต้องมีคนตายอีกไม่น้อย เว้นแต่เจ้าจะให้ความร่วมมือถ้าข้าเห็นว่าเหมาะสมวันนี้อาจไม่มีใครตาย ตกลงจะบอกได้หรือยังว่าพวกเจ้าเป็นใครและกำลังทำงานให้ใคร ”
คนอายุมากกว่าขู่
“ ให้ตายสิ ข้าก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็นใยจึงคิดว่าข้าเป็นคนอื่น ”
เด็กน้อยพูดยังไม่จบ
ดารีลก็คว้าเอามีดลากผ่านแก้มเด็กชายไปอย่างรวดเร็ว
เร็วจนไม่ทันรู้สึกเจ็บในทันที
ต้องรอเป็นครู่กว่าจะรู้สึกปวดหนึบๆ ที่แผล
หนุ่มน้อยรูปงามจ้องมองผลงานของตน
ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบจนน่าตกใจ
เขาลากลิ้นผ่านคมมีดที่เปื้อนเลือด
แล้วกล่าวว่า
“ คมมีดทื่อชะมัดไม่สมราคาแม้แต่น้อย ”
“ ดารีล ”
เด็กน้อยกัดฟันพูด
“ เราเป็นเพื่อนกันมิใช่หรือเจ้าต้องบอกเหตุผลมาเหตุใดจึงสงสัยข้า ”
“ พวกเจ้าอยู่ในรายชื่อที่ทางสภาต้องจับตามอง ”
หนุ่มน้อยบอกโดยที่ยังไม่ละสายตาจากคมมีด
“ ข้ามีหน้าที่ค้นหาความจริงในเรื่องที่ผู้อื่นปิดบังไว้ แน่นอนไม่สนวิธีการ จนกว่าจะได้คำตอบข้าทำทุกอย่างโดยไม่ลังเล ”
“ เหตุใดพวกเราจึงมีรายชื่อล่ะ ”
เด็กชายสงสัย
ว่าพวกเขาไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายได้อย่างไร
“ เบรนทรัสที่ปรึกษาแห่งจอมเวทวาลานจะเป็นคนส่งรายชื่อ เขาคือผู้รอบรู้คนหนึ่ง ส่วนผู้พิทักษ์หน้ากากทองจะเป็นคนสะสางเรื่องนี้ หากมีข้อผิดพลาดเหล่าทหารเกราะทองจะเป็นผู้เก็บกวาด ส่วนข้าเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์หน้ากากทอง เรื่องภายในของโอรีเวียอยู่ใต้อำนาจของข้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้โอรีเวียนั้นยิ่งใหญ่ต่อไป โชคร้ายของพวกเจ้าที่มาพบกับข้าที่มีสถิติทำผู้ต้องสงสัยตายคามือบ่อยมาก เช่นนั้นแล้วอย่าพยายามยั่วโมโหข้าให้มากนัก ”
“ ถ้าข้าตายแล้วเจ้าจะถามเอาความจริงได้อย่างไร ”
เด็กชายถามเพื่อถ่วงเวลา
เขาชำเลืองมองไปรอบๆ เพื่อหาทางเอาตัวรอด
แต่สิ่งที่พอหยิบฉวยได้ก็อยู่ไกลเหลือเกิน
อีกทั้งดารีลที่คร่อมทับ
จับเขาให้อยู่ในท่าทรมานตน
สิ่งนี้ชี้ว่าเรื่องนี้มิใช่การล้อเล่นอย่างแน่นอน
ดารีลชำนาญการทรมานเป้าหมายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ ถ้าผู้ต้องสงสัยมีคนเดียวข้าก็ต้องคิดมากหน่อย แต่บ้านเจ้ามีถึงสี่คน ”
หนุ่มน้อยรูปงามนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วว่า
“ ข้าเคยแทะร่างเหยื่อทั้งเป็นต่อหน้าคนในครอบครัว เพียงเวลาไม่นานก็มีคนคายความลับทั้งหมด ข้าไม่รังเกียจที่จะทำเรื่องแบบนั้นอีก เพราะความจริงแล้วเนื้อดิบก็ไม่เลวร้ายนัก ”
“ เจ้ามันวิปริต ”
ฟิโลโซเฟอร์ประณาม
เขาไม่รู้สึกกลัวคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
เพียงแต่กังวลว่าดารีลอาจสติแตก
แล้วทำเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่านี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ