โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
35) ดื่มชา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจ้าชายเอลานอสเอาแต่นั่งหน้าบูดอยู่ในซุ้มเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับดื่มชา ซุ้มนี้อยู่ทางทิศตะวันออกออกของสวน อดีตเคยบานสะพรั่งไปด้วยดอกกุหลาบสีขาว แต่ในเวลากลับไม่สดใสเช่นเดิม
เขาจ้องมองบุตรแฝดทั้งสองของราชินีวิเวียร่า ที่กำลังเล่นซุกซนกันบนพื้นหญ้าเขียวขจี เบื้องหน้าของเขาคือกษัตริย์แฮโรดผู้บึ้งตึงและราชินีแสนงามที่แกร่งยิ่งกว่าทหารแนวหน้า
ช่วงเวลาดื่มชาในตอนเช้าที่ควรจะสงบสุข ถูกทำลายลงด้วยเสียงบ่นพร่ำของราชินีผู้คอยตำหนิเรื่องความบกพร่องของการรักษาความปลอดภัยในวัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดถูกใจพระนางเลย
ตลอดหลายวันมานี้ในวังหลวงมีแต่เรื่องวุ่นวาย
ราชินีวิเวียร่าก็เอาแต่ตรัสขอนั่นขอนี่ไม่เคยพอ
จนบางครั้งก็ทำเอากษัตริย์แฮโรดเกิดพระทัยเหนื่อยหน่าย
“ คนของข้าที่ส่งออกไปตามชนบทได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย คิดว่าต้องมีเรื่องผิดปรกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เราควรจะส่งคนมีฝีมือออกไปอีกครั้งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
เจ้าชายเอลานอสกล่าวกับกษัตริย์
ผู้เป็นบิดาของตน
“ ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายทั้งนั้น พวกเขาหนีไปจากเมืองโอรีออนต่างหาก เมืองนี้มันวิปริตเพราะมีผู้สมคบคิดกับผู้ใช้มนต์ดำ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปเมืองนี้คงกลายเป็นเมืองร้างแน่ ”
ราชินีกล่าวสวนขึ้น
“ ท่านว่าใครนะสมคบคิดกับผู้ใช้มนต์ดำ ”
เจ้าชายว่า
“ เจ้ารู้ดีที่สุดมิใช่หรือ ฝ่าบาทเห็นด้วยหรือไม่เพคะ ”
พระนางเย้ย
แล้วไปทำฉอเลาะกับกษัตริย์แฮโรด
กษัตริย์แฮโรดทรงนิ่งเฉย
แม้พระองค์จะรู้สึกได้ว่ามีไอชั่วร้ายอยู่ในวัง
แต่ก็ขลาดกลัวเกินกว่า
จะตัดสินใจทำสิ่งใด
“ ท่านพ่อข้าอยากได้คนเพิ่ม ตอนนี้เมืองของเรามีประสบปัญหาอย่างหนัก ผู้คนตามชนบทล้วนอดอยากบางทีหากเรานำเสบียงจากเมืองหลวงไปแจกจ่าย อาจช่วยพวกเขาได้ ”
เจ้าชายเอลานอสแสร้งเปลี่ยนเรื่อง
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“ พูดอะไรเช่นนั้น ส่งเสบียงไปแล้วผู้คนมากมายในเมืองล่ะ พวกเขาไม่ดื่มกินหรือไร ”
ราชินีวิเวียร่าขึ้นเสียง
“ คนในเมืองล้วนแล้วแต่ฟุ่มเฟือยหากให้พวกเขาประหยัดลงบ้างก็คงไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ชาวนาชนบทแทบจะไม่มีข้าวสาลีเอาไว้ทำขนมปังดีๆ กินแล้ว ”
เจ้าชายน้อยแย้ง
“ ไม่มีขนมปังก็กินอย่างอื่นแทนสิอย่าโง่นักเลย พวกถั่วพวกข้าวโพดอะไรนั่นบดๆ หน่อยก็กลายเป็นแป้งเหมือนกัน ถ้าไม่เรื่องมากก็ไม่อดตายหรอก ”
นางว่า
“ ท่านไม่ได้ยินข่าวบ้างหรือปีนี้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายหนัก ของที่ท่านว่ามามันไม่มีหรอก พวกชาวบ้านอดอยากจนแทบจะกินเนื้อกันเองแล้ว ”
“ คนบ้าที่ไหนกินเนื้อกันเองถ้ามิใช่พวกปีศาจมนต์ดำ ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ขุดมันขุดรากไม้กินสิจะไปยากอะไร คนพวกนั้นเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่คนเมืองหลวงสิเขาไม่เคยลำบากพวกเราต้องห่วงเขาให้มากกว่านี้ ”
ดูเหมือนคำว่ามนต์ดำจะจี้ใจเจ้าชายเอลานอสอยู่ไม่น้อย
เขาจึงกล่าวว่า
“ ท่านนี่มันปีศาจร้ายชัดๆ เพราะคนเมืองมอบเงินทองให้กับท่านน่ะสิจึงได้เห็นใจเขา ”
“ เจ้า ”
ราชินีแสนงามโกรธกริ้วจนพระพักตร์แดงก่ำ
แต่ก็ไม่สามารถทำอันใดได้
จึงหันไปทางกษัตริย์แฮโรด
“ ฝ่าบาท ดูเจ้าชายเสียเถิดกิริยาทรามนัก เขาควรได้รับการอบรมที่ดีกว่านี้เพื่อเป็นกษัตริย์ที่ดีในวันข้างหน้า ”
“ อย่ามาทำเป็นเสี้ยมสอน ระวังบุตรสุดรักของท่านให้ดีเถิด ”
เจ้าชายกล่าวสอดขึ้น
“ เจ้าขู่ข้าหรือ ”
ก่อนที่การโต้เถียงจะลุกลาม
กษัตริย์แฮโรดผู้กำลังกลัดกลุ้มก็หมดความอดทน
พระองค์ปรารถนาช่วงเวลาที่สงบสุข
ช่วงเวลาน้ำชายามเช้าแทนที่จะได้ผ่อนคลาย
กลับต้องมารับฟังการวิวาท
ที่ไม่จบสิ้น
พระองค์จึงตบโต๊ะดังปัง
“ ไปไหนก็ไปเลยทั้งคู่นั่นล่ะ ”
“ ท่านไล่ข้าหรือ ”
ราชินีตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่กษัตริย์แฮโรดทรงเกี้ยวกราดใส่
กษัตริย์ไม่ตอบอะไร
พระนางจึงลุกขึ้นด้วยอาการขัดเคือง
แล้วจูงเอาบุตรทั้งสองกลับเข้าปราสาทไป
เจ้าชายเอลานอสมองผู้เป็นบิดาสลับกับถ้วยชา
สุดท้ายก็คว้าถ้วยชา
แล้วเดินกลับห้องไป
ในระหว่างทางโถงเดิน
เขาได้กลิ่นกำยายที่คุ้นเคย
แต่เมื่อมองหาจนทั่วแล้วก็ไม่พบอะไร
เจ้าชายจึงเดินทางต่อด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
นานเหลือเกินที่ไม่ได้พบกับกาเอล
แต่ก็ยังแน่ใจได้ว่าคนผู้นั้นต้องอยู่แถวนี้อย่างแน่นอน
เขาจ้องมองบุตรแฝดทั้งสองของราชินีวิเวียร่า ที่กำลังเล่นซุกซนกันบนพื้นหญ้าเขียวขจี เบื้องหน้าของเขาคือกษัตริย์แฮโรดผู้บึ้งตึงและราชินีแสนงามที่แกร่งยิ่งกว่าทหารแนวหน้า
ช่วงเวลาดื่มชาในตอนเช้าที่ควรจะสงบสุข ถูกทำลายลงด้วยเสียงบ่นพร่ำของราชินีผู้คอยตำหนิเรื่องความบกพร่องของการรักษาความปลอดภัยในวัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดถูกใจพระนางเลย
ตลอดหลายวันมานี้ในวังหลวงมีแต่เรื่องวุ่นวาย
ราชินีวิเวียร่าก็เอาแต่ตรัสขอนั่นขอนี่ไม่เคยพอ
จนบางครั้งก็ทำเอากษัตริย์แฮโรดเกิดพระทัยเหนื่อยหน่าย
“ คนของข้าที่ส่งออกไปตามชนบทได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย คิดว่าต้องมีเรื่องผิดปรกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เราควรจะส่งคนมีฝีมือออกไปอีกครั้งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
เจ้าชายเอลานอสกล่าวกับกษัตริย์
ผู้เป็นบิดาของตน
“ ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายทั้งนั้น พวกเขาหนีไปจากเมืองโอรีออนต่างหาก เมืองนี้มันวิปริตเพราะมีผู้สมคบคิดกับผู้ใช้มนต์ดำ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปเมืองนี้คงกลายเป็นเมืองร้างแน่ ”
ราชินีกล่าวสวนขึ้น
“ ท่านว่าใครนะสมคบคิดกับผู้ใช้มนต์ดำ ”
เจ้าชายว่า
“ เจ้ารู้ดีที่สุดมิใช่หรือ ฝ่าบาทเห็นด้วยหรือไม่เพคะ ”
พระนางเย้ย
แล้วไปทำฉอเลาะกับกษัตริย์แฮโรด
กษัตริย์แฮโรดทรงนิ่งเฉย
แม้พระองค์จะรู้สึกได้ว่ามีไอชั่วร้ายอยู่ในวัง
แต่ก็ขลาดกลัวเกินกว่า
จะตัดสินใจทำสิ่งใด
“ ท่านพ่อข้าอยากได้คนเพิ่ม ตอนนี้เมืองของเรามีประสบปัญหาอย่างหนัก ผู้คนตามชนบทล้วนอดอยากบางทีหากเรานำเสบียงจากเมืองหลวงไปแจกจ่าย อาจช่วยพวกเขาได้ ”
เจ้าชายเอลานอสแสร้งเปลี่ยนเรื่อง
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“ พูดอะไรเช่นนั้น ส่งเสบียงไปแล้วผู้คนมากมายในเมืองล่ะ พวกเขาไม่ดื่มกินหรือไร ”
ราชินีวิเวียร่าขึ้นเสียง
“ คนในเมืองล้วนแล้วแต่ฟุ่มเฟือยหากให้พวกเขาประหยัดลงบ้างก็คงไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ชาวนาชนบทแทบจะไม่มีข้าวสาลีเอาไว้ทำขนมปังดีๆ กินแล้ว ”
เจ้าชายน้อยแย้ง
“ ไม่มีขนมปังก็กินอย่างอื่นแทนสิอย่าโง่นักเลย พวกถั่วพวกข้าวโพดอะไรนั่นบดๆ หน่อยก็กลายเป็นแป้งเหมือนกัน ถ้าไม่เรื่องมากก็ไม่อดตายหรอก ”
นางว่า
“ ท่านไม่ได้ยินข่าวบ้างหรือปีนี้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายหนัก ของที่ท่านว่ามามันไม่มีหรอก พวกชาวบ้านอดอยากจนแทบจะกินเนื้อกันเองแล้ว ”
“ คนบ้าที่ไหนกินเนื้อกันเองถ้ามิใช่พวกปีศาจมนต์ดำ ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ขุดมันขุดรากไม้กินสิจะไปยากอะไร คนพวกนั้นเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่คนเมืองหลวงสิเขาไม่เคยลำบากพวกเราต้องห่วงเขาให้มากกว่านี้ ”
ดูเหมือนคำว่ามนต์ดำจะจี้ใจเจ้าชายเอลานอสอยู่ไม่น้อย
เขาจึงกล่าวว่า
“ ท่านนี่มันปีศาจร้ายชัดๆ เพราะคนเมืองมอบเงินทองให้กับท่านน่ะสิจึงได้เห็นใจเขา ”
“ เจ้า ”
ราชินีแสนงามโกรธกริ้วจนพระพักตร์แดงก่ำ
แต่ก็ไม่สามารถทำอันใดได้
จึงหันไปทางกษัตริย์แฮโรด
“ ฝ่าบาท ดูเจ้าชายเสียเถิดกิริยาทรามนัก เขาควรได้รับการอบรมที่ดีกว่านี้เพื่อเป็นกษัตริย์ที่ดีในวันข้างหน้า ”
“ อย่ามาทำเป็นเสี้ยมสอน ระวังบุตรสุดรักของท่านให้ดีเถิด ”
เจ้าชายกล่าวสอดขึ้น
“ เจ้าขู่ข้าหรือ ”
ก่อนที่การโต้เถียงจะลุกลาม
กษัตริย์แฮโรดผู้กำลังกลัดกลุ้มก็หมดความอดทน
พระองค์ปรารถนาช่วงเวลาที่สงบสุข
ช่วงเวลาน้ำชายามเช้าแทนที่จะได้ผ่อนคลาย
กลับต้องมารับฟังการวิวาท
ที่ไม่จบสิ้น
พระองค์จึงตบโต๊ะดังปัง
“ ไปไหนก็ไปเลยทั้งคู่นั่นล่ะ ”
“ ท่านไล่ข้าหรือ ”
ราชินีตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่กษัตริย์แฮโรดทรงเกี้ยวกราดใส่
กษัตริย์ไม่ตอบอะไร
พระนางจึงลุกขึ้นด้วยอาการขัดเคือง
แล้วจูงเอาบุตรทั้งสองกลับเข้าปราสาทไป
เจ้าชายเอลานอสมองผู้เป็นบิดาสลับกับถ้วยชา
สุดท้ายก็คว้าถ้วยชา
แล้วเดินกลับห้องไป
ในระหว่างทางโถงเดิน
เขาได้กลิ่นกำยายที่คุ้นเคย
แต่เมื่อมองหาจนทั่วแล้วก็ไม่พบอะไร
เจ้าชายจึงเดินทางต่อด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น
นานเหลือเกินที่ไม่ได้พบกับกาเอล
แต่ก็ยังแน่ใจได้ว่าคนผู้นั้นต้องอยู่แถวนี้อย่างแน่นอน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ