โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
30) เนื้อสดและหนอน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในยามเย็นที่ฟ้าหม่นมัวของวันนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหกได้ชักชวนกันให้ออกมาล่าเนื้อ ทั้งที่เหยื่อนั้นแก่ชราจนเดินเหินลำบาก แต่กลุ่มพรานล่าเนื้อมือดีถึงหกคน กลับไม่สามารถแกะรอยตามหานางพบ เมื่อความมืดมาเยือนและด้วยเกรงว่าจะเปียกฝน ทั้งหมดจึงตัดสินใจเดินทางกลับทั้งที่มือเปล่า
นึกไม่ถึงระหว่างทางกลับพวกเขากลับพบเรื่องน่าตกใจ
เด็กชายกำพร้าแห่งหมู่บ้านยากจนได้นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น
“ เกิดอะไรขึ้นกับเขา ”
ใครคนหนึ่งถามขึ้น
สหายร่างใหญ่จึงจุดตะบันไฟ
แสงสว่างเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์
ตรงบริเวณกลางอก
“ ถูกฆ่าหรือ ผ่าสิใครทำเรื่องแบบนี้ในป่าใกล้หมู่บ้านของเรา ”
เจ้าหนุ่มหน้าแหลมเอ่ย
ทำท่าขนลุกขนพอง
“ หรือจะเป็นฝีมือหญิงแก่คนนั้น ”
ชายคนที่ยืนหลังสุดออกความเห็น
“ ไม่น่าใช่ นางที่เดินแทบไม่ไหวคงทำร้ายเด็กร่างกายแข็งแรงจนถึงตายไม่ได้ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคนอื่น แต่เด็กยากจนอย่างออสมอนด์มีอะไรให้ปล้น ”
สหายตัวโตว่า
“ ผู้ร้ายที่ไม่รู้จักกันมักจะไม่รู้ว่าเหยื่อนี้เหมาะแก่การปล้นหรือไม่ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาของเรา ที่สำคัญคือเราควรจะทำอย่างไรกับร่างนี้ ตัดแบ่งกันเลยดีไหม ”
เจ้าคนหน้าขาวซีดเอ่ยถาม
พลางทำท่าน้ำลายยืด
“ ไม่ดีแน่ เด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านหายตัวไป หากมีใครพบว่าเราแบ่งเอาเนื้อเขามันยากที่จะบอกว่าเป็นฝีมือคนอื่น ความผิดจะตกมาที่เราผู้เป็นคนบริสุทธิ์ยากที่จะแก้ตัวได้ ข้าว่าเราควรพาเขากลับไปทั้งอย่างนี้ ให้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนตัดสิน ส่วนเรื่องที่ว่าเรามาพบเขาได้อย่างไรนั้น ด้วยความที่เราเป็นพรานนักล่ามันก็เป็นเหตุผลที่ดีที่เราจะหลุดพ้นข้อกล่าวหา ”
“ แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนทำอยู่แล้วนี่ ”
อีกคนแย้ง
“ เรื่องนั้นจริง แต่มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไรมันคาดเดายาก ในเวลาที่ยากลำบากอย่าให้ใครในหมู่บ้านมองเราในแง่ร้ายเลย มันจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ”
เมื่อคนอื่นๆ เห็นด้วยกับความคิดนี้
พวกเขาจึงตัดไม้มาทำเปลหาม
ถอดเสื้อคลุมของแต่ละคนออกมาใช้ทำตัวเปล
แบกร่างของเด็กขึ้น
และช่วยกันหามเข้าไปในหมู่บ้าน
ในเวลานั้นลมเริ่มกรรโชกแรง
ท้องฟ้าปั่นป่วนส่งเสียงคำรามหนักหน่วง
คณะพรานล่าเนื้อจึงรีบเร่งไปยังหมู่บ้าน
ให้ทันก่อนฝนตก
จึงไม่มีใครทันได้สังเกตเห็น
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำ
ผู้ถือคทาโลหะรูปทรงประหลาด
ประดับอัญมณีสีแดงแวววาว
กำลังเคลื่อนตามหลังมาช้าๆ
ราวกับสัตว์ร้ายกระหายเลือดจ้องตะคลุบเหยื่อ
คนทั้งหกต่างเร่งฝีเท้าไปยังลานกลางหมู่บ้าน
อันเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำ
แต่คนผู้นั้นกลับยืนนิ่งที่หน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน
ไม่ได้ก้าวตามเข้าไป
หนึ่งในคนล่าเนื้อที่กลับมาจากป่า
ได้ออกไปเรียกคนในหมู่บ้าน
รวมทั้งท่านผู้นำ
ให้มาดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ผู้คนทั้งหลายต่างหลั่งไหลกันมาที่นั่น
โดยไม่สนใจลมพัดแรงถี่กระชั้น
และสายฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
พวกชาวบ้านมุงดูร่างไร้ชีวิตของเด็กชายออสมอนด์
ต่างวิจารกันไปต่างๆ นานา
บางคนเริ่มกังวลถึงกลุ่มโจร
ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทุกข์ยากหิวโหย
วิตกว่าอาจมีใครบุกเข้ามาปล้นสะดมและเผาหมู่บ้าน
ดังเช่นในยุคของซาเหวจลอร์ด
หัวหน้าหมู่บ้านนั่งลงพิจารณาร่างของเด็กอยู่นาน
ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า
“ เขาเพิ่งจะเสียชีวิตไปไม่นาน ในป่าไม่ปลอดภัยเสียแล้ว นับตั้งแต่พรุ่งนี้เราต้องจัดหน่วยลาดตระเวนในป่าพบใครแปลกหน้าฆ่าทิ้งให้หมดไม่มียกเว้น และดูเหมือนมันคงถึงเวลาที่เราต้องซ่อมแซมรั้วของหมู่บ้านรวมทั้งจัดเวรยามในตอนกลางคืน ยุคที่ดำมืดดังกาลก่อนกำลังใกล้เข้ามา ตำนานที่เคยเล่าปากต่อปากกำลังย้อนคืนมาอีกครั้ง ”
“ เรื่องเวนยามรักษาหมู่บ้านข้าพอเข้าใจ แต่ตอนนี้พวกเรากำลังสงสัยว่าจะจัดการอย่างไรกับร่างของออสมอนด์น้อยผู้น่าสงสาร ”
ชายชราผอมแห้งผู้มีผมหงอกขาวเอ่ยถาม
ร่างของเขาสั่นเทิ้มด้วยแรงหิว
ผู้นำหมู่บ้านกางมือออกทั้งสองข้าง
เงยหน้ามองฟ้า
“ ทุกคนดูนี่สิ ”
เขาเอ่ย
“ ฝนกำลังจะตก และคงเป็นฝนห่าใหญ่ นานเหลือเกินที่ไม่ได้เห็นท้องฟ้าเป็นเช่นนี้ แผ่นดินจะชุ่มฉ่ำพืชผักจะงอกเงยพวกเรามีหวังว่าจะไม่อดอยาก ในที่สุดเหล่าเทพเทวาก็เห็นใจเราแล้ว ต่อไปนี้เราจะไม่อดอยากและนี่ ”
เขาผายมือไปทางเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย
“ ออสมอนด์เด็กกำพร้าในหมู่บ้านของเรา ถูกพรากเอาชีวิตไปโดยมือมืดที่ชั่วร้าย เด็กน้อยที่น่าสงสารชีวิตที่ยากลำบากได้ยุติลงแล้ว เกิดมาก็น่าเศร้าจบชีวิตก็น่าเศร้า ”
ชาวบ้านที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มร้องให้
เศร้าใจไปกับชะตาที่รันทด
“ แต่แทนที่เขาจะถูกซ่อนในป่าให้เน่าเปื่อยหรือถูกสัตว์ร้ายกัดแทะ เขากลับถูกพามาที่นี่ในอ้อมกอดของหมู่บ้านอันเป็นที่พักของเขา นี่คงเป็นความปรารถนาของเด็กน้อยออสมอนด์และความเห็นชอบของสวรรค์ ให้พวกเราคนในหมู่บ้านได้อิ่มท้อง และเป็นดังคำมั่นสัญญาว่าจากวันนี้และวันต่อๆ ไป จะไม่มีคำว่าอดอยากหิวโหยในหมู่บ้านของเรา ”
สิ้นคำของท่านผู้นำ
เหล่าชาวบ้านต่างกล่าวคำขอบคุณพระเจ้า
เข้าฉีกทึ้งร่างของเด็กชายตัวน้อยด้วยความหิวกระหาย
ดื่มกินทั้งยังสดดิบ
จนเลือดอาบนอง
และแล้วฝนก็ได้โปรยปรายลงมา
ชาวบ้านยินดีจนคุ้มคลั่งกับสายฝนนั้น
ต่างแย่งชิงกันจนชิ้นเนื้อและเครื่องในกระจายเกลื่อน
บางคนถึงกับก้มเก็บเศษเล็กๆ ที่หล่นเปื้อนโคน
เลือดอาบร่างกันทุกคน
ไม่นานหลังจากนั้นชาวบ้านก็เริ่มได้สติ
พวกเขาหยุดความป่าเถื่อนด้วยความงุนงง
เริ่มรับรู้ความจริงตรงหน้า
ร่างที่ชุ่มเลือดของพวกเขาไม่ใช่เลือดของเด็กชายตัวน้อย
แต่เป็นเป็นน้ำฝน
มันคือฝนเลือด
เมื่อจ้องมองดูดีๆ อีกครั้ง
เศษซากของเด็กน้อยก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นในครั้งแรก
แต่มันคือกองหนอนและแมลงน่าเกลียดน่ากลัว
กำลังคลานยั้วเยี้ยอยู่เต็มพื้น
ชาวบ้านเห็นดังนั้นต่างพากันอาเจียนออกมา
และสิ่งที่คายออกมาล้วนแล้วแต่ของเน่าเหม็นและหนอนเมือกเหลวๆ
พวกเขาหวาดกลัวกันมาก
มีใครคนหนึ่งร้องลั่น
“ ปีศาจร้ายๆ มันเห็นเราแล้ว พวกเราคือเครื่องสังเวย ตาย ตาย ตาย พวกเราต้องตายทั้งหมด ”
แล้วเขาก็ล้มลงชักดิ้น
น้ำลายฟูมปาก
ยังไม่ทันที่คนอื่นๆ จะได้ตกใจ
ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา
ร่างของชายที่กำลังดิ้นพล่านกับพื้นก็ดำเป็นตอถ่าน
ในพริบตา
นึกไม่ถึงระหว่างทางกลับพวกเขากลับพบเรื่องน่าตกใจ
เด็กชายกำพร้าแห่งหมู่บ้านยากจนได้นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น
“ เกิดอะไรขึ้นกับเขา ”
ใครคนหนึ่งถามขึ้น
สหายร่างใหญ่จึงจุดตะบันไฟ
แสงสว่างเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์
ตรงบริเวณกลางอก
“ ถูกฆ่าหรือ ผ่าสิใครทำเรื่องแบบนี้ในป่าใกล้หมู่บ้านของเรา ”
เจ้าหนุ่มหน้าแหลมเอ่ย
ทำท่าขนลุกขนพอง
“ หรือจะเป็นฝีมือหญิงแก่คนนั้น ”
ชายคนที่ยืนหลังสุดออกความเห็น
“ ไม่น่าใช่ นางที่เดินแทบไม่ไหวคงทำร้ายเด็กร่างกายแข็งแรงจนถึงตายไม่ได้ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคนอื่น แต่เด็กยากจนอย่างออสมอนด์มีอะไรให้ปล้น ”
สหายตัวโตว่า
“ ผู้ร้ายที่ไม่รู้จักกันมักจะไม่รู้ว่าเหยื่อนี้เหมาะแก่การปล้นหรือไม่ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาของเรา ที่สำคัญคือเราควรจะทำอย่างไรกับร่างนี้ ตัดแบ่งกันเลยดีไหม ”
เจ้าคนหน้าขาวซีดเอ่ยถาม
พลางทำท่าน้ำลายยืด
“ ไม่ดีแน่ เด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านหายตัวไป หากมีใครพบว่าเราแบ่งเอาเนื้อเขามันยากที่จะบอกว่าเป็นฝีมือคนอื่น ความผิดจะตกมาที่เราผู้เป็นคนบริสุทธิ์ยากที่จะแก้ตัวได้ ข้าว่าเราควรพาเขากลับไปทั้งอย่างนี้ ให้ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนตัดสิน ส่วนเรื่องที่ว่าเรามาพบเขาได้อย่างไรนั้น ด้วยความที่เราเป็นพรานนักล่ามันก็เป็นเหตุผลที่ดีที่เราจะหลุดพ้นข้อกล่าวหา ”
“ แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนทำอยู่แล้วนี่ ”
อีกคนแย้ง
“ เรื่องนั้นจริง แต่มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนอื่นจะคิดเห็นอย่างไรมันคาดเดายาก ในเวลาที่ยากลำบากอย่าให้ใครในหมู่บ้านมองเราในแง่ร้ายเลย มันจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ”
เมื่อคนอื่นๆ เห็นด้วยกับความคิดนี้
พวกเขาจึงตัดไม้มาทำเปลหาม
ถอดเสื้อคลุมของแต่ละคนออกมาใช้ทำตัวเปล
แบกร่างของเด็กขึ้น
และช่วยกันหามเข้าไปในหมู่บ้าน
ในเวลานั้นลมเริ่มกรรโชกแรง
ท้องฟ้าปั่นป่วนส่งเสียงคำรามหนักหน่วง
คณะพรานล่าเนื้อจึงรีบเร่งไปยังหมู่บ้าน
ให้ทันก่อนฝนตก
จึงไม่มีใครทันได้สังเกตเห็น
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำ
ผู้ถือคทาโลหะรูปทรงประหลาด
ประดับอัญมณีสีแดงแวววาว
กำลังเคลื่อนตามหลังมาช้าๆ
ราวกับสัตว์ร้ายกระหายเลือดจ้องตะคลุบเหยื่อ
คนทั้งหกต่างเร่งฝีเท้าไปยังลานกลางหมู่บ้าน
อันเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำ
แต่คนผู้นั้นกลับยืนนิ่งที่หน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน
ไม่ได้ก้าวตามเข้าไป
หนึ่งในคนล่าเนื้อที่กลับมาจากป่า
ได้ออกไปเรียกคนในหมู่บ้าน
รวมทั้งท่านผู้นำ
ให้มาดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ผู้คนทั้งหลายต่างหลั่งไหลกันมาที่นั่น
โดยไม่สนใจลมพัดแรงถี่กระชั้น
และสายฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
พวกชาวบ้านมุงดูร่างไร้ชีวิตของเด็กชายออสมอนด์
ต่างวิจารกันไปต่างๆ นานา
บางคนเริ่มกังวลถึงกลุ่มโจร
ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทุกข์ยากหิวโหย
วิตกว่าอาจมีใครบุกเข้ามาปล้นสะดมและเผาหมู่บ้าน
ดังเช่นในยุคของซาเหวจลอร์ด
หัวหน้าหมู่บ้านนั่งลงพิจารณาร่างของเด็กอยู่นาน
ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า
“ เขาเพิ่งจะเสียชีวิตไปไม่นาน ในป่าไม่ปลอดภัยเสียแล้ว นับตั้งแต่พรุ่งนี้เราต้องจัดหน่วยลาดตระเวนในป่าพบใครแปลกหน้าฆ่าทิ้งให้หมดไม่มียกเว้น และดูเหมือนมันคงถึงเวลาที่เราต้องซ่อมแซมรั้วของหมู่บ้านรวมทั้งจัดเวรยามในตอนกลางคืน ยุคที่ดำมืดดังกาลก่อนกำลังใกล้เข้ามา ตำนานที่เคยเล่าปากต่อปากกำลังย้อนคืนมาอีกครั้ง ”
“ เรื่องเวนยามรักษาหมู่บ้านข้าพอเข้าใจ แต่ตอนนี้พวกเรากำลังสงสัยว่าจะจัดการอย่างไรกับร่างของออสมอนด์น้อยผู้น่าสงสาร ”
ชายชราผอมแห้งผู้มีผมหงอกขาวเอ่ยถาม
ร่างของเขาสั่นเทิ้มด้วยแรงหิว
ผู้นำหมู่บ้านกางมือออกทั้งสองข้าง
เงยหน้ามองฟ้า
“ ทุกคนดูนี่สิ ”
เขาเอ่ย
“ ฝนกำลังจะตก และคงเป็นฝนห่าใหญ่ นานเหลือเกินที่ไม่ได้เห็นท้องฟ้าเป็นเช่นนี้ แผ่นดินจะชุ่มฉ่ำพืชผักจะงอกเงยพวกเรามีหวังว่าจะไม่อดอยาก ในที่สุดเหล่าเทพเทวาก็เห็นใจเราแล้ว ต่อไปนี้เราจะไม่อดอยากและนี่ ”
เขาผายมือไปทางเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย
“ ออสมอนด์เด็กกำพร้าในหมู่บ้านของเรา ถูกพรากเอาชีวิตไปโดยมือมืดที่ชั่วร้าย เด็กน้อยที่น่าสงสารชีวิตที่ยากลำบากได้ยุติลงแล้ว เกิดมาก็น่าเศร้าจบชีวิตก็น่าเศร้า ”
ชาวบ้านที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มร้องให้
เศร้าใจไปกับชะตาที่รันทด
“ แต่แทนที่เขาจะถูกซ่อนในป่าให้เน่าเปื่อยหรือถูกสัตว์ร้ายกัดแทะ เขากลับถูกพามาที่นี่ในอ้อมกอดของหมู่บ้านอันเป็นที่พักของเขา นี่คงเป็นความปรารถนาของเด็กน้อยออสมอนด์และความเห็นชอบของสวรรค์ ให้พวกเราคนในหมู่บ้านได้อิ่มท้อง และเป็นดังคำมั่นสัญญาว่าจากวันนี้และวันต่อๆ ไป จะไม่มีคำว่าอดอยากหิวโหยในหมู่บ้านของเรา ”
สิ้นคำของท่านผู้นำ
เหล่าชาวบ้านต่างกล่าวคำขอบคุณพระเจ้า
เข้าฉีกทึ้งร่างของเด็กชายตัวน้อยด้วยความหิวกระหาย
ดื่มกินทั้งยังสดดิบ
จนเลือดอาบนอง
และแล้วฝนก็ได้โปรยปรายลงมา
ชาวบ้านยินดีจนคุ้มคลั่งกับสายฝนนั้น
ต่างแย่งชิงกันจนชิ้นเนื้อและเครื่องในกระจายเกลื่อน
บางคนถึงกับก้มเก็บเศษเล็กๆ ที่หล่นเปื้อนโคน
เลือดอาบร่างกันทุกคน
ไม่นานหลังจากนั้นชาวบ้านก็เริ่มได้สติ
พวกเขาหยุดความป่าเถื่อนด้วยความงุนงง
เริ่มรับรู้ความจริงตรงหน้า
ร่างที่ชุ่มเลือดของพวกเขาไม่ใช่เลือดของเด็กชายตัวน้อย
แต่เป็นเป็นน้ำฝน
มันคือฝนเลือด
เมื่อจ้องมองดูดีๆ อีกครั้ง
เศษซากของเด็กน้อยก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นในครั้งแรก
แต่มันคือกองหนอนและแมลงน่าเกลียดน่ากลัว
กำลังคลานยั้วเยี้ยอยู่เต็มพื้น
ชาวบ้านเห็นดังนั้นต่างพากันอาเจียนออกมา
และสิ่งที่คายออกมาล้วนแล้วแต่ของเน่าเหม็นและหนอนเมือกเหลวๆ
พวกเขาหวาดกลัวกันมาก
มีใครคนหนึ่งร้องลั่น
“ ปีศาจร้ายๆ มันเห็นเราแล้ว พวกเราคือเครื่องสังเวย ตาย ตาย ตาย พวกเราต้องตายทั้งหมด ”
แล้วเขาก็ล้มลงชักดิ้น
น้ำลายฟูมปาก
ยังไม่ทันที่คนอื่นๆ จะได้ตกใจ
ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา
ร่างของชายที่กำลังดิ้นพล่านกับพื้นก็ดำเป็นตอถ่าน
ในพริบตา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ