โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
27) มีดที่ขุดหลุม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกับการพบกันโดยไม่มีการคาดหมาย หนึ่งคนที่ดำมืดและถูกเลือกให้ลงนรกตั้งแต่แรกเกิด กับเด็กน้อยที่อยู่ในโคนตมแต่มุ่งหวังในแสงสว่างแห่งแดนสวรรค์ ด้วยความเหงาว้าเหว่เดียวดายเมื่อเห็นใครมีความทุกข์เช่นตน เมื่อเห็นคนที่ยอมพูดจาด้วยโดยดี ความไร้เดียงสาทำให้อยากยึดไว้เพื่อหวังพึ่งพิงให้คลายเหงา ดังคนจมลงในน้ำเชี่ยวกรากย่อมยินดีที่มีคนยื่นเชือกให้ โดยลืมมองให้ถนัดว่านั่นมิใช่เชือก หากแต่เป็นงูพิษ
กาเอลยังคงนั่งลับมีดอย่างเฉยเมย ไม่นำพาต่อสิ่งใด เสียงร้องเพลงของเด็กชายยังดังแว่วมาเป็นระยะ แต่ทว่าเบาลงตามความห่างที่ไกลออกไปเรื่อยๆ
เด็กชายตัวน้อยนามออสมอนด์ เดินกลับไปยังหมู่บ้านด้วยความรู้สึกเป็นสุข เขาที่โดดเดี่ยวมาตลอดมั่นใจเหลือเกินว่าวันพรุ่งนี้เขาจะมีเพื่อน ชีวิตหลังจากนี้จะไม่เหงาอีกต่อไป ครอบครัวคือสิ่งที่เขาโหยหามาโดยตลอด อีกไม่นานจะเกิดขึ้นจริง
เด็กน้อยยังร้องเพลงอยู่เมื่อเดินผ่านโขดหินใหญ่ ไม่สนใจต่อสิ่งใดแม้มีเสียงนกประหลาดดังอยู่เหนือหัว ทันใดนั้นก็เกิดไอหมอกสีดำปรากฏขึ้นจากทางด้านหลัง มันหลอมรวมกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นร่างหนึ่ง ออสมอนด์นั้นไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าเกิดสิ่งใดขึ้น มีดสีดำก็แทงทะลุกลางอก
ทุกสิ่งเกิดขึ้นและจบลงในพริบตา เด็กน้อยล้มลงบนพื้นหินริมฝีปากยังแย้มยิ้มและดวงตายังเปิดอยู่ เขาตายไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
ยาพิษที่อาบใบมีดของกาเอลนั้นรุนแรงนัก มันสามารถพรากชีวิตของเหยื่อได้ในทันที เขานั่งลงข้างๆ ร่างของเด็กน้อยคนนั้น ปิดดวงตาสีฟ้างดงามของเด็กชายผู้น่าสงสารด้วยมือที่เปื้อนเลือด
“ วันพรุ่งนี้ไม่มีหรอก ”
หนุ่มน้อยว่า
เขาจ้องมองร่างไร้ชีวิตด้วยความเย็นชา
เสียงนกประหลาดยังดังเซ็งแซ่อยู่เหนือหัว
กาเอลมองมันด้วยสีหน้าขุ่นมัว
เขายังสวมหน้ากากอันเก่า
เพียงแต่ดึงผ้ามาคลุมไว้อีกชั้น
ที่เนินดินแห่งหนึ่ง
เจ้าชายผู้เดียวดายจากเมืองคาเล
นั่งลงขุดดินด้วยมีดที่เขาเพิ่งใช้สังหารเหยื่อ
ท้องฟ้ายามนี้มืดครึ้มด้วยเมฆสีดำ
แต่กลับมีรอยแยกเล็กๆ ค่อยๆ แหวกออก
แสงสว่างเรื่อเรืองของดวงอาทิตย์ลอดผ่านลงมา
แสงนั้นทาบลงพนพื้นหญ้า
แล้วไหลไปหาร่างของเด็กชายคนนั้น
อย่างเชื่องช้าและเงียบงัน
แต่เมื่อลำแสงนั้นใกล้จะถึง
พลันเกิดไอชั่วร้ายห่อหุ้มร่างเด็กน้อย
แสงสว่างจึงหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
ไม่อาจไปต่อได้
กาเอลชะงักงัน
เขาหันไปมองลำแสงทองผ่องอำไพ
แล้วยิ้มให้อย่างเย้ยหยัน
“ ไม่กล้าหรือ ข้ายังไม่น่ากลัวขนาดนั้น ถ้าแค่นี้ยังล้มข้าไม่ได้ก็อย่าหวังว่าแดนสวรรค์จะเป็นฝ่ายชนะ คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าโหดร้ายกว่าข้ามากมายนัก ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่เขาก็ยังโบกมือให้ไอหมอกสีดำสลายไป
แล้วในแสงสว่างจึงปรากฏชายหญิงคู่หนึ่ง
ใบหน้าละม้ายคล้ายเด็กน้อยผู้โชคร้าย
พวกเขาเป็นเพียงเงาจางๆ แต่ทว่ามีปีกสีขาวที่สวยงาม
ทั้งคู่ก้มลงโอบอุ้มเอาเด็กน้อย
ที่เป็นเพียงเงาจางๆ เช่นเดียวกับพวกเขา
ทิ้งร่างเดิมให้นอนนิ่งบนพื้น
และเด็กน้อยในอ้อมแขน
ก็ยังหลับใหลอยู่เช่นเดิม
“ ว่ากันว่าเหล่าทวยเทพจะไม่มาเหยียบบนพื้นดินโลกมนุษย์ พวกเจ้าคงมิใช่เทพสินะ ”
เสียงไพเราะหวานใส
ที่เจือไปด้วยความหยามเหยียดดังขึ้นใกล้ๆ
หญิงสามในชุดสีแดงบางเบายืนอยู่ตรงนั้น
เท้าสีขาวเปลือยเปล่าเหยียบย่ำลงบนพื้นหญ้า
ข้อเท้าบอบบางของนาง
พันธนาการด้วยโซ่เหล็กขึ้นสนิมเส้นใหญ่
ร่างโปร่งใสทั้งสองตกอยู่ในอาการหวาดกลัว
ร่างที่เป็นบุรุษจึงอุ้มเด็กน้อยหายไป
เหลือเพียงร่างหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่
“ ขี้ขลาดแท้ ข้าอุตส่าห์จะส่งข่าวถึงท่านมหาเทพ ”
นางหัวเราะคิกคักแล้วหันไปหากาเอล
“ จริงไหมจ๊ะทูนหัว ”
“ ข้าไม่รู้หรอกและไม่สนด้วย พอดีไม่ได้มีญาติอยู่แดนสวรรค์ ”
กาเอลตอบเสียงเย็น
แล้วก้มหน้าก้มตาขุดดินต่อ
สตรีในชุดสีแดงถึงกับสะอึก
ใบหน้างอง้ำด้วยความขัดใจ
“ เจ้ากัดข้า ได้อย่างไรกัน ข้าเองก็ไม่ได้มีญาติอยู่แดนสวรรค์และไม่อยากมีด้วย ”
นางต่อว่า
แล้วหันไปทำตาขุ่นกับสตรีแดนเทพ
“ นางมิใช่นักรบ อย่าหยาบเถื่อนกับสตรีไร้ทางสู้สิ ”
กาเอลถึงกับต้องเอ่ยเตือน
เมื่อเห็นสตรีชุดแดงทำท่าจะเอาจริง
“ แล้วไงใครสน ”
นางว่า
“ ไหนว่าจะฝากข่าวถึงมหาเทพ เจ้าเล่นงานท่านทูตแบบนั้น คงได้ฝากข่าวอยู่หรอก ”
หนุ่มน้อยคนนั้นบอก
“ น่าเบื่อ เจ้าไม่สนใจหรือว่าหัวใจของนางฟ้าใช้ทำอะไรได้บ้าง ”
สตรีนางนั้นจ้องกาเอลอยู่นาน
สุดท้ายก็ปล่อยน้ำตาร่วงหล่นลงมา
นางเก็บหยดน้ำตาใส่ขวดแก้วเล็กๆ
แล้วยื่นให้เขา
ก่อนจะหายไปพร้อมกับเมฆที่ปิดเข้าหากัน
“ น้ำตานางฟ้าก็น่าสนเหมือนกัน ”
สตรีชุดแดงว่า
กาเอลไม่พูดอะไรเขาปาขวดนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี
แต่สตรีชุดแดงคว้าเอาไว้ได้ทัน
“ หรือเจ้าไม่สน ”
นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ ของจากแดนสวรรค์น่าขยะแขยงจะตาย ”
เขาว่า
แล้วก้มลงขุดดินต่อ
กาเอลยังคงนั่งลับมีดอย่างเฉยเมย ไม่นำพาต่อสิ่งใด เสียงร้องเพลงของเด็กชายยังดังแว่วมาเป็นระยะ แต่ทว่าเบาลงตามความห่างที่ไกลออกไปเรื่อยๆ
เด็กชายตัวน้อยนามออสมอนด์ เดินกลับไปยังหมู่บ้านด้วยความรู้สึกเป็นสุข เขาที่โดดเดี่ยวมาตลอดมั่นใจเหลือเกินว่าวันพรุ่งนี้เขาจะมีเพื่อน ชีวิตหลังจากนี้จะไม่เหงาอีกต่อไป ครอบครัวคือสิ่งที่เขาโหยหามาโดยตลอด อีกไม่นานจะเกิดขึ้นจริง
เด็กน้อยยังร้องเพลงอยู่เมื่อเดินผ่านโขดหินใหญ่ ไม่สนใจต่อสิ่งใดแม้มีเสียงนกประหลาดดังอยู่เหนือหัว ทันใดนั้นก็เกิดไอหมอกสีดำปรากฏขึ้นจากทางด้านหลัง มันหลอมรวมกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นร่างหนึ่ง ออสมอนด์นั้นไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าเกิดสิ่งใดขึ้น มีดสีดำก็แทงทะลุกลางอก
ทุกสิ่งเกิดขึ้นและจบลงในพริบตา เด็กน้อยล้มลงบนพื้นหินริมฝีปากยังแย้มยิ้มและดวงตายังเปิดอยู่ เขาตายไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
ยาพิษที่อาบใบมีดของกาเอลนั้นรุนแรงนัก มันสามารถพรากชีวิตของเหยื่อได้ในทันที เขานั่งลงข้างๆ ร่างของเด็กน้อยคนนั้น ปิดดวงตาสีฟ้างดงามของเด็กชายผู้น่าสงสารด้วยมือที่เปื้อนเลือด
“ วันพรุ่งนี้ไม่มีหรอก ”
หนุ่มน้อยว่า
เขาจ้องมองร่างไร้ชีวิตด้วยความเย็นชา
เสียงนกประหลาดยังดังเซ็งแซ่อยู่เหนือหัว
กาเอลมองมันด้วยสีหน้าขุ่นมัว
เขายังสวมหน้ากากอันเก่า
เพียงแต่ดึงผ้ามาคลุมไว้อีกชั้น
ที่เนินดินแห่งหนึ่ง
เจ้าชายผู้เดียวดายจากเมืองคาเล
นั่งลงขุดดินด้วยมีดที่เขาเพิ่งใช้สังหารเหยื่อ
ท้องฟ้ายามนี้มืดครึ้มด้วยเมฆสีดำ
แต่กลับมีรอยแยกเล็กๆ ค่อยๆ แหวกออก
แสงสว่างเรื่อเรืองของดวงอาทิตย์ลอดผ่านลงมา
แสงนั้นทาบลงพนพื้นหญ้า
แล้วไหลไปหาร่างของเด็กชายคนนั้น
อย่างเชื่องช้าและเงียบงัน
แต่เมื่อลำแสงนั้นใกล้จะถึง
พลันเกิดไอชั่วร้ายห่อหุ้มร่างเด็กน้อย
แสงสว่างจึงหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
ไม่อาจไปต่อได้
กาเอลชะงักงัน
เขาหันไปมองลำแสงทองผ่องอำไพ
แล้วยิ้มให้อย่างเย้ยหยัน
“ ไม่กล้าหรือ ข้ายังไม่น่ากลัวขนาดนั้น ถ้าแค่นี้ยังล้มข้าไม่ได้ก็อย่าหวังว่าแดนสวรรค์จะเป็นฝ่ายชนะ คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าโหดร้ายกว่าข้ามากมายนัก ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่เขาก็ยังโบกมือให้ไอหมอกสีดำสลายไป
แล้วในแสงสว่างจึงปรากฏชายหญิงคู่หนึ่ง
ใบหน้าละม้ายคล้ายเด็กน้อยผู้โชคร้าย
พวกเขาเป็นเพียงเงาจางๆ แต่ทว่ามีปีกสีขาวที่สวยงาม
ทั้งคู่ก้มลงโอบอุ้มเอาเด็กน้อย
ที่เป็นเพียงเงาจางๆ เช่นเดียวกับพวกเขา
ทิ้งร่างเดิมให้นอนนิ่งบนพื้น
และเด็กน้อยในอ้อมแขน
ก็ยังหลับใหลอยู่เช่นเดิม
“ ว่ากันว่าเหล่าทวยเทพจะไม่มาเหยียบบนพื้นดินโลกมนุษย์ พวกเจ้าคงมิใช่เทพสินะ ”
เสียงไพเราะหวานใส
ที่เจือไปด้วยความหยามเหยียดดังขึ้นใกล้ๆ
หญิงสามในชุดสีแดงบางเบายืนอยู่ตรงนั้น
เท้าสีขาวเปลือยเปล่าเหยียบย่ำลงบนพื้นหญ้า
ข้อเท้าบอบบางของนาง
พันธนาการด้วยโซ่เหล็กขึ้นสนิมเส้นใหญ่
ร่างโปร่งใสทั้งสองตกอยู่ในอาการหวาดกลัว
ร่างที่เป็นบุรุษจึงอุ้มเด็กน้อยหายไป
เหลือเพียงร่างหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่
“ ขี้ขลาดแท้ ข้าอุตส่าห์จะส่งข่าวถึงท่านมหาเทพ ”
นางหัวเราะคิกคักแล้วหันไปหากาเอล
“ จริงไหมจ๊ะทูนหัว ”
“ ข้าไม่รู้หรอกและไม่สนด้วย พอดีไม่ได้มีญาติอยู่แดนสวรรค์ ”
กาเอลตอบเสียงเย็น
แล้วก้มหน้าก้มตาขุดดินต่อ
สตรีในชุดสีแดงถึงกับสะอึก
ใบหน้างอง้ำด้วยความขัดใจ
“ เจ้ากัดข้า ได้อย่างไรกัน ข้าเองก็ไม่ได้มีญาติอยู่แดนสวรรค์และไม่อยากมีด้วย ”
นางต่อว่า
แล้วหันไปทำตาขุ่นกับสตรีแดนเทพ
“ นางมิใช่นักรบ อย่าหยาบเถื่อนกับสตรีไร้ทางสู้สิ ”
กาเอลถึงกับต้องเอ่ยเตือน
เมื่อเห็นสตรีชุดแดงทำท่าจะเอาจริง
“ แล้วไงใครสน ”
นางว่า
“ ไหนว่าจะฝากข่าวถึงมหาเทพ เจ้าเล่นงานท่านทูตแบบนั้น คงได้ฝากข่าวอยู่หรอก ”
หนุ่มน้อยคนนั้นบอก
“ น่าเบื่อ เจ้าไม่สนใจหรือว่าหัวใจของนางฟ้าใช้ทำอะไรได้บ้าง ”
สตรีนางนั้นจ้องกาเอลอยู่นาน
สุดท้ายก็ปล่อยน้ำตาร่วงหล่นลงมา
นางเก็บหยดน้ำตาใส่ขวดแก้วเล็กๆ
แล้วยื่นให้เขา
ก่อนจะหายไปพร้อมกับเมฆที่ปิดเข้าหากัน
“ น้ำตานางฟ้าก็น่าสนเหมือนกัน ”
สตรีชุดแดงว่า
กาเอลไม่พูดอะไรเขาปาขวดนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี
แต่สตรีชุดแดงคว้าเอาไว้ได้ทัน
“ หรือเจ้าไม่สน ”
นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ ของจากแดนสวรรค์น่าขยะแขยงจะตาย ”
เขาว่า
แล้วก้มลงขุดดินต่อ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ