โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
22) มีดสีดำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความการเดินทางมาเยือนคฤหาสน์แห่งนี้ ไม่ได้เพื่อมาหาความสำราญเหมือนอย่างคนอื่นเขา แต่ฟิโลโซเฟอร์ต้องการเพียงเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนของเขายังสบายดีอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ จึงได้แต่เฝ้าถามหาเหตุผลว่าเพราะอะไรกัน
“ เจ้าต้องลงมือตอนนี้ในขณะที่ข้ายังไม่แข็งแกร่ง เพราะหากเลยจากนี้ไป ต่อให้พยายามสักเพียงใดก็จะไม่เกิดผล ข้าที่ไม่อาจแบกรับความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดได้อีกต่อไป เจ้าต้องปลดปล่อยข้า เมื่อแสงสุดท้ายได้ดับลงภายใต้มือของข้าเอง ก่อนที่ความมืดจะปกคลุมโดยสิ้นเชิงเจ้าต้องหยุดข้า ”
ดารีลบอก
“ ไม่จริงหรอกดารีล ไม่มีอำนาจใดเอาชนะใจของเจ้าได้ ข้าเชื่อมั่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าไม่มีทางกลายเป็นปีศาจร้ายไปได้ ”
เด็กชายแย้ง
เขาพยายามดึงทั้งมือและมีดให้พ้นจากส่วนที่เป็นอันตราย
แต่ไม่เป็นผล
“ เจ้าเคยเชื่อใจข้ามาตลอดมิใช่หรือ ใยตอนนี้จึงไม่ฟัง ทำเพื่อข้าแค่นี้ไม่ได้หรือ ”
หนุ่มน้อยยังอ้อนวอน
“ อะไรคือแค่นี้ นี่มันทั้งชีวิตของข้าเลยนะ ให้ตายสิข้านึกว่าได้เจ้าคืนกลับมาแล้วแต่แท้จริงเจ้ายังไม่หายบ้าอีกหรือ บอกเหตุผลดีๆ ให้ข้าฟังสักข้อได้ไหมเหตุใดจึงอยากตายนัก แล้วทำไมต้องเป็นข้าที่ลงมือ ”
“ ความตายนั้นหาใช่การสูญสิ้นจริงๆ ไม่ มันแค่เป็นการก้าวผ่านไปยังอีกโลกหนึ่ง เพียงแต่ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นต่างจากมนุษย์ พวกเขาจะแบกเอาความสามารถและความทรงจำเดิมตามไปด้วย เว้นแต่ ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นถูกสังหารโดยคนที่รักเขาด้วยใจบริสุทธิ์ ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นก็จะเสียความทรงจำในโลกเดิมจนหมดสิ้น สำหรับข้าแล้วเรื่องราวที่ผ่านมาคือความทุกข์ และเจ้าที่ข้าเชื่อว่ารักข้าอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น ปลดปล่อยข้าจากความทรมานนี้เถิด ”
ดารีลกล่าว
“ หืม น่าสนใจนี่ ”
เด็กชายตัวน้อยว่า
“ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน เจ้าไปได้ยินจากที่ใดแล้วเชื่อได้แต่ไหน เอาอย่างนี้เก็บมีดนี่เสียแล้วมานั่งคุยกัน เจ้าค่อยๆ เล่าให้ข้าฟังเรื่องราวเป็นอย่างไรหากวันใดมีคนถามข้าจะได้เล่าต่อถูก ส่วนคำขอร้องของเจ้าน่ะเชื่อเถอะเรายังมีเวลาถมเถ มาเล่นแย่งมีดกันแบบนี้เหนื่อยเปล่าๆ ”
“ เจ้าคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร คำพูดเหล่านั้นหลอกข้าไม่ได้หรอก ”
หนุ่มน้อยคนนั้นทำเสียงขุ่น
แต่สีหน้ากลับดูเยือกเย็นไร้ความรู้สึก
ฟิโลโซเฟอร์ถอนหายใจเฮือก
“ ใครบอกเจ้าเรื่องนี้สตรีชุดแดงหรือ นางโกหก เจ้าบอกเองว่านางจะทำให้เราสองคนฆ่ากัน ตอนนี้กลับเป็นเจ้าที่หลงกล ดารีลเจ้าคิดดูให้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ”
“ ไม่ใช่นาง เรื่องนี้ผู้ใช้เวทมนตร์ทุกคนย่อมรู้ และข้าตัดสินใจแล้วเหลือเพียงเจ้าที่ต้องช่วยข้า ”
“ ลืมทุกอย่างนี่หมายถึงเจ้าจะไม่จดจำข้าอีกต่อไปแล้ว ระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเลยหรือ มันไม่มีค่าพอให้เจ้าระลึกถึงหรืออย่างไร ”
เจ้าของใบหน้างดงามหลับตาลง
ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
แววตานั้นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
“ ไม่มี ”
เขาว่า
นั่นทำให้เด็กชายโกรธจนหน้าแดง
“ อะไรคือไม่มี แล้วเรื่องคืนนั้นล่ะ เจ้าไม่ได้ ”
“ ไม่มีก็คือไม่มี เจ้าไม่ได้มีความหมายกับข้า ”
ดารีลเอ่ยสวนขึ้นทันควัน
เด็กน้อยพ่นลมหายใจดัง
“ เฮอะ ”
กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า
“ ก็ได้ถ้าเจ้าอยากตายนัก ”
เขาขยับมีดให้กระชับมั่น
แล้วยกขึ้นในท่าที่พร้อมโจมตี
ดารีลจึงยอมปล่อยมือให้เป็นอิสระ
แต่ยังจ้องหน้าเด็กน้อยไม่วางตา
ราวกับอยากจารึกไว้ให้นานที่สุด
ฟิโลโซเฟอร์เงื้อมือขึ้นสูง
แล้วปาออกไปสุดแรงเสียงมีดกระทบผนังดังเคล้ง
มันกระเด็นไปไกลเกินจะเอื้อมถึงอีกครั้ง
คนอายุมากกว่าถึงกับเบือนหน้าหนี
ด้วยสีหน้าแห่งความผิดหวัง
เด็กชายตัวน้อยทิ้งร่างลงนอนข้างกายเขา
กอดหนุ่มน้อยแสนงามเอาไว้
ด้วยเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
“ ในนี้มีแค่เราสองคนเจ้าจะร้องให้ก็ได้นะ ”
เด็กน้อยกระซิบ
ดารีลส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ
“ เช่นนั้นจงข่มตานอนเถอะ พรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะผ่านไป ”
คนอายุน้อยกว่าปลอบ
“ ไม่มีทางผ่านมันอยู่กับข้าแล้ว ”
เขากล่าว
พลางยกสองมือปิดหน้า
“ สิ่งที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้เจ้าก็แค่ปล่อยวาง ยอมอภัยให้ผู้อื่นและตนเอง เพียงเท่านี้เจ้าก็จะสามารถก้าวต่อไปได้อีกครั้ง ”
“ ข้าทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองแม้สักครั้ง ในกาลข้างหน้าข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าและเมื่อวันนั้นมาถึงเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ชิงลงมือเสียในตอนนี้ ”
หนุ่มน้อยพูดผ่านมือเรียวงาม
“ ข้าไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมด แต่เจ้าเข้าใจข้าได้ หากไม่มีเจ้าอีกต่อไปข้าจะรู้สึกเช่นใด เรื่องนี้เจ้ารู้ดีมิใช่หรือ ”
เด็กชายท้วง
“ คนร่าเริงเช่นเจ้าเสียใจไม่นานนักหรอก ”
ดารีลว่าเสียงเย็น
“ อ้อข้ารู้แล้ว จริงๆ เจ้ารักข้ารักจนทนไม่ไหวเลยคิดหาวิธีลืมก่อนจะคลั่งรักจนขาดใจตาย ”
ฟิโลโซเฟอร์แกล้งแหย่เข้าให้
ดารีลจึงผลักเด็กน้อยออกไปข้างๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง
“ เจ้าก็เหมือนคนอื่นที่หลงข้าเพียงรูปกายภายนอก ”
หนุ่มน้อยประณาม
“ ให้แสดงความรักโดยการแทงทะลุอกเจ้าต้องคนบ้าเท่านั้นที่ทำได้ แล้วที่บอกว่าข้าหลงเจ้าแค่ภายนอกนั้นออกจะเกินจริงไปหน่อย เจ้าไม่รู้ตัวหรือว่ามีอะไรน่าสนใจยิ่งกว่านั้น ”
เด็กชายลุกขึ้นนั่งข้างหลังเขา
ดารีลนั่งนิ่ง
ไม่ตอบโต้แต่ประการใด
“ อยากให้ข้าช่วยทบทวนไหม ”
ฟิโลโซเฟอร์ได้ที
ก็ยุแหย่ต่อไปอีก
“ เจ้าทำข้าปวดหัวได้ชะงัดนัก ข้าคงต้องไปว่ายน้ำที่ทะเลสาบเสียหน่อยไม่อย่างนั้นคงนอนไม่หลับ ถ้าเจ้าเหนื่อยก็นอนพักไปพรุ่งนี้ค่อยกลับก็ได้ ข้าบอกเด็กที่บ้านแล้วพวกนั้นจะไปส่งเจ้าเองทันทีที่เจ้าต้องการ ”
ดารีลพูดแล้วทำท่าจะลงจากเตียง
แต่เด็กชายคว้ามือเอาไว้เสียก่อน
หนุ่มน้อยคนนี้เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเชื่อใจลำบาก
“ กลัวข้าจมน้ำตายหรือไง ”
เขากล่าวเหมือนรู้ทัน
“ ใช่ ทะเลสาบบ้านเจ้ามันลึกมากมิใช่ย่อยเลย ”
เด็กชายยอมรับหน้าตาเฉย
“ ข้าบอกแล้วว่าต้องตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าเท่านั้น หรือเจ้าติดใจอยากกอดคอจมน้ำไปพร้อมกับข้า แบบนี้จะเรียกว่าตายเพราะเจ้าได้หรือเปล่านะ ”
ทั้งที่อยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง
แต่เขากลับหาเรื่องมากวนโทสะจนได้
“ เจ้าต้องลงมือตอนนี้ในขณะที่ข้ายังไม่แข็งแกร่ง เพราะหากเลยจากนี้ไป ต่อให้พยายามสักเพียงใดก็จะไม่เกิดผล ข้าที่ไม่อาจแบกรับความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดได้อีกต่อไป เจ้าต้องปลดปล่อยข้า เมื่อแสงสุดท้ายได้ดับลงภายใต้มือของข้าเอง ก่อนที่ความมืดจะปกคลุมโดยสิ้นเชิงเจ้าต้องหยุดข้า ”
ดารีลบอก
“ ไม่จริงหรอกดารีล ไม่มีอำนาจใดเอาชนะใจของเจ้าได้ ข้าเชื่อมั่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าไม่มีทางกลายเป็นปีศาจร้ายไปได้ ”
เด็กชายแย้ง
เขาพยายามดึงทั้งมือและมีดให้พ้นจากส่วนที่เป็นอันตราย
แต่ไม่เป็นผล
“ เจ้าเคยเชื่อใจข้ามาตลอดมิใช่หรือ ใยตอนนี้จึงไม่ฟัง ทำเพื่อข้าแค่นี้ไม่ได้หรือ ”
หนุ่มน้อยยังอ้อนวอน
“ อะไรคือแค่นี้ นี่มันทั้งชีวิตของข้าเลยนะ ให้ตายสิข้านึกว่าได้เจ้าคืนกลับมาแล้วแต่แท้จริงเจ้ายังไม่หายบ้าอีกหรือ บอกเหตุผลดีๆ ให้ข้าฟังสักข้อได้ไหมเหตุใดจึงอยากตายนัก แล้วทำไมต้องเป็นข้าที่ลงมือ ”
“ ความตายนั้นหาใช่การสูญสิ้นจริงๆ ไม่ มันแค่เป็นการก้าวผ่านไปยังอีกโลกหนึ่ง เพียงแต่ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นต่างจากมนุษย์ พวกเขาจะแบกเอาความสามารถและความทรงจำเดิมตามไปด้วย เว้นแต่ ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นถูกสังหารโดยคนที่รักเขาด้วยใจบริสุทธิ์ ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นก็จะเสียความทรงจำในโลกเดิมจนหมดสิ้น สำหรับข้าแล้วเรื่องราวที่ผ่านมาคือความทุกข์ และเจ้าที่ข้าเชื่อว่ารักข้าอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น ปลดปล่อยข้าจากความทรมานนี้เถิด ”
ดารีลกล่าว
“ หืม น่าสนใจนี่ ”
เด็กชายตัวน้อยว่า
“ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน เจ้าไปได้ยินจากที่ใดแล้วเชื่อได้แต่ไหน เอาอย่างนี้เก็บมีดนี่เสียแล้วมานั่งคุยกัน เจ้าค่อยๆ เล่าให้ข้าฟังเรื่องราวเป็นอย่างไรหากวันใดมีคนถามข้าจะได้เล่าต่อถูก ส่วนคำขอร้องของเจ้าน่ะเชื่อเถอะเรายังมีเวลาถมเถ มาเล่นแย่งมีดกันแบบนี้เหนื่อยเปล่าๆ ”
“ เจ้าคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร คำพูดเหล่านั้นหลอกข้าไม่ได้หรอก ”
หนุ่มน้อยคนนั้นทำเสียงขุ่น
แต่สีหน้ากลับดูเยือกเย็นไร้ความรู้สึก
ฟิโลโซเฟอร์ถอนหายใจเฮือก
“ ใครบอกเจ้าเรื่องนี้สตรีชุดแดงหรือ นางโกหก เจ้าบอกเองว่านางจะทำให้เราสองคนฆ่ากัน ตอนนี้กลับเป็นเจ้าที่หลงกล ดารีลเจ้าคิดดูให้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ”
“ ไม่ใช่นาง เรื่องนี้ผู้ใช้เวทมนตร์ทุกคนย่อมรู้ และข้าตัดสินใจแล้วเหลือเพียงเจ้าที่ต้องช่วยข้า ”
“ ลืมทุกอย่างนี่หมายถึงเจ้าจะไม่จดจำข้าอีกต่อไปแล้ว ระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเลยหรือ มันไม่มีค่าพอให้เจ้าระลึกถึงหรืออย่างไร ”
เจ้าของใบหน้างดงามหลับตาลง
ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
แววตานั้นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
“ ไม่มี ”
เขาว่า
นั่นทำให้เด็กชายโกรธจนหน้าแดง
“ อะไรคือไม่มี แล้วเรื่องคืนนั้นล่ะ เจ้าไม่ได้ ”
“ ไม่มีก็คือไม่มี เจ้าไม่ได้มีความหมายกับข้า ”
ดารีลเอ่ยสวนขึ้นทันควัน
เด็กน้อยพ่นลมหายใจดัง
“ เฮอะ ”
กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า
“ ก็ได้ถ้าเจ้าอยากตายนัก ”
เขาขยับมีดให้กระชับมั่น
แล้วยกขึ้นในท่าที่พร้อมโจมตี
ดารีลจึงยอมปล่อยมือให้เป็นอิสระ
แต่ยังจ้องหน้าเด็กน้อยไม่วางตา
ราวกับอยากจารึกไว้ให้นานที่สุด
ฟิโลโซเฟอร์เงื้อมือขึ้นสูง
แล้วปาออกไปสุดแรงเสียงมีดกระทบผนังดังเคล้ง
มันกระเด็นไปไกลเกินจะเอื้อมถึงอีกครั้ง
คนอายุมากกว่าถึงกับเบือนหน้าหนี
ด้วยสีหน้าแห่งความผิดหวัง
เด็กชายตัวน้อยทิ้งร่างลงนอนข้างกายเขา
กอดหนุ่มน้อยแสนงามเอาไว้
ด้วยเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
“ ในนี้มีแค่เราสองคนเจ้าจะร้องให้ก็ได้นะ ”
เด็กน้อยกระซิบ
ดารีลส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ
“ เช่นนั้นจงข่มตานอนเถอะ พรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะผ่านไป ”
คนอายุน้อยกว่าปลอบ
“ ไม่มีทางผ่านมันอยู่กับข้าแล้ว ”
เขากล่าว
พลางยกสองมือปิดหน้า
“ สิ่งที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้เจ้าก็แค่ปล่อยวาง ยอมอภัยให้ผู้อื่นและตนเอง เพียงเท่านี้เจ้าก็จะสามารถก้าวต่อไปได้อีกครั้ง ”
“ ข้าทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองแม้สักครั้ง ในกาลข้างหน้าข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าและเมื่อวันนั้นมาถึงเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ชิงลงมือเสียในตอนนี้ ”
หนุ่มน้อยพูดผ่านมือเรียวงาม
“ ข้าไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมด แต่เจ้าเข้าใจข้าได้ หากไม่มีเจ้าอีกต่อไปข้าจะรู้สึกเช่นใด เรื่องนี้เจ้ารู้ดีมิใช่หรือ ”
เด็กชายท้วง
“ คนร่าเริงเช่นเจ้าเสียใจไม่นานนักหรอก ”
ดารีลว่าเสียงเย็น
“ อ้อข้ารู้แล้ว จริงๆ เจ้ารักข้ารักจนทนไม่ไหวเลยคิดหาวิธีลืมก่อนจะคลั่งรักจนขาดใจตาย ”
ฟิโลโซเฟอร์แกล้งแหย่เข้าให้
ดารีลจึงผลักเด็กน้อยออกไปข้างๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง
“ เจ้าก็เหมือนคนอื่นที่หลงข้าเพียงรูปกายภายนอก ”
หนุ่มน้อยประณาม
“ ให้แสดงความรักโดยการแทงทะลุอกเจ้าต้องคนบ้าเท่านั้นที่ทำได้ แล้วที่บอกว่าข้าหลงเจ้าแค่ภายนอกนั้นออกจะเกินจริงไปหน่อย เจ้าไม่รู้ตัวหรือว่ามีอะไรน่าสนใจยิ่งกว่านั้น ”
เด็กชายลุกขึ้นนั่งข้างหลังเขา
ดารีลนั่งนิ่ง
ไม่ตอบโต้แต่ประการใด
“ อยากให้ข้าช่วยทบทวนไหม ”
ฟิโลโซเฟอร์ได้ที
ก็ยุแหย่ต่อไปอีก
“ เจ้าทำข้าปวดหัวได้ชะงัดนัก ข้าคงต้องไปว่ายน้ำที่ทะเลสาบเสียหน่อยไม่อย่างนั้นคงนอนไม่หลับ ถ้าเจ้าเหนื่อยก็นอนพักไปพรุ่งนี้ค่อยกลับก็ได้ ข้าบอกเด็กที่บ้านแล้วพวกนั้นจะไปส่งเจ้าเองทันทีที่เจ้าต้องการ ”
ดารีลพูดแล้วทำท่าจะลงจากเตียง
แต่เด็กชายคว้ามือเอาไว้เสียก่อน
หนุ่มน้อยคนนี้เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเชื่อใจลำบาก
“ กลัวข้าจมน้ำตายหรือไง ”
เขากล่าวเหมือนรู้ทัน
“ ใช่ ทะเลสาบบ้านเจ้ามันลึกมากมิใช่ย่อยเลย ”
เด็กชายยอมรับหน้าตาเฉย
“ ข้าบอกแล้วว่าต้องตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าเท่านั้น หรือเจ้าติดใจอยากกอดคอจมน้ำไปพร้อมกับข้า แบบนี้จะเรียกว่าตายเพราะเจ้าได้หรือเปล่านะ ”
ทั้งที่อยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง
แต่เขากลับหาเรื่องมากวนโทสะจนได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ