โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )

6.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20.40 น.

  43 บทที่
  2 วิจารณ์
  29.24K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) มีดสีดำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

การเดินทางมาเยือนคฤหาสน์แห่งนี้   ไม่ได้เพื่อมาหาความสำราญเหมือนอย่างคนอื่นเขา   แต่ฟิโลโซเฟอร์ต้องการเพียงเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนของเขายังสบายดีอยู่   นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้   จึงได้แต่เฝ้าถามหาเหตุผลว่าเพราะอะไรกัน

 

“ เจ้าต้องลงมือตอนนี้ในขณะที่ข้ายังไม่แข็งแกร่ง   เพราะหากเลยจากนี้ไป   ต่อให้พยายามสักเพียงใดก็จะไม่เกิดผล   ข้าที่ไม่อาจแบกรับความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดได้อีกต่อไป   เจ้าต้องปลดปล่อยข้า   เมื่อแสงสุดท้ายได้ดับลงภายใต้มือของข้าเอง   ก่อนที่ความมืดจะปกคลุมโดยสิ้นเชิงเจ้าต้องหยุดข้า ”

 

ดารีลบอก

 

“ ไม่จริงหรอกดารีล   ไม่มีอำนาจใดเอาชนะใจของเจ้าได้   ข้าเชื่อมั่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าไม่มีทางกลายเป็นปีศาจร้ายไปได้ ”

 

เด็กชายแย้ง

เขาพยายามดึงทั้งมือและมีดให้พ้นจากส่วนที่เป็นอันตราย

แต่ไม่เป็นผล

 

“ เจ้าเคยเชื่อใจข้ามาตลอดมิใช่หรือ   ใยตอนนี้จึงไม่ฟัง   ทำเพื่อข้าแค่นี้ไม่ได้หรือ ”

 

หนุ่มน้อยยังอ้อนวอน

 

“ อะไรคือแค่นี้   นี่มันทั้งชีวิตของข้าเลยนะ   ให้ตายสิข้านึกว่าได้เจ้าคืนกลับมาแล้วแต่แท้จริงเจ้ายังไม่หายบ้าอีกหรือ   บอกเหตุผลดีๆ ให้ข้าฟังสักข้อได้ไหมเหตุใดจึงอยากตายนัก   แล้วทำไมต้องเป็นข้าที่ลงมือ ”

 

“ ความตายนั้นหาใช่การสูญสิ้นจริงๆ ไม่   มันแค่เป็นการก้าวผ่านไปยังอีกโลกหนึ่ง   เพียงแต่ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นต่างจากมนุษย์   พวกเขาจะแบกเอาความสามารถและความทรงจำเดิมตามไปด้วย   เว้นแต่   ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นถูกสังหารโดยคนที่รักเขาด้วยใจบริสุทธิ์   ผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นก็จะเสียความทรงจำในโลกเดิมจนหมดสิ้น   สำหรับข้าแล้วเรื่องราวที่ผ่านมาคือความทุกข์   และเจ้าที่ข้าเชื่อว่ารักข้าอย่างแท้จริง   เพราะฉะนั้น   ปลดปล่อยข้าจากความทรมานนี้เถิด ”

 

ดารีลกล่าว

 

“ หืม   น่าสนใจนี่ ”

 

เด็กชายตัวน้อยว่า

 

“ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน   เจ้าไปได้ยินจากที่ใดแล้วเชื่อได้แต่ไหน   เอาอย่างนี้เก็บมีดนี่เสียแล้วมานั่งคุยกัน   เจ้าค่อยๆ เล่าให้ข้าฟังเรื่องราวเป็นอย่างไรหากวันใดมีคนถามข้าจะได้เล่าต่อถูก   ส่วนคำขอร้องของเจ้าน่ะเชื่อเถอะเรายังมีเวลาถมเถ   มาเล่นแย่งมีดกันแบบนี้เหนื่อยเปล่าๆ ”

 

“ เจ้าคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร   คำพูดเหล่านั้นหลอกข้าไม่ได้หรอก ”

 

หนุ่มน้อยคนนั้นทำเสียงขุ่น

แต่สีหน้ากลับดูเยือกเย็นไร้ความรู้สึก

 

ฟิโลโซเฟอร์ถอนหายใจเฮือก

 

“ ใครบอกเจ้าเรื่องนี้สตรีชุดแดงหรือ   นางโกหก   เจ้าบอกเองว่านางจะทำให้เราสองคนฆ่ากัน   ตอนนี้กลับเป็นเจ้าที่หลงกล   ดารีลเจ้าคิดดูให้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ”

 

“ ไม่ใช่นาง   เรื่องนี้ผู้ใช้เวทมนตร์ทุกคนย่อมรู้   และข้าตัดสินใจแล้วเหลือเพียงเจ้าที่ต้องช่วยข้า ”

 

“ ลืมทุกอย่างนี่หมายถึงเจ้าจะไม่จดจำข้าอีกต่อไปแล้ว   ระหว่างเราไม่ได้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเลยหรือ   มันไม่มีค่าพอให้เจ้าระลึกถึงหรืออย่างไร ”

 

เจ้าของใบหน้างดงามหลับตาลง

ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง

แววตานั้นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง

 

“ ไม่มี ”

 

เขาว่า

 

นั่นทำให้เด็กชายโกรธจนหน้าแดง

 

“ อะไรคือไม่มี   แล้วเรื่องคืนนั้นล่ะ   เจ้าไม่ได้ ”

 

“ ไม่มีก็คือไม่มี   เจ้าไม่ได้มีความหมายกับข้า ”

 

ดารีลเอ่ยสวนขึ้นทันควัน

 

เด็กน้อยพ่นลมหายใจดัง

 

“ เฮอะ ”

 

กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า

 

“ ก็ได้ถ้าเจ้าอยากตายนัก ”

 

เขาขยับมีดให้กระชับมั่น

แล้วยกขึ้นในท่าที่พร้อมโจมตี

 

ดารีลจึงยอมปล่อยมือให้เป็นอิสระ

แต่ยังจ้องหน้าเด็กน้อยไม่วางตา

ราวกับอยากจารึกไว้ให้นานที่สุด

 

ฟิโลโซเฟอร์เงื้อมือขึ้นสูง

แล้วปาออกไปสุดแรงเสียงมีดกระทบผนังดังเคล้ง

มันกระเด็นไปไกลเกินจะเอื้อมถึงอีกครั้ง

 

คนอายุมากกว่าถึงกับเบือนหน้าหนี

ด้วยสีหน้าแห่งความผิดหวัง

 

เด็กชายตัวน้อยทิ้งร่างลงนอนข้างกายเขา

กอดหนุ่มน้อยแสนงามเอาไว้

ด้วยเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ

 

“ ในนี้มีแค่เราสองคนเจ้าจะร้องให้ก็ได้นะ ”

 

เด็กน้อยกระซิบ

ดารีลส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ

 

“ เช่นนั้นจงข่มตานอนเถอะ   พรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะผ่านไป ”

 

คนอายุน้อยกว่าปลอบ

 

“ ไม่มีทางผ่านมันอยู่กับข้าแล้ว ”

 

เขากล่าว

พลางยกสองมือปิดหน้า

 

“ สิ่งที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้เจ้าก็แค่ปล่อยวาง   ยอมอภัยให้ผู้อื่นและตนเอง   เพียงเท่านี้เจ้าก็จะสามารถก้าวต่อไปได้อีกครั้ง ”

 

“ ข้าทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว   ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองแม้สักครั้ง   ในกาลข้างหน้าข้าจะเป็นคนสังหารเจ้าและเมื่อวันนั้นมาถึงเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ชิงลงมือเสียในตอนนี้ ”

 

หนุ่มน้อยพูดผ่านมือเรียวงาม

 

“ ข้าไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมด   แต่เจ้าเข้าใจข้าได้   หากไม่มีเจ้าอีกต่อไปข้าจะรู้สึกเช่นใด   เรื่องนี้เจ้ารู้ดีมิใช่หรือ ”  

 

เด็กชายท้วง

 

“ คนร่าเริงเช่นเจ้าเสียใจไม่นานนักหรอก ”

 

ดารีลว่าเสียงเย็น

 

“ อ้อข้ารู้แล้ว   จริงๆ เจ้ารักข้ารักจนทนไม่ไหวเลยคิดหาวิธีลืมก่อนจะคลั่งรักจนขาดใจตาย ”

 

ฟิโลโซเฟอร์แกล้งแหย่เข้าให้

ดารีลจึงผลักเด็กน้อยออกไปข้างๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง

 

“ เจ้าก็เหมือนคนอื่นที่หลงข้าเพียงรูปกายภายนอก ”

 

หนุ่มน้อยประณาม

 

“ ให้แสดงความรักโดยการแทงทะลุอกเจ้าต้องคนบ้าเท่านั้นที่ทำได้   แล้วที่บอกว่าข้าหลงเจ้าแค่ภายนอกนั้นออกจะเกินจริงไปหน่อย   เจ้าไม่รู้ตัวหรือว่ามีอะไรน่าสนใจยิ่งกว่านั้น ”

 

เด็กชายลุกขึ้นนั่งข้างหลังเขา

 

ดารีลนั่งนิ่ง

ไม่ตอบโต้แต่ประการใด

 

“ อยากให้ข้าช่วยทบทวนไหม ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ได้ที

ก็ยุแหย่ต่อไปอีก

 

“ เจ้าทำข้าปวดหัวได้ชะงัดนัก   ข้าคงต้องไปว่ายน้ำที่ทะเลสาบเสียหน่อยไม่อย่างนั้นคงนอนไม่หลับ   ถ้าเจ้าเหนื่อยก็นอนพักไปพรุ่งนี้ค่อยกลับก็ได้   ข้าบอกเด็กที่บ้านแล้วพวกนั้นจะไปส่งเจ้าเองทันทีที่เจ้าต้องการ ”

 

ดารีลพูดแล้วทำท่าจะลงจากเตียง

แต่เด็กชายคว้ามือเอาไว้เสียก่อน

 

หนุ่มน้อยคนนี้เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนอารมณ์ไวจนเชื่อใจลำบาก

 

“ กลัวข้าจมน้ำตายหรือไง ”

 

เขากล่าวเหมือนรู้ทัน

 

“ ใช่   ทะเลสาบบ้านเจ้ามันลึกมากมิใช่ย่อยเลย ”

 

เด็กชายยอมรับหน้าตาเฉย

 

“ ข้าบอกแล้วว่าต้องตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าเท่านั้น   หรือเจ้าติดใจอยากกอดคอจมน้ำไปพร้อมกับข้า   แบบนี้จะเรียกว่าตายเพราะเจ้าได้หรือเปล่านะ ”

 

ทั้งที่อยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง

แต่เขากลับหาเรื่องมากวนโทสะจนได้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา