โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )
6.3
21) ช่วยข้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฟิโลโซเฟอร์ต้องการเพียงแค่จะตำหนิเพื่อนรักเรื่องการแสดงเสี่ยงตายโดยไม่จำเป็น และการกระทำอันไม่เหมาะสมต่อหน้าสาวงามเหล่านั้น กลับกลายเป็นว่าตัวเขาเองที่เกือบจะห้ามใจไม่ไหว แต่หนุ่มน้อยคนนั้นกลับมองไม่เห็นปัญหาของตน ทำเป็นพิงหลังอ้อยอิงกับขอบโต๊ะแล้วยังยื่นมือมาขอความช่วยเหลือจากเด็กชายผู้ไร้เดียงสา ให้ช่วยดึงร่างขึ้น
ขณะนั้นเองได้มีคนเดินเข้ามาในห้อง ดารีลชำเลืองมองตามเสียงด้วยหางตา เขาชักสีหน้าเล็กน้อยราวกับว่าโดนขัดจังหวะเข้าให้แล้ว
หนุ่มน้อยลุกพรวดขึ้น แล้วลากเอาฟิโลโซเฟอร์ออกไปก่อนที่ใครจะเข้ามาเห็น เขาพาเด็กชายชาวซีนาร์ยหลบเลี่ยงผู้คนมายังห้องหนึ่ง
“ ห้องนี้เป็นอย่างไร ”
ดารีลถาม
เขาเดินนำเข้ามาในห้อง
ด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
“ มันเป็นของใครล่ะ ”
เด็กชายถาม
มันเป็นห้องกว้างที่มีเพียงเตียงสีขาว
กับเครื่องใช้น้อยชิ้น
และผ้าม่านสีเดียวกับผ้าปูเตียง
“ ห้องข้าเอง เพิ่งสั่งให้เขาจัดใหม่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้งานจริงๆ จังๆ ”
ดารีลว่า
เขาทิ้งตัวลงขอบเตียงแล้วค่อยๆ เลื้อยไถลขึ้นไปจนถึงหมอนใบใหญ่ด้านบน
“ มันขาวมากไปหรือเปล่า ข้าไม่เคยมีห้องนอนเป็นของตนเอง เลยไม่รู้ว่าควรจะจัดอย่างไรบ้างเจ้าคิดว่ามีอะไรขาดเกินไปไหม ”
เจ้าของห้องยังถามต่อ
ใช่มันขาวมากจริงๆ สำหรับดารีลที่ชื่นชอบสีดำ
เด็กชายตัวน้อยคิด
พอคิดถึงห้องส่วนตัวของดารีลตรงชั้นบนสุดของคฤหาสน์
ที่เต็มไปด้วยของประหลาดและซากสัตว์แห้งกรัง
ห้องนี้กลับดูเรียบโล่งไม่สมกับเป็นเขาเลย
ฟิโลโซเฟอร์ไม่ตอบโต้อะไรกับคำถามเหล่านั้น
เขาเดินไปยังโต๊ะที่วางอยู่หัวเตียง
เพื่อหาดูว่ามีน้ำอุ่นอยู่แถวนั้นหรือไม่
“ เจ้าเมาแล้วพูดมากจริง ดื่มน้ำหน่อยสิก่อนจะเจ็บคอมากไปกว่านี้ ”
เด็กชายว่าพลางยื่นจอกใส่น้ำให้
และเขาก็รับมาดื่มอย่างว่าง่าย
หนุ่มน้อยคนนั้นขยับที่แล้วเรียกเด็กชายให้เข้ามาใกล้ๆ
“ โอ้ ที่นอนนี่นุ่มได้ขนาดนี้เลยหรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์ประหลาดใจ
เมื่อลองก้าวขึ้นมาบนเตียง
“ ที่นอนขนนกน่ะ ”
เจ้าของห้องบอก
“ ที่นอนข้าใช้หญ้าแห้งยัดข้างในมาตลอด ไม่นึกว่าขนนกสามารถใช้งานแบบนี้ได้ เมื่อก่อนล่าสัตว์ออกบ่อยแต่ไม่เคยเก็บไว้เลย เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะลองทำดูบ้างเผื่อวันใดเจ้าไปบ้านข้าจะได้นอนสบายตัวหน่อย ”
เด็กชายตัวน้อยว่า
ในขณะที่ฟิโลโซเฟอร์กำลังสนใจกับที่นอนหนานุ่มอยู่นั้น
คนอายุมากว่าก็คว้าไหล่ของเด็กชายจนล้มทับลงมาบนร่างของเขา
พลางจ้องเด็กชายด้วยประกายตาประหลาด
ฟิโลโซเฟอร์พยายามลุกขึ้น
แต่โดนคล้องแขนรอบคอเอาไว้จนขยับไม่ได้
“ ทำไมล่ะกลัวข้าแล้วหรือ ”
คนลงมือกลั่นแกล้งถาม
ด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
“ กลัวเจ้าโดนทับตายต่างหากล่ะ ตัวข้าตอนนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิดนะ ”
“ เจ้ารักข้า ”
นี่คือคำถาม
แม้เด็กชายจะรู้สึกงุนงง
ว่าเวลานี้หนุ่มน้อยแสนงามกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร
แต่เขาก็ตอบไปว่า
“ ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่ชายใยจะไม่รักเจ้าล่ะ ”
“ หากเจ้ารักข้าจริงจะช่วยข้าทำอะไรสักอย่างได้ไหม ”
ดารีลพูด
เขากุมมือเด็กชายด้วยสองมือของตน
ยกขึ้นจรดริมฝีปากเป่ารดด้วยลมหายใจอุ่นๆ
ด้วยแววตาที่วิงวอน
“ ข้าเคยปฏิเสธคำขอของเจ้าหรือ ”
นั่นเป็นคำถามที่มีความหมายดังการตอบรับกลายๆ
หนุ่มน้อยจึงจับมือฟิโลโซเฟอร์วางตรงหน้าท้องของตน
แล้วขยับเลื่อนต่ำลงไป
เขาสบตากับเด็กชายอย่างมีความหมาย
คนไร้เดียงสากว่าถึงกับสะดุ้งเมื่อมีสิ่งหนึ่งถูกยัดเยียดเข้ามาในมือ
มันทั้งแข็งแกร่งและเย็นเยือก
เมื่อก้มมองว่ามันคือสิ่งใดแน่
เขาก็ต้องตกตะลึง
เพราะมันคือมีดสั้นอาบยาพิษ
ที่ดารีลพกติดตัวอยู่เป็นประจำ
แม้เจตนายังไม่แน่ชัด
แต่หัวใจของเด็กน้อยก็หล่นวูบ
ด้วยมองเห็นเค้าลางหายนะที่อยู่ไม่ไกล
“ ดารีล ข้าคิดว่าเจ้าเมาเกินไปแล้วอย่าล้อเล่นแบบนี้เลยนะ ข้าไม่สนุกด้วยหรอก ”
“ ข้าไม่ได้ล้อเล่น ”
หนุ่มน้อยคนนั้นกระซิบบอก
ฟิโลโซเฟอร์พยายามปล่อยมีดนั้นไป
แต่อีกคนกลับรวบมือเขาเอาไว้แน่น
“ เจ้าคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดข้าเพียงนี้ เจ้าคนเดียวที่ข้าพยายามอย่างที่สุดเพื่อปกป้องจากอันตราย เจ้าคนเดียวที่ข้าสามารถไว้วางใจได้ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม ”
ดารีลเลื่อนปลายมีดมาวางตรงกลางอกของตน
“ เจ้าคนเดียวที่สามารถหยุดลมหายใจของข้าได้โดยที่ข้าจะไม่ขัดขืน ”
เขากล่าวด้วยอาการอันสงบ
แต่แววตานั้นคมกล้านัก
“ ทำบ้าอะไรนี่ให้ตายสิสติยังดีอยู่หรือเปล่า เจ้าไม่ขัดขืนแต่ข้าไม่ยินยอมหรอก ”
เด็กชายถึงกับอุทานออกมา
กลัวแทบตายว่าดารีลจะกดมีดลงทั้งอย่างนั้น
“ ใยต้องทำเช่นนี้ดารีล มีเรื่องอันใดไม่สบายใจเจ้าบอกข้าได้ ข้าอยู่ข้างเจ้ามาตลอดแต่เรื่องแบบนี้ข้าทำเพื่อเจ้าไม่ได้ ดารีลโลกใบนี้ยังต้องการเจ้าอยู่หรืออย่างน้อยข้าเองก็ต้องการเจ้า หยุดเถอะนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์อ้อนวอนด้วยมือที่สั่นระริก
ขณะนั้นเองได้มีคนเดินเข้ามาในห้อง ดารีลชำเลืองมองตามเสียงด้วยหางตา เขาชักสีหน้าเล็กน้อยราวกับว่าโดนขัดจังหวะเข้าให้แล้ว
หนุ่มน้อยลุกพรวดขึ้น แล้วลากเอาฟิโลโซเฟอร์ออกไปก่อนที่ใครจะเข้ามาเห็น เขาพาเด็กชายชาวซีนาร์ยหลบเลี่ยงผู้คนมายังห้องหนึ่ง
“ ห้องนี้เป็นอย่างไร ”
ดารีลถาม
เขาเดินนำเข้ามาในห้อง
ด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
“ มันเป็นของใครล่ะ ”
เด็กชายถาม
มันเป็นห้องกว้างที่มีเพียงเตียงสีขาว
กับเครื่องใช้น้อยชิ้น
และผ้าม่านสีเดียวกับผ้าปูเตียง
“ ห้องข้าเอง เพิ่งสั่งให้เขาจัดใหม่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้งานจริงๆ จังๆ ”
ดารีลว่า
เขาทิ้งตัวลงขอบเตียงแล้วค่อยๆ เลื้อยไถลขึ้นไปจนถึงหมอนใบใหญ่ด้านบน
“ มันขาวมากไปหรือเปล่า ข้าไม่เคยมีห้องนอนเป็นของตนเอง เลยไม่รู้ว่าควรจะจัดอย่างไรบ้างเจ้าคิดว่ามีอะไรขาดเกินไปไหม ”
เจ้าของห้องยังถามต่อ
ใช่มันขาวมากจริงๆ สำหรับดารีลที่ชื่นชอบสีดำ
เด็กชายตัวน้อยคิด
พอคิดถึงห้องส่วนตัวของดารีลตรงชั้นบนสุดของคฤหาสน์
ที่เต็มไปด้วยของประหลาดและซากสัตว์แห้งกรัง
ห้องนี้กลับดูเรียบโล่งไม่สมกับเป็นเขาเลย
ฟิโลโซเฟอร์ไม่ตอบโต้อะไรกับคำถามเหล่านั้น
เขาเดินไปยังโต๊ะที่วางอยู่หัวเตียง
เพื่อหาดูว่ามีน้ำอุ่นอยู่แถวนั้นหรือไม่
“ เจ้าเมาแล้วพูดมากจริง ดื่มน้ำหน่อยสิก่อนจะเจ็บคอมากไปกว่านี้ ”
เด็กชายว่าพลางยื่นจอกใส่น้ำให้
และเขาก็รับมาดื่มอย่างว่าง่าย
หนุ่มน้อยคนนั้นขยับที่แล้วเรียกเด็กชายให้เข้ามาใกล้ๆ
“ โอ้ ที่นอนนี่นุ่มได้ขนาดนี้เลยหรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์ประหลาดใจ
เมื่อลองก้าวขึ้นมาบนเตียง
“ ที่นอนขนนกน่ะ ”
เจ้าของห้องบอก
“ ที่นอนข้าใช้หญ้าแห้งยัดข้างในมาตลอด ไม่นึกว่าขนนกสามารถใช้งานแบบนี้ได้ เมื่อก่อนล่าสัตว์ออกบ่อยแต่ไม่เคยเก็บไว้เลย เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะลองทำดูบ้างเผื่อวันใดเจ้าไปบ้านข้าจะได้นอนสบายตัวหน่อย ”
เด็กชายตัวน้อยว่า
ในขณะที่ฟิโลโซเฟอร์กำลังสนใจกับที่นอนหนานุ่มอยู่นั้น
คนอายุมากว่าก็คว้าไหล่ของเด็กชายจนล้มทับลงมาบนร่างของเขา
พลางจ้องเด็กชายด้วยประกายตาประหลาด
ฟิโลโซเฟอร์พยายามลุกขึ้น
แต่โดนคล้องแขนรอบคอเอาไว้จนขยับไม่ได้
“ ทำไมล่ะกลัวข้าแล้วหรือ ”
คนลงมือกลั่นแกล้งถาม
ด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
“ กลัวเจ้าโดนทับตายต่างหากล่ะ ตัวข้าตอนนี้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิดนะ ”
“ เจ้ารักข้า ”
นี่คือคำถาม
แม้เด็กชายจะรู้สึกงุนงง
ว่าเวลานี้หนุ่มน้อยแสนงามกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร
แต่เขาก็ตอบไปว่า
“ ข้าเห็นเจ้าเป็นพี่ชายใยจะไม่รักเจ้าล่ะ ”
“ หากเจ้ารักข้าจริงจะช่วยข้าทำอะไรสักอย่างได้ไหม ”
ดารีลพูด
เขากุมมือเด็กชายด้วยสองมือของตน
ยกขึ้นจรดริมฝีปากเป่ารดด้วยลมหายใจอุ่นๆ
ด้วยแววตาที่วิงวอน
“ ข้าเคยปฏิเสธคำขอของเจ้าหรือ ”
นั่นเป็นคำถามที่มีความหมายดังการตอบรับกลายๆ
หนุ่มน้อยจึงจับมือฟิโลโซเฟอร์วางตรงหน้าท้องของตน
แล้วขยับเลื่อนต่ำลงไป
เขาสบตากับเด็กชายอย่างมีความหมาย
คนไร้เดียงสากว่าถึงกับสะดุ้งเมื่อมีสิ่งหนึ่งถูกยัดเยียดเข้ามาในมือ
มันทั้งแข็งแกร่งและเย็นเยือก
เมื่อก้มมองว่ามันคือสิ่งใดแน่
เขาก็ต้องตกตะลึง
เพราะมันคือมีดสั้นอาบยาพิษ
ที่ดารีลพกติดตัวอยู่เป็นประจำ
แม้เจตนายังไม่แน่ชัด
แต่หัวใจของเด็กน้อยก็หล่นวูบ
ด้วยมองเห็นเค้าลางหายนะที่อยู่ไม่ไกล
“ ดารีล ข้าคิดว่าเจ้าเมาเกินไปแล้วอย่าล้อเล่นแบบนี้เลยนะ ข้าไม่สนุกด้วยหรอก ”
“ ข้าไม่ได้ล้อเล่น ”
หนุ่มน้อยคนนั้นกระซิบบอก
ฟิโลโซเฟอร์พยายามปล่อยมีดนั้นไป
แต่อีกคนกลับรวบมือเขาเอาไว้แน่น
“ เจ้าคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดข้าเพียงนี้ เจ้าคนเดียวที่ข้าพยายามอย่างที่สุดเพื่อปกป้องจากอันตราย เจ้าคนเดียวที่ข้าสามารถไว้วางใจได้ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม ”
ดารีลเลื่อนปลายมีดมาวางตรงกลางอกของตน
“ เจ้าคนเดียวที่สามารถหยุดลมหายใจของข้าได้โดยที่ข้าจะไม่ขัดขืน ”
เขากล่าวด้วยอาการอันสงบ
แต่แววตานั้นคมกล้านัก
“ ทำบ้าอะไรนี่ให้ตายสิสติยังดีอยู่หรือเปล่า เจ้าไม่ขัดขืนแต่ข้าไม่ยินยอมหรอก ”
เด็กชายถึงกับอุทานออกมา
กลัวแทบตายว่าดารีลจะกดมีดลงทั้งอย่างนั้น
“ ใยต้องทำเช่นนี้ดารีล มีเรื่องอันใดไม่สบายใจเจ้าบอกข้าได้ ข้าอยู่ข้างเจ้ามาตลอดแต่เรื่องแบบนี้ข้าทำเพื่อเจ้าไม่ได้ ดารีลโลกใบนี้ยังต้องการเจ้าอยู่หรืออย่างน้อยข้าเองก็ต้องการเจ้า หยุดเถอะนะ ”
ฟิโลโซเฟอร์อ้อนวอนด้วยมือที่สั่นระริก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ