ภูผาวายุ
เขียนโดย มุมน้ำเงิน
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) คาราวานแปลกถิ่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ช่วยด้วยยย ช่วยด้วย!”
หลังจากที่แม่ชบา ลงไปจากเรือนได้ครู่ใหญ่ เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น บุญเกิดได้ยินเช่นนั้นก็พยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้นด้วยอาการปวดหลัง ภูผาเห็นบุญเกิด ตะเกียกตะกายด้วยความยากลำบากก็ได้เอยสั่งบุญเกิด
“เอ็งนอนอยู่เฉยๆก่อนไอ้เกิด ประเด๋ยวข้าจักลงไปดูเองว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น”
ภูผาที่มีอาการทุเลาลงจวนหายได้รีบลุกแล้วเร่งเดินเปิดประตูลงเรือนไป ภูผา กวาดสายตามองหาต้นเสียง
หาใช่ใครอืน ต้นเสียงร้องขอความช่วยเหลือนั่นก็คือ แม่ดวงแข เบื้องหน้าของนาง เกิดเพลิงไหม้ผนังเรือนครัวไปเกือบครึ่งเรือน นางใช้ขันน้ำใบเล็กๆตักน้ำสาดด้วยความเอ็นดู พรางร้อง วี๊ดว้าย ไปตามเรื่อง มะลิ วิ่งมาจากท่าน้ำด้วยหน้าตาตื่น
“เกิดเหตุอันใดขึ้น มะลิ”ภูผาเอยถามมะลิ
“ข้าให้ดวงแขเฝ้าหม้อต้มยา ส่วนข้าไปล้างเครื่องครัวที่ท่าน้ำ ได้ยินเสียงโวยวายเลยรีบมานี่เหละจ๊ะ”
มะลิเอยด้วยท่าทีตื่นตกใจ ภูผาสอดสายตาหาถังน้ำแล้วรีบคว้าไว้แล้ววิ่งไปที่ท่าตักน้ำปรี่เข้ามาสาดน้ำโดยพลัน
“อิโถ่ กะอีแค่ขันใบเล็กๆนั้นจะดับไฟเช่นนี้ได้รึ เอ็งหลีกไปประเดี๋ยวข้าดับเอง”
ดวงแขได้ยินเช่นนั้นจึงเร่งถอยมาทางมะลิพร้อมเอยกับมะลิด้วยหน้าตาตื่น
“ไฟติดสไบข้าตกใจสลัดสไบติดฝาเรือนเลยลุกลามใหญ่โต ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด”
“ฝากต้มยาแค่นี้ ถึงกับต้องเผาเรือนครัวข้าเชียวรึ”
ดวงแขทำคอตกก้มหน้าสำนึกผิด
“ฮิ ฮิ..ข้าเย้าเจ่าเล่นน่า เจ้ามิเป็นกระไรก็ดีแล้ว”
มะลิเอยยิ้มๆพรางหยอกเย้าสหายสนิท ขณะที่ภูผาโกลาหลวิ่งตักน้ำสาดเป็นระวิงอยู่นั้น พ่อขัน หมอยาพ่อของ มะลิ กลับมาจากการเข้าป่าไปหาสมุนไพร ยืนตะลึงงันมองดูเรือนครัวทีเสียหายจากการเผาไหม้ไปเกือบครึ่ง
หลังจากที่ภูผาวิ่งดับไฟจนสนิทแล้ว ยืนหอบเหนื่อยจากการวิ่งดับไฟมาหยุดอยู่ที่ข้างพ่อขัน พ่อขันที่ยังตะลึงอยู่ไม่หายเอยออกมา
“ระเรือนครัวข้าใยอยู่ในสภาพเช่นนี้ฝีมือผู้ใดกัน”
ภูผาและมะลิตางพากันชี้ไปทางดวงแข ที่สไบที่มีรอยไหม้ปลิวไสวอยู่ไกลลิบๆวิ่งห่างออกไป พ่อขันตะโกนตามหลังไป
“นังดวงแขขขข....”
ตัดมาที่หญิงสาวผู้แก่นเซี้ยวดวงแข ที่กำลังวิ่งหนี่พ่อขันอย่างหนัาตั้งหลังจากเห็นหน้าพ่อขัน โดยไม่รีรอรีบใส่เกียร์หมาสาวเท้าวิ่งออกมาทางป่าชาญหมู่บ้านเพือกลับเรือน ได้หยุดพักหายใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทางอยู่ครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงฝีเท้าคลายคนเดินเป็นกลุ่มใหญ่มาตามทาง ดวงแขจึงรีบหลบหลังต้นไม้เพือแอบดู
กลุ่มคนพวกนี้น่าจะนับได้ราวยี่สิบถึงสามสิบได้ ในมือถือดาบที่ดึงออกจากฝักแลดูพร้อมที่จะทำการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ดูจากลักษณะท่าทางแล้วคงมิได้มาดีทุกคนมีรอยสักยันต์ทั่วร่าง ชายขี่ม้าที่อยู่กลางขบวนเคี้ยวหมากเคี้ยวพลูอยู่ตลอดเวลาคล้ายจะเป็นหัวหน้า ท่าทางองอาจ หน้ากลัว
ดวงแข เห็นท่าไม่ค่อยดี จึงรีบวิ่งกลับเรือนไปที่ค่ายดาบ เพือเรียนให้พ่อของตนทราบ พ่อของดวงแขนั่นก็คือครูทอง ครูสอนฟันดาบในหมู่บ้านนั่นเอง
ณ กองคาราวานแปลกถิ่น หนึ่งในสมาชิกที่ล่วงหน้าออกสำรวจก่อนหน้านี้ก็ได้กลับมารายงานกับหัวหน้ากองคาราวาน
“เบื้องหน้าของพวกเราเป็นหมู่บ้านจ๊ะพี่มาด น้ำดีดินดีมีทุ่งนาแลดูสมบูรณ์มากเลยจ๊ะ”
“งั้นรึ เช่นนั้นพวกเราหยุดพักดูลาดเลาแถวนี้ก่อนก็แล้วกัน”
นายมาด หัวหน้ากองคาราวานสั่งทุกคนให้หยุดกอง พร้อมสร้างที่พำนักชั่วคราว
หลังจากที่ดวงแขมาถึงลานฝึกดาบ ได้เห็นว่า นายสิงห์หัวหน้าหมู่บ้านและครูทอง พ่อของตนได้นั่งสนทนากันอยู่พอดี
“ไอ้เจ้าวายุ มันฟื้นรึยั่ง คุณหลวง”
“ยังหรอกออกขุน ข้าไหว้วานให้พ่อหมอขันดูแลมันอยู่ ยังมิรู้อาการแน่ชัด”
สองเฒ่าขุนนางเก่าสนทนาเรียกยศเก่ากันตามประสาความเคยชิน แม่ดวงแข วิ่งหอบเหนือยมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสอง
“บ๊ะ อีนางลูกคนนี้ วิ่งเล่นเป็นม้าดีดกะโหลกไปได้ เอ็งมีกระไรรึ”
“คุณพ่อทั้งสอง ข้าเห็นมีคนเดินเข้ามาตามทางหมู่บ้านเป็นโขยง แต่ละคนนี่สักยันต์เต็มตัวไปหมด ท่าทางไม่หน้าวางใจเลย เจ้าคะ”
“กระนั้นรึ แล้วแม่ดวงแข เห็นพวกนั้นอยู่ละแวกใด” นายสิงห์ เอยถามด้วยความสนใจ
“แถวๆบ้านพ่อหมอขันเจ้าค่ะ”
ใด้ยินเช่นนั้น นายสิงห์ และครูทองก็ลุกขึ้นโดยพลันเตรียมออกไปดูกองคาราวานต้องสงสัยที่ดวงแขเอยถึง นายสิงห์ หันหน้าไปเอยกับครูทอง
“ออกขุนมิต้องไปดอก ข้ากับคนในเรือนจะไปดูกันก่อน”
“คุณหลวงขอรับ” ครูทองเอยไม่ทันสิ้นประโยคก็ถูกเอยสวนกลับ
“เอาเถิด ท่านอย่าได้หวั่นใจไป ประเดี๋ยวได้เรื่องเช่นใดจักแจ้งข่าวมา”
พรางหันหน้ามาที่นายหาญกับนายทองมั่น บ่าวคนสนิทที่อยู่ด้วย
“ไอ้หาญ ไอ้มั่น ตามข้ามา”. “ขอรับ”
สิ้นคำพูด นายสิงห์ พร้อมบ่าวทั้งสองก็เดินจากไป ไปถึงระแวกที่ดวงแขบอกก็เจอกับกองคราวานที่ ดวงแข กล่าวไว้ หยุดพักกันอยู่ข้างทาง นายสิงห์พร้อมบ่าวซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจออกไปทักทายกองคาราวานแปลกถิ่น
“พวกท่านจะเดินทางไปที่ใดกันรึ”
ทั้งคาราวานต่างพากันมองมายังต้นเสียง ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่นายสิงห์ สายตาทุกคู่เบิกวาวราวกับได้เจอะคนที่คุ้นเคย
นายมาด หัวหน้าคณะลุกขึ้นจากที่พำนัก ก้าวย่างเดินมาหานายสิงห์ด้วยท่าทีสุขุมพร้อมเอยขึ้นมาด้วยวาจาที่แข็งกร้าว
“เจ้าจำข้ามิได้รึ”
—————————————————-
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ