ห่มรักเคียงดาว

-

เขียนโดย zusuran

วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 09.43 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,959 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 15.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
“ไม่มีข้อตกลง ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับเรา อยู่ด้วยกันก็คืออยู่ด้วยกัน โอเค๊?”
เหมือนผมกำลังถูกมัดมือชก และผมก็กลายมาเป็นรูมเมทของตำรวจจอมเผด็จการคนนี้อย่างไม่มีทางเลือก
“หิวรึยัง”
“ยัง”
“พี่ต้องกินยา ยังไงก็ต้องกินอะไรรองท้องบ้าง”
พูดจบภูผาก็เดินไปเปิดตู้เย็น เอาอาหารกล่องอุ่นไมโครเวฟและนำมันมาวางตรงหน้าผม
“กินสักหน่อยเถอะ”
ผมมองเซ็ทอาหารคลีนในกล่อง กลิ่นมันยั่วยวนน้ำย่อยในกระเพาะจนผมต้องคว้าช้อนมาตักมันเข้าปากอย่างว่าง่าย แต่ว่าพอกลืนเข้าไปได้ไม่กี่คำผมก็เริ่มพะอืดพะอมจนต้องวางช้อน
“เป็นอะไร”
“อุ๊บ!....จะอ๊วก”
ผมใช้มือที่ยังมีแรงปิดปากตัวเองและหันหน้าหนีไปให้พ้นอาหารตรงหน้า ภูผายื่นน้ำมาให้ผมพร้อมกับนั่งลงข้างๆคอยลูบหลังให้
“ดีขึ้นไหม”
“อื้ม”
“อาการบาดเจ็บของพี่ยังหนักอยู่แถมยังออกจากโรงพยาบาลกะทันหันแบบนี้ ร่างกายคงปรับไม่ทัน”
“เป็นหมอรึไง มาวินิจฉัยไปทั่ว”
“พี่สาวผมเป็นหมอ……เอาล่ะ ต้องพักผ่อนได้แล้ว”
“ฉันไม่ใช่เด็กไม่ต้องมาสั่ง”
“ธารา อย่าดื้อได้ไหม”
“อย่ามาจุ้นจ้านนักได้ไหม”
ผมไม่ยอมให้ใครมาควบคุมชีวิตของผมเด็ดขาด แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิ์ แต่เจ้าหมอนี่มันเป็นใครมาจากไหนถึงได้มาสั่งเอาๆ ให้ตายผมก็ไม่ยอมทำตามที่มันสั่งหรอก ไม่มีทาง
ตุ้บ!
“จะนอนตรงนี้ก็ไม่บอก”
อะ ไอ้บ้านี่มันกดผมนอนโซฟาหน้าตาเฉย!
“ออกไปนะ”
ผมพูดเสียงเข้ม แต่คนตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวคำพูดของผมเลย ภูผาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะทำในสิ่งที่ผมเองก็ตะลึง
วืด!
“เห้ย!”
มันอุ้มผมท่าเจ้าหญิงเดินเข้าห้องนอนและวางผมลงบนเตียงก่อนจะใช้แขนสองข้างขังผมเอาไว้
ฟึ่บ!
“บอกไว้ก่อนนะธารา ผมไม่ใช่คนใจดี เพราะฉะนั้น อย่ามาทำท่าเอาแต่ใจกับผมให้มันบ่อยนัก”
“หึ แล้วยังไงคุณตำรวจ คนที่เสนอหน้าคะยั้นคะยอเอาฉันมาอยู่ด้วยก็คือนายเองไม่ใช่เหรอ คิดว่าฉันเต็มใจงั้นสิ?”
“……..พี่นี่มันพยศได้ใจผมจริงๆ”
“จะทำไม”
“ก็ไม่ทำไม ท่าทางแบบนี้แหละผมชอบ”
“ไอ้คนประหลาด ออกไปนะโว้ย”
“ไม่ออกจะทำไม เป็นคนป่วยก็ทำตัวว่าง่ายๆหน่อยแล้วจะดูแลดีๆ”
“ถุย!”
ถ้าไม่ติดว่าแขนเจ็บและปวดไปทั้งตัวผมคงจะโดดถีบเจ้าบ้านี่ตกเตียงไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแบบไหน ระดับผมก็ไม่มีทางยอมคนง่ายๆหรอก
“ธารา”
ภูผาเรียกชื่อผมเสียงต่ำ
“จะทำไม ออกไป ฉันบอกให้ออกไปไง โอ๊ย!!!”
จู่ๆภูผาก็บีบแขนข้างที่หักของผมแรงๆ ความเจ็บปวดแล่นผ่านไปทั้งตัวผม
“ทำบ้าอะไรวะ!”
“ร้องเสียงดีนี่ เอาอีกสิ”
กึด!
“อ๊ากกกกกก!!!”
ภูผาบีบตามตัวที่ยังระบมของผมจนผมต้องหลุดเสียงร้องออกมา และค่อยๆอ่อนระทวยลงด้วยความเจ็บ
“เป็นไง หายพยศหรือยัง”
“แฮ่กๆๆ ไอ้ซาดิสต์”
นี่ผมกำลังจะถูกฆาตกรรมสินะ
“เอาสิ อยากฆ่าก็ฆ่า ไม่ต้องเล่นละคร เสียเวลา”
ผมท้าทาย เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำเลย ถึงยังไงผมก็ไม่มีเหตุผลจะหวงชีวิตตัวเองอยู่แล้ว ผมไม่มีทางร้องขออะไรจากใครแม้กระทั่งชีวิตของผมเองก็เถอะ
“เฮ้อ…ท่าทางจะทำให้สงบลงดีๆไม่ได้เลยสินะ”
“จะเอาไงทำเลยสิ”
“พี่ท้าผมเองนะ”
“เออสิ กลัวรึไงคุณตำรวจ”
“ไม่ได้กลัว แต่กังวลนิดหน่อยว่าสภาพพี่ตอนนี้จะไหวไหมนะ”
แล้วภูผาก็ยิ้มกริ่ม มันเป็นยิ้มที่ทำให้ผมใจเต้นแปลกๆ ภูผาสอดมือเข้ามาใต้เสื้อของผม และลูบวนไปวนมาทำเอาลมหายใจของผมปั่นป่วน
“อึก”
“ไม่ร้องแล้วเหรอ”
ผมรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วท้อง เหมือนอาหารที่กินเข้าไปจะย้อนกลับมาทางเดิม แต่ทันทีที่ผมเผยอปากทุกอย่างถูกกลืนกลับเข้าไปในคอเหมือนเดิมเพราะริมฝีปากของอีกคนเข้ามาประกบปิดมันเอาไว้
“อื้อ!!!!”
เรียวลิ้นร้อนผ่าวหยอกล้อเกี่ยวพันลิ้นของผมอยู่ในโพรงปาก ผมพยายามต่อต้านแต่ก็พ่ายแพ้และย้อมตอบรับอย่างทุลักทุเล ในขณะที่ร่างกายของผมบิดเร้ารับสัมผัสที่เล้าโลมจากอีกฝ่าย
“แฮ่กๆๆ…”
ภูผาปล่อยให้ผมได้หายใจ เขาถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งและจูบซับน้ำลายที่โยงยางอยู่มุมปากผมอย่างเอาใจ
“หึ ดูท่าทางจะสงบลงกว่าที่คิดแฮะ”
“อึก…” ผมพูดอะไรไม่ออก ไอเวรนี่มันล่วงเกินผม และที่น่าโมโหกว่านั้นคือผมดันตอบสนองมันซะนี่
“ออกไป”
“แน่ใจเหรอ”
“บอกให้ออกไปไง”
ร่างกายผมสั่นหัวใจผมเต้นแรงเหมือนมันอยากจะแหวกอกออกมาตากอากาศข้างนอก และภูผาก็จับมือข้างที่ยังใช้งานได้ของผมไปทาบที่อกของมัน
ตึกตักๆๆๆ….
ผมมองใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ๆสลับกับมือหนาที่กุมมือผมทาบบนอก จังหวะการเต้นของหัวใจกระทบฝ่ามือของผม ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆทั้งจากผมและภูผา นอกจากร่างกายของเราที่ดึงดูดเข้าหากันทีละนิด ทีละนิด
จูบลึกซึ้งอย่างที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน กับอ้อมกอดที่ประคองผมเอาไว้อย่างมั่นคงและยกตัวผมขึ้นเหนือที่นอน
“อะ!”
เสื้อผ้าของผมถูกปลดเปลื้องออกเหลือแค่ตัวล่อนจ้อนโดยที่ผมไม่รู้สึกเจ็บขัดกับรอยช้ำบนร่างกายเลย ภูผายังจูบประโลมผมหยอกล้อจนผมคล้อยตาม
“พะ…พอเถอะ ฉันเจ็บ”
ผมรีบบอกคนตรงหน้าก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลยไปมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเกินเลยมาเยอะแล้วก็ตาม
ภูผามองหน้าผมนิ่งก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายท่อนล่างของผมเอาไว้
“ขอโทษนะ พี่ต้องพักผ่อนแล้ว”
ภูผาเริ่มหันรีหันขวาง ผมรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร และผมเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน
หมับ!
ผมคว้าแขนภูผาเอาไว้ก่อนที่มันจะลุกออกไป
“ฉันอยากล้าง….ตัว”
ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ผมรู้สึกร้อนที่หน้าเหมือนกำลังอมน้ำร้อนอยู่ และทั้งคำพูดกับท่าทางของผมมันก็แสดงออกชัดเจนว่าหมายความว่ายังไง ภูผาเองก็คงคิดไม่ต่างจากผม
ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาอุ้มผมเอาไว้ทั้งผ้าห่มและเดินเข้าห้องน้ำ ภูผาวางผมนั่งบนเคาท์เตอร์หน้ากระจกก่อนจะค่อยๆเปลื้องผ้าที่คลุมตัวผมออก เราทั้งคู่มองหน้ากันไม่กี่วินาทีก็รีบหลบสายตากันไปคนละทาง บรรยากาศเงียบกริบจนแทบจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่าย ผ่านไปไม่กี่นาทีเราทั้งคู่ก็หันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งและปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามที่มันต้องการโดยปราศจากคำพูดใดๆ
เราทั้งจูบทั้งกอด ตัวผมสะดุ้งทุกครั้งที่ถูกสัมผัส ปลายนิ้วของภูผาลากไล้ไปตามร่างกายของผมอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบา
“เฮือก!”
ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อรู้ว่ามีบางอย่างสอดแทรกเข้ามาในช่องทางด้านหลัง สั่นสะท้านไปทั้งร่างและซบหน้าลงบนไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนตรงหน้าเพื่อสะกดกั้นเสียงของตัวเองเอาไว้ มันหน่วงๆในตอนแรกและอึดอัดจนอยากขยับหนี แต่ไม่นานมันก็ถูกถอนออกจนรู้สึกโล่ง
ภูผากอดผมเอาไว้ทั้งตัวและยกตัวผมขึ้นก่อนจะปล่อยให้ผมนั่งทับความแข็งขืนที่รอรับอยู่เบื้องล่างช้าๆ
“อึก! อ๊า!!!!”
“ผ่อนคลายไว้ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”
“เจ็บ”
ผมซบหน้าลงบนไหล่ของภูผา มือที่ยังใช้การได้เพียงข้างเดียวกอดคอคนตรงหน้าเอาไว้แน่น ตัวผมกำลังกลืนกินความร้อนผ่าวนั้นเข้าไปทีละน้อย ทีละน้อย จนสุดความยาวที่ผมแทบจุก
”มะ ไม่ไหว เอาออกไป แฮ่กๆๆ…เอามันออกไป”
“อีกนิดเดียว”
“ไม่”
“มองผมสิ”
เสียงกระซิบทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองตามที่บอก ผมมองหน้าภูผาไม่กี่วินาทีก็ถูกดึงเข้าไปจูบแลกน้ำลาย
ฟึ่บ!!!
“อื้อออ!!!”
ความเสียวซ่านเล่นงานศูนย์กลางกายของผมจนสะดุ้งสุดตัว เจ้าสัตว์ร้ายกลางกลายของผมถูกปรนเปรออย่างเอาใจพร้อมกับช่องทางด้านหลังที่ถูกล้วงลึกหมุนวนให้รู้สึกดี
ภูผาโอบอุ้มผมเอาไว้ไม่ให้กระทบกับบาดแผลส่วนอื่น ในขณะที่ร่างกายของเรายังเชื่อมต่อกันและทำหน้าที่อย่างถึงใจ
ผมลืมความเจ็บระบมบนร่างกายไปเหลือไว้เพียงความกระสันที่ยิ่งได้ยิ่งอยาก
“อ๊ะๆๆๆ…ฮ๊า!!!”
ร่างกายของผมโยกคลอนไปตามแรงกระแทกเข้าออก ช้าสลับเร็วและบางครั้งก็สอดแทรกเข้ามาแบบเน้นๆ
เราตอบสนองกันและกันและต่างฝ่ายก็ต่างเสร็จสมบนเคาท์เตอร์หน้ากระจก
“แฮ่กๆๆๆ….”
“ล้างตัวเถอะ”
ภูผาจูบซับเหงื่อบนขมับผมและกำลังจะถอนตัวจากผม แต่ดูเหมือนเจ้าสัตว์ร้ายกลางกายของเขาไม่ได้สงบลงเลย และเมื่อมันขยับผมก็เริ่มเสียวกระสันจนร้องครางออกมา
ในเมื่อเป็นแบบนี้ผมคงหยุดแค่นี้ไม่ได้แล้วสิ
ผมรั้งคอภูผาเข้ามาและแลกจูบกับอีกฝ่ายอีกครั้งพร้อมกับบดเบียดร่างกายกลืนกินความคับแน่นที่อยู่ด้านล่างบอกให้รู้ว่ามันยังไม่จบ
ภูผาลืมตามองผมพร้อมกับแค่นเสียงหึในลำคอก่อนจะประคองอุ้มผมท่าลูกลิงและพาผมกลับมาที่เตียง ก่อนที่พายุสวาทของเราจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
…………………………………………….
ผมหมดแรงและหลับไปในขณะที่ล้างตัวหลังจากกรำศึกสนองความต้องการมาหลายยกแทบทั้งคืน
และตามระเบียบของการมีอะไรกันครั้งแรกในสภาพที่ไม่เต็มร้อย
ผมไข้ขึ้น
“39.9 องศา ฉันว่าไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม”
หมอผู้หญิงคนหนึ่งที่ภูผาตามตัวมากำลังมองปรอทวัดไข้สลับกับใบหน้าแดงๆของผม ผมส่ายหน้าและส่ายหน้า ในขณะที่ภูผาไม่มีความเห็นใดๆนอกจากยืนกอดอกพิงโต๊ะและมองดูผมเงียบๆ
“ให้อยู่อย่างนี้ต่อไปอาจจะชักได้นะ”
“ผมไม่เป็นไรครับ แค่พิษแผลนิดเดียว นอนหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
“ยังไงก็เตรียมพร้อมไว้ก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้คงต้องเช็ดตัว ทานยาลดไข้แล้วก็พักผ่อนให้มากๆ ถ้ายังไงพี่จะเตรียมน้ำเกลือไว้ที่นี่ พรุ่งนี้พี่จะแวะเข้ามาดูอีกที”
ผมพยักหน้าและกะพริบตา เพราะทำได้แค่นั้นจริงๆ เพราะร่างกายทุกส่วนของผมขยับไม่ได้เลยตอนนี้
“ส่วนนาย เจ้าตัวแสบ ตามพี่ออกมาข้างนอก”
หมอผู้หญิงคนนั้นหันไปมองภูผาและเดินเข้าไปคว้าแขนคนตรงหน้าให้เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน
เธอบอกว่าเป็นพี่สาวของภูผา ท่าจะจริง
 
ห้องนั่งเล่น…….
“ทำอะไรลงไป รู้ตัวรึเปล่า”
ตอนนี้เหมือนแม่กำลังเทศนาลูกชายเกเรอยู่ยังไงอย่างนั้น
“พี่รู้ว่านายอยากตอบแทนบุญคุณแต่นายทำเกินไปนะ”
“ผมรู้ว่าทำอะไรอยู่”
“แล้วยังจะทำอีก”
“…………..”
“อย่าบอกนะว่าชอบเขา”
“แล้วพี่ว่ายังไง”
“พี่ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรนายนี่ แต่นายแน่ใจเหรอ ว่าถ้าเขารู้ความจริงเขาจะรับได้”
“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคิด”
“ภูผา”
“พี่กลับมาเหนื่อยๆยังต้องบินมาจากกรุงเทพกะทันหันแบบนี้อีก คงจะเหนื่อยมาก พักที่นี่ก่อนไหม มีห้อง”
“ขอบใจย่ะ แต่ฉันคงไม่อยู่เป็นก้างขวางคอใครบางคนหรอก”
“แล้วถ้าธาราเป็นอะไรขึ้นมากลางดึกล่ะ”
“นายก็พาเขาไปโรงพยาบาลเองสิ ไปตรวจร่างกายให้ละเอียดทุกซอกทุกมุมเลยนะจ๊ะ หืม…”
“แน่นอนว่าไม่”
“เฮ้อ……นี่มันเรื่องบังเอิญอะไรเนี่ย”
“…….ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“หืม”
“เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริงหรอก พี่ฟ้าพี่เองก็กลับมาไทยเพราะมีเหตุผลอยู่ไม่ใช่รึไง"
"ทำเป็นรู้ดี"
"สามีเป็นยังไงบ้างล่ะ ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าพี่จดทะเบียนสมรสสายฟ้าแล่บแบบนี้มีหวังบ้านแตกแน่"
"นั่นมันเรื่องของพี่นายจะมายุ่งทำไม"
"ก็นะ..."
"ไม่คุยด้วยละ กลับล่ะ"
"วันหลังก็พาสามีมาแนะนำหน่อยนะพี่ เผื่อพ่อกับแม่จ้างนักฆ่ามาผมจะได้ช่วยทัน"
ภูผาตะโกนตามหลังทีเล่นทีจริงและก็ได้รับเสียงปิดประตูแรงๆเป็นการตอบแทน
…………….
พอหลับตาลงได้ไม่นานก็รู้สึกเหมือนเตียงกำลังยุบตัวลงพอผมต้องลืมตาขึ้นมามองก็เห็นคนที่ผมคิดถึงที่สุดนั่งอยู่ขอบเตียงและมองมาที่ผม
“เคียงดาว....”
นี่ผมกำลังเพ้อเพราะพิษไข้อยู่แน่ๆ ถึงได้เห็นหน้ายายน้องชัดเจนขนาดนี้ ในมือของหล่อนถือผ้าเย็นซับไอร้อนให้ผมไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร ผมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเคียงดาวทั้งที่รู้ดีว่าอาจไม่ใช่ แต่ว่าตอนนี้ผมเหงาเหลือเกิน ผมอยากสัมผัสเธออีกสักครั้ง ถึงแม้จะเป็นแค่ฝันก็ตาม
“อยู่กับฉันนะ.....เคียงดาว”
ผมวนเวียนอยู่กับความคิดของตัวเองจนรอบด้านเริ่มจะมืดและเงียบลงไปอีกครั้ง สัมผัสเย็นๆทำให้ผมสบายตัวขึ้นมาบ้าง และกลบเกลื่อนอารปวดระบมบนตัวได้นิดหน่อย
เมื่อเห็นว่าคนป่วยบนเตียงหลับไปแล้ว มือที่ถือผ้าเย็นซับไอร้อนอยู่ก็หยุดชะงักและเปลี่ยนมาประคองใบหน้าเนียนใสนั้นแทน รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าคมได้รูป ก่อนที่จะหายใจภายในเสี้ยวนาที
“ผมจะอยู่กับพี่แทนเธอคนนั้นเอง ธารา”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา