ภวังค์รักในห้วงฝัน
เขียนโดย Yajula
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 23.05 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 22.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ภูพิงค์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่สิบหก
ภูพิงค์
สวนสาธารณะแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง มองเห็นได้สุดลูกหูลูกตายังไม่หมด ผู้คนเริ่มบางตาไปบ้างแล้ว เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดจึงพากันกลับ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังคงปักหลักนั่งชื่นชมความสวยงามของที่นี่ รวมทั้ง สองหนุ่มสาวที่กำลังตามเก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ อย่างเพลิดเพลินอยู่โดยไม่สนใจเวลา
เมศที่สังเกตเห็นหญิงสาวตรงหน้าเริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม ใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความร้อน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะให้ความสนใจอย่างอื่นมากกว่า ดวงตาที่เป็นประกาย รอยยิ้มที่เผยกว้างออกมา รับรู้ได้ถึงความสุขของหญิงสาว เมื่อเห็นภาพดังกล่าว เขาจึงถอนหายใจ และส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“นั่งรอฉันอยู่ที่นี่ อย่าไปไหน” เขาบุ้ยปากไปยังม้านั่งสีขาวตัวหนึ่ง ที่ถูกตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่สีเขียวซึ่งช่วยบดบังแสงแดด เป็นร่มเงาที่น่าจะคลายร้อนให้เธอได้ดีทีเดียว
“นายจะไปไหน?” ทันที่ที่ได้ยินเขาบอกแบบนั้น ก็ทำให้เธอละสายตาจากสิ่งตรงหน้า และหันมาถามเขาทันทีด้วยความสงสัย
“ไปซื้อของนิดหน่อย เธอจะเอาอะไรไหม” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวส่ายหัวรัว เขาจึงพยักหน้าให้ก่อนจะรีบเดินออกไปจนลับสายตาของเธอ ไม่นาน พาฝันก็เดินไปนั่งรอตามที่เขาบอก
“เอ่อ ชอโทษค่ะ รบกวนนั่งด้วยได้ไหมคะ พอดีนัดแฟนไว้แถวนี้แต่เขายังไม่มาเลยค่ะ” จู่ ๆ เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ พาฝันจึงมองไปตามเสียงดังกล่าว เห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนตัวเล็กทว่าผอมบาง ไม่ว่าจะเป็นเอวที่เล็กคอด ลงไปจนถึงเรียวขาที่เล็กแต่เรียวสวย มองไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ เผยให้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดดเจน และทำให้เธออุทานออกมาอย่างตกตะลึง
“คุณ!” ผู้หญิงที่เธอบังเอิญเจอในห้างฯ ครั้งก่อน
“ฉันทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม
“ไม่ค่ะ เชิญ” ว่าแล้วพาฝันก็รีบผายมือไปยังพื้นที่ว่างใกล้กันนั้นทันที พลางเหลือบมองด้วยความครุ่นคิดบางอย่าง
“ขอบคุณค่ะ” กล่าวเสร็จ ร่างเล็กของผู้หญิงตรงหน้าขยับตัวนั่งลงอย่างช้า ๆ
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ?” หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบไป พาฝันจึงเป็นฝ่ายที่เริ่มชวนคุยก่อน ด้วยความข้องใจและสังสัย
“อืม...” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างย่นคิ้ว หยุดไปครู่หนึ่งและกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ขอโทษนะคะ นึกยังไงฉันก็ยังนึกไม่ออกจริง ๆ” กล่าวเสร็จ ริมฝีปากแดงถูกกดด้วยรอยยิ้มเหยียดตรง แววตานิ่งลึกแฝงไว้ด้วยความว่างเปล่า ราวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าช่างไร้ค่าแก่การจดจำ ท่าทางที่มั่นใจและไว้ตัวนั้นช่างแปลกตา
“เอ่อ” เมื่อพาฝันเห็นเช่นนั้นก็ชะงักไปทันที
“ฉันหมายถึง ฉันเป็นคนที่จดจำใบหน้าคนได้ค่อนข้างแย่มาก มันจึงเป็นสิ่งที่สร้างความลำบากใจมาให้ฉันตลอด” ราวกับพริบตา ใบหน้าที่เศร้าหมองชวนให้สงสารของเธอ ทำให้พาฝันใจอ่อนและบอกกับหญิงสาวอย่างปลงตก
“ฉันไม่ติดใจหรอกค่ะ ความจริงแล้วฉันเจอเรื่องแบบนี้จนชินเหมือนกัน”
“คุณเป็นคนที่แปลกดีนะคะ” ผู้หญิงคนนี้มองมาด้วยความสนใจ “มาเที่ยวที่นี่คนเดียวเหรอคะ”
พาฝันส่ายหัว “ฉันมากับแฟนค่ะ”
“ดีจัง แล้วเขา..เอ่อ” แม้จะบอกว่ามากับแฟน แต่ทว่าไม่เห็นวี่แววของแฟนที่เธอทได้กล่าวอ้างออกมา จึงทำให้หญิงสาวมองหารอบ ๆ อย่างสงสัย
“เขาออกไปซื้อของนิดหน่อย”
“ตายจริง ทิ้งกันไว้อย่างนี้ได้ยังไง” มือเล็กยกขึ้นมาทาบอกอย่างรับไม่ได้
พาฝันทำได้เพียงแต่ยิ้มให้เป็นคำตอบ
เมื่อเห็นว่าพาฝันไม่มีทีท่าจะเดือดเนื้อร้อนตัว เธอจึงรีบลดมือลง “คุณโชคดีที่ได้เจอคนที่คุณรักและรักคุณ ต่างกับฉันที่เจอกับคนที่ฉันรัก แต่เขาไม่รัก” แววตาที่เศร้าสร้อย รอยยิ้มที่ขมขื่น ช่างไม่เหมาะกับใบหน้าสวยของเธอเอาเสียเลย ใครกันที่ทำร้ายความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้ได้ลงคอ
“คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าเขาไม่รัก”
“ทุกครั้งที่เขามองมาที่ฉัน แววตาคู่นั้นมันทำให้ฉันเจ็บปวดค่ะ”
“เขารู้ไหมคะ ว่าคุณคิดอย่างนั้น”
“เขารู้”
“ขอโทษนะคะ ทำไมพวกคุณถึงยังคบกันอยู่คะ”
“เขาสงสารค่ะ”
“อยู่ด้วยแล้วมันเจ็บปวด ทำไมคุณยังฝืนทนได้คะ” พาฝันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทนอยู่กับสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดด้วย ทำไมไม่ถอยออกมา เปิดโอกาสให้คนที่รักเรา ดูแลเราได้ ไม่ดีกว่าหรือ
“เพราะว่าฉันรักเขา ฉันยอมแลกทุกอย่าง เพื่อที่จะได้เขามาครอบครอง ฉันยอมแลกทั้งหมด!” แววตาที่แข็งกร้าวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นคู่นั้น นั้นทำให้พาฝันอดที่จะขนลุกไม่ได้
“จริงอยู่ที่คุณรักเขา แต่ถ้าเขาไม่รัก จะไปบังคับมันก็ใช่เรื่อง” เสียงพาฝันพูดพึมพำอยู่คนเดียว
“จริงสิ ฉันนี่เสียมารยาทจริง ๆ นั่งคุยกับคุณตั้งนาน ยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ฉันชื่อภูพิงค์ พึ่งย้ายเข้ามาทำงานในบริษัท.. .คุณ?”
“พาฝัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักพาฝัน” ภูพิงค์กล่าวอย่างยิ้ม ๆ
“เช่นกัน”
“นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมง เขาคงไม่มาแล้วล่ะ”
“บางทีเขาอาจจะติดธุระ ทำให้มาช้าก็ได้”
“ไม่หรอก ฉันพึ่งเปิดดูข้อความที่เขาส่งมาไม่กี่นาที เขาบอกว่ามาไม่ได้ ติดลูกค้าน่ะ”
ระหว่างที่พวกเธอต่างก็เงียบไป เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบเดินตรงมายังพวกเธอ หฟญิงสาวทั้งสองต่างหันไปมองตามเสียง จึงเผยให้เห็นชายร่างสูง ที่มือถือถุงหิ้วข้างในมีขวดน้ำเปล่าสองขวดใส่อยู่ เหงื่อเปียกโชกไม่อาจทำให้เขาดูแย่ลงได้ เมื่อก้าวเท้าตรงไป ก็ชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวทั้งสองที่นั่งด้วยกันอย่างสนิทสนมด้วยความแปลกใจ ในขณะเดียวกัน สายตาคมจ้องมองไปยังภูพิงค์อยู่พักหนึ่ง พาฝันที่สังเกตเห็นจึงเอ่ยถามเขาไป
“นายรู้จักภูพิงค์เหรอ”
“อืม” เมศตอบเสียงเรียบ แล้วละสายตาออกทันที
“พวกเราเป็นเพื่อนกันสมัยมหาลัยน่ะ” ภูพิงค์พูดแทรกเพื่ออธิบายให้เธอฟังอย่างเป็นกันเอง หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยแววตารู้สึกผิด “หลังจากที่พวกเราแยกกัน ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย พึ่งได้มาเจอกันนี่แหละ”
“นายไม่ค่อยจะดีใจเท่าไหร่นะ” เสียงภูพิงค์พูดอย่างติดตลก แต่กลับไม่อาจทำให้เมศที่มีสีหน้าเคร่งเครียดรู้สึกผ่อนคลายลงเลย ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ราวกลับว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่ จนพาฝันต้องสะกิดเรียกเขาเบา ๆ ด้วยความกังวล
“โทษที”
“แหม นายก็ยังเป็นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” ภูพิงค์พูดอย่างไม่ถือสา ท่าทางการพูดที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนของผู้หญิงตรงหน้าทำให้พาฝันรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในขณะเดียวกันก็คอยจ้องมองทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ
“เธอก็เหมือนกัน”
“ขอบใจนะที่นายยังจำเพื่อนคนนี้ได้” เห็นได้ชัดว่าเธอดีใจมากแค่ไหน
“พวกนายยังคงติดต่อกันอยู่สินะ” ภูพิงค์หมายถึงกลุ่มเพื่อนสมัยมหาลัยเพียงกลุ่มเดียวของเมศที่มีมิตรภาพที่แน่นแฟ้น และปัจจุบันเธอคาดว่าพวกเขายังคงติดต่อกันอยู่ เมื่อก่อนพวกเขาให้ความสนิทสนมกับเธอมาก เมื่อเห็นหน้าเขาทีไร เธอก็พลอยนึกถึงพวกนั้นขึ้นมาทันที
“อืม”
“ดีจัง”
“อะไรที่เป็นอดีตก็ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป อย่ามายึดติดกับเรื่องเก่า ๆ เลย” เขาเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี เมื่อเห็นว่าเพื่อนเก่าคนนี้มีสีหน้าแววตาที่แฝงไปด้วยความคาดหวัง เขากังวลว่าเธอจะผิดหวังและเสียใจไปมากกว่านี้ หนทางข้างหน้าของเธอยังอีกยาวไป อย่าไปจมปลักอยู่แต่กับสิ่งที่ไร้ความหวังพรรค์นั้นเลย ทำให้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของภูพิงค์ชะงักกึก
“อดีตสำหรับนายก็เป็นได้แค่อดีตที่ผ่านไปแล้วสินะ แต่ว่าอดีตสำหรับฉันน่ะ” เธอลุกขึ้นมาจ้องหน้าเขาด้วยท่าทีจริงจัง ”คือปัจจุบันของฉัน” ก่อนจะคลายความเครียดลง และยิ้มให้อย่างเศร้า ๆ “ฉันมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับแล้วล่ะ”
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก จนกระทั่งเสียงสวบสาบที่ดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดลง เมื่อเมศหันมอง จึงเห็นว่าเป็น
พาฝันที่กำลังขยับตัวเพื่อที่จะลุกขึ้น
“ขอโทษนะ ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบส่งงานให้หัวหน้าภายในหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า” เมื่อเห็นสีหน้าของเมศมองมาด้วยความแปลกใจ เธอจึงรีบอธิบายบอกเขาไปด้วยท่าทางเคร่งเครียด “เขาพึ่งส่งข้อความมาบอกตอนบ่าย” หลังจากที่พาฝันบอกเสร็จ เมศจึงเหลือบมองภูพิงค์ที่มองเหม่อไปทางอื่นด้วยความเป็นห่วง แต่ต้องตัดใจและบอกเพียงสั้น ๆ ว่า “ดูแลตัวเองด้วย”
จากนั้นพยักหน้าให้พาฝัน และออกเดินไปพร้อมกัน ปล่อยให้
ภูพิงค์ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้พฤกษาอยู่เพียงลำพัง กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้น
มือเล็กหยิบขึ้นมาและกรอกเสียงลงไปทันทีเมื่อรับสาย
“ทำไมยังไม่กลับ?” เสียงทุ้มของปลายสายต่อว่าทันที
“ฉันรอนายอยู่ที่เดิม”
“อย่างี่เง่า กลับมาคุยกันที่ห้อง” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
“นายมารับฉันหน่อยสิ” เสียงที่สั่นเครือชวนให้สะอื้นของหญิงสาวทำให้ปลายเงียบลง
เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ทำให้หญิงสาวที่ได้ยินมันอย่างชัดเจนเหยียดยิ้มออกมาราวกับสมเพชตัวเอง ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ทิ้งไว้เพียงคำสั้น ๆ ที่สามารถเรียกรอยยิ้มให้เธอกลับมาได้อีกครั้ง เพียงเขาบอกกับเธอว่า
“รอ” จากนั้นสายก็ถูกตัดไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ