เพียงตะวันโอบฟ้า
เขียนโดย ผักกาดน้ำ
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 14.01 น.
แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 14.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมาต่อให้แล้วค่าาา มาๆอ่านกันนน
เกือบบ่ายโมงทีเดียว เพียงฟ้ามาช่วย หวาน สาวใช้รูปร่างบางเล็กไว้ผมเหมือนนักเรียนมัธยมต้นตั้งโต๊ะอาหาร ส่วน แว่น คนขับรถหนุ่มผิวสีเข้มหน้าตาชวนอมยิ้มก็กำลังกวาดเศษใบไม้ที่ล่วงเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นหญ้าหลังครัว เธออยู่กับสองคนนี้มาตั้งแต่เด็ก นับถือกันแบบพี่น้องทีเดียว ไม่เคยเห็นว่าทั้งสองเป็นคนอื่นเลย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเพียง เดี๋ยวพี่หวานจัดเองค่ะ” สาวใช้ร้องห้าม
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่หวาน ช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆไง” พูดไปมือก็จัดอาหารใส่จานไปด้วย
หวานมองเพียงฟ้าอย่างนึกเอ็นดูระคนสงสาร “คุณเพียงดีขนาดนี้ ทำไมคุณนายยังใจร้ายใส่คุณเพียงอยู่อีก”
“อย่าพูดแบบนี้สิจ๊ะพี่หวาน ฉันคงไม่ได้เรื่องเองคุณป้าเลยโมโหบ่อยๆ” เพียงฟ้าทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดของหวาน
“ใครว่าละคะ คุณเพียงของพี่เก่งทั้งงานบ้านงานเรือนแถมยังสวยน่ารัก ถ้าแต่งตัวอีกนิดหน่อยคุณเมสู้ไม่ได้เลยค่ะ” หวานชม
“แต่เสียใจด้วยนะที่ความสวยของแกคงไม่ได้ออกไปให้ใครเชยชม” เสียงของศจีดังขึ้นที่ประตูหน้าครัวทำเอาหวานหุบปากแทบไม่ทัน
“แกมันก็แค่ลูกไม่มีพ่อคนนึง คุณปรีดาชุบเลี้ยงไว้ก็ดีแค่ไหนแล้วอย่าสะเออะมาเทียบลูกเมของฉัน”
“เพียงไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะคุณป้า” เพียงฟ้าส่ายหัว
“ก็ดี...ฉันจะมาบอกว่า ฉันกับลูกไม่รับอาหารเที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า อยู่ในบ้านเห็นแต่หน้าแกพาลกินอะไรไม่ลง” ศจีว่าแล้วหันหลังเดินกลับไป
“อย่าไปสนใจเลยค่ะคุณเพียง กับข้าวนี่ถ้าไม่มีใครกิน พี่กับพี่แว่นจะกินให้หมดเลย” หวานบอกยิ้มๆ
“ใช่ครับ ฝีมือคุณเพียงอร่อยขั้นเทพ ผมจะเก็บไม่ให้เหลือเลย” แว่นบอกพลางหัวเราะ เพียงฟ้าได้แต่ฝืนยิ้มให้เท่านั้น
วันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ ศจีและเมริษาชอบมาเดินช๊อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า ผู้คนพลุกพล่านราวกับคลื่นหลากสีสันที่มีชีวิต ไม่มีความนิ่งใสเหมือนแม่น้ำ หากแต่ดูรกหูรกตาเสียเหลือเกิน ต้องแย่งกันเดินแย่งกันหายใจตามวิถีชีวิตคนเมือง มีสินค้าหลากหลายให้เลือกจับจ่ายใช้สอยทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค แต่ทั้งสองจะชอบเดินในโซนของเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากกว่า เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำของแบรนด์ต่างๆแขวนโชว์อยู่ในร้านหรูมีระดับ บ้างก็ใส่ไว้ในหุ่นผู้หญิงสวยงามชวนมองเชิญชวนให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมายอมควักเงินในกระเป๋าซื้อกลับไปประดับร่างกายหรือประดับหน้าตาทางสังคม ศจีเองเป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบใช้ของมีราคาสูงเช่นนี้ และก็ชอบให้ลูกสาวได้ใช้ดด้วย
“อยากได้ตัวไหนจ๊ะลูกเม” ศจีถามอย่างอารมณ์ดี
“แบรนด์นี้ออกมาใหม่เลยนะคะคุณแม่” เมริษาหยิบเดรสสีเงินเมทาลิคแบรนด์หนึ่งให้มารดาดู
“สี่หมื่นเก้า...” ศจีดูเงินในกระเป๋าแล้วมีสีหน้าเจื่อนลง
“คุณแม่ไม่มีเงินหรอคะ แล้วบัตรล่ะ” เมริษาถามน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“วงเงินแม่เต็มจ้ะ...” ศจีบอกเสียงอ่อยแต่ก็ไม่อยากให้ลูกผิดหวัง “เอาอย่างนี้ อาทิตย์หน้าเรามาดูกันใหม่นะลูก รับรองแม่จะซื้อแบบนี้ให้สองชุดเลย”
“คุณแม่คิดว่าอาทิตย์หน้าจะเล่นไพ่ได้เงินมากกว่านี้หรอคะ” เมริษาดึงชุดเดรสนั้นกลับมาห้อยไว้ตามเดิมก่อนจะสะบัดตัวเดินออกไป
“โธ่ลูกเม แม่บอกว่าจะซื้อให้ก็ต้องซื้อให้สิจ๊ะ”
เมริษาไม่สนใจเดินลิ่วๆไม่รอมารดา พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมริษามองหน้าศจีทีหนึ่งด้วยกลัวว่าแม่จะรู้ว่าฝ่ายที่โทรมาเป็น นัท เพื่อนชายคนใหม่ของเธอ ซึ่งศจีไม่ชอบเลย
“แม่คะ พอดีเมมีธุระด่วน ยังไงคุณแม่นั่งแท็กซี่กลับเองนะคะ เมรีบ” บอกได้แค่นั้นก็รีบเดินจากไปทันที ปล่อยให้ศจีเรียกตามหลังอยู่แบบนั้น
หลังจากที่เดินห่างออกมาไม่ไกลมาก ด้วยความรีบร้อนของเมริษาทำให้เดินชนหญิงวัยกลางคนๆหนึ่งเข้า ข้าวของที่หญิงผู้นั้นถือมาล่วงลงพื้นกระจัดกระจายเต็มไปหมดแต่เมริษากลับหันไปต่อว่าใส่หญิงผู้นั้นแทนที่จะขอโทษ
“ก็ไม่ทำไมหรอก...” หญิงวัยกลางคนมองตั้งแต่หัวจรดเท้า “หน้าตาท่าทางก็ดีนะแต่ทำไมทำตัวเหมือนคนไร้การศึกษาอย่างนั้นล่ะจ๊ะ” เมริษาแทบกรี๊ด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าด่าเธอเลยสักครั้ง แล้วยายป้านี่เป็นใครถึงกล้ามายืนด่าเธอแบบนี้
“แกกล้าด่าฉันหรอ” เธอชี้หน้า “แสดงว่าแกยังไม่รู้จักฉันดีพอ” เมริษาง้างมือแต่ก็มีเสียงๆหนึ่งเรียกชื่อเธอจากทางด้านหลัง
“เม...เม” เป็นนัทเพื่อนสนิทของเธอเอง “ไปกันเถอะอย่ามัวเสียเวลาเลย” ชายหนุ่มพยายามดึงตัวเธอออกไป
“ เดี๋ยวก่อนนัท เมขอตบยายป้านี่ก่อนได้ไหม” เมริษาทั้งกระโดดทั้งรั้งตัวเองออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม แต่ก็ไร้ผล
เหตุการณ์ทั้งหมดนั่นศจีเห็นโดยตลอด ลูกสาวของเธอเอาแต่ใจจริงๆและยังจะไปกับนายนัทอะไรนั่นอีก
“เอะอะโวยวายอะไรกันน่ะพี่สร้อย” หญิงร่างสูงกว่าอีกคนที่มาด้วยกันถาม แต่คนนี้เป็นเพื่อนรักของศจีเอง เธอจำได้ดี ความดีใจระคนตื่นเต้นเกิดขึ้นเมื่อมองเห็นเพื่อน
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เด็กผู้หญิงใจแตกคนนึงอย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย บ้านไหนได้ไปเป็นสะใภ้คงซวยไปทั้งชาติ” สร้อยร่ายยาว
“เด็กสมัยนี้ก็อย่างนี้แหละ อย่าไปถือสาหาความเลย” ระย้าบอกพี่สาวพร้อมทั้งก้มลงเก็บของบนพื้น
“พ่อแม่มันไม่สั่งไม่สอนมากกว่า” สร้อยยังบ่นอยู่เพราะโมโหจัด ขณะที่ทั้งสองช่วยกันเก็บของอยู่นั้น ศจีก็เข้าไปทัก
“ระย้า ระย้าใช่ไหม”
“อ้าว...ศจี” ระย้าเองก็จำเพื่อนเก่าสมัยเรียนได้
ช่วยโหวต ช่วยให้คะแนนเค้าด้วยน้าาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ