กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
-
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
21 ตอน
0 วิจารณ์
15.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ผิงเยว่ฉี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภายในตำหนักของจวิ้นอ๋อง ตอนนี้เขากำลังสุขสำราญ ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาคิดไว้ เขายกแก้วเหล้าเข้าปากไปสองสามครา ทหารหน้าตำหนักเดินเข้ามาก่อนจะยืนนิ่งเมื่อเห็นว่าท่าทีของจวิ้นอ๋องนั้นจะเมามาก จึงตัดสินใจรีบพูดออกไป ก่อนตัวเองจะดวงซวย ไม่โดนปาด้วยจอกเหล้าก็คงโดนสาดด้วยน้ำเหล้า "ท่านอ๋อง แม่นางที่ท่านบอกให้ข้าตามหามาแล้วขอรับ"
"หือ? ฮ่าๆ ให้นางเข้ามาสิ" จวิ้นอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงของคนเมาก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า
"เสี่ยวโม่ ท่านเรียกข้ามา มีอะไร?" เธอเอ่ยด้วยท่าทีขยะแขยงคนเมาแบบเขา ตอนนี้เหมือนคนบ้าไปแล้ว เมื่อเห็นว่าจวิ้นอ๋องกำลังใช้มือหยาบกระด้างควานหาอะไรบางอย่างออกมาเธอจึงหยุดดู แต่ทว่าสิ่งที่เขาหยิบออกมากลับเป็นขลุ่ยไผ่สีเขียว แกะสลักชื่อของเธอ
"ขลุ่ย ขลุ่ยของข้ากับ..." ผิงเยว่ฉีพูดขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนจะหยุดไว้เมื่อจะหลุดเอ่ยชื่อของคนอีกคน มันมาอยู่ที่เขาได้อย่างไร นั่นมันทำให้ความคิดเมื่อก่อนฉุดขึ้นมา
"ใช่แล้วผิงเยว่ฉี ขลุ่ยของเจ้ากับชินอ๋องนั่น ฮ่าๆ" เขาพูดก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
"ท่านจะทำอะไร ท่านเรียกข้ามามีจุดประสงค์อันใด พูดออกมาเถิด!" ผิงเยว่ฉีพูดก่อนจะรีบแย่งขลุ่ยนั่นมาอย่างลุกลี้ลุกลนในเมื่อเขาเมาอยู่ก็คงไม่มีแรงอะไร แต่จวิ้นอ๋องรู้ตัวทัน เขาจึงกระฉากมันกลับมา สิ่งที่เธอทำอย่างกับว่าเธอเองต้องการปกปิดเรื่องความรักนี้เอาไว้
"อยากได้ขลุ่ยหรอ คุยกับข้าก่อนสิ" เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เธอจะหยุดการกระทำและยืนมองอยู่เฉยๆอย่างตัวสั่น
"เจ้ารู้หรือไม่เล่าว่าชินอ๋องมีชายาแล้ว" เขาพูดช้าๆก่อนจะฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นออกมา ทำให้คนตรงหน้าที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสั่นไปทั้งอกทั้งขั้วหัวใจ
เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสี่ยวโม่มองเธอเหมือนบีบเค้นให้พูดอะไรบางอย่างออกมา "ข..ข้ารู้" นางโกหกออกไป ถ้าตอบไปตามความจริงนางจะดูเป็นคนโง่ในทันที
"เจ้ารู้สึกอย่างไรหรือ ที่ชินอ๋องฉุดชายาข้าไปคืนวันแต่งงาน เจ้าคิดว่าเขามีใจให้เจ้าหรือไม่" ฉางเสี่ยวโม่พูดจบก็มองเล่นที่ขลุ่ยนั้น ก่อนจะจ้องมองหญิงสาวที่ตอนนี้ได้แต่ยืนทำตาโต
"เขาเคยสัญญากับเจ้าว่าถ้าศึกในครานั้นจบ จะขอเจ้าแต่งงาน จริงหรือไม่?" ยิ่งเห็นว่าเหยื่อมีท่าทีแบบนั้น เขาก็ยิ่งพูดออกไป ตอนนี้มันกลับไม่เหมือนคนเมาเอาซะเลย
"เจ้ารู้อะไรไหม เขาเตรียมตำหนักสำหรับว่าที่สนมของเจ้าด้วยนะ ผิงเยว่ฉี" เขาพูดด้วยความเยือกเย็น ก่อนจะเน้นน้ำเสียงไปที่ชื่อของหญิงสาว มือทั้งสองของเขาลูบเล่นที่ขลุ่ย
"เขาผิดคำสัญญากับเจ้า ผิงเยว่ฉี เจ้าอยากแก้แค้นเขาไหม?" เสี่ยวโม่ถามก่อนจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วมองดูนาง
"ไม่! ข้าไม่ทำอะไรทั้งนั้น! เจ้าอาจจะโกหกข้าอยู่ก็ได้!" ผิงเยว่ฉีตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนที่เธอเองจะเอามือทั้งสองข้างอุดหูไว้
"จะไม่ถามหน่อยหรอว่าข้ารู้ได้ยังไง หึ ดีแล้วแหละ" เขาทิ้งขลุ่ยนั่นลงกับพื้นเสียงดังเพล้ง ผิงเยว่ฉีสะดุ้งตกใจกลัว ก่อนที่จวิ้นอ๋องจะเดินไปโอบกอดนาง ที่ตอนนี้นางตัวแข็งทื่อไปหมด เธอมารับกรรมอะไรกัน
"นั่นท่านจะทำอะไร?" เยว่ฉีพูดออกมาเมื่อเห็นท่าไม่ดี แต่นางไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิด
"ในเมื่อชินอ๋องไม่ได้รักเจ้าแล้ว เจ้าแค่ต้องเปิดใจให้ข้า เพียงเท่านั้น เจ้าจะสามารถแก้แค้นเขาได้" จวิ้นอ๋องพูดก่อนจะโอบอุ้มนางเอาไว้
"ข..ข้าแก้แค้นไม่ลง ข้าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นน่ะ" เยว่ฉีพูดก่อนจะดิ้นรนไปมา น้ำใจตาเองก็ค่อยๆไหลเอ่อออกมาเช่นเดียวกัน ทำไมชายที่เธอรักถึงได้ผิดสัญญาไป ทำไมเขาไม่ออกตามหานางบ้าง
"งั้นข้าทำเอง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างหูของหญิงสาว ทำให้เธอใจเต้นแถมยังตัวสั่นไปหมด บวกกับกลิ่นเหล้าที่ลุกโชยมาชนจมูกเล็กๆของเธอยิ่งมีเสน่ห์ ยั่วยวนไปทั้งร่างกาย
จวิ้นอ๋องไม่ได้หน้าตาอัปลักษณ์หรือแย่นัก ไม่ผิดที่จะมีใครลุ่มหลงเขา เขาถือว่าเป็นชายรูปงามคนหนึ่ง เพียงแค่สติปัญญาต่ำจนเกินไป และมีแต่เรื่องเสียๆหายๆจนถูกมองเป็นภาพลักษณ์แย่ๆ
"แค่เจ้าเป็นของข้า แค่นี้ก็แก้แค้นได้แล้ว" เขาพูด ทว่าเยว่ฉีกลับหลับตาลงเบาๆ ในเมื่อเธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็คงปล่อยให้เป็นเช่นนี้
เสี่ยวโม่ทิ้งตัวนางลงบนเตียงนุ่มๆ ก่อนที่เขาเองจะขึ้นค่อมพร้อมทั้งเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของเธอทิ้งหมด ในใจเยว่ฉีได้เพียงคิดเป็นหน้าของฉางเสี่ยวฉิน รักแรกของเธอ น้ำในตาก็ไหลออกมาหนึ่งสายนั่นเป็นน้ำทุกข์ที่เกิดจากเขา ฉางเสี่ยวฉิน
แทนที่เธอจะเสียครั้งแรกและจูบแรกนี้ให้เขา แต่เธอกลับต้องเสียให้คนอื่นแทน เสี่ยวโม่เมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า เขาโน้มตัวลงไปประกบริมฝีปากแดงของเยว่ฉีอย่างรุนแรง เธอไม่ได้ปิดปากหรือดันทุรังที่จะให้ลิ้นของเขาเข้าไปไม่ได้เลย เธอปล่อยเนื้อปล่อยกายปล่อยทุกอย่าง ร่างกายเหมือนดั่งไม่มีจิตวิญญาณ ในเมื่อเป็นเช่นนี้มันคงง่ายต่อเสี่ยวโม่ และเขาจึงทำในสิ่งที่เขาควรทำ
"หือ? ฮ่าๆ ให้นางเข้ามาสิ" จวิ้นอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงของคนเมาก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า
"เสี่ยวโม่ ท่านเรียกข้ามา มีอะไร?" เธอเอ่ยด้วยท่าทีขยะแขยงคนเมาแบบเขา ตอนนี้เหมือนคนบ้าไปแล้ว เมื่อเห็นว่าจวิ้นอ๋องกำลังใช้มือหยาบกระด้างควานหาอะไรบางอย่างออกมาเธอจึงหยุดดู แต่ทว่าสิ่งที่เขาหยิบออกมากลับเป็นขลุ่ยไผ่สีเขียว แกะสลักชื่อของเธอ
"ขลุ่ย ขลุ่ยของข้ากับ..." ผิงเยว่ฉีพูดขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนจะหยุดไว้เมื่อจะหลุดเอ่ยชื่อของคนอีกคน มันมาอยู่ที่เขาได้อย่างไร นั่นมันทำให้ความคิดเมื่อก่อนฉุดขึ้นมา
"ใช่แล้วผิงเยว่ฉี ขลุ่ยของเจ้ากับชินอ๋องนั่น ฮ่าๆ" เขาพูดก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
"ท่านจะทำอะไร ท่านเรียกข้ามามีจุดประสงค์อันใด พูดออกมาเถิด!" ผิงเยว่ฉีพูดก่อนจะรีบแย่งขลุ่ยนั่นมาอย่างลุกลี้ลุกลนในเมื่อเขาเมาอยู่ก็คงไม่มีแรงอะไร แต่จวิ้นอ๋องรู้ตัวทัน เขาจึงกระฉากมันกลับมา สิ่งที่เธอทำอย่างกับว่าเธอเองต้องการปกปิดเรื่องความรักนี้เอาไว้
"อยากได้ขลุ่ยหรอ คุยกับข้าก่อนสิ" เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เธอจะหยุดการกระทำและยืนมองอยู่เฉยๆอย่างตัวสั่น
"เจ้ารู้หรือไม่เล่าว่าชินอ๋องมีชายาแล้ว" เขาพูดช้าๆก่อนจะฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นออกมา ทำให้คนตรงหน้าที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสั่นไปทั้งอกทั้งขั้วหัวใจ
เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสี่ยวโม่มองเธอเหมือนบีบเค้นให้พูดอะไรบางอย่างออกมา "ข..ข้ารู้" นางโกหกออกไป ถ้าตอบไปตามความจริงนางจะดูเป็นคนโง่ในทันที
"เจ้ารู้สึกอย่างไรหรือ ที่ชินอ๋องฉุดชายาข้าไปคืนวันแต่งงาน เจ้าคิดว่าเขามีใจให้เจ้าหรือไม่" ฉางเสี่ยวโม่พูดจบก็มองเล่นที่ขลุ่ยนั้น ก่อนจะจ้องมองหญิงสาวที่ตอนนี้ได้แต่ยืนทำตาโต
"เขาเคยสัญญากับเจ้าว่าถ้าศึกในครานั้นจบ จะขอเจ้าแต่งงาน จริงหรือไม่?" ยิ่งเห็นว่าเหยื่อมีท่าทีแบบนั้น เขาก็ยิ่งพูดออกไป ตอนนี้มันกลับไม่เหมือนคนเมาเอาซะเลย
"เจ้ารู้อะไรไหม เขาเตรียมตำหนักสำหรับว่าที่สนมของเจ้าด้วยนะ ผิงเยว่ฉี" เขาพูดด้วยความเยือกเย็น ก่อนจะเน้นน้ำเสียงไปที่ชื่อของหญิงสาว มือทั้งสองของเขาลูบเล่นที่ขลุ่ย
"เขาผิดคำสัญญากับเจ้า ผิงเยว่ฉี เจ้าอยากแก้แค้นเขาไหม?" เสี่ยวโม่ถามก่อนจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วมองดูนาง
"ไม่! ข้าไม่ทำอะไรทั้งนั้น! เจ้าอาจจะโกหกข้าอยู่ก็ได้!" ผิงเยว่ฉีตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนที่เธอเองจะเอามือทั้งสองข้างอุดหูไว้
"จะไม่ถามหน่อยหรอว่าข้ารู้ได้ยังไง หึ ดีแล้วแหละ" เขาทิ้งขลุ่ยนั่นลงกับพื้นเสียงดังเพล้ง ผิงเยว่ฉีสะดุ้งตกใจกลัว ก่อนที่จวิ้นอ๋องจะเดินไปโอบกอดนาง ที่ตอนนี้นางตัวแข็งทื่อไปหมด เธอมารับกรรมอะไรกัน
"นั่นท่านจะทำอะไร?" เยว่ฉีพูดออกมาเมื่อเห็นท่าไม่ดี แต่นางไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิด
"ในเมื่อชินอ๋องไม่ได้รักเจ้าแล้ว เจ้าแค่ต้องเปิดใจให้ข้า เพียงเท่านั้น เจ้าจะสามารถแก้แค้นเขาได้" จวิ้นอ๋องพูดก่อนจะโอบอุ้มนางเอาไว้
"ข..ข้าแก้แค้นไม่ลง ข้าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นน่ะ" เยว่ฉีพูดก่อนจะดิ้นรนไปมา น้ำใจตาเองก็ค่อยๆไหลเอ่อออกมาเช่นเดียวกัน ทำไมชายที่เธอรักถึงได้ผิดสัญญาไป ทำไมเขาไม่ออกตามหานางบ้าง
"งั้นข้าทำเอง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างหูของหญิงสาว ทำให้เธอใจเต้นแถมยังตัวสั่นไปหมด บวกกับกลิ่นเหล้าที่ลุกโชยมาชนจมูกเล็กๆของเธอยิ่งมีเสน่ห์ ยั่วยวนไปทั้งร่างกาย
จวิ้นอ๋องไม่ได้หน้าตาอัปลักษณ์หรือแย่นัก ไม่ผิดที่จะมีใครลุ่มหลงเขา เขาถือว่าเป็นชายรูปงามคนหนึ่ง เพียงแค่สติปัญญาต่ำจนเกินไป และมีแต่เรื่องเสียๆหายๆจนถูกมองเป็นภาพลักษณ์แย่ๆ
"แค่เจ้าเป็นของข้า แค่นี้ก็แก้แค้นได้แล้ว" เขาพูด ทว่าเยว่ฉีกลับหลับตาลงเบาๆ ในเมื่อเธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็คงปล่อยให้เป็นเช่นนี้
เสี่ยวโม่ทิ้งตัวนางลงบนเตียงนุ่มๆ ก่อนที่เขาเองจะขึ้นค่อมพร้อมทั้งเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของเธอทิ้งหมด ในใจเยว่ฉีได้เพียงคิดเป็นหน้าของฉางเสี่ยวฉิน รักแรกของเธอ น้ำในตาก็ไหลออกมาหนึ่งสายนั่นเป็นน้ำทุกข์ที่เกิดจากเขา ฉางเสี่ยวฉิน
แทนที่เธอจะเสียครั้งแรกและจูบแรกนี้ให้เขา แต่เธอกลับต้องเสียให้คนอื่นแทน เสี่ยวโม่เมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า เขาโน้มตัวลงไปประกบริมฝีปากแดงของเยว่ฉีอย่างรุนแรง เธอไม่ได้ปิดปากหรือดันทุรังที่จะให้ลิ้นของเขาเข้าไปไม่ได้เลย เธอปล่อยเนื้อปล่อยกายปล่อยทุกอย่าง ร่างกายเหมือนดั่งไม่มีจิตวิญญาณ ในเมื่อเป็นเช่นนี้มันคงง่ายต่อเสี่ยวโม่ และเขาจึงทำในสิ่งที่เขาควรทำ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ