กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
เขียนโดย เหวินฉี
วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) งานเลี้ยง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ ตำหนักของชินอ๋อง เขานั่งอยู่ในนั้นเพื่อรอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขากำลังสงสัยในตัวฮ่องเต้อยู่ได้แต่นั่งคิดนอนคิด ทุกอย่างจะเป็นยังไง ชายหนุ่มเดินวนไปมาภายในห้อง ก่อนที่จะสะดุดสายตาไปเห็นไป๋ไป๋ซึ่งเธอเองกำลังจัดเก็บสิ่งของให้เรียบร้อย
"คืนนี้มีงานเลี้ยง เจ้าจงตามไปคอยรับใช้ข้า" ฉางเสี่ยวฉินพูด แต่เหมือนว่ามันจะไม่หนักเน้นเหมือนแต่ก่อน เพียงแค่ฟังดูเยือกเย็นไร้อารมณ์
"เจ้าค่ะๆ! " เธอรีบตอบไปอย่างกระตือรือร้น ในใจก็ได้แต่คิดว่า ในเพลานี้ เขาได้นึกถึงเสี่ยวหลานบ้างหรือไม่ ไม่ได้เห็นหน้าแล้วเขารู้สึกยังไง เขาจะโทษตัวเองบ้างไหม
"รายงานท่านอ๋อง! " โม่สินเดินพรวดพราดเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง ดวงตาคมเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไปหา ในใจเขาตอนนี้ปนไปด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เขาอยากจะรู้จนใจแทบขาด ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างนะ
"ได้ความว่าอย่างไรบ้าง โม่สิน! " เขาถามด้วยความอยากรู้ ดวงตาสองคู่ต่างรอฟังคำตอบแม้แต่ไป๋ไป๋ก็ด้วย
"จับโจรได้แล้วขอรับ! ได้ความว่า โจรเหล่านั้นคือทหารรับใช้ของจวิ้นอ๋อง" พูดจบทหารอีกสองสามคนก็ลากตัวบงการทหารคนนั้นเข้ามา ร่างกายที่มีแต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ รอยของเชือกที่ถูกแทนที่ด้วยเลือดสีแดง แม้แต่ไป๋ไป๋เองก็ได้แต่เอามือปิดปากปิดตาไว้อย่างตกใจ เธอแทบกลืนน้ำลายไม่ลง เธอค่อนข้างกลัวเลือดจึงรีบเดินหนีไปทำสิ่งอื่นต่อ
เสี่ยวฉินยิ้มก่อนที่จะคุกเข่าขาข้างซ้ายลง รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ ดูน่ากลัวขึ้น เขาใช้มือของตนผลักหัวของทหารผู้นั้นไป ก่อนจะลุกขึ้นเตะไปสองครา เขาบ้าคลั่งไปแล้ว เส้นเลือดในสมองแทบแตก เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว เขาจึงเอ่ยปากถาม
"จวิ้นอ๋องส่งเจ้ามาใช่ไหม!!? " ดวงตาคู่อาฆาตจ้อง อย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าสายตามันฆ่ากันได้ เขาคงเหลือแต่ซากศพไปแล้ว
"ท่านอ๋อง ได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเถิด" เขาร้องขอพร้อมกับหมอบลงกับพื้น
"ตอบไม่ตรงคำถาม! โบยสิบที! " เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ทำตามที่นายของตนสั่ง โม่สินใช้เชือกที่ก่อนหน้านี้ใช้โบยเขามาแล้วรอบหนึ่งมาตี
"ได้โปรด โอ๊ย ท่านอ๋อง กระหม่อมผิดไปแล้ว" เขาพูดก่อนจะสะอึกสะอื้นออกมา ร้องด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่หยุดเฆี่ยน
"พอ" ชินอ๋องเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงเลิก เขาละมือขึ้นเพื่อสื่อให้พวกนั้นหยุดเฆี่ยน เขาจึงตัดสินใจหันหลังกลับไปคิดกับตัวเอง ตีไปอย่างนี้หากตายก่อนคงไร้ประโยชน์ เขาชักจะบ้าคลั่งไปแล้วสิ ทำไมตนถึงได้ฆ่าคนได้เช่นนี้เขาคิด แต่ในสนามรบคงไม่มีคำนี้
"คือ..คือว่าใช่แล้วขอรับคือจวิ้นอ๋อง จวิ้นอ๋องเป็นคนสั่งกระหม่อม" เขาพูดเหมือนจะขาดใจก่อนจะหมอบลงกับพื้น
ครานี้แหละเสี่ยวฉินจะทำให้จวิ้นอ๋องได้รู้ว่า ในเมื่อทำเช่นนี้ไปแล้ว เขาเองที่จะผิดหวัง ทำร้ายตัวเองชัดๆ ฮ่องเต้จะไม่มีวันให้อภัยเขาแม้ว่าตนจะเป็นผู้อนุมัติ
"เอาศพมันไปฝัง! " เขาชี้ไปที่ทหารตรงหน้า ที่ตอนนี้หมดลมหายใจแล้วก่อนที่ทุกคนจะออกไป เหลือเพียงแค่โม่สินกับเขา แต่ทว่าไป๋ไป๋กับรู้เห็นทุกอย่าง เขามองชินอ๋องเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต หากอยู่แบบนี้ต่อไปอาจตายทั้งเป็น นึกแล้วก็สงสารเสี่ยวหลาน
"โม่สิน สั่งให้คนของเราเอาทหารที่ปลอมเป็นโจรพวกนั้นไปตัดหัวทิ้งให้หมด" เขาพูดก่อนจะเผยยิ้มที่มีเลศนัย ครั้งนี้จวิ้นอ๋องจะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
"ไป๋ไป๋ เจ้าเตรียมเสื้อผ้าให้ข้า ข้าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอย่างผู้ชนะ" เขาพูดก่อนจะปัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนไหล่ออก เขารู้สึกได้ถึงความมั่นใจและชัยชนะ คราวนี้เขาคือผู้ชนะ
ภายในงานเลี้ยงที่ถูกจัดอยู่สวนดอกเหมยหลังพระราชวัง บัดนี้พลบค่ำแล้วเป็นเวลาอันดีที่ทุกอย่างต้องเริ่ม ฉางเสี่ยวฉินเดินเข้ามานั่งตามที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ก่อนที่ไป๋ไป๋จะนั่งลงรับใช้อยู่ข้างๆ
"ชินอ๋อง พระชายาล่ะ" ฮองเฮาพูดก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อไม่เห็นเสี่ยวหลาน เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ถามออกไปตามมารยาท
"ท่านเองก็คงจะรู้" ชินอ๋องกล่าวก่อนจะหยิบน้ำชาที่ไป๋ไป๋พึ่งรินให้
"เหตุใดท่านถึงจัดงานเลี้ยงที่นี่" จิบน้ำชาได้ไปครา เขาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นดอกเหมยนี่ก็กลับนึกถึงนางผู้หญิงแพศยานั่น บรรยากาศไม่เป็นใจเอาเสียเลย
"เปล่าน่ะ ข้าเพียงรู้ว่า หานเสี่ยวหลานชอบดอกเหมยเพราะงานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่อสวามีของนาง มันคงจะเป็นอันดีถ้านางได้เห็นมัน แต่กลับไม่คิดเลยว่านางจะไม่ได้มา" เธอพูดอย่างช้าๆ ก่อนจะจิบชาและยิ้มเบาๆ แต่คำพวกนั้นมันทำให้ชินอ๋องรู้สึกจะกระอักแทบจะบีบแก้วน้ำชาที่อยู่ในมือแตกเป็นเสี่ยงๆ เพียงแค่คิดว่าฮองเฮานี่ช่างร้ายกาจ เหตุใดถึงรู้ได้เสียซะทุกอย่าง
"เอาล่ะ แด่ที่เจ้าสามารถปกป้องเหมืองของเราไว้ได้" ฮ่องเต้พูดก่อนจะยกแก้วน้ำชาขึ้นเหมือนชนแก้วกันทางไกล
"ขอบพระทัยที่ทรงเชื่อมั่นในหม่อมฉัน" เขาพูดเหมือนคนโง่ที่จริงๆ แล้วรู้ทุกอย่าง สุดท้ายฮ่องเต้จะได้เจ็บปวด
"เอาล่ะ ในวันนี้เรามีการแสดงพิเศษ ที่จะมอบให้กับเจ้า" ฮองเฮาพูดจบหญิงสาวสี่ถึงห้าคนก็เดินออกมาด้วยชุดเต้นรำต่างได้รับเสียงปรบมือของคนทั้งงาน ก่อนที่พวกเธอจะพากันคล้อยไปตามทำนองเพลง
ชินอ๋องไม่ได้สนใจแม้แต่นิดแต่เพียงกำลังมองหาจวิ้นอ๋อง ตอนนี้เขาหายหัวไปไหนแล้วล่ะ รอดูความล่มจมแล้วหรือยัง
ไม่นานนักการแสดงนี้ก็จบลง เสียงปรบมือก็ดังกังวานขึ้น เพียงแต่ฮองเฮากำลังจ้องมาที่เขา ฉางเสี่ยวฉิน
"ชินอ๋อง ข้าได้ข่าวว่าท่านทรงชำนาญการเป่าขลุ่ย ได้โปรดแสดงให้พวกเราได้เห็น" ฮองเฮาพูดจบทุกคนก็หันไปมองที่เขา เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมการมา ฮองเฮาจึงหยิบขลุ่ยไม้ที่วางอยู่ข้างหน้ายื่นให้ขันทีแล้วเอามามอบให้เขา
เสี่ยวฉินหยิบขลุ่ยนั่นขึ้นมาด้วยความจำเป็น แม้ว่าตนจะไม่ต้องการเป่า ยิ่งพูดถึงขลุ่ยก็ยิ่งนึกถึง..
เขาสบัดความคิดในหัวออกก่อนที่จะเริ่มเป่ามัน เพลงที่เขาเป่าคือเพลงในวันเดียวกันที่เขาโหยหาคนรักของตน คนที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากคนโหดร้ายเป็นคนที่แสนดีได้ ความสัมผัสที่คุ้นเคยเมื่อริมฝีปากเตะลงที่เนื้อของขลุ่ยเลานั่นทำให้นึกถึงเรื่องราว แต่เพียงแค่มันไม่ใช่ขลุ่ยเลานั้น เขาเริ่มหลับตาลงเพื่อหวนสู่วันวาน แต่ได้ไม่นานนักเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ฉางเสี่ยวโม่เดินเข้ามาในขณะที่เขาพึ่งลืมตาขึ้น เผยให้เห็นจวิ้นอ๋องที่กำลังนั่งลงพร้อมกับหญิงสาว
ดวงตาคู่สวยนั้นที่เคยได้ประสาน เรือนร่างนั้นที่เคยเชยชม..
"ผิงเยว่ฉี! " ฉางเสี่ยวฉินพูด เมื่อเห็นว่าตนไม่ได้ตาฝาดไป เขารีบวางขลุ่ยเลานั้นลงก่อนจะมองดูหญิงสาวซึ่งมองมายังเขาสองสามครา เหมือนไม่ได้รู้จักเขาเลย เสี่ยวฉินได้เพียงแต่ทำตาโต ตอนนี้นางกำลังอยู่ในกำมือของจวิ้นอ๋อง ฉางเสี่ยวโม่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ