ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  19.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) คำเชิญของนักเวทย์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

     หลังจากเมื่อวานที่เกิดเหตุการณ์สุดจะพิสดารขึ้นกับชีวิตของผม  วันนี้กวีก็เข้ามาคุยกับผม  นับว่าเป็นครั้งแรกที่มันเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อนตั้งแต่ที่รู้จักมันมา

มันว่าหัวหน้ามันต้องการทำข้อตกลงกับผมจึงให้ไปที่ร้านกาแฟที่ชื่อ  Magic Cup  เป็นร้านกาแฟที่เปิดบังหน้า  โดยที่จริงเป็นองค์กรเบื่องหลัง

ผมรู้จักร้านนี้ มันดังพอสมควรในโรงเรียน  เพราะราคาไม่แพงมาก  ร้านนั้นตั้งอยู่ในชุมชนที่เรียกว่าสองร้อยปี

เปล่า  มันไม่ใช่ว่ามีอายุสองร้อยปีแล้วอะไรหรอก  รู้สึกจะตั้งชื่อเพราะสร้างตอนที่ฉลองครบรอบสองร้อยปีกรุงรัตนโกสินทร์

ผมเดินเข้ามาผ่านเหล่าป่าคอนกรีตสูงใหญ่ที่เงียบงัน  หลายๆตึกไร้คนอาศัย เพราะรถไฟฟ้าทำให้ราคาของแถวนี้สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ  หลายคนก็ย้ายออกเพราะสู้ราคาเช่าไม่ไหว 

มีคนเดินออกมาจากมุมตึก  สวมชุดคลุมสีดำสนิทเหมือนเสื้อกันฝน คลุมฮูดปิดบังใบหน้ายากจะบอกเพศ อีกฝ่ายยืนขวางถนนอย่างจงใจเหมือนดักรอผมอยู่

ไม่ต้องร้องถามแบบในละครว่า แกเป็นใครต้องการอะไร  เด็กพึ่งเกิดก็บอกได้ว่าไม่มาดีแน่ๆ

แทบจะทันทีกับที่ผมหยุดเท้า  อีกฝ่ายขยับตัวพุ่งเข้ามาหาจนยืนอยู่ตรงหน้าของผม

เร็วมาก!!

มือขวาคว้าจับหัวของผม  แต่ผมไวพอจะถอยหลบจนปลายนิ้วนั้นเฉียดไป เสียง เปรี๊ยะๆ ได้ยินชัดเจน

ไฟฟ้า!?

บัดซบที่สุด  ผมน่าจะรู้ตัวอยู่แล้วว่า ไอ้พวกองค์กรแบบนี้มันไม่น่าจะมาดีแบบในนิยายได้หรอก 

ในความเป็นจริงเจ้าพวกนี้คงจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าความลับของตัวเองจะไม่ถูกเปิดเผย  กวีลวงผมมาปิดปาก

แกร๊ก  แกร๊ก

ผมคว้ากระบองเหล็กมาถือเอาไว้ในมือทั้ง 2 ข้าง  ตั้งแต่เรื่องเมื่อคืนผมก็ตัดสินใจจะพกเจ้านี้ติดตัวเอาไว้  นับว่าคิดถูกจริงๆ

อีกฝ่ายหายไปจากสายตาอีกครั้ง  และอ้อมไปอยู่ที่ด้านหลัง  ผมรู้อยู่แล้วจึงก้มหลบทันทีที่มือของอีกฝ่ายพยายามจะจับหัวผมอีก  ผมกลับตัวหวดขาขวาเข้าให้ แต่อีกฝ่ายยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องกันเอาไว้ได้ทัน  ผมจึงเขวี้ยงกระบองที่มือขวาใส่ไปที่หน้า

เปรี้ยง!!!!

คลื่นกระแสไฟฟ้าระเบิดออกมาดีดให้ผมและกระบองเหล็กกระเด็นออกมาหลายเมตรอยู่

ผมกลิ้งๆอยู่หลายรอบบนพื้น ร่างกายชาจากกระแสไฟฟ้าจนขยับตัวไม่ได้  เวทมนตร์นี่สะดวกดีนี่หว่า

อีกฝ่ายรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วคงหวังรีบจบงาน  มือยื่นออกมาคว้าหัวของผมเหมือนที่พยายามทำมาก่อนหน้านี้  ผมฉวยจังหวะนี้ใช้ปราณหักล้างกระแสไฟฟ้าที่ไหลในตัว

คว้าเอากระบองที่ตกพื้นอยู่ขึ้นมา

‘ดาบมายา-นางแอ่นหวนกลับ  ดัดแปลง’

เพลงดาบของซาซากิ โคจิโร่  สุดจะโด่งดัง และพิสดาร  จากการตวัดดาบเปลี่ยนทิศทางระหว่างฟันจนว่ากันว่าเปลี่ยนได้ถึง 3 ทางในดาบเดียว

ผมที่ลักไก่ ขโมยวิชาเขามาใช้   โดยการใช้ 2 ดาบ เพื่อสร้าง 4 ดาบจนฟันเข้าตัวอีกฝ่ายจังๆจนกระเด็นถอยกลับไปไกลพอควร  การเอาคืนได้นี่มันสะใจดีจริง!!

เจ้าเสื้อกันฝนนั่นโซซัดโซเซลุกขึ้นมา สองมือตั้งขึ้นระดับหน้าอก  กระแสไฟฟ้าสว่างวาบถูกสร้างขึ้นระหว่างมือจนเห็นชัดเจน ผมเห็นท่าไม่ดีรีบพุ่งไปใส่  ต้องตีที่หัวให้สลบก่อนที่เขาจะทำอะไรได้

เกิดลมหมุนขึ้นแทรกกลางระหว่างเราจนผมต้องถอยออกมา  อีกฝ่ายเองก็ไม่มีไฟฟ้าที่มืออีกแล้ว

“ มาออกกำลังกายอะไรกันกับอากาศร้อนๆแบบนี้ละ คงไม่ใช่ว่าแย่งสาวกันหรอกใช่ไหม?”

ผมมองตามเสียงไปก็พบว่ามีคนยืนอยู่บนตึกใกล้ๆ  แต่เพราะมันย้อนแสงจึงมองไม่เห็นหน้า  ก่อนที่ผมจะถามอะไรเขาก็กระโดดลงมาเสียเฉยๆ

“เฮ้ยๆ  ทำอะไรนะ!!!”

ผมร้องเสียงหลงอย่างตกใจ  ลมหมุนเกิดขึ้นอีกครั้งรับร่างกายอันใหญ่โตของเขาเอาไว้ได้ก่อนที่จะแหลกคาพื้นตรงหน้าของผม

เสื้อหนังสีดำฟิตเปรียะกับมัดกล้าม เหมือนพวกนักบิด  และหน้าตาที่ขออธิบายง่ายๆละกันว่า  กอลิล่า

“เดี๋ยวจะเป็นลมแดดกันเสียเปล่าๆ ไปอยู่บ้านร่มๆดีกว่า ว่างั้นไหม?”

ผู้มาใหม่หันไปพูดกับเจ้าเสื้อกันฝน  มือซ้ายของเขาสวมแหวน 4 สี แดง ฟ้า น้ำตาล  เขียว และมันกำลังส่องแสงอยู่  ผมเข้าใจว่าเป็นการข่มขู่  อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่ามีคนมาขัดจังหวะจึงยอมล่าถอยไป

     กริ้งๆ เสียงกระดิ่งดังขึ้นหลังจากที่ผมผลักบานประตูเข้าไป

“ ยินดีต้อนรับค่า  Magic Cup พร้อมเสกกาแฟแก้วอร่อยเพื่อคุณค่า”  เสียงพนักงานสาวสวยหลังบาร์ร้องต้อนรับแขก ความเย็นของแอร์  ทำให้ผมรู้สึกสบายตัว ร้านไม่ใหญ่มาก มีกระจกใสที่ด้านหน้าและด้านข้างด้านขวาของผม 

ที่นั่งด้านหน้าเป็นเคาน์เตอร์ยาว  ติดกระจกข้าง เป็นโซฟา ตรงกลางร้านเป็นโต๊ะ 4 เหลี่ยม 4 ตัว

ซ้ายมือผมเป็นบาร์ที่มีพนักงานทำงานกันอยู่  และลูกค้าอีก 5 คนที่นั่งรอออเดอร์ตัวเองกันอยู่  ผนังเป็นแบบปูนเปลือยและภาพแขวน แบบที่เห็นได้ทั่วไป 

“อ้าว กบี่  ทำไมมาหน้าร้านละ?”  พนักงานสาวนั้นร้องถามคนที่อยู่ด้านหลังผม

“พาเด็กคนนี้มานะ บอกว่าชื่อนิพนธ์”  อีกฝ่ายแนะนำตัวให้เสร็จสรรพ  ผมก็ยกมือไหวทักทายไป

“อ๋อ  กลับเย็นได้ไหม?  นั่งรอที่ห้องพนักงานก่อนสิ เดี๋ยวร้านปิดแล้วจะคุยด้วยนะ” พนักงานสาวนั่น ชี้ให้ผมเห็นทางเข้าไปห้องพนักงาน  จังหวะเดียวกับที่กวีเดินออกมา  เขาทำหน้าสงสัยที่เห็นผม

“อะไร แกเรียกฉันมานี่” ผมทักไปเพราะเห็นท่าทางประหลาดใจของอีกฝ่าย

“...เปล่า  แค่สงสัยว่าทำไมมาด้วยกัน”

ผมยอมมาที่ร้านตามนัดแต่โดยดี เพราะการที่มีคนจากที่ร้านนี้มาช่วยผม  แสดงว่าคนที่มาโจมตีเป็นคนละพวกกัน  ผมเดินสวนกับกวีเข้าไปที่ห้องพักพนักงานโดยไม่ได้คุยอะไรอีก

มีโต๊ะยาวตัวหนึ่งกับเก้าอี้  ล็อกเกอร์ตู้หนึ่ง เป็นห้องที่ไม่มีอะไรมาก  และประตูอีกบานที่เปิดไปซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นด้านหลังส่วนนอกของร้าน  ติดๆกันเป็นบันไดขึ้นไปชั้น 2 และช่องที่เหมือนลิฟต์ขนของขนาดเล็กมีป้ายบอก น้ำหนักไม่เกิน  60 Kl.  ติดอยู่

     ผมนั่งรอจนอีก 15 นาที ก็ทุ่มหนึ่ง  พี่ผู้หญิงคนที่สวยๆนั่นก็มาคุยกับผม เธอชื่อพิมผกา เป็นหัวหน้าของที่นี่

ทั้งๆที่ดูจะอายุไม่เท่าไรแท้ๆ และชุดที่ใส่ยังเป็นชุดนักศึกษาอยู่ด้วย เหมือนพนักงานพาร์ทไทม์เสียมากกว่า

เธอวางแก้วน้ำให้ผม จากการที่รอนาน ผมจึงดื่มรวดเดียวหมด

“มันก็มีองค์กรเบื่องหลังเยอะแยะนะ หลายองค์กรก็มีแนวคิดที่จะเก็บคนที่รู้เห็น  แต่เราใช้วิธีสันติกว่านั้นนะ

ส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีกักความทรงจำ ไม่ก็ยอมให้เข้าร่วมกับเราถ้าหากเราเห็นว่าเขามีประโยชน์”

“ไม่ใช่ลบความทรงจำเหรอครับ?”  ผมถามอย่างสงสัย พึ่งเคยได้ยินคำว่า  ‘กักความทรงจำ’ นี้แหละ

“ความทรงจำนะ มันลบไม่ได้หรอกนะ  มีแต่เก็บเอาไว้ในส่วนลึกมากๆแล้วโดนเขียนทับลงไปเท่านั้นแหละ”

“ว่าแต่พี่เป็นหัวหน้าจริงๆเหรอครับ ดูยังเด็กมากเลยนะ”

“หึ เห็นอย่างนี้ ก็เป็นจอมเวทชั้น1 เชียวนะ” อีกฝ่ายท่าทางภูมิใจไม่น้อย

“โห แสดงว่าที่จริงอายุไม่น้อยแล้วสินะครับ กี่ร้อยปีแล้วเหรอครับ?”

ก็ไม่รู้หรอกนะว่า ไอ้จอมเวทชั้น1 นี่ มันเยี่ยมยอดขนาดไหน  แต่ท่าทางจะไม่ธรรมดาสินะ

“อยากโดนตบไหม”

“ขอโทษครับ!!!”  รอยยิ้มสุดจะเพอร์เฟคที่มาพร้อมกับจิตสังหารทำเอาผมต้องรีบกราบขอโทษอย่างรวดเร็ว

“อะ! แต่เมื่อกี้บอกว่าจะให้เข้าร่วมสินะครับ... เอ๋?”  พอเงยหน้าขึ้นมาก็รู้สึกแปลกๆ  อาการวิงเวียนเหมือนทรงตัวไม่อยู่  หรือเราจะเงยหน้าเร็วไป?

“ได้เวลาแล้วละมั้ง” พี่พิมพูดขึ้น

เวลา?  ผมรู้สึกมึนๆจนพูดออกไปไม่ได้ มีมือหนึ่งมาจับที่หัวจากด้านหลัง แต่ผมไม่มีแรงพอจะหันกลับไปมอง

“จัดการซะ” สีหน้าของพี่พิมเปลี่ยนไปทันทีราวกับคนละคน

จบคำพูดของหญิงสาว กระแสไฟฟ้าก็พุ่งผ่านมือนั้นไหลเข้าสู่สมองของผม  ผมแหกปากร้องจนสุดเสียง และทุกอย่างก็มืดไป  โดยที่ผมยังไม่ทันจะได้ทำอะไร

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา