ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  19.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) บทที่42 วังวน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"ชิ ไม่ได้ความเลย เอาเถอะ อย่างไรเสียทางนั้นก็เป็นถึงทายาท 7ผู้มากฤทธิ์ละนะ แถมดูเหมือนเดี๋ยวจะมาทางนี้ด้วย เอาไว้จัดการด้วยตัวเองละกัน ให้พิมไปวางเขตอาคมไว้ดีกว่า นี้พิม วางเขตอาคมรอบๆบ้านหน่อยสิ"

...

"พิม"

...

ไม่มีการตอบรับจากฝ่ายถูกเรียก

พิมและแฟรงค์ที่ถูกเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาทาสรับใช้ของเทพต่างมิติ ต้องคอยทำตามคำสั่งต่างๆ

แฟรงค์ถูกใช้ให้ออกไปตามหาสายฝนแต่กลับพลาดท่าไปแล้ว

เมื่อรู้ว่าสายฝนกำลังจะมาจึงคิดสั่งให้พิมไปว่าเขตอาคม

แต่พิมไม่ตอบ

ผิดสังเกตมาก

เทพต่างมิติในร่างของนิพนธ์เดินออกมาที่ประตูหน้าบ้าน เปิดผางออกอย่างหงุดหงิด

ทว่ากลับมีเด็กหนุ่มสวมแว่นในชุดบาทหลวงยกปืน Siamese  จ่อหน้า

ไม่ทันถามไถ่ไล่ความใดๆ ประกายไฟจากปากกระบอกปืนก็สว่างคายกระสุนเข้าใส่

ด้วยความตกใจ ท่านเทพผงะถอยหลังเล็กน้อย

เกราะเวทถูกกางออกมาได้ทันก่อนจะบาดเจ็บ

ชูใจคัดปลอกกระสุนเก่าออกและยิงซ้ำต่อเนื่องจนหมดซอง 5นัด

เขาเปลี่ยนใหม่อย่างชำนิชำนาญเอาการ

แต่ไม่ทันได้ยิงชุดที่ 2 ดาบแสงก็ฟันผ่าปืนยาวขาด 2ท่อน

ชูใจคว้าหยิบมีดสั้น

แต่ช้าไป

เทพไวกว่ามาก

ดาบแสงฟันเสยขึ้นมาเล็งที่ซี่โครงขวา

เลือดแดงพุ่งกระจายเต็มพื้น

ดาบเหล็ก Chuugea ของแองจี้เข้าขวางตัดแขนของเทพได้ก่อน

ชูใจและแองจี้เข้าโจมตีพร้อมกันทั้ง 2ด้าน

"เกะกะ!! "

มือซ้ายตวัดระเบิดปราณซัดทั้ง 2คนกระเด็นลอยออกไปจนติดกำแพงรั้วบ้าน

วงเวทที่พื้นส่องสว่าง

เทพมิอาจขยับกายได้

นักเวท 2คนที่ไม่รู้จักปรากฏตัวขึ้นตรึงเขาเอาไว้ได้สนิท

กางเขนแสงส่องสว่างด้านหลัง

บาทหลวงอีก 2คนร่ายเวทศักดิ์สิทธิ์พาร่างของเทพตรึงกางเขนราวกับในภาพที่เห็นอยู่บ่อยครั้ง

ตัวละครเอกของละครเรื่องนี้เดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน

กวีที่มาพร้อมกับปลอกแขนข้างขวา

เขาชักเอาขาของปลอกแขนนั้นออกมาดูราวไม้ค้ำ

แต่พอเปลี่ยนมาจับที่ขานั้นแทนกลับกลายเป็นเห็นได้ถนัดว่ามันคือคทาต่างหาก

อัญมณีสีฟ้าส่องสว่างแต่กลับไม่ระคายตา

"ไม้ค้ำของวอลล์รึ" เทพกล่าว

"รู้จักเรอะ แปลว่าคงรู้ชะตาของตัวเองงั้นสิ ฉันจะลากแกออกมา แล้วให้ระบบของมิติพิพากษาแกเอง"

"พระธรรมชาติต่างหาก" ชูใจแย้งกวี

"หึหึ หากทำได้ก็ลองดูปะไร เด็กน้อย" แต่เทพไม่มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ กลับท้าทายอย่างมั่นใจ

กวีพุ่งใส่ทันที

เขาฟาดคทาใส่ ร่ายอาคมที่เรียนรู้มา

แสงสีฟ้าดูดรวบเข้าไปในอัญมณี

และแตกออก

"เฮ้ย!! "

"อะไรนะ!! "

ทุกคน ณ ที่นั้น ต่างร้องตกใจกันยกใหญ่

ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าทำไม ได้แต่มองเศษแสงสีฟ้าร่วงลงพื้นหญ้าแห้ง

"ก็บอกว่า พวกแกทำไม่ได้ยังไงเล่า"

นักเวท และบาทหลวงรวม 4คนถูกงูใหญ่ไม่ทราบที่มารวบรัดหักกระดูกทั่วตัวจนร่างการบิดเบี้ยวทันที

ร่างที่กระดูกแหลกกองรวมน่าสยอง

แขนที่ขาดของเทพถูกรักษาแล้วเช่นกัน

"ก็หินนั่น เราเป็นคนมอบให้พวกมนุษย์เองนี่"

"ที่แท้ มันเป็นเวทของแกเองงั้นเรอะ" กวีพูดอย่างเจ็บใจ

เขาเหลืออาวุธแค่อย่างเดียว มีดTPI

ถ้าเข้าถึงตัวได้ก็ใช้ key of kidness ขังเทพเอาไว้ได้

"ช่วยที" กวีบอกอีก 2คนที่เหลือ

"เอ่อ" แองจี้วิ่งนำไปก่อน

ชูใจเสกดาบแสงสกัดการเคลื่อนไหวของเทพ

ทว่านั่นผิดมหันต์

หอกเกลือแทงขึ้นจากพื้นทำลายดาบแสงทั้งหมดและเสียบทะลุตัวแองจี้เต็มๆ

แต่เธอใช้ย้อนเหตุการณ์กลับมาได้หวุดหวิด

"เก่งไม่เบานี้ บาทหลวง"

เทพเข้าถึงตัวชูใจรวดเร็วแล้วตบบ่าของเขาไปครั้งเดียวร่างกายก็กลายเป็นเนื้อเน่าทั้งหมด บาทหลวงหนุ่มร้องลั่นอย่างหวาดกลัวจนไม่เหลือเค้าโครงมนุษย์

ดาบคู่Lobo&Blanca บินเข้าขนาบข้างโจมตี 2ทิศทาง

เทพเรียกหอกเกลือเข้ามือปัดป้องได้ง่ายดาย และพุ่งหอกอย่างรวดเร็วเสียบทะลุร่างเจ้าของดาบลอยออกไปจากจุดเดิม

กวีโผล่มาจากด้านหลังแทงมีดเข้าใส่

แต่ติดเกราะเวทเสียก่อน

"รู้หรอกน่าเจ้าหนุ่ม จะว่าไป เจ้านะ มาเป็นข้ารับใช้เราไหมละ เจ้าเก่งดีนะเราชอบ"

"เอาหน้าเจ้าบ้านี้มาบอกชอบนะ ไม่ดีใจหรอกโว้ย" กวีตอบเสียงเครียดออกแรงกดมีดจนสร้างรอยร้าวให้เกราะเวทได้

แต่ไม่ทันจะทำลายมัน ร่างกายของเขาก็ค่อยๆเน่าเปื่อย

"บ้าเอ้ย!! "

"เจ้ามันอันตรายเกินไปเจ้าหนุ่ม เราคงต้องทำลายเจ้าแบบสิ้นซากเสียจึงจะรู้สึกว่าปลอดภัยละนะ"

 

 

 

เทพต่างมิติในร่างของนิพนธ์ลืมตาขึ้น

เขานั่งอยู่ ณ โต๊ะเขียนหนังสือในห้องหนังสืออันโอ่อ่า

ใครบางคนเคาะประตู เขาจึงส่งเสียงเป็นการอนุญาต

"พวกมันมากันแล้วค่ะ" พิมที่ถูกทำให้เป็นตุ๊กตานั่นเอง

เธอรายงานบางอย่างว่ามีแขก

เทพลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายท่าทางพร้อมขยับกาย

เมื่อเดินออกมาถึงด้านนอกก็พบกับเหล่าผู้มาเยือนมากมาย

นำโดย 2คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี

สายฝนในเกราะเทพ

และกวีผู้มาพร้อมคฑาประหลาด

ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นพวกโบสถ์กับนักเวทของ W.A. ที่แห่กันมายังกับแมลง

แมลงเม่านะ

"คืนตัวนิพนธ์มา แล้วพวกเราจะปล่อยแกไป" สายฝนเปิดฉากพูดก่อนอย่างห้าวหาญ ชูหอกใหญ่ท่าทางคุกคาม

"ทายาทแห่งดูลันด์ 1ใน7ผู้มากฤทธิ์ คิดว่าผู้ใดกันแน่ที่คงความได้เปรียบเหนือกว่า หากเจ้าต้องการร่างกายของเด็กนี่คืน เจ้าต่างหากที่ต้องยอมเรา เพราะนิพนธ์คือตัวประกันที่เราจะหักทิ้งเสียเมื่อใดก็ได้อย่างไรเล่า"

"ถ้านิพนธ์ตายแกก็ไม่มีที่สถิต" กวีว่า

"เรื่องนั้น จะยังไงกันนะ"

"บอกแล้วว่าไม่ต้องเจรจา" กวีหันไปกระซิบกับสายฝน

"ชิ" เธอดูไม่สบอารมณ์เท่าไรถ้าอย่างนั้นก็เหลือวิธีเดียว

"อยากได้ก็มาเอาไปเอง ถ้าเจ้าทำได้ละก็"

เงาดำก่อตัวเป็นร่างมนุษย์ 4คนที่มีปีก ถืออาวุธต่างกัน

แบบเดียวกับร่างวิญญาณของ พิมฐา ปัญญาฐาน ที่กวีและนิพนธ์เคยสู้ด้วย

เทพต่างมิติส่งสัญญาณมือ เหล่าวิญญาณสีดำและ 2ตุ๊กตาซากศพก็บุกเข้ามาก่อน

 

 

 

ทุกคนตายเรียบ

ที่เหลืออยู่มีเพียงสายฝนที่แทบไม่มีแรงยืนและเทพต่างมิติที่ไม่แสดงอาการเหนื่อยใดๆ

"เป็นการออกกำลังกายที่ดีนะ" เทพว่า

"แก!!! " สายฝนใช้แรงฮึด สยายปีกขาวพุ่งเข้าหา

แต่หลาวเกลือพุ่งจากพื้นเสียบตรึงร่างของเธอไว้ได้ก่อนจะถึงเป้าหมาย

"แห่กันมาตั้งมากมาย ทำได้แค่นี้เองเรอะ เอาเถอะ ทำให้เราได้ทบทวนสรรพวิชาต่างๆได้มากโขอยู่ละนะ"

สายฝนยังพยายามดิ้นรนไม่ยอมแพ้ แขนขวาของเธอกระชากหักหลาวเกลือลงได้ และพุ่งไปบีบคออีกฝ่าย

การเน่าเปื่อยใช้กับเธอไม่ได้ เพราะเกราะที่สายฝนใส่มีฤทธิ์ป้องกันอาคมต่างๆ

เทพจึงเลือกจะตัดแขนเธอตรงๆแทนด้วยดาบแสงของนิพนธ์

เสียงร้องไม่มีสักนิดจากปากของเด็กสาว

"ชักช้าไปก็จะเสียการ เราขอกุญแจจากเจ้าเลยละกัน"

นิ้วมือพุ่งเข้าไปควักลูกตาทั้ง2ออกมา

เป็นครั้งนี้เองที่เธอส่งเสียงร้อง

"หึหึหึ ฮ่าๆๆๆๆ ในที่สุดเราก็จะเป็นอิสระ ได้กุญแจมาจนได้ กุญแจดอกสุดท้าย...กุญแจ? "

ทว่ามีบางอย่างแปลกไป

เขาจำได้ว่าเขาเคยได้กุญแจมาแล้ว?

เคยเอาชนะคนพวกนี้มาแล้ว?

จำได้ว่าเคยเป็นอิสระแล้ว?

ทำไมกัน?

เดจาวู?

ไม่สิ เดจาวูไม่เกิดกับเทพ หากเป็นนิมิตจะต้องเป็นแบบตีความ มิใช่เหตุการณ์ตรงแบบนี้

ทำไมกัน ความรู้สึกว่ามันเคยเกิดขึ้นแล้วนี่

.

.

.

"หน่อยไอ้พวกมนุษย์มากเล่ห์จ้าวอุบายเอ้ย!!!! "

ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

 

 

 

เปรี๊ยะ

กำแพงเวทเกิดรอยร้าว

"บ้าเอ้ย รู้ตัวแล้วเรอะ" กวีบ่นอุ๊บ

นั้นเพราะว่าเขาเองก็หมดหนทางแล้ว

ปราณมังกรที่เก็บมาหมดไปแล้วเมื่อ 30นาทีก่อน

ที่ยังทนขังเทพต่างมิติเอาไว้ได้ตอนนี้เพราะพลังชีวิตของพิมและแฟรงค์ที่หากมากกว่านี้คงจะไม่รอดแล้วแน่ๆ

กวีนึกสังหรณ์ไม่ดีจึงขอตัวจากศูนย์ใหญ่ W.A.ล่วงหน้ามาก่อน เพราะการประกอบตัวไม้กับอัญมณีเข้าด้วยกันต้องใช้เวลา

เมื่อมาถึงด้วยกระจกมิติอย่างคราวก่อนกวีก็รู้สึกได้ทันทีถึงมานาที่ประหลาด

บ้านของนิพนธ์

พิมและแฟรงค์หาทางสะกดเทพลงได้แต่ไม่สนิท มานาในตัวและรอบๆบริเวณเหลือน้อยเต็มที เขาจึงเขาไปช่วยโดยใช้ปราณมังกรที่เก็บมาส่งให้

แต่ใช้ปราณมังกรจนหมดก็ยังสะกดเทพลงไม่ได้

พิมและแฟรงค์จึงเปลี่ยนมาใช้พลังชีวิตและศิลานักปราชญ์ในมีด TPI ของกวี

พิมใช้เนตรสมาบัติลวง:ทุติยฌาณ สร้างปิติให้เทพจนเกิดภาพลวงตา

แฟรงค์สร้างเกราะเวทป้องกันไม่ให้มีปัจจัยภายนอกไปกระตุ้นให้เทพระลึกได้ว่าตนนั้นตกอยู่ในภวังค์แห่งอารมณ์

แต่ตอนนี้เกราะเวทเริ่มร้าวแล้ว เพราะเทพต่างมิติระลึกได้ด้วยตนเอง

กวีพยายามอัดมานาลงไปเพิ่ม แต่มิอาจหยุดการสลายของเกราะเวทได้

แรงระเบิดพัดสิ่งรอบๆให้กระเด็นไป

นักเวททั้ง 3ลอยไปคนละทาง

เบื่องหน้าของกวีคือนิพนธ์ที่ภายในคือเทพต่างมิติยืนตระหง่าน

เขาหายใจหอบเล็กน้อยแล้วหันมาหากวี

"กวีรึ พอกันทีพวกมนุษย์ จริงอยู่ที่เราพลาดเอง ดังนั้นก็ขอรีบๆเก็บกวาดก่อนจะกลายมาเป็นเสี้ยนหนามของเราละกัน"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา