ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  18.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) บทที่45 ดื้อแพ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ผมรีบปั่นจักรยานคู่ใจฝ่าแดดลมด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ทำได้

เมื่อถึงที่หมายจึงคล้องโซ่เหล็กอย่างเร็วจี๋ นั้นเพราะตอนนี้รถเมล์โดยสารมาจอดอยู่ได้พักหนึ่งแล้ว

ยังเคราะห์ดีที่ผมขึ้นมาได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยังมาต่อรถที่หน้าห้างสรรพสินค้ามีชื่ออีกต่อหนึ่ง

หลังจากใช้เวลาไปกว่า 40นาทีกับความทรมารที่ต้องตอบข้อความระหว่างทาง ผมก็มาถึงจุดหมายได้อย่างสมบูรณ์พูนพร้อม

สวนสนุก D ที่อยู่ ตำบลข้างๆ กันซึ่งได้รับความนิยมมาตลอดกว่า 20ปี

ที่นี้แหละคือเป้าหมายของผม

เสียงมือถือดังขึ้น ผมจึงรีบรับอย่างทันท่วงที

"มาถึงแล้วๆ แกอยู่ที่หน้าทางเข้าเลยสินะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ...อย่าโวยวายน่ายัยสายฝน เอามือถือคืนกวีไปซะ"

ผมรีบกดวางสายแล้วจ้ำอ้าวสาวเท้ายาวที่สุดอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

"รถไฟเหาะ!! สวนน้ำ!! เมืองหิมะ!! ขบวนพาเหรด!! ชิงช้าสวรรค์!! บ้านผีสิง!! "

"หนวกหูน่า!! มาสายแล้วยังทำตัวบ้านนอกอีก ฉันอายเขายะ" สายฝนบ่นกอดอกฮึดฮัดไม่พอใจ ที่ผมมาสายกว่า 20นาที แต่ชะรอยว่าที่ไม่พอใจขนาดนี้จริงๆ น่าเพราะผมกับยัยนี้วันนี้แต่งตัวมาด้วยโทนสีเดียวกัน คือเสื้อยืดสีน้ำเงิน ต่างกันแค่ผมใส่กางเกงสแล็คสีน้ำตาล เสื้อนอกสีเขียว

ขณะที่สายฝนสวมกางเกงขาสั้นสีเขียว สวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาล

ใครไม่รู้อาจคิดว่าผมนัดกันใส่ชุดคู่มา

ก็สำนึกที่มาสายอยู่หรอก แต่คนมันตื่นเต้นนี้หน่าทำไงได้

"หึ บ้านนอกซะจริง" ดูท่าจะไม่ใช่แค่สายฝนที่ไม่พอใจ เจ้ากวีก็คงเช่นกัน ว่าแต่ไอ้ชุด เสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนกับกางเกงยีนส์แกมเขียวแล้วแกไม่มีชุดอื่นเรอะ

"นี้กวี เราไปเล่นอะไรกันก่อนดีล่ะ!! " ดุจดาวก้มมองรายการเครื่องเล่นในตั๋วอยู่ข้างๆ กวีโดยเอามือขวาดึง

แขนเสื้อผู้ชาย

โห เดี๋ยวนี้ใจกล้าขึ้นเยอะนี้

จะว่าไปดุจดาวเป็นเพียงคนเดียวที่ผมไม่เคยออกมาเที่ยวเล่นด้วยสินะ

เสื้อบอลลูนสีขาวคอV กับกระโปรงทรงกลมสีดำเสมอเข่า ดูเรียบๆ แต่เสริมด้วยเครื่องประดับอย่างกำไรและต่างหูทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทีเดียว ที่คาดผมสีแดงและกระเป๋าผ้าย่ามสีแสด แม้เหมือนจะหลุดโทนแต่ไม่รู้สึกขัดตา

"ฮ่า~" เสียงออกอาการสดชื่นของชูใจที่พึ่งไปซื้อน้ำอัดลมมา ท่าทางน่าหมั่นไส้

"ทำไมถึงซื้อมากินคนเดียวเล่าอ้ายเกลอ ทางนี้ก็คอแห้งนะ" ผมเรียกร้องน้ำใจจากเพื่อนสนิทที่เพียงหันมายิ้มๆ ก่อนจะพูดว่า

"ถ้านายมาตรงเวลาก็ไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อยหรอก นิพนธ์"

นั่นเยี่ยมไปเลย!!

ความเมตตาของบาทหลวงอยู่ไส

เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวทับในกางเกงสแล็คสีดำ

ยังกับพนักงานบริษัทที่พึ่งเลิกงาน

"จุ๊ๆ วิจารณ์รสนิยมการแต่งกายคนอื่นไม่ดีนะ นิพนธ์"

"แกรู้ได้ไง หรือฉันคิดดัง? ทำไมทุกคนถึงรู้เวลาฉันคิดละ"

"ก็หน้านายมันอ่านง่ายไง"

"นี้ๆ พวกนายจะคุยกันอีกนานไหมมันเสียเวลานะ นี้ฟิลลิฟ เรา 2คนไปหาที่ดีๆ นั่งคุยกันเถอะ"

"มาสวนสนุกทั้งที ไปเล่นเครื่องเล่นไม่ให้เสียเที่ยวดีกว่า ทุกคนก็มาด้วยกันด้วยนะ"

แองเจริน่าดูช่างโดดเด่นในเสื้อสเวตเตอร์สีแดงสดแขนยาวทรงพอดีตัวซึ่งสวมหมวกเปเล่สีเดียวกันตัดกับกระโปรงทรงAเสมอเข่าสีดำ

ส่วนโฮฟมันสวมเสื้อแจ็คเก็ตแบบมีฮูดสีเทาและกางขาสามส่วนสีกรม

คนหนึ่งแต่งตัวปานว่าเดทสำคัญ

ส่วนอีกคนแต่งตัวว่ามาเล่นเครื่องเล่นเต็มที่

เป็นแฟนกันไม่ใช่รึไง คุยกันรึเปล่าเนี่ย

"อันแรกยังไงก็ต้องรถไฟเหาะ" สายฝนเสนอก่อน

"เริ่มจากเบาไปหาหนักดีกว่า รถคุณปู่ไรงี้" ชูใจกลับค้าน

"บ้านผีสิงไหมละ ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเกินไปแถมอยู่ใกล้ด้วย" โฮฟมันออกความเห็น

"ก็ดีนี้ เล่นไล่จากปากทางเข้าไปดีกว่าเดินวน ส่วนอันที่เปียกน้ำเอาไว้ท้ายๆ " กวีสนับสนุน เดี๋ยวสิ แกเองก็อยากสนุกงั้นเรอะ งั้นทำหน้าตาให้มันบอกว่าอยากสนุกหน่อยสิ

ทุกคนตกลงตามความเห็นของกวีในท้ายที่สุดและออกเดินไปยังจุดหมาย

"เธอกลัวผีไหม? " ผมหันไปถามสมาชิกอีกคน

เด็กสาวสวมแว่นทรงเหลี่ยม สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวแก่ตัวยาวถึงต้นขา กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มและถุงน่องสีดำ

ดูเป็นสไตล์การแต่งตัวที่ต่างจากคราวก่อนอยู่มาก

"ฉันอยู่คนเดียวตลอด ของแค่นี้สบายมาก" เธอตอบกลับชูหมัดมั่นใจ ท่าทางน่าเอ็ดดู

"อ่า จะคอยดูนะ นาฏยา"

การเที่ยวเล่นสนุกสนานตามแบบที่มันควรเป็น

ยัยสายฝนกลัวผีจนวิ่งแจ่นตามคาด

รถบ้ำที่สะใจเพราะได้เอาคืนเจ้าพวกน่าหมั่นไส้

ถึงสุดท้ายจะโดนรวมหัวมารุมผมก็เถอะ

รถไฟเหาะที่ดูเหมือนน่ากลัวทว่าพอลองไปรอบหนึ่งแล้วก็ติดใจ

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบ ดุจดาวกับนาฏยาดูท่าจะไม่ไหว ที่น่าทึ่งกว่าคือโฮฟมันก็ท่าจะไม่รอดโดยมีแองเจริน่าดูแลใกล้ชิดน่าสมเพชลูกตา

พอสมใจขาลุยแล้วก็ลดระดับมาที่ของเบาๆ อย่างม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ เทือกนี้

ที่ผมตื่นเต้นที่สุดคือบ้านหิมะ ถึงจะเคยไปสัมผัสที่ต่างประเทศมาแล้ว แต่ตอนนั้นมันวุ่นวายมากจนไม่มีเวลาเชยชมธรรมชาติเลย

 

 

 

 

"ท่าทางสนุกเต็มที่เลยนี้นายนะ" ผมเดินมาเห็นโฮฟมันที่นั่งหลบแดดใต้ร่มชายหาดส่งแววตาราวเด็กน้อยไปที่พื้นน้ำใสจึงทักขึ้น

เสียงเด็กๆ เล่นน้ำสนุกสนานรอบๆ ตัวท่าจะกระตุ้นให้พ่อฝรั่งหัวขาวอยากตัวเปียกเต็มที่

"คนเรานะ พอเป็นผู้ใหญ่ก็จะโหยหาการละเล่นแบบสมัยเด็กยังไงละ"

"นายแค่โดดงานและก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ด้วย พ่อโฮฟมันเอ๋ย"

"เรียก ฟิลลิฟเหมือนคนอื่นก็ได้นะ ไม่สิ เรียกดีกว่า จะได้เหมือนๆ กัน"

"อ่อ งั้นเรอะ ก็ดีนะ ไม่รู้สึกประหลาดอยู่คนเดียว"

อีกฝ่ายหยิบยื่นบางอย่างมาให้

"เอาไปสิ วันนี้ 31 กรกฏา วันเกิดนายใช่ไหมละ ที่จริงฉันกับแองจี้เป็นคนนอกแท้ๆ แต่ยังให้มาเที่ยวด้วย ก็ขอขอบคุณนะ"

ที่ผมรับมาคือน้ำผลไม้กล่องที่หาได้ตามร้านค้าทั่วไป แต่ประเด็นไม่ใช่ตัวของขวัญซึ่งแน่นอน

แต่เป็นความรู้สึกต่างหาก

"อ่า ไม่ต้องคิดมากหรอก" ผมที่มัวเพลิดเพลินเจริญจิตกับเครื่องเล่นจนลืมไปว่ายังไม่ได้ดื่มน้ำดับกระหายจึงจัดการของขวัญเสียตรงนี้

แต่กลายเป็นเหนียวคอหนักกว่าเดิมซะได้

"โห ทั้ง2คน เปลี่ยนชุดไวดีนี้" เสียงเจ้าชูใจดังไกลมาก่อนตัว

พอหันไปก็เห็นอะไรบางอย่างลอยมา

ผมรับมันเอาไว้ได้อย่างแม่นยำไม่ตกหล่น

กาแฟกระป๋อง

"วันเกิดแก" กวีพูดเรียบๆ

โหเจ้านี้ มีน้ำใจกับเขาเหมือนกันแฮะ

"อะ เลิกบ่นซะที"

ส่วนของชูใจคือ

เครื่องดื่มชูกำลัง?

มันมีแต่อันที่ทำให้เหนียวคอหนักกว่าเดิมไม่ใช่รึไง ไหนละน้ำเปล่า

พอเห็นว่าผมทำหน้าตาเหยเกเบ้บิดก็เลยพูดต่อ

"จะได้ไม่เผลอหลับจนจมน้ำตายไง ดูท่าวันเมื่อคืนแกจะนอนดึกนี้"

"วันนี้นายสุดเหวี่ยงไปเลยนี้ คืนนี้ไปส่งสาวจะได้มีแรง"

ไอ้คนแรกก็พอรู้อยู่ว่าปากไม่ค่อยดี แต่ไอ้คนหลังพอรู้ว่ามันเป็นผู้ทรงศีลแล้วรับไม่ได้โว้ย

"เฮ้ย ชูใจ แกนะ เป็นบาทหลวงนะ" ผมร้องเตือนเพื่อนสนิทไป

"หมายถึงมีแรงไปส่ง ไม่ได้พูดอะไรไม่ดีสักหน่อย" มันว่าพลางยักไหล่

"แปลว่านายคิดแบบนั้นสินะ นิพนธ์"

"วิตถารจริงๆ "

อีก 2คนซ้ำมาไม่ปรานี โถ่โว้ย

"คึกคักกันดีนี้ พวกผู้ชาย"

เสียงใสแทรกดังผ่านมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบเหล่าไม้งามแรกแย้มที่ชวนให้เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายรอบๆ นี้เผลอหลงใหลในเสน่ห์

"มีอะไรน่าสนใจรึไง" แองจี้เดินนำเข้ามาในชุดคลุมอาบน้ำสีครีม

"เอะ แต่ช่างเถอะ ฟิลลิฟ ดูชุดว่ายน้ำตัวใหม่ของฉันสิ" ไม่พูดเปล่า แม่ฝรั่งหัวสว่านทองก็สะบัดชุดคลุมออกเผยทูพีชสีแดงร้อนแรงที่ตัดกับผิวขาวใสตามพงศ์พันธุ์ของตนโดดเด่นจนน่าอันตราย

รู้จักอายมั่งเถอะ

"ซื้อมาเพื่อเธอเฉพาะเลยนะ"

ถ้าซื้อมาเพื่อหมอนั้นคนเดียวก็อย่ามาโชว์ในที่ที่ทุกคนเห็นเซ่!!!

แถมปล่อยผมเป็นปกติแบบนี้ ยัยนี้ไม่ตั้งใจจะลงน้ำเลยสินะ

แต่เจ้าตัวท่าทางภูมิใจน่าดู คงไปขัดอะไรไม่ได้ละมั้ง

ส่วนโฮ- เอ่อ ฟิลลิฟก็คงจะชินแล้วสินะ

"ชะ ชุดนี้ เป็นไงมั่งกวี มันก็ไม่ใช่ชุดใหม่อะไรหรอกนะ" ดุจดาวเดินเข้ามาถามกวีกะเขาด้วยท่าทางขวยเขินจนหน้าแดงต่างจากชุดวันพีชสีขาวมีกระโปรงและริบบิ้นสีชมพูคาดเอวเข้ากับหมวกปีกกว้างใบใหญ่อย่างยอดเยี่ยม

"ไม่เกี่ยวกับเก่าหรือใหม่หรอก ถ้ามันดูดี ยังไงก็ดูดี"

โอ้โห!! ไม่เบานี้เจ้ากวี เล่นเอาดุจดาวยืนตายไปแล้วมั้งนั่น

ถึงแม้จะดูออกชัดๆ ว่าเจ้านั้นแค่พูดตามมารยาทก็เถอะ

เฮ้อ~

เจ้าชูใจใช้ศอกกระทุ้งให้ผมเลิกสนใจคนอื่นแล้วหันไปอีกทาง

ชุดวันพีชสีดำที่ตรงช่วงลำตัวเป็นแบบเส้นไขว้โชว์ผิวสาว

นาฏยาที่ไม่สวมแว่นแถมมัดผมสูงดูแปลกตากว่าทุกทีจนผมเองก็พูดอะไรไม่ถูก

"...วะ ว่าแล้ว มันแปลกๆ จริงๆ ด้วย ชุดมันโป้เกินไปสินะ ทุกคนเขาช่วยเลือกนะ ทั้งๆ ที่อยากใส่ชุดเรียบๆ แบบดุจดาวแท้ๆ "

นาฏยาไหล่ตกเอาแขนกอดตัวบังช่วงท้องออกอาการไม่มั่นใจทันที

ผมที่พึ่งรู้สึกตัวว่าคงทำเรื่องเสียมารยาทเสียแล้วก็ออกอาการลนลานเล็กน้อยก่อนรวบรวมสติได้

"เธอนะ ใส่ชุดไหนก็ดูดีนะ"

นาฏยาเงียบไปเสียเฉยๆ แล้วหันหลังเดินลงน้ำไปดื่อๆ

"อ่า มีคนเปิดแล้วพวกเราตามกันเถอะ" ฟิลลิฟที่ดูท่าจะรอมานานก็เดินลงสระตามไปด้วย

ฟิลลิฟถอดแจ็คเก็ตออกโชว์ผิวใสดังหญิงสาวที่พร้อมกับเพอร์เฟ็คบอดี้ที่ถึงคราวของเหล่าอิสตรีรอบสวนน้ำจะมองเป็นอาหารตาบ้าง

ว่าแต่หมอนี่ไม่ใช่สายต่อสู้นี่หน่า ทำไมหุ่นดีจัง

เห็นดังนั้น กวีจึงทำตาม แหม คนนี้เป็นสายปฏิบัติ ก็ต้องหุ่นนักกีฬาตามระเบียบละนะ

ว่าแต่ดุจดาวหิวข้าวเรอะ ทำไมทำหน้าเหมือนพร้อมจะกินอาหารจานโปรดตรงหน้าแล้วแบบนั้นละ

"โอ้ย" ผมร้องโอดโอย เพราะโดนอะไรบางอย่างกระแทกก้นอย่างแรง

"จะเก็กเสียงทำบ้าอะไรยะ พูดแบบธรรมชาติสิ" สายฝนนั่นเองไม่ใช่ใคร

เธอยืนเท้าเอวส่งสายตาดุด่ามาให้พร้อมคำพูด

"บอดี้สูทเรอะ"

"ชุดดำน้ำเรอะ"

ชุดว่ายน้ำแบบแขนยาวขาสั้นซิปหน้าดูเรียบร้อยมิดชิดไม่หวือหวาสักนิด

"แล้วเขาบังคับด้วยรึไงยะ" จู่ๆ แม่คุณก็อารมณ์ขึ้นไล่ถีบผมและชูใจจนกระเด็นตกน้ำตกท่าไปทั้งคู่

"น้องครับ ห้ามกระโดดลงสระนะครับ!!! "

แล้วเจ้าหน้าที่ริมสระก็มาเตือน

 

 

 

ผมขึ้นมาจากสระน้ำหลังลงเล่นไม่นานเพราะคอเหนียวไปหมดจากเหล่าเครื่องดื่มผสมน้ำตาลที่ทั้ง 3คนให้มา

จุดที่เราเล่นไกลร้านค้าชะมัด แต่ก็ต้องไปละนะ

"เฮ้ย"

พอเดินมาถึงร้านแต่ยังไม่ทันเลือกสินค้า ก็มีเสียงดังขัดชัดขึ้น

ผมหันไปตามสัญชาตญาณแม้ไม่รู้ว่าทักใคร

ใต้ต้นปาล์มเตี้ยใกล้ๆ กันมีสายฝนนั่งหลบแดดอยู่ เธอโยนขวดน้ำเปล่ามาให้ผมทันที

"โอ่ ขอบใจนะ เธอขึ้นมาตอนไหนเนี่ย"

"สัก 2นาทีละมั้ง นายบ่นคอแห้งนี้ แถมยังไม่ได้กินน้ำด้วย ถือเป็นของขวัญวันเกิดละกัน"

เป็นปีที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ของขวัญวันเกิดที่มีแต่เครื่องดื่มต่างชนิด เป็นการกลั่นแกล้งแบบใหม่รึเปล่า

"นั่งสิ ยืนทำไมเล่า"

"อ่าๆ " ผมนั่งลงข้างๆ เธอแบบไม่ใกล้มาก ไม่รู้ว่ายัยนี้จะผีเข้าตอนไหนอีก

"นี้ ขอโทษนะ"

จู่ๆ สายฝนก็ขอโทษ โดยที่ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ไม่สิ ยัยนี้พูดขอโทษผมเป็นด้วยเรอะ

"ที่บ้านนายวันนั้น ฉันคิดเอาตัวรอด เลยทิ้งนายให้เป็นเหยื่อล่อ"

เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว ถ้าไม่พูดขึ้นมาผมก็คงไม่มีทางระลึกได้เอง

"ที่ผ่านมาฉันละอายใจนะ พอเห็นหน้านายแล้วมันหงุดหงิดตัวเอง เลยต้องตืบนายเพื่อความสบายใจ"

"เป็นการระบายความเครียดที่หมอไม่น่าจะแนะนำนะ รวมถึงตำรวจก็ด้วย"

"ฮะๆๆ นั่นสินะ ตลกชะมัด...ฉันทำใจทั้งคืนเลยละ ว่าจะก้มหัวขอโทษนายให้ได้วันนี้"

"ยังไม่ก้มหัวเลยนะ"

"ได้คืบอย่าเอาศอกน่าเจ้าบ้า เฮ้อ โล่งใจชะมัด"

"ยังไม่ได้บอกเลยว่าให้อภัย"

"เป็นผู้ชายอย่าคิดเล็กคิดน้อยสิยะ ว่าแล้ว คุยกับนายยังไงก็อึดอัดแฮะ"

ไม่ทันที่ผมตั้งตัวยัยนี้ก็รูดซิปชุดดำน้ำออก เปิดไหล่ทิ้งแล้วกระดกน้ำขวดของเธอจนหมด

น้ำที่ล้นออกไหลลงมาตามผิวผ่านบิกินี่สีฟ้าทำเอาผมต้องเบือนหน้าหนีรีบดื่มน้ำบ้างดับร้อน

"หืม อะไรกันนาย จะมาใจเต้นกับฉันหรอ เดี๋ยวจะฟ้องนาฏยา"

"หึ แค่ B นะ ไม่หวั่นไหวหรอก ต้องE แบบนาฏยาต่างหาก"

จากนั้นผมก็โดนยัยสายฝนถีบลงน้ำอีกรอบ

"น้องครับ ถ้ากระโดดลงสระอีกครั้งก็ออกไปเลยนะครับ มีมารยาทหน่อยครับ"

แล้วพี่เจ้าหน้าที่คนเดิมก็ตามมาเตือน

 

 

"วันนี้สนุกไหม นิพนธ์"

"อืม สนุกสุดๆ เลย ฉันไม่เคยไปเที่ยวสวนสนุกมาก่อนเลยละ เคยเห็นแต่ในทีวีกับหนังสือละนะ"

"เป็นเพราะว่าเธอหมกตัวอยู่แต่กับหนังสือนะสิ"

"ไม่อยากให้คนที่ชอบเก็บตัวอย่างเธอมาบอกหรอกนะ นาฏยา"

เราเงียบจ้องหน้ากันสักพัก ต่างคนก็ต่างหัวเราะออกมา

ใต้ชายคาป้ายรถเมล์หน้าคอนโดของนาฏยามีเพียงแค่เรา 2คน เป็นเวลา 18.45น.แล้วตอนนี้

ฝนที่ตกลงมาจึงยังทำให้ไม่อยากจะเดินออกไปจากหลังคาที่คุมหัวนี้ เพราะดูฟ้าแล้วท่าว่าฝนคงตกไม่นาน

"เราเป็นพวกเก็บตัวเหมือนกันสินะ" ผมว่า

"ฉันนะ เพราะรู้ว่าเทพราคัมพยายามแก้ผนึก ก็เลยไม่ค่อยอยากออกไปไหน แล้วก็สร้างคนคุ้มกันขึ้นมาเฝ้าห้องเอาไว้เพราะกลัวจะโดนวางกับดักนะ"

"ไอ้รูปถ่ายที่มีเงาผู้ชายสินะ แล้วทำไมเธอถึงไม่จัดการเจ้าพวกนั้นละ พวกที่มาแกล้งเธอนะ"

"ฉันไม่อยากลงมือกับมนุษย์นะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามีผีดูดเลือดอยู่เบื่องหลัง"

"แม้ว่ามนุษย์พวกนั้นจะทำราวกับว่าเธอไม่ใช่มนุษย์งั้นเรอะ"

"อืม"

"เธอเองก็ลำบากน่าดูนะ"

"แต่ตอนที่ได้อยู่กับเธอ ก็สนุกดีนะ แม้ว่าที่จริงแล้ว เธอคือตุ๊กตาของราคัมก็เถอะ ขอโทษนะนิพนธ์ ช่วงแรกที่ฉันเข้าใกล้เธอเพราะคิดเพียงว่า ฉันจะผนึกราคัมซ้ำนะ แม้ว่าจะต้องผนึกเธอด้วยก็ตาม"

"แต่สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนใจงั้นเรอะนาฏยา"

"ใช่ ฉันเลือกเดิมพันกับวิธีนี้แทน เพราะหลังจากที่รู้จักกัน ฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจของเทพต่างมิติแน่นอน ฉันยื้อมาถึงวันนี้เพราะอยากให้ของขวัญวันเกิดเธอนะ ขอโทษนะ"

"เธอขอโทษมากไปแล้ว ฉันดีใจนะ ทั้งๆ ที่ฉันต่างหากที่ควรเลี้ยงตั๋วเครื่องเล่นให้เธอแท้ๆ แต่เพราะบอกว่าเป็นของขวัญวันเกิด ก็เลยปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าจะเลยวันเกิดฉันจริงๆ มาแล้ว 1วันก็เถอะ...ใช่ ฉันรู้น่า ทั้งหมดนี่นะ เป็นแค่ภาพลวงตาที่เธอสร้างขึ้น โลกในความจริง วันนี้คือวันที่ 1สิงหาคม เธอที่แอบเข้ามาอยู่ในร่างของฉันโดยที่เทพราคัมไม่รู้ คอยโอกาสที่จะเรียกสติฉันกลับมา เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่เคยเห็นวิญญาณของเธอเลย แต่อย่างที่เธอบอก ฉันนะ ไม่ยอมตก อยู่ภายใต้ยันเทพขี้ปดแบบนี้หรอก ฉันมีสติตลอดแม้ยามที่ตอนนี้เทพนั่นจะเป็นคนคุมร่างของฉันแล้ว

ฉันรับรู้ทุกอย่างที่โลกภายนอก เธอที่เลือกเดิมพันกับฉันนะ เชื่อใจผู้ชายไม่ผิดคนหรอก"

"อืม ดีใจนะที่เลือกผู้ชายไม่ผิดคน"

"ความคิดที่ว่าอยากเจอเธออีกสักครั้งเป็นจริงแล้วละ หลับให้สบายเถอะ นาฏยา"

"เธอเองก็ ใช้ชีวิตที่ได้มา ให้คุ้มละ นิพนธ์"

 

 

 

เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่เทพเผลอสติไปกับความโกรธเกรี้ยว

ก็เป็นช่องให้นิพนธ์ชิงร่างกลับมาได้

เทพมิได้รู้เลยว่าชูใจได้แอบเอามีด TPI ของกวีเหน็บไว้ที่ด้านหลังของเขาตอนที่ใช้กางเขนผนึก

แต่นิพนธ์รู้

ดังนั้นเขาจึงคว้าเอาอุปกรณ์เวทนั้นขึ้นมา แล้วเสียบเข้าที่ดวงตาขวาตนเองอย่างรวดเร็ว

"แหกปากอยู่ได้ ราคัม หนวกหู"

"นิพนธ์ นี้เธอ!! "

"ขอโทษนะ แต่มันเป็นแผนนะ ฉันรู้แต่แรกแล้วว่าแกโกหก นังเทพขี้มุสาเอ้ย กวี!! "

ความเจ็บปวดทำให้คาถาคลาย หมอกพิษหายไปหมดแล้ว

กวีพุ่งตัวเร็วที่สุดเพื่อเข้าหา

"ไม่มีทาง! " หอกเกลือถูกปาออกมาจากมือซ้าย

ทว่าดาบ Lobo&Blanca บินตัดมันทิ้งได้สบาย

ดาบแสง 2เล่มพุ่งเสียบคอไขว้กัน

ดาบไม่ได้ทำให้ร่ายกายเสียหาย แค่ทำให้ขยับไม่ได้เท่านั้น ซึ่งทำให้เทพออกเสียงร่ายอาคมไม่ได้

แต่ร่ายมนต์ในระดับจิตสำนึกยังทำได้อยู่

'ไม่ให้ขวางหรอกน่าเทพต่างมิติ'

'อะไรกัน!! '

นิพนธ์ที่อยู่ในร่างเดียวกันเข้าขัดขวางคว้าคอเทพด้วย 2มือ แม้ในระดับจิตสำนึกเทพราคัมก็มิอาจจะทำอะไรได้

กวีคว้าเอาด้ามมีดคู่ใจในที่สุด วงเวทประจำของมีดปรากฏขึ้นเหมือนทุกครั้ง

"ปลดผนึก"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา