ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  18.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) บทที่่36 ยามเมื่อ สายฝนพรำ(2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    ฟ้าฝนที่กระหน่ำเทลงมามิอาจหยุดไฟแค้นในใจให้มอดลงได้

เสียงดาบปะทะแข่งกับเสียงลม

เสื้อผ้าที่เปียกปอน

และการขยับเท้าเหยียบน้ำกระเซ็นเพื่อหาจังหวะเอาชนะอีกฝ่าย

เป้าหมายของไพศาลคือลูกชายสาระเลวที่ยืนมองไม่ไหวติงมาสักพัก แต่นักดาบอริเก่าไม่ยอมให้ผ่านไปได้ง่าย

ฌอนไม่เสียท่าง่ายๆแบบคราวก่อน เขาเปลี่ยนดาบมาถือที่มือซ้ายแขนเทียม

การโจมตีเฉียบคมขึ้นเล็กน้อย แต่การป้องกันแทบจะไร้ที่ติเขาตามความเร็วของไพศาลได้ทันอย่างเหลือเชื่อแม้จะไม่ได้ใช้เวทเสริมกายเหมือนครั้งก่อนก็ตาม

อาจเกี่ยวข้องกับแขนเทียมนี้

สิ่งที่มีเพิ่มขึ้นอีกคือลูกเล่นต่างๆ

เวทศักดิ์สิทธิ์มากมายถูกใช้ต่างจากครั้งก่อน

ทั้งดาบแสง โซ่ทอง ถูกเสกออกมาสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของคนแก่

ปลายดาบดำเสียบแทรกทุกอย่างเข้ามาอย่างแม่นยำเกือบจะแทงคอหอยของฌอนสำเร็จถ้าแขนเทียมของเขาไม่ยกดาบมาป้องกันได้ท่วงที

'ดาบที่4 กาลผ่าน ดาราผัน'

ร่างของไพศาลอีกร่างปรากฏจากด้านหลังฟันฉับเข้าที่ท้ายทอย

แต่ฌอนก็ยังสลัดดาบแรกทิ้งไปแล้วป้องกันดาบที่2ได้ทันเช่นเดิม

น่าประหลาด

นักดาบชราคิด

นั้นเพราะเขารู้ว่า อีกฝ่ายไม่รู้สึกถึง 'กาลผ่าน ดาราผัน' แม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังรับมันเอาไว้ได้

"ในหมู่นักดาบด้วยกันก็เคยได้ยินฉายา 'ยักษ์ดำ' ว่าเก่งกาจอยู่หรอก แต่พอเจอจริงๆก็ไม่เท่าไรนี้"

ฌอนเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกในการต่อสู้นี้

"แล้วไอ้ที่ต้องไปเอาแขนเทียมมาใส่นี่มันฝีมือผู้ใดกันวะ"

ไพศาลใช้แรงที่มากกว่าสะบัดดาบที่ดันกันอยู่เพื่อดีดให้อีกฝ่ายกระเด็นไป

ทว่าฌอนรู้อยู่แล้วจึงถีบตัวกระโดดขึ้นสูงหนีจากแรงดันแล้วม้วนหน้าฟาดดาบลงมาในแนวดิ่ง

'ดาบที่5 อัฏฐวิชชุ'

ร่างของยักษ์ดำหายไป

การโจมตีที่รวดเร็วมาจากรอบทิศ

8ดาบสังหารหมายชีวิตบาทหลวงต่างแดน

แต่ยังมิใช่คราวเคราะห์ร้ายของเขาในครั้งนี้

ฌอนยังรอดมาได้อย่างน่าทึ่ง

ดาบในมือยังต่อต้านภัยร้ายไม่ให้ย่างกรายถึงชีวิตเช่นเดิม

แม้แต่ในมุมที่ยากต่อการจะรับมือก็สามารถปัดป้องได้

'ดาบที่8 ราหูปิดช่วง'

ความมืดสนิทปกคลุมทั่วด้าน

แต่ไม่ทันไรก็ต้องอันตรธานหายไปด้วยดาบแสงที่ฌอนเสกมาป้องกันตนเองจากปราณของไพศาลที่เข้ามาแทรกแซงการมองเห็น

เสียแต่ว่า ไพศาลคิดเอาไว้แล้ว

'ดาบที่9 พระเกตุร่วงมัวหมอง'

เขาหายตัวทิ้งห่างจากฌอนเข้าโจมตีไพโรจน์ลูกชายอย่างน่าพิศวงราวผีร้าย

ฌอนพึ่งรู้ตัวว่าเสียแต้มจึงรีบคลายดาบแสงแล้วรุดตามไปแม้จะไม่ทันแล้ว

ดายดำที่มีรูปจันทร์เสียวสีแดงที่โคนดาบเสียบร่างเป้าหมายทะลุจนมิดด้าม

ทันใดนั้นร่างของไพโรจน์ก็ฉีกออกแล้วกลายเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดราวกับเครื่องจักรผสมมนุษย์

ตัวปลอม!!!

เส้นด้ายแดงกระจายตัวเข้ารัดพันนักดาบเฒ่าผู้ใจร้อน

เขาขยับไม่ได้

ความรู้สึกเจ็บจากแผ่นหลังวิ่งทั่วร่าง ดาบคาตานะของฌอนเสียบลึกเข้ามาไม่ปรานี

"หลับให้สบายเถอะตาแก่" สิ้นคำพูดเขาจึงกระชากดาบออกเปิดแผลให้กว้างขึ้น

ไพศาลล้มลงตรงนั้น เลือดไหลผสมกับน้ำฝนจนจางไหลไปตามทางของมัน

 

 

 

รถยนต์สีขาวแล่นผ่านลมฝนด้วยความเร็วสูงไม่เกรงกลัวอันตราย นั่นเพราะมีสิ่งที่เหมยหวั่นเกรงยิ่งกว่า

เธอมองกระจกข้างและกระจกหลังอยู่บ่อยครั้ง

แม้ ตำบลรังสิตจะทันสมัยปานนั้น แต่ อำเภอธัญบุรียังมีพื้นที่ส่วนใหญ่ไปทางเกษตรกรรมเสียมากเช่นที่ตำบลลำผักกูดที่ติดกัน

ตลอดเส้นทางมีเพียงสวนผักไร่นาและบ่อปลา จึงทำให้แถวนี้เปลี่ยวไร้ผู้คนชุกชุม

ผู้ที่ไล่ล่าจึงใช้สิ่งที่เอะอะมะเทิ่งได้อย่างเปิดเผย

สิ่งมีชีวิตคล้ายแมงมุงความสูงราว50เมตรโผล่มาดักหน้าจนเหมยต้องเบรกกะทันหัน

แม้จะบอกว่าคล้ายแมงมุม แต่มันมีเพียง6 ขาเท่านั้น

แสงจากฟ้าแลบเผยร่างกายที่คล้ายวัวไร้เขาที่ด้านบน

"ครูค่ะ นั้นตัวอะไรนะ!!! " สายฝนร้องถามอย่างตะลึงกับสิ่งมีชีวิตประหลาด

เหมยไม่ตอบ เธอเปลี่ยนเกียร์ถอยหลังและเหยียบมิดคันเร่ง

ก้อนเนื้อประหลาดพุ่งลงมาตรงตำแหน่งที่พวกเธอเคยอยู่ก่อนหน้านี้ ก้อนเนื้อนั่นมีสายยาวโยงมาจากตัวของสัตว์ยักษ์แต่เพราะฝนตกและความมืดทำให้มองไม่เห็นว่ามันโยงมาจากส่วนไหน

เมื่อก้อนเนื้อนั้นถูกดึกกลับขึ้นไปและขายาวก็เริ่มขยับอีกครั้ง

เหมยถอยหลังด้วยความเร็ว 120km./h แต่การก้าวเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ตามรถของเธอทัน

เท้าข้างหนึ่งเหยียบถูกตัวรถเข้าเต็มๆ

แต่เพราะเขตอาคมของเหมยทำให้ยังรอดมาได้

เมื่อเห็นว่ามิอาจทำลายรถได้โดยกำลัง ศัตรูใหม่จึงเกิดขึ้น

อะไรบางอย่างที่มีปีกคล้ายแมลงบินมาเกาะที่ทั่วตัวรถ

แม้จะมีฝนตกแต่ดูเหมือนเจ้าพวกนี้จะยังบินได้อย่างอิสระ

เมื่อมองดูดีๆกลับพบว่ามันคือหัวของมนุษย์

กะโหลกด้านหลังพับเก็บลงเหมือนกระดองของแมลงปีกแข็ง

ที่คอและแก้มมีขาแมลงทะลุออกมาจากด้านในขยับยัวะเยียะน่าขนลุก

หัวมนุษย์นั้นมิใช่แมลง ตัวแมลงแท้จริงอยู่ด้านใน มันโผล่หัวเล็กๆออกมาจากทางปาก ดูเหมือนว่ามันจะอาศัยหัวมนุษย์เป็นที่หลบภัยราวปูเสฉวน แต่ความสยองนี้เทียบได้คนละชั้น

ปากของมันมีท่อยาวส่งออกมาเป็นเข็มแหลม พวกมันเจาะเขตอาคมของเหมยอย่างมีประสิทธิภาพได้น่าทึ่ง

เขตอาคมเริ่มมีรูหลายส่วน

"พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์

โปรดลงทัณฑ์เหล่าคนบาปหนา

ด้วยว่าเขานั้นมืดบอดด้อยปัญญา

สายฟ้าฟาดไร้ปรานี

'วัชระทรงธรรม' "

เหมยเปิดกระจกซัดกำปั้นใส่แมลงตัวหนึ่งกระเด็น

มือแบออกโยนยันต์กองหนึ่งออกไปนอกรถ ยันต์พวกนั้นบินแปะเหล่าแมลงหัวมนุษย์และสายฟ้าก็ฟาดลงมาโดนพวกมันทุกตัวจนร่วงหงายท้องไปกองกับถนน

แต่ยังไม่หมดเท่านั้น สายฟ้ายังฟาดลงมาอีก2ครั้ง ทำให้พวกที่ยังพอทนได้ในรอบแรกจึงแน่นิ่งไปทันที

ความเร็วของรถชะลอลงอย่างมาก

อีกฝ่ายก็เล็งเอาไว้แล้ว

รถยนต์ถูกบางอย่างกระแทกจากด้านบนรุนแรง

เพียบพริบตารถทั้งคันก็ลอยขึ้นไปจากพื้นอย่างรวดเร็ว

"โดด!! "

"ว้าย!!! "

เหมยถีบสายฝนออกประตูมา

ครูสาวพุ่งเข้ารวบตัวลูกศิษย์เอาไว้ ปีกนกเรื่องแสงที่เท้าทั้งคู่ของเหมยทำให้เธอพาสายฝนลงมาได้อย่างปลอดภัย

ทว่าแมลงหัวมนุษย์มีอยู่ทุกด้านล้อมพวกเธอเอาไว้

"ฮ่าาาาาาา!! "

เสียงตะโกนกู่ร้องของสัตว์ประหลาดหน้าตาคุณเคยวิ่งไถชนกรุยทางแมลงหัวคนกระเด็นกระดอน

ดาบบังตอหวดฟาดลงมา เป้าหมายคือสายฝน

หอกแลนเซอร์ในมือสายฝนยกรับเอาไว้ได้ แต่แรงอีกฝ่ายเหนือกว่าทำให้เธอเข่าทรุด

เหล่าแมลงหัวคนพุ่งรุมทันที

'คลื่นน้ำเนรันชรา'

เหมยดึงน้ำฝนรอบๆมาใช้กลายเป็นคลื่นน้ำซักทุกอย่างออกไปเหลือเพียงสายฝนและมนุษย์หัวกะโหลกถือปังตอ

มันสะบัดอาวุธดีดสายฝนให้ถอยไป ขาของเธอยังแข็งแรงพอที่จะไม่ล้มลง

ดาบปังตอตามมาซ้ำหวังตัดแขนของเธอ

ตัวหอกใหญ่แปลเปลี่ยนเป็นโล่เหล็กทรงกลมยกขึ้นป้องกันตนจากคมดาบได้สนิท ด้ามหอกยังมีใบมีดติดอยู่ที่ปลาย

เด็กสาวแทงสวนเข้าที่หัวใจอย่างแม่นยำเพียงครั้งเดียวทะลุแกนกลางสัตว์ประหลาดจนสิ้นใจ

"สายฝน เธอไม่คิดว่ามนุษย์ในตอนนี้มันจืดชืดเกินไปงั้นเรอะ เธอก็เห็นที่โรงเรียนนี้ เด็กๆหลายคนใช้ชีวิตเสียเปล่าไปวันๆ บางคนก่อเรื่องไร้สาระไม่พัฒนา แม้แต่ผู้ใหญ่เองวิถีชีวิตก็ไร้ค่า

เป็นแบบนี้ต่อไปคงได้กอดคอกันตาย"

เสียงที่ดังขึ้นของบาทหลวงเก้ไม่รู้ที่มา มันดังไปทั่วจับตำแหน่งไม่ได้

"การที่นายเบื่อโลก ไม่ใช่เหตุผลให้ก่อความวุ่นวายต่อสังคมนะ"

เหมยตอกกลับ

"เจ้าหน้าที่นันทนา คุณเข้าใจผิด สิ่งที่ผมจะทำ คือการช่วยเหลือผู้คน มนุษย์ในแต่ละยุคแข็งแกร่งขึ้นได้จากภัยพิบัติ ไม่ว่าจะภัยธรรมชาติ โรคระบาด สงคราม และอื่นๆ มนุษย์เมื่อเจอปัญหาจะแข็งแกร่งและพัฒนา แต่ตอนนี้มันสงบร่มเย็นจนมีแต่พวกอ่อนแอ เด็กๆไม่ได้รับการสั่งสอนที่ถูกต้อง วัยรุ่นที่เอาแต่ใจเรียกร้องความสนใจไร้สาระ ผู้ใหญ่ที่หิวเงินจนลืมศีลธรรม ส่วนคนแก่ก็แค่อยู่อย่างหายใจทิ้งไม่ยอมช่วยสังคมพัฒนาอะไรทั้งๆที่ตนมีความรู้ที่สุด สุดท้ายปลายทางสังคมจะเป็นอย่างไร

เทพต่างมิติจะเป็นตัวกระตุ้นให้ทุกคนหันมารู้ตัวว่า อะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับการมีชีวิต และจะก้าวข้ามภัยร้ายจนยืนหยัดขึ้นมาได้ ผมไม่สนใจความรักของเทพอะไรนั่นหรอก ผมคิดว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด มนุษย์จะชนะเหมือนทุกยุคที่ผ่านมา"

"แต่วิธีของนายมันไม่ได้ช่วยทุกคนนะ จะมีคนตาย และคนที่โชคดีหรือเก่งกว่าคนอื่นเท่านั้นที่จะรอด" เหมยบอก

"มันคือการคัดสรรยังไงละ"

"แกมันบ้าไอ้อลัชชี แกไม่ได้อย่างช่วยคนหรอก แกแค่ รำคาญคนที่แกไม่ชอบการใช้ชีวิตของเขา แล้วก็คิดจะลบเขาออกไปเท่านั้น เหตุผลของแกนะ ก็แค่คนที่เอาแต่ใจที่คิดจะทำตัวเป็นพระเจ้า"

โล่และด้ามหอกรวมกันอีกครั้งกลายเป็นหอกแลนเซอร์อย่างเดิม

ร่างกายของสายฝนเรื่องแสง ปรากฏชุดเกราะสีทองและปีกขาวที่ด้านหลัง

"แกนะแค่ใช้วิธีง่ายๆอย่างการฆ่าคน เพื่อบรรลุเป้าหมาย เป็นพวกมักง่ายไร้สมอง เพราะแกมันไม่ฉลาดพอที่จะทำให้สังคมดีขึ้นด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ไงละ"

สายฝนตั้งท่าร่าง

"งั้นบอกมาสิว่าเธอมีวิธีที่ดีกว่านี้งั้นเรอะ"

"วิธีนะมีแน่ ถ้าตั้งใจที่จะช่วยคนอื่นจริงๆละก็ ไม่ว่ามันจะลำบาก หรืออันตรายแค่ไหนก็จะต้องทำได้ เหมือนที่หมอนั้น พยายามช่วยฉันในวันนั้น ซึ่งคนที่ปฏิเสธที่จะหันหน้าคุยกับคนอื่นแบบแกนะ คงไม่เข้าใจหรอก"

สายฝนดีดตัวสุดแรงจนเกิดลมกรรโชกโดยรอบ

พุ่งทะยานเป็นลำแสงสีทองเข้าหาสัตว์ยักษ์

ปลายหอกแหลมชนกับเขตอาคม

เหล่าแมลงสยองบินล้อมตัวเธอเข้ามาโจมตี

มีดซัดติดโซ่พุ่งจากด้านล่างสกัดกั้นไม่ให้มันถึงตัวเป้าหมาย

"ย๊ากกกกกกก! "

หอกใหญ่ทะลวงฝ่าม่านพลังแทงเข้าที่คอของสัตว์ยักษ์ทะลุออกทางท้ายทอย เธอหักเลียววนมาอีก แต่ครั้งนี้เปลี่ยนเป้าหมาย

ไพโรจน์เปลี่ยนแขนขวาของตนกลายเป็นหนวดระยางพุ่งเข้าโจมตี

แต่หนวดทุกเส้นถูกทำลายลงง่ายดายแหลกละเอียด

แขนและไหลขวาถูกฉีกออกไม่มีเหลือ

เขาต้องใช้พลังส่วนหนึ่งเพื่อรีบห้ามเลือด

สายฝนกลับเข้ามาประชิดตัวที่ด้านหลังด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หวดหอกใหญ่ฟาดกะเอาให้สลบ

แต่มันวืดไม่โดนอะไร

"ดูเหมือนว่าพลังของเธอในตอนนี้ฉันคงจะเอาชนะไม่ได้นะ สายฝน"

ร่างสัตว์ยักษ์สลายหายไป ส่วนไพโรจน์ที่หาจุดหยั่งเท้าไม่ได้จึงร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง

สายฝนบินตามลงมาหวังจะจับเขา

ทว่าที่ด้านหลังของบาทหลวงเกิดรอยแยกประหลาด

"คิดจะหนีเรอะ"

เธอเห็นบางอย่างที่ประหลาด

แสงจากรอยแยกที่เปิดออก ทำให้มองเห็นชัดขึ้น

ใบหน้าของไพโรจน์ด้านขวาลอกออกจนถึงตา

มันเผยให้เห็นอีกใบหน้าด้านใน

ใบหน้าที่หนุ่มกว่า และดวงตาสีม่วงสุกใสราวกับท้องฟ้าช่วงหัวค่ำ

สายฝนเร่งความเร็วตามไปคว้าชายเสื้อแต่ไม่ทัน

ไพโรจน์หนีไปได้ในท้ายที่สุด ส่วนสัตว์แปลกๆทั้งหมดของเขานั้นก็สลายไปจนหมดสิ้น แม้แต่ร่อยรอยของมานาก็ไม่มีให้สืบตามไปได้เลย

เจ้านั่น มันอะไรกัน?

 

 

 

ฌอนยืนมองชั่งใจว่าจะตัดหัวอีกฝ่ายด้วยดีไหม

เพราะถึงแม้จะจับสัญญาณชีวิตไม่ได้แล้ว แต่ไม่ประมาทอาจจะดีกว่า

ทว่าร่างของอสูรด้ายแดงกลับสลายไป

อาคมถูกคลาย!!! ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นกับไพโรจน์

ดาบดำตวัดซัดเข้ามาทีเผลอ แต่แขนเทียมตอบสนองได้ทันรับทุกคมดาบเอาไว้ทั้งหมดได้

ฌอนต้องถอยออกมา หน้าตาเขาดูตื่นๆอย่างเห็นได้ชัด

"เคยแสดงให้เห็นแล้วนี้ 'สุญญัตตา' เอ็งไม่ควรลังเลจะตัดหัวหรือทำลายหัวใจนะหากเจอผู้ที่มีวิชานี้ เพราะเอ็งไม่มีทางรู้ได้ว่า ความว่างเปล่าที่เอ็งสัมผัสได้นั้นคือความตายหรือวิชา"

ไพศาลลุกขึ้นมาได้ แต่อาการไม่สู้ดีนัก เพราะแผลฉกรรจ์และอายุที่มากแล้ว

"เดี๋ยวฉันจะส่งลุงไปนอนแบบสบายๆอีกรอบเอง"

"เอ็งต่างหากที่ต้องนอนในรอบนี้"

'ดาบที่1 ตะวันตัดนภา'

'ดาบที่2 จันทราฝ่าโลก'

'ดาบที่3 ภุชงค์สีชาด'

'ดายที่6 วายุบัญชร

'ดาบที่7 ภัสสรหกทิศ

ไพศาลใช้วิชาเข้าโรมรันต่อเนื่องไม่เว้นช่วง

แต่แม้จะพยายามขนาดนี้อีกฝ่ายก็ยังรับได้ทุกเพลงดาบ

"มันจบแล้วตาลุง ฉันรู้นะว่าวิชาของลุงคือการเปรียบกับดาวทั้ง9ดวง ตลอดที่สู้กันมา ลุงใช้วิชาไปครบทั้ง9เพลงดาบแล้ว แต่ไม่มีดาบไหนเลยที่เข้าถึงตัวฉัน มันบ่งบอกแล้วว่าฉันเหนือกว่าลุง แถมอาการบาดเจ็บของลุงก็สาหัสมาก ไม่มีทางที่ลุงจะชนะแล้ว"

ฌอนพูดถูก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีดาบไหนของไพศาลเลยที่เข้าถึงตัวเขา ทั้งอาการบาดเจ็บและอายุ ฌอนเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดในตอนนี้

"หึ ไอ้หนุ่ม เอ็งอย่าลำพองนัก พลังที่เอ็งมีอยู่ในตอนนี้มันเป็นเพียงสิ่งที่ยืมคนอื่นมา แขนเทียมนั่นเป็นสิ่งที่ช่วยเอ็งให้รอดพ้นจากมัจจุราช มิใช่ความสามารถของตน"

"ดูออกจริงๆสินะ ก็จริงที่ฉันใช้พลังของแขนข้างนี้ แต่ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่า วันนี้ฉันคือคนที่จะชนะลุงไม่ได้อยู่ดี ด้วยความสามารถตรวจจับที่มีความเร็วเกือบเทียบเท่าแสง ไม่มีวัตถุใดจะมาถึงตัวของฉันได้"

"ประมาทจริงไอ้หนุ่ม ข้ามีเรื่องจะกล่าวแก่เอ็งอยู่ 2เรื่อง

เรื่องแรกคือเอ็งเข้าใจถูกว่าวิชาดาบของข้าคือดวงดาวในระบบสุริยะนี้

แต่ทว่า ข้อ 2

โดยปกติแล้ว ดาวฤกษ์นั้นมักเป็นระบบดาวคู่ หากแต่ปรากฏว่าเป็นดาวเดี่ยวแล้ว อนุมานได้ว่า คู่แฝดมันคงถูกกินไปแล้ว ดังนั้นวิขาของข้าจึงมิใช่ นพเคราะห์ หากแต่เป็น ทศเคราะห์"

'ดาบที่10 ครรลอง สองดารา'

ชายแก่พุ่งเข้าฟาดดาบใส่ตรงๆ

แขนเทียมของฌอนตอบสนองตามอัตโนมัติเหมือนที่ผ่านมา

"หึ อะไรกันตาแก่ ไม่เห็นจะวิเศษวิโสกว่าดาบอื่นตรงไหน ไม่สิ วิชาดาบนี้มันห่วยกว่า-!!! "

ฌอนพูดไม่จบประโยค สีหน้าที่อสดดีก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงและทรมาร

"ตกใจอะไร เอ็งไม่ได้ฟังที่ข้าพูดเมื่อกี้รึไงว่า ระบบดาวคู่นะ มันจะกินกันเอง"

"แก ไอ้แก่!!! "

ฌอนถูกสูบพลังชีวิตตั้งแต่ที่เขารับการโจมตีนั้น

เขาดีดตัวหนีออกมา แต่ความเร็วลดลงอย่างเห็นได้ชัด

จากการที่ถูกดูดพลังชีวิตไป กล้ามเนื้อของเขาก็เสียพลัง

คนแก่ไล่ตามไปโจมตีอย่างต่อเนื่อง

แม้ฌอนพยายามจะหลบ แต่แขนเทียมที่ตั้งคำสั่งเอาไว้ก็ส่งดาบเข้าปะทะตามหน้าที่ของมัน ทำให้เขาไม่อาจสลัดหลุดได้

การตรวจจับที่รวดเร็วที่เคยเป็นเกราะป้องกันขั้นดี บัดนี้กลายเป็นไฟพิษที่ค่อยๆฆ่าเขาช้าๆ

"ดาบที่9 และ 10 นี้ต่างจากดาบอื่นๆตรงที่มันไม่ใช่เพลงดาบกายภาพหรือเวทธรรมดาดาษดื่น แต่คืออาคมเชิงแนวคิดต่างหาก เอ็งที่บอกว่าไม่มีวัตถุใดรอดพ้นจากการตรวจจับจอวแขนเทียมได้ ทำให้จ้าเข้าใจทันทีว่า หากข้าใช้อาคมเชิงแนวคิดเข้าสู้ต้องจัดการเอ็งได้

ครรลอง สองดารา แนวคิดคือ ดูดกลืนคู่แฝด เอ็งกับข้าคือนักดาบทั้งคู่ หากจับคู่ด้วยแนวคิดนี้อาคมเชิงแนวคิดก็จะบรรลุเงื่อนไขการใช้งาน"

อาคมเชิงแนวคิดงั้นเรอะ วิชาเวทที่ TPI ของพวกนักเวท W.A. พยายามเลียนแบบ

วิชาที่ใส่แนวคิดลงไปในอาคมก็บันดาลความตายหรือคืนชีพให้ก็ได้ รักษาอวัยวะที่หายไปก็ได้นั่นนะเรอะ

จะบอกว่าตาแก่นี่ คือคนที่เข้าถึง 'อาคมเชิงแนวคิด' ที่ว่างั้นเรอะ

"หนอยแน่แก!!!! " ฌอนร้องกู่ก้องฟาดดาบสวนไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี

แต่มันไม่พอ

ไพศาลซัดดาบคาตานะกระเด็นหลุดมือไปไกลจนยากจะตามคืนดาบดำตะวัดซ้ำตัดคอปลิดชีพอีกฝ่ายไม่ลีลา

หัวขาดกระเด็น ส่วนร่างล้มลง

ยักษ์ดำเป็นฝ่ายชนะ

ทว่าเขาเองก็ล้มลงไปนอนแนบพื้นเช่นกัน

เสียเลือดมากเกินไป แถมใช้วิชาไม่ดูสังขาร

เขาได้แต่คิดว่าหากอาจารย์ของตนมาเห็นสภาพเขาในตอนนี้คงโดนเทศน์เสียหูชา

หากหลับตาลงตรงนี้จะได้เจอ พิจิตหลานสาวสุดที่รักไหมนะ

ไม่สิ ตัวเขาที่เคยฆ่าคนและอสูรมากมาย คงมิได้ไปสวรรค์กระมัง

ถึงจะน่าเสียดาย แต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะทำอะไรได้แล้ว

อสูรด้ายแดงที่สลายไปแบบนั้นคงเกิดเรื่องกับไพโรจน์ ลูกชายอัปรีย์ของเขาเป็นแน่

เอาเถิด ตัวเขาที่ใกล้ตายแล้วก็คงต้องวางทุกอย่างเอาไว้ตรงนี้ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของคนเป็นเท่านั้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา