ตุ๊กตาเทวา
เขียนโดย ประพันธ์กรขาจร
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.
แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) บทที่33 บทกวี(3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อมายืนอยู่หน้าตึกก็ปรากฏว่าประตูหน้านั้นเปิดอยู่แล้ว
ภายในทั้งมืด หนาวและเงียบอย่างที่สุด
เขาเดินแตะอะไรบางอย่างจนมันกลิ้งคลุกๆ ไปติดบันไดกลาง
เขาจึงเสกรูนส่องแสงขึ้น
"หวา!! "
เด็กหนุ่มร้องตกใจถอยล้มก้นจ้ำเบ้า แต่ความเจ็บนั้นน้อยนิดเมื่อเทียบกับความกลัว
สิ่งที่เขาแตะไปเมื่อครู่คือส่วนหัวของสาวใช้ที่เขามั่นใจว่าคือแมรี่อย่างแน่นอน
ดวงตาของเธอเบิกโพลงแข็งทื่อจ้องมาที่เขา ร่างกายที่เหลือในชุดเมดที่เห็นประจำห้อยพาดราวบันไดน่าสยอง เลือดแดงไหนนองส่งกลิ่นโลหะเหม็นตลบ ยังดีที่กวีไม่อ้วกออกมา
"กรี๊ด!!! "
เสียงกรีดร้องดังมาจากชั้น2ตรงปีกขวา
เสียงของราฟาเอล
กวีกลั่นใจวิ่งขึ้นบันไดผ่านศพของแมรี่
ปีกขวาไม่ซับซ้อน ทางเดินตรง ซ้ายคือห้องพัก ส่วนขวาเป็นหน้าต่าง
ประตูที่2เปิดอยู่ กวีจึงเข้าไปทันที
ห้องแรกเป็นส่วนนั่งเล่น มีเตาผิง ชุดโซฟา และชั้นหนังสือ เดินตรงไปเป็นช่องทางตันจะเจอประตู 3บาน
ซ้ายคือห้องน้ำ ตรงกลางคือห้องของกวี ทางขวาคือห้องของราฟเอลที่แง้มประตูอยู่
กวีเข้าไปอย่างระวัง
ด้านในเป็นทางตรงแคบๆ ซ้ายมือคือประตูห้องน้ำอีกห้อง พอตรงไปเลี้ยวหัวมุมก็จะเป็นส่วนที่นอนและของใช้ส่วนตัวของราฟาเอล
เจ้าของห้องนอนแนบพื้นใช้มือข้างหนึ่งกดรอยแผลที่คอเอาไว้ เธอมองมาที่กวีขอความช่วยเหลือ
เหนือร่างของเธอคือคนร้าย
วิคเตอร์เรีย เวฟ
นายหญิงแห่งตระกูลเวฟและแม่แท้ๆ ของราฟาเอล
เธอยืนนิ่งมีอาการสับสนชัดเจน แม่บุญธรรมมองมาที่กวีและก้มลงมองลูกสาวที่หายใจรวยริน
"ไม่!!! ไม่!!! ฉัน...ฉันกลายเป็น Acolyte ไปแล้วเรอะ!!! "
เธอซุกหน้าลงบนฝ่ามือร้องไห้คร่ำครวญน่าสังเวช
แต่ไม่นานเสียงร้องไห้ก็กลายเป็นเสียงคำราม
สัญชาตญาณผีดูดเลือดเข้ากลืนกินเธออีกครั้งเพราะกลิ่นเลือดของลูกสาว
กวีชี้ไม้กายสิทธิ์ยิงใส่จนวิคเตอร์เรียกระเด็นไปติดกำแพง
แขนซ้ายขาดไปแต่ไม่สิ้นฤทธิ์ เขาจึงยิงอีก2ครั้งระเบิดหัวใจอีกฝ่ายจนแน่นิ่งไป
เมื่อทุกอย่างสงบลง เขาจึงรีบวิ่งไปหาราฟาเอลที่นอนอยู่
'นี่คือเหตุผลที่คุณพ่อเอาไม้ค้ำของวอลล์มา'
เขาคิด
ภายในอัญมณีมีสูตรเวทหนึ่งอยู่ แต่ต้องใช้วงเวทของตัวไม้ค้ำเพื่อสั่งงาน
เวทนี้คงไม่ช่วยวิคเตอร์เรียที่ตายไปแล้วได้
แต่อาจจะช่วยราฟาเอลได้
"กวี..กวี..ฮือ..จะ..เจ็บจัง"
ราฟาเอลร้องไห้อย่างอ่อนแอ
เขาใช้รูนทำให้เลือดไหลช้าลง แผลจากเขี้ยวของแวมไพร์รักษาไม่ได้ มันจะสมานกันเองก็ต่อเมื่อคนที่ถูกกัดเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
"กลัวจัง..กวี"
"ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรือกลายเป็นผีดูดเลือดแน่"
เขาพูดหนักแน่น หาผ้ามาพันคอของเธอและแบกขึ้นหลังวิ่งออกไปอย่างเร็วที่สุด
มี Nuts 3ตนมาขวางทาง มันคงตามเขามาจากหมู่บ้าน ไม่ยากที่จะจัดการแม้ต้องแบกคนเจ็บมาด้วย
ในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย
ถ้ำมังกร
ราฟาเอลยังหายใจ
เขาวางเธอลงที่ริมบึงใหญ่
มือถืออัญมณีสีฟ้าแสนสำคัญ
กวีรีบอ่านสูตรเวทในผลึกเพื่อเข้าใจมัน
เขาพึมพำเสกรูนมากมายราวดวงดาวบนท้องฟ้า ลอยรอบเต็มโถงถ้ำ
เป็นครั้งแรกที่ใช้รูนมากขนาดนี้
ภาษาที่ใช้เป็นรูนโบราณแบบแอกโกลแซกซอนต่างจากสมัยใหม่
เวทหลักของไม้ค้ำของวอลล์คือ แยกส่วน
แม้ในระดับควาร์ก คำสาป หรือพร ก็แยกออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
กวีคิดจะใช้เวทบทนี้แยกเชื้อแวมไพร์ออกมาจากร่างของราฟาเอล
เขาต้องแข่งกับเวลา
แต่เวทของวอลล์เองก็มิใช้เวทพื้นๆ ที่ใครจะใช้ได้ตามสะดวก ตัววงเวทของไม้ค้ำคือตัวช่วยให้เขาถึง ซึ่งอย่างที่รู้ว่าตอนนี้กวีไม่มี
แต่เขาไม่ยอมแพ้
รูนทั้งหลายไหลเข้ามาล้อมรอบอัญมณี เพื่อจะสั่งงานเวทของวอลล์ต่างไม้ค้ำ
ปราณมังกรถูกสูบมาใช้มากกว่าทุกครั้งที่กวีเคยทำ
เส้นผมที่เคยเป็นสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีอ่อน
จากน้ำเงินเป็นฟ้า
และจากฟ้าเป็นเทา
เขาเริ่มทรมารมากขึ้นจากความหนาแน่นของรูนบนมือและปราณมังกรที่สูบมา
ในที่สุดเขาก็อดทนจนสำเร็จ!!
เวทแยกส่วนเริ่มทำงานจนได้
อัญมณีแปรเปลี่ยนเป็นของเหลวขยายขนาดพุ่งครอบร่างกายของราฟาเอล
กวีดึงผ้าพันคอออก หวังว่าพิษจะถูกดึงจากแผล
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
ของเหลวสีฟ้ากลายเป็นแท่งคริสตัล ผนึกร่างของราฟาเอลเอาไว้
ไม่มีคำถามอะไร กวีเข้าใจความหมายจากจิตใต้สำนึกทันที
ไม่ทันเวลา
เชื้อของผีดูเลือดหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเธอแล้วดังนั้น ตัวของราฟาเอลจึงถือว่าเป็นเชื้อของผีดูดเลือดทั้งหมด
จริงงั้นเรอะ
ไหนว่าแยกได้ถึงระดับควาร์กไง เชื้อนะมันใหญ่กว่าอะตอมไม่ใช่เรอะ
หรือเขาเองที่เปิดการทำงานผิด
หรือหนังสือเขียนผิด
กวีหาข้อโต้แย้งในหัวมากมาย เขาทรุดเข่าลงใช้มือขย่ำหัวตัวเอง
"ไม่!! ไม่!! ไม่!!!! " เด็กหนุ่มฟูมฟายตีโพยตีพายเสียยกใหญ่
แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
มีเพียงสีผมของเขาที่เปลี่ยนไปจากการฝืนร่างกาย
เสียงกรีดร้องและเสียงปืนหายไปแล้วภายในหมู่บ้าน ไม่มีใครรอด พวก Nuts ที่เหลืออยู่แค่แทะเนื้อเหยื่อที่นอนตายไม่กลายร่าง ไม่ก็เดินสะโหลสะเหลไร้จุดหมาย
"ขับไล่ภัยพาล สังหารความมืด
ผีร้ายถูกกลืน หากฝืนข้ามมา"
'Ring of fire'
เปลวไฟที่โหมไหม้อาคารทั้งหลายถูกดึงออกมากลายเป็นกำแพงไฟล้อมหมู่บ้าน
กวีจุดพลุจากปลายไม้กายสิทธิ์เรียกพวก Nutsให้มารวมกัน
มือซ้ายถือไม้ของราฟาเอลที่เจ้าของไม่ต้องใช้แล้ว
ส่วนมือขวาคือไม้ตัวเอง
"เข้ามาสิวะไอ้พวกเวร!!! "
เราประกาศลั่น นัยน์ตาไร้แล้วกับความกลัว
มีเพียงความโกรธและเสียใจ
Nuts นับร้อยแห่ดันพุ่งเข้าหาหวังว่าจะได้ชิมเนื้อของเหยื่อรายใหม่
1เดือนต่อมา
หลังจากงานปฐมนิเทศของโรงเรียนแฮรัลด์ประจำปี 2020จบลงทุกคนก็แยกย้ายไปห้องเรียนของตน
"นั่นๆ ใช่คนนั้นไหม"
"เจ้ากวีคนนั้นนี่"
เสียงซุบซิบนินทาดังรอบตัว แม้กวีจะได้ยินก็ไม่ใส่ใจ
"มีอะไร คนดังงั้นเรอะ"
"ไม่รู้เรอะเมื่อเดือนก่อนหมู่บ้านของเจ้านี่พังพินาศเลย"
"ทำไมละ"
"พ่อของเจ้านี้เลี้ยง Acolyte ไว้ แล้วดันทำหลุดออกมา ตายกันทั้งหมู่บ้านเลยละ"
"คุณพระช่วย!! หมอนั่นน่าสงสารแย่"
"สมน้ำหน้าละสิ เลี้ยงผีดูดเลือดแบบนี้ บ้านนี้มันโรคจิตชัดๆ พ่อเจ้านี้ติดคุกไปเรียบร้อยแล้ว แม่กับพี่น้องก็ตายหมดด้วย เหลือแต่เจ้านี่ยังหน้าด้านมาโรงเรียนอีก"
"นายมีปัญหาอะไรงั้นเรอะ" กวีไม่ทนแล้วเดินเข้าไปถามตรงๆ
"ฉันกลัวว่านายจะติดเชื้อแล้วมาไล่กัดคนในโรงเรียนไง" อีกฝ่ายไม่สลดแม้แต่น้อย
"งั้นฉันจะกัดแกคนแรกเลย"
"ทำได้ก็ลอง"
"สดชื่นกันตั้งแต่วันแรกเลยเรอะ"
ก่อนจะเกิดมวยขึ้น ชายร่างใหญ่ก็เข้ามาขวาง
ร่างกายที่บึกบึนและรอยแผลยาวข้างโหนกแก้มขวา ข่มขวัญรอบข้างได้ดี
"คุณบลัว ไม่มีอะไรดีกว่านินทาคนอื่นแล้วเรอะ ถ้าคะแนนคุณดีเหมือนปากก็ดีสิ คุณเวฟ ดูเหมือนคุณจะพยายามก่อเรื่องก่อนนะ ตามฉันมาซะ อ่อ คุณโฮฟมัน เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที รำคาญ"
"อ้าว? " ฟิลลิฟที่ยืนอยู่แถวนั้น ถึงกับงงที่จู่ๆ ก็โดนหางเลขไปด้วย
ณ สวนกลางที่เต็มไปด้วยไม้ดอกที่ถูกตัดแต่งอย่างดีและน้ำพุกลางลาน
กวีนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมสวน
ผู้แก่กว่าเดินมายื่นกาแฟกระป๋องให้
"ขอน้ำผลไม้รวมดีกว่าครับ"
"เรื่องมากชะมัด"
อเล็กซานเดอร์ส่งให้ตามคำขอและเอากาแฟไปกินเอง
"ขอบคุณครับ"
"คนไทยเขามีคำพูดว่า อันนินทากาเล เหมือนเทขี้ สินะ"
"เทท่า ต่างหากครับ" กวีแก้
"ใช่ๆ ประเด็นคือ เธอนะ อย่าใส่ใจมากนัก"
"ครับ"
"ฉันเองก็เคยนะ พี่ชายต่างแม่ของฉัน เขาต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือให้ฉันมีชีวิตต่อ"
กวีหันมองอาจารย์อย่างตะลึง
"ใช่ๆ ตกใจละสิ ท่านปราชญ์ อเล็กซานเดอร์ วันเดอร์วิล คนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมาแต่แรกหรอกนะ"
"ผมตกใจที่อาจารย์จู่ๆ ก็เล่าเรื่องส่วนตัวหน้าตาเฉยต่างหาครับ"
"ไม่น่ารักเล้ย ไอ้เด็กนี่ ฟังนะกวี ประเด็นคือ ฉันนะ แม้พี่ชายตายไปแล้วแต่ก็ยังยืนหยัด แต่ราฟาเอลยังไม่ตาย เธอเก่งมากที่ทำแบบนั้นได้ ฉันบอกให้เธอปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใครเรื่องไม้ค้ำของวอลล์ เธอได้บอกใครไหม"
"ไม่ครับ"
"ดี เพราะถ้าทุกคนรู้ว่า เด็กปี2 เปิดการทำงานของเวทแยกส่วนของวอลล์โดยไม่ใช้ไม้ค้ำละก็ สะเทือนทั้งวงการแน่ๆ แล้วหนึ่งเดือนมานี้ เธอคิดจะทำอะไรต่อ"
"...ไม่ทราบสิครับ"
"ไม่ๆ เธอรู้อยู่แล้วว่าอยากทำอะไร แต่ไม่รู้หนทาง ถ้าอย่างนั้น ฉันคิดว่า Tria Prisma Item คือสิ่งที่เป็นไปได้ละ"
กวีหันมามองอย่างตกตะลึงอีกครั้ง
"ฉันว่าศิลานักปราชญ์เป็นวัตถุดิบที่น่าลองวิจัยเพื่อให้ราฟาเอลกลับมานะว่าไหม เธอจัดการ Acolyte และ Nuts ได้ด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด ฉันว่า แค่สอบชิง TPI ไม่น่ายากสำหรับเธอ"
"ขอบอกตรงๆ นะกวี นายอาจจะทำใจลำบาก แต่ฉันคงต้องตอบตามจริง นายทำให้คนที่กลายเป็นแวมไพร์กลับมาเป็นมนุษย์ไม่ได้หรอก มันไม่ใช่คำสาป แล้วก็เชื้อโรคด้วย"
"แล้วมันคืออะไร" กวีท่าทางไม่เป็นสุขบนเก้าอี้ไม้ทรงหรูของเหมย ราวกับว่ามีเตาไฟร้อนๆ อยู่ข้างใต้
"การกลายพันธุ์ ไม่ใช่เวทมนตร์คุณไสยแต่อย่างใด ทุกเซลล์ในร่างกายของเธอถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นแวมไพร์ ทั้งโครโมโซม DNA RNA ทุกอย่าง"
"แกกำลังปั่นหัวฉันเรอะ ชูใจ" กวีดูท่าจะไม่ยอมรับ
"ข้อตกลงของเราคือ นายช่วยฉัน ฉันช่วยนาย แต่เรื่องนี้มันจบแล้วจริงๆ กวี นายยอมรับมันซะและให้ฉันช่วยอย่างอื่นเถอะ"
กวีกุมขมับท่าทางเครียดเอาการ
เป็น5ปีของเขาที่ศูนย์เปล่างั้นเรอะ
เวทมนตร์มิอาจแก้ไขได้ทุกเรื่อง
ท่าว่าจะจริง
ในมือซ้ายของกวีคืออัญมณีสีฟ้าทรงจตุรัสที่คุ้นเคย
และชุดเดรสสีแดงที่เด็กสาวนามราฟาเอลเคยสวมใส่
ร่างกายนั้นไม่มีอีกแล้ว
ขี้เถ้าสีหม่นที่กองอยู่แทบเท้าคือหลักฐาน
กวีเก็บมีดและอัญมณีให้เรียบร้อย ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ