ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  19.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) บทที่27Castling(เข้าป้อม)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ผมมองไปสุดลูกหูลูกตาไร้สิ่งใดกั้นจนสุดขอบฟ้า

ท้องฟ้าผิดแผลกแปลกประหลาดหลากสีจากก้อนเมฆขะมุกขะมัวทรงพิลึกตาชวนรำคาญน่าปวดหัว

ใต้เท้าคือพื้นน้ำใสที่เจิ่งนองไม่พ้นฝ่าเท้า

ผมขยับก้าวเดินไปในที่ที่ก็ไม่รู้หรอกว่ามุ่งไปที่ใด

แต่ความรู้สึกบอกว่า เป็นทางที่ถูก

ผ่านไปสักพักก็มองเห็นบางอย่างที่เส้นขอบฟ้า

เมื่อเดินมาถึงก็พบว่ามันคือประตูบานใหญ่สีดำแบบบานคู่ตั้งตระหง่าโดดเดี่ยวลอยเหนือพื้นและแกะสลักทรงเรขาคณิตพร้อมกับอักขระที่ผมไม่รู้จัก

เมื่อออกแรงผลักประตูกลับพบว่ามันเปิดออกไม่อยากนักต่างจากขนาดของมัน

ด้านในมืดสนิททั้งๆที่เป็นประตูเปล่าๆที่ไม่ได้ติดอยู่กับอะไรแท้ๆ

แม้ยังไม่ได้ข้ามธรณีประตูเข้าไปก็ดูเหมือนจะมีคนคอยต้อนรับอยู่

คบเพลิงด้านใน 2 แท่งถูกจุดขึ้นส่องสว่างให้เห็นถึงบันลังค์หินตั้งอยู่ตรงกลางและเจ้าที่ผู้ประทับนั่งครองอยู่

"เข้ามาสิ นิพนธ์"

เสียงกังวาลใสน่าฟัง แต่ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย

ผมเดินเข้าไปใกล้ พื้นด้านในไม่มีน้ำแล้ว

อีกฝ่ายสวมผ้าคลุมสีขาว เหมือนกับผ้าปูที่เอามาคลุมของในบ้านเวลาไปต่างจังหวัดนานๆ เผยให้เห็นเพียงแค่มือและเท้าที่ผอมแห้งซีดเผือก

"คงต้องพูดว่า ยินดีที่ได้รู้จักสินะ แม้ว่าเราจะรู้จักเจ้ามาตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะ"

"ท่านราคัมสินะครับ ท่านอยู่ที่นี้มานานแล้วงั้นเรอะครับ"

"ถ้าถามถึงสภาพนี้ละก็ น่าจะ 160 กว่าปีมาแล้ว แต่ถ้ามาถึงที่โลกนี้ละก็ น่าจะสักเกือบ 1000ปี ได้แล้วละมั้ง

"นานขนาดนั้นเชียว แล้วทำไมถึงมาที่โลกนี้หรือครับ"

"เป็นเพราะความรักนะ"

"ห๊ะ!? "

"เพราะว่าข้าได้พบกับเทพีที่งดงามองค์หนึ่งที่อยู่ที่นี่ จึงได้เดินทางข้ามสายธารแห่งดารามาจนถึงจุดหมาย"

"เอ่อ แล้วเทพีองค์นั้นคือใครหรือครับ"

"ท่านเทพีไกอานะ"

มีจริงงั้นเรอะเนี่ย ไม่สิ ถ้าผีมีจริง เทพจะมีจริงก็ไม่แปลก แถมคนตรงหน้านี่ก็เป็นเทพเหมือนกัน

ว่าแต่เทพี่ไกอาคือพระแม่ธรณีของกรีกสินะ แบบนี่จะสรุปว่าท่านเทพราคัมเป็นผู้ชายได้เลยไหมนะ

"มันเริ่มจากที่มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคผู้หนึ่งที่ห่มกายด้วยผ้าสีเหลืองดั่งขมิ้นได้เปิดประตูแห่งสรรพจักรวาลเพื่อให้เทพและปีศาจทั้งหลายได้รู้จักกัน"

เล่าเองเฉยเลย!

รู้จักคำว่าขมิ้นด้วยแฮะ แสดงว่าสิงร่างเรามานานจริง แต่เหตุการณ์คุ้นๆนะ

"เหล่าเทพ อสูร แลสัตว์ร้ายทั้งหลายต่างหลงไหลสรรเสริญมหาบุรุษผู้นั้น ถึงความงามและปัญญา เราในตอนนั้นเองก็เช่นกัน แต่เราเป็นเพียงเทพชั้นล่าง มิอาจผ่านเทพชั้นสูงกว่าเข้าใกล้ไปทอดมองได้ถนัดถนี่ ชะรอยหากดื้อดึงจะถูกรังเกลียดเบียดไล่ออกมาเสียเปล่า เราจึงได้แต่รอขออยู่ท้ายแถวห่างๆ

ระหว่างที่นั่งสดับฟังเทศนาอย่างสันโดษอยู่นั้น กลับมีเทพีผู้เลอโฉมงดงามมาทักทายและเชื้อเชิญให้เราไปร่วมวงกับหมู่เทพทั่วสากลภพ

แน่นอนว่าเรานั้นเอ่ยปฏิเสธไป นางเองแม้ว่าจะทำท่าเสียดายแต่ก็เข้าใจอย่างสุภาพและได้สั่งสนทนากับเรา

นางเป็นเทพีแห่งธรนีและรักมนุษย์ในดินแดนของนางมาก

เราตื่นตากับคำสาธยายในโลกที่แปลกหูแปลกตาจนลืมที่จะถามชื่อเสียงเรียงนาม แต่หากยังรู้ว่านางมาจากมหาทวีปเดียวกับมหาบุรุษผู้นั้นก็ไม่น่ายากที่จะตามหานาง ถึงแม้ในความเป็นจริงเรากลับใช้เวลาถึง1000ปี โดยใช้เวลาของโลกนี้เป็นตัววัดก็ตาม กว่าจะมาถึงดาวโลกนี้ได้ แถมพลังยังเกือบหมดจนหลับไหลไปถึงอีก1000ปี และในที่สุด เมื่อ500ปีก่อน เราก็ได้เจอนาง

ทว่านางในตอนนั้นเริ่มอ่อนกำลังลงอย่างมาก เพราะผู้คนเริ่มขาดความนับถือ"

"เดี๋ยวนะครับ เทพีไกอาเนี่ย เป็นภรรยาของเทพยูเรนัสสินะครับ"

"เราเข้าใจที่เจ้าสงสัย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเรานั้นมิได้คิดจะเป็นชู้กับผู้ใด"

คงไม่ใช่ผัวเผลอแล้วเจอกันนะ

จะว่าไปทั้งเทพปอนตัส เทพทาร์ทารัส และอีกมากมาย ก็เคยเป็นสามีของเทพไกอานี่หน่า

"จุดที่แย่ที่สุดคือยุคที่การงานด้านอุตสาหกรรมมาถึง แผ่นดินในแดนนั้นเป็นพิษเสรื่อมโทรม เทพไร้การบูชาไม่กล่าวถึงและถูกเพิกเฉย สุดท้ายก็ร่วงหล่น

ส่วนฝั่งผู้วิเศษก็ใช้มานากันอย่างเห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงอนาคตแห่งวันพิพากษา เราจึงออกสู่หน้าม่านเพื่อบอกกล่าวตักเตือน

แต่เพราะการงานของเรานั้นขัดผลประโยชน์ด้านวัตถุนิยมของฝ่ายอุตสาหกรรมและอัตตาความโลภของฝ่ายนักเวท เราจึงถูกใส่ใคล้ว่าเป็นปีศาจมาล่อลวงผู้คน และถูกกลุ่มผู้มากฤทธิ์ 7 คนจับขังพันธนาการจองจำ ณ ห้องกาลเวลาและเก้าอี้นิรันด์ ต้องใช้กุญแจ 7 ดอกในการปลดผนึกเก้าอี้ตัวนี้"

ผมเดินไปด้านหลัง เห็นภาพนูนต่ำและรู 7 ตำแหน่ง

"แต่ตอนนี้มีคนปริศนาไล่ฆ่าเหล่า เชื้อสายของผู้มากฤทธิ์ทั้ง 7 และนำกุญแจไป เธอคงรู้ใช่ไหม คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ณ ตอนนี้"

อย่างนี้นี่เอง เหตุผลของคนร้าย คือสิ่งนี้สินะ ท่านวาเนซารู้เรื่องนี้จึงถูกปิดปากงั้นเรอะ

"แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ในตัวผมละครับ ยุคที่ท่านถูกผนึกมันเป็นร้อยปีเลยนะครับ"

"เมื่อถูกผนึก เรายังมีกำลังพอจะเคลื่อนย้ายทั้งห้องกาลเวลาไปที่อื่นได้ เพียงแต่เราทำลายห้องไม่ได้ วันหนึ่งเราจึงคิดได้ว่า เรานั้น สามารถเข้าไปในตัวมนุษย์แล้วรอวันที่จะพูดคุยกับเจ้าของร่างได้ เราเริ่มต้นจากปู่ทวดของเจ้า ปู่ของเจ้า แต่ก็ไม่สามารถคุยกับทั้ง 2 คนได้ เราได้รู้ว่า เพราะคลื่นมานาที่มีอยู่ในร่างขัดขวางเสียงของเรา เราจึงเว้นช่วงพ่อของเจ้า เพื่อคิดค้นวิธีขจัดมานาออกจากร่างกายให้สิ้น พอมาถึงเจ้าเราก็ทำสำเร็จ จึงเป็นเหตุให้เจ้าใช้มานาหาได้ไม่ แต่เราก็ช่วยทดแทนยามเมื่อเจ้าคับขัดแทน"

"ใครคือคนที่พยายามขวางท่านละครับ เขาทำไปทำไม"

"เรามิอาจรู้"

ผมถอนหายใจคอตก นึกว่าจะได้รู้ความจริงของคนที่ฆ่านาฏยาแล้วเชียว เดี๋ยวสิ 7 คนงั้นเรอะ แสดงว่ายังเหลืออีก 2คนสิ ไม่ใช่คนเดียว

"ว่าแต่ รู้ได้ยังไงว่าใครคือเชื้อสายของ 7 ผู้มากฤทธิ์ ที่ท่านบอกละครับ ถ้าท่านรู้ผมไม่แปลกใจ แต่คนร้ายละ รู้ได้อย่างไรครับ"

"รอยปานรูปปีกนกที่แผ่นหลัง จะมีมาแต่กำเนิด สมัยนี้พวกรอยอัตตลักษณ์บนร่างกาย จะถูกทางเขตหรืออำเภอบันทึกเอาไว้ใช่ไหมละ เราคาดว่าคนร้ายน่าจะค้นข้อมูลจากจุดนี้แหละ "

ก็ชัดเจนดีแฮะ แปลว่า คนร้ายเป็นคนที่ทำงานราชการงั้นเรอะ ไม่สิ สมัยนี้เก็บข้อมูลแบบดิจิตอล ถ้าแฮกเข้าไปก็คงได้ข้อมูล

ไม่สิ วิธีที่ง่ายกว่านั้นก็มีนี่ แค่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ก็อาจได้ข้อมูลมาแล้ว ถ้าเป็นข้อนี้แสดงว่าคนร้ายเป็นคนมีฐานะร่ำรวย

เฮ้อ จำกัดวงไม่ลดลงเท่าไรเลยแฮะ

"เจ้าแค้นใจเรื่องเด็กสาวคนนั้นสินะ...เรารู้ดี เราเข้าใจถึงจิตใจของเจ้าได้"

"ถ้าท่านเป็นเทพต่างมิติจริง ท่านคงบอกผมได้สินะครับ เรื่องเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน"

"...เป็นจริงดั่งเจ้าสงสัย นิพนธ์ เจ้าปราถนาที่จะพานพบกับเด็กสาวผู้นั้นอีกสินะ"

ผมได้แต่เงียบไม่พูดอะไร

ผมไม่รู้ว่ามันถูกต้องไหม ถ้าหากมนุษย์เดินทางข้ามมิติคู่ขนาน

จะเกิดผลกระทบอะไรร้ายแรงหรือเปล่า อันตรายไหม ไม่ผิดกฏอะไรใช่ไหม

"ย่อมได้ เราพาเจ้าไปได้ แต่"

ท่านเทพร้องห้าม ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกมา

"แม้จะใช้พลังของเทพนั้น แต่การเดินทางข้ามมิติไปก็ยังใช้เวลาเป็น 10 ปี จริงอยู่เราก่อนหน้านี้ก็เสียเวลาหลงไปที่มหาทวีปอื่นจนเสียเวลามากโข

แต่เรารับรองว่า การกลับไปที่มิติของเรานั้นมิหลงแน่นอน

แต่เด็กสาวนั่นก็คงมิอาจเป็นแบบที่เจ้าเคยเจอ ณ ดาวดวงนี้อีก เจ้าแน่ใจนะว่าจะรับได้"

"ครับ แน่ใจ ว่าแต่ ท่านเคยเห็นเธอไหมครับ"

"ไม่ เรามิได้อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้ในโลกของเรา"

"อย่างนั้นเรอะครับ"

แปลว่า ที่จริง อาจจะไม่มีนาฏยาอยู่ หรือมีอยู่ในเส้นทางชีวิตที่ต่างไปแบบสุดๆเลยก็ได้สินะ

แต่ว่า เราอยากรู้

เราอยากเจอเธอ

"ตกลงครับ ท่านจะให้ผมช่วยอะไรเพื่อแลกเปลี่ยนก็บอกได้เลยครับ"

 

 

 

"ไง"

เสียงบาทหลวงทักขึ้น

ผมลืมตาตื่น ในท่านั่งสมาธิอยู่ รอบๆมีเทียนน้อยใหญ่ถูกจุดตั้งวางอยู่อย่างมีนัยที่ผมไม่รู้ความหมายไปทั่วห้อง พื้นห้องถูกวาดลวดลายวงเวทที่ผมไม่เข้าใจจนเต็มห้อง

เราใช้ห้องที่ว่างอยู่ห้องหนึ่งทำพิธีเข้าไปในจิตใจของผมเพื่อคุยกับท่านเทพราคัม

"เป็นยังไงบ้าง ท่านเทพว่ายังไง"

ท่าทางของผู้ทรงศีลยังคงเรียบเฉยเหมือนที่ผ่านมา แม้ว่าเขากำลังจะได้ฟังสารจากตัวแทนเทวาอย่างผม

ผมเล่าทุกอย่างให้หลวงพ่อฟัง

"อืม หลังจากนี้ฉันจะติดต่อไปยังศูนย์บัญชาการของโบสถ์ และขอความร่วมมือให้ความช่วยเหลือแก่เธอ"

"ขอบคุณครับ"

"ไม่เป็นไร เราทำเพื่อมนุษยชาติ ไม่ได้ทำเพื่อเธอ ท่านเทพราคัมมีเป้าหมายที่จะกอบกู้โลกที่ถูกพวกนักเวทและนายทุนกลุ่มอุตสาหกรรมทำร้าย เราในฐานะสาวกแห่งพระเจ้า ก็สมควรที่จะชี้ทางให้ผู้คนรอดพ้นจากวันพิพากษา จึงยินดีร่วมงาน"

พูดตรงชะมัด สรุปเราเป็นแค่เครื่องมือสินะ

"จงยินดีเสียเถิดพ่อหนุ่ม"

คำพูดคุ้นๆแถมคนพูดเป็นบาทหลวงด้วย

จากเรื่องอะไรสักอย่างที่ยำใหญ่วีรชนนะ

จังหวะนั้นมีเสียงกริ่งดังขึ้น อะไรกัน ที่นี่ไฟฟ้ายังใช้ได้งั้นเรอะ

บาทหลวงรีบออกไปจากห้องลงไปประตูหน้าที่ชั้นหนึ่งโดยมีผมตามไปติดๆ

"คุณพ่อครับ" บาทหลวงยกมือหยุดคำพูดของชูใจเอาไว้ เขาเดินไปเปิดประตูออกและแขกของเราก็ก้าวเท้าเข้ามาในเคหะสถาน

"สบายดีนะนิพนธ์" แขกร่างสูงกล่าว

"ท่านอเล็กซานเดอร์"

"ตกใจละสิ ใช่ ฉัน อเล็กซานเดอร์ วัลเดอร์วิล เอง"

"ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่" ชูใจร้องถามท่าทางไม่พอใจ

"อย่าหยาบคายชูใจ เราเป็นพวกเดียวกัน" ผู้ทรงศีลปราม

"พวกนี้มันนอกรีต เมินเฉยต่อพระเจ้านะครับ พวกกาฝากที่คอยกัดกินโลก ไหนว่าเราแค่ร่วมมือกันเพราะต้องการนิพนธ์"

ทว่าก่อนที่ชูใจจะพูดอะไรต่อร่างของเขาก็กระเด็นไปติดกำแพงด้านหลังโดยมีมือใหญ่ที่แข็งแรงดังเหล็กกล้าและรอยแผลเป็นจับคอเอาไว้

ชูใจยกมือข้างที่ถือปืนขึ้นฟาดพันท้ายหวดเข้าใส่ที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย

แต่กลับถูกแรงกระแทกบางอย่างอัดเข้าให้ก่อนที่จะทำสำเร็จจนปืนหลุดออกจากมือ

"เฮ้ยลุง!! "

ผมคว้าเอาดาบแสงออกมา2เล่มเตรียมพุ่งใส่ แต่ท่านบาทหลวงมาขวางเอาไว้ด้วยท่าทางเผชิญหน้า

"โลกมันกว้างนะเจ้าหนุ่ม ถึงแม้นายจะเป็น ผู้กระทำแทนลำดับที่13 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสูสีกับฉันหรอกนะ นั้นสิ บอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่าถ้าไม่ใช่กลุ่มหัวแถว 3คนแรก ก็อย่าหวังจะชนะฉันเลย"

จอมเวทปล่อยมือทำให้ร่างของชูใจร่วงลงมากองกับพื้น แต่เด็กหนุ่มยังไม่วายจ้องมองด้วยสายตามาตร้าย

"เราไม่สามารถทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจเราต้องการได้หรอกนะ บางครั้งเราก็ได้งานที่เงินเดือนไม่ตรงกับตำแหน่ง หรือได้งานในบริษัทเล็กๆที่ไม่มีชื่อ หนักข้อก็ได้งานไม่ตรงกับที่เรียนมาด้วยซ้ำ"

"ก็ยังดีกว่าตกงานละน่า" บาทหลวงกล่าวพลางขยับแว่น

"ก็จริง แต่เด็กสมัยนี้มันไม่คิดแบบนั้นเนี่ยสิครับคุณพ่อ จะว่าไปฉันเองก็เอาแต่ใจเหมือนกัน เพราะไม่ถูกใจพวกนักเวทที่เห็นแก่ตัวหลงไหลในอำนาจที่ตนเองอุปโลกขึ้นมาแล้วชี้ชะตาชีวิตคนอื่นราวกับอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ ฉันจึงอัปเปหิตนเองก้าวสู้เส้นทางที่คิดว่าถูกต้องมากกว่า"

จอมเวทหยุดยืนต่อหน้าผม ร่างที่สูงใหญ่ทำให้ผมต้องแหงนหน้าขึ้นมองราวกับกำลังมองยอดผาที่หาทางปีนผ่านไม่ได้

"นับแต่นี้ไปของฝากด้วยนะ เธอคือกุญแจสู่การกอบกู้แล้ว นิพนธ์ สกุณาวงศ์ เราจะดูแลเธอดั่งขุนบนกระดานเชียว"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา