ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  18.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) บทที่ 24 เบี้ยบ่อพราง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ขอแจ้งเตือนเรื่องการเปลี่ยนชื่อครับ : จากชื่อ churst of england ในตอนก่อนหน้า จะเปลี่ยนเป็น old church นับแต่นี้

จึงเรียนมาเพื่อทราบครับ

เป็นเวลาล่วงเลยถึง 3 วันแล้วที่ผมได้อยู่กับพ่อฝรั่งนามเธิร์สตัน หรือชื่อจริงคือ ฟิลลิฟ ฟวอน โฮฟมันสมาชิกสภาจอมเวทชั้นต้น

ผมยังไม่ได้ทำตัวกระโตกกระตากไปว่ารู้ตัวจริงของเขาแล้ว เพราะก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ของอีกฝ่าย

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าหมอนี้ใช้เวทลวงตาทำให้คนอื่นมองว่าเขาผมสั้น ดังนั้นการที่ผมไปทักเรื่องผมยาวของเขานั้นจึงทำให้ทั้งกวีและเจ้าตัวออกอาการดังวันนั้น

ที่ผ่านมาผมก็พาทัวร์โรงเรียนจนหมดแล้วส่วนเรื่องกฎก็ไม่มีอะไรมาก เรื่องภาษาไทยก็ดูท่าว่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว

แถมยังเรียนดีกีฬาเก่งดนตรีเยี่ยมกว่าเจ้ากวีเสียด้วย สิ่งเดียวในตอนนี้ที่ยังทำให้ผมกับหมอยังสุงสิงกันอยู่ก็มีแค่หมากรุกหลังเลิกเรียนเท่านั้น

ผมยอมแพ้กับหมากรุกสากล หมอแกเก่งเกินไปสำหรับผม คราวนี้ผมจึงลดระยะความเก่งแกลงด้วยการเลือกหมากรุกไทยมาในวันนี้

ท่าทางเขาดูสนใจใคร่รู้ ผมจึงอธิบายตาเดินและเวลาเบี้ยแปลงร่าง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรและเริ่มเล่นทันที แน่นอนว่าเธิร์สตันเป็นฝ่ายขาวเพื่อความยุติธรรม

น่าแปลกที่วันนี้ไม่เห็นกวีเลยตั้งแต่เที่ยงตรง

“อืม จะว่าไปช่วงนี้ฉันได้ยินข่าวแปลกๆ มาด้วยละ” เธิร์สตันเปิดเบี้ยกลางกระดาษมาที่ จ4 แบบทั่วๆ ไป

“หืม ข่าวอะไรหรอ”

“เห็นว่า ประธานนักเรียนของที่นี่หายไป กับคณะกรรมการนักเรียนคนหนึ่ง แถมก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์นักเรียนเป็นลมแปลกๆ ด้วย”

“อ๋อ เรื่องนั้นนะเอง ฉันก็ว่ามันแปลกจริงๆ นะ แต่เรื่องหายตัวไป ไม่ใช่ว่าหนีตามผู้ชายหรอกเหรอ” ผมก็พูดงั้นๆ เพราะที่จริงก็รู้ความจริงอยู่แล้ว แต่เจ้านี่นะสิ เอาเรื่องนี้มาพูดทำไมกัน

“เอ๋ นักเรียนดีเด่นไม่ใช่เหรอ ประธานนักเรียนนะ”

“นักเรียนดีเด่นก็ดีแตกได้ ที่อเมริกาเองก็มีเหมือนกันไม่ใช่รึไง”

“ก็จริง แต่นายดูท่าทางมั่นใจจังนะ นิพนธ์”

“ฉันก็อ้างไปงั้นแหละ ไม่รู้เหตุผลจริงๆ หรอก”

“นี้ นายทำได้ยังไงงั้นเรอะ”

“...”

“นิพนธ์”

“หา ว่าอะไรนะ”

ผมไม่ได้ฟังเลยเพราะดูท่าว่าเดินไม่กี่ตา หมากบนกระดานมันก็เริ่มดุเดือดขึ้นแล้ว

“นายมองผ่านเวทลวงตาฉันได้ยังไง สมัยเรียนนะ คนที่พอจะสูสีเรื่องนี้กับฉันก็มีแค่กวีเท่านั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ต้องมีการเตรียมการนะ แต่นายไม่ได้ทำอะไรเลยนี้”

“ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นั่นแหละ ว่าแต่นายเรียนรุ่นเดียวกับกวีงั้นเรอะ”

“ใช่ รู้เรื่อง Tria Prisma Item ใช่ไหมละ ฉันคือที่หนึ่งของรุ่น กวีได้ที่2”

“อ๋อ นายนั่นเอง” ผมที่เดินหมากไปไหนไม่ได้ จึงขยับม้าขวาวนไปมารอบหนึ่ง

“เกี่ยวกับตาขวาของนายรึเปล่านะ แล้วเรื่อง แอน ล็อค ละ นายทำได้ยังไง”

แอน ล็อค คือชื่อจริงของ รัตติกาล จิตรัก ผีดูดเลือดที่ผมเสียท่าไปก่อนหน้านี้

“หมายความว่าไงที่ว่าทำได้ไง”

“นายรู้ตัวจริงของเธอได้ยังไง คนที่พึ่งเข้ามาในวงการอย่างนายมันน่าทึ่งนะที่สืบสาวไปถึงตัวตนอย่างผีดูดเลือดได้ แม้แต่ใน W.A. เองก็ใช่ว่าจะทำแบบนายได้ทุกคน”

“แสดงว่าพวกนั้นคงต้องเข้มงวดเรื่องความสามารถของคนในองค์กรหน่อยแล้วละ”

“ฮะๆๆ พูดได้ดีนะนาย ฉันรู้มาว่านายไม่เคยขอข้อมูลกับทางสาขามาก่อน แถมยังทำตัวออกห่างอีกต่างหาก และตอนท้ายนายก็กลับมาพร้อมกับข้อมูลของคดีที่ไปสืบมาแล้วอย่างดี”

นี้คือสาหตุที่เจ้านี้มาที่นี่งั้นเรอะ เป้าหมายคือผมงั้นสินะ ว่าแต่เจ้ากวีไปไหนละ ที่แบบนี้ไม่โผล่หัวมา

“กวีไม่มาหรอก ฉันออกคำสั่งไปว่าห้ามมา เพราะฉันต้องการคุยกับนายแค่ 2 คนนะ”

ชิ

“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่คาดเดาเอา ฉันเป็นพวกเห็นผีนี้ จะเดาการมีอยู่ของผีดูดเลือดก็ไม่น่าแปลกนี้”

“มันยิ่งแปลกต่างหากละ ยิ่งแปลกมากๆ เลยละ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง นายน่าจะอนุมานไปทางผีสิงมากกว่าที่จะคิดว่ามีผีดูดเลือด แต่นายกลับคิดถึงผีดูดเลือด อะไรทำให้นายคิดถึงมันได้ นี้แหละที่ฉันอยากรู้ ในรายงานที่ฉันอ่าน มันดูเหมือนการอนุมานที่เลื่อนลอยของนายแค่โชคดีที่คิดถูก นิพนธ์ สภาชั้นต้นนะ ทำหน้าที่ต่างอัยการด้วยนะ การที่นายโกหกอัยการจะเป็นยังไง นายน่าจะรู้นะ เก่งวิชาสังคมนี้”

“รุก!!”

ผมใช้เรือ ไปกดหน้าขุนที่ ฉ6 อย่างไม่สนใจบทสนทนาขออีกฝ่าย โดยมีม้า จ4 ผูกอยู่ด้วย อีกฝ่ายตัดสินใจขยับขุนไปที่ ช3

บอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้เตรียมคำตอบเอาไว้เลย จะให้บอกว่ารู้มาจากพวกโบสถ์ได้ไงละ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าไอ้ 2 กลุ่มนี้ รักกันดีแค่ไหน

“นายพูดภาษาไทยเก่งดีนี้” ผมเลี่ยงคำถาม

“อ๋อ ฉันไม่ได้พูดภาษาไทยหรอกนะ แต่สมองของนายเข้าใจมันจากการประมวลผลระดับสุดยอดอยู่ ทำให้เข้าใจมันได้ทันทีจากภายในระดับจิตเท่านั้น”

“ห๊ะ” ผมงงหนักกว่าเดิม หมายความว่ายังไง ทำไมผมถึงทำแบบนั้นได้ละ

“เวทมนตร์นี้สะดวกดีนะ” อีกฝ่ายเฉลยพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

อ่านใจได้รึไง นี้ 2 รอบแล้วนะ

“ขอพูดตรงๆ นะ นายติดต่อกับองค์กรเบื่องหลังองค์กรอื่นใช่ไหม องค์กรไหน”

“มันสำคัญเรอะ”

“สำคัญมากๆ และการที่นายพยายามบ่ายเบี่ยงมาจนถึงตอนนี้มันบ่งบอกอยู่แล้วว่านายรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหน อ่า ใช่แล้ว ฉันนี้มันโง่เสียจริง การที่นายไม่ยอมบอกแบบนี้มันก็บ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วนี้นะOld Church สินะ”

ผมตกใจมากจริงๆ แต่ต้องนิ่งไว้ ผมน่าจะรู้ว่าการนิ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ดูท่าว่าอีตาโฮฟมันอะไรนี้จะเคี้ยวยากเอาการ ผมเจอของจริงเข้าให้แล้วละสิ รวมถึงหมากบนกระดานก็ด้วย

“พวกโบสถ์งั้นเรอะ ยากนะที่จะยอมรับได้ ถ้าเป็นวาติกันก็ว่าไปอย่าง แต่ทางนั้นเรียกว่า ไม้เบื่อไม้เมา ขมิ้นกับปูน น้ำกับน้ำมันต่อเราเลยก็ว่าได้ แถมผลงานก็ออกมาไม่ได้ดีซักนิด”

“หืม ไหนว่าเจอซากไง” ผมแปลกใจเงยหน้าละจากกระดานออกมา ว่าแต่จะยกตัวอย่างอะไรเยอะแยะ

“แผนจักจั่นลอกคราบต่างหาก แผนเดิมๆ ของยายนี้ จริงอยู่ที่ยืนยันได้ว่านี้คือร่างจริงของ แอน ล็อค แต่ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่า ยายนี้ยังไม่จบสิ้นแค่นี้หรอก เอาเถอะ เราไม่ได้จะพูดเรื่องนี้กันเสียหน่อย เราพูดเรื่องนายต่างหาก”

“นายไม่มีหลักฐานนะ”

“หืม เรื่องแบบนี้นะ ไม่มีใครทำอะไรโดยไม่ทิ้งร่องรอย นายน่าจะรู้ดีนะชอบอ่านนิยายสืบสวนนี้”

จริงที่สุด เรื่องนี้ผมเองก็เห็นด้วย ทุกการกระทำย่อมทิ้งผลกระทบให้เห็น ว่าแต่เจ้านี้สืบเรื่องของผมมาหมดแล้วสินะ

“เอางี้ไหม นายมาทำข้อตกลงกับฉันสิ นิพนธ์”

ผมเงยหน้าละจากกระดานหมากอีกครั้งอย่างสงสัย อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าผมให้ความสนใจก็เผยยิ้มมุมปากออกมาทันที

นี้คือจุดประสงค์ที่แท้จริงงั้นเรอะ

“ฉันจะไม่พูดเรื่องของนาย แถมถ้ามีคนสงสัยก็จะหาทางจัดการให้ แต่นายต้องช่วยฉันอย่างหนึ่ง”

ผมรู้สึกได้เลยว่า นี้มันหายนะแน่ๆ เคยเห็นกันบ่อยๆ กับการกุมความลับของอีกฝ่ายแล้วบอกว่า ‘ช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งสิ’ ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่แค่อย่างเดียวแต่มันคือทั้งชีวิตต่างหาก และมันขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของเรื่องนั้นๆ ความใจแข็งของคนที่มีคดี กับความเลวของไอ้คนกุมเกม แถมตอนนี้ผมยังรู้สึกเหมือนนักการเมืองที่ถูกเสนอว่าจะปกปิดเรื่องรุกที่ป่าให้แต่ให้ช่วยเรื่องโกงชาติยังไงยังงั้น

“รุก!! อะไรงั้นเรอะ” ผมลองถามดูก่อนเผื่อว่ามันอาจจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น

ผมมองว่าหมากตอนนี้ผมน่าจะรุกจนในอีก 3 ตาเดิน จากการใช้เรือ ฉ6 จำกัดตาเดินขุนที่ ช7 และใช้เรืออีกลำผูกที่ ช1 แถมยังมีม้ามาที่ ญ5

โฮฟมันล้วงเอากล่องเล็กๆ ที่บุด้วยกำมะหยีออกมา

เดี๋ยวสิ นี้มัน ไอ้นั้นงั้นเรอะ

เขาใช้มือข้างหนึ่งประคองก้นกล่องเอาไว้ และใช้อีกมือหนึ่งเปิดฝามันออกมา

ด้านในเป็นแหวนหินผิวเรียบขัดมันสีเขียว

“รับไปสิ” เขาว่า

ผมยุกยิกทำตัวไม่ถูก

“คือ ฉันคิดว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องศึกษาดูก่อนนะ”

“รู้จักกันไปเดี่ยวก็ได้ศึกษากันเองแหละ”

อีกฝ่ายยัดเยียดแหวนนั้นมาให้ทันที

“ลองสวมดูสิ”

โฮฟมันท่าทางตื่นเต้นพิลึก

หนอย ดูสนุกสนานดีนี่

แหวนดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ใครละจะรู้ในเมื่อมันส่งมาจากมือของนักเวท

ผมลองสวมดูซึ่งพอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายพอดีอยู่นิ้วเดียว

ทันใดนั้นแหวนสีเขียวอ่อนดังกล่าวก็ส่องแสงร้อนขึ้น และหลอมรวมเข้ากับเนื้อที่อยู่รอบๆ นิ้วจนหายไป

ราวกับว่ามันซึมผ่านเข้าไปในเซลล์ผิวหนังดังครีมทาผิว

ผมหันไปมองอีกฝ่ายส่งสายตาทั้งฉงนทั้งโมโห

แต่เขายกมือห้ามไว้ก่อน โดยไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไร

“อ่าๆ อย่าพึ่งโวยวายน่า นี้แหละที่ฉันขอให้ช่วย นายสวมแหวนนี้เอาไว้และต่อไปนี้ก็อย่าไปนึกถึงมัน อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร”

“อย่าไปนึกถึงทั้งๆ ที่มันฝังเข้าไปในเนื้อของฉันเนี่ยนะ”

ผมพยามยายามพูดเสียงแบบปกติ เพราะในโรงอาหารยังพอมีคนอยู่บ้าง

“ขยะแขยงเป็นบ้า นี้มันอะไร อธิบายมาสิ”

“เอาเป็นว่ามันไม่เป็นอันตรายกับนายก็แล้วกัน ทำตัวให้ปกติอย่างที่ฉันบอก และเมื่อจบเรื่อง ฉันจะมาถอดออกให้ ถ้ามันไม่ได้ถูกใช้ไปก่อนละก็นะ”

“ถูกใช้? ใช้ทำอะไร”

“ถ้าไม่ถูกใช้น่าจะดีที่สุด เอาน่า ฉันขอรับรองด้วยชื่อของ ฟิลลิฟ ฟวอน โฮฟมัน ว่ามันไม่เป็นอันตรายต่อนายแน่ๆ รุกจน!!”

ผมกลับมาสนใจกระดานอีกครั้งก็พบว่า สถานการณ์หมากในตอนนี้ของผมนั้นจบได้ ย่ำแย่พอๆ กับชีวิตจริงเลยทีเดียว

ทั้งๆ ที่ผมกำลังจะรุกจนในอีก 3 เดินแท้ๆ แต่ดันโดนเรือของโฮฟมัน มาจ่อรุกหน้าขุนที่ ง2 โดยมี โคนที่ ค3 ผูกไว้และม้า ง3 อีกตัว

เรียกว่าปิดฉากลงได้น่าแค้นใจกว่าที่ผ่านมาสุดๆ

หมากรุกยังต้องคิด หมากชีวิตไม่คิดได้ไง

 

 

“อืม..หืม...เอ...ไม่ได้หรอก ขอโทษนะ ไม่รู้เรื่องเลยละ”

ชูใจหงายหลังพิงไปกับพนักเก้าอี้ยอมแพ้อย่างหมดท่า

ผมแวะมาที่ชุมนุมวารสารโรงเรียนก่อนจะกลับ เพราะต้องการให้ชูใจดูเรื่องแหวนนี้ให้

ช่วงนี้จะมีแค่ชูใจคนเดียวเพราะทุกคนไปเรียน รด. กันหมด

เขาใช้เวลามากโขอยู่ในการทำความเข้าใจมัน แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ไปอย่างที่เห็น ไม่ได้บทได้ความอะไร

“มีหลายจุดนะที่มันซับซ้อนจนฉันไม่เข้าใจ หนอย เจ้าพวกนักเวทคิดค้นแต่เรื่องคุณไสยอะไรกันอยู่ได้ ทั้งๆ ที่พลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่กว่าเป็นไหนๆ”

ประโยคสุดท้ายชูใจพูดคนเดียวท่าทางน่ากลัว ไอ้ 2 กลุ่มนี้ไม่ถูกกันจริงๆ ด้วยสินะ

“แต่ดูท่าว่าจะไม่อันตรายนะครับ” เสียงที่ 3 ดังขึ้น ผมกับชูใจหันไปมองที่ต้นเสียงนั้นพร้อมกัน

ที่มุมห้อง มีชายวัยกลางคนตัวผอมหน้าตอบ ผมยาวหยักศกสีดอกเลา กำลังนั่งมองมาที่พวกผม

“คุณรู้ได้ยังไงครับ” ผมถาม

“จิตสังหาร นายเคยบอกฉันว่า เรารับรู้ว่าใครเป็นศัตรูได้จากการดูจิตสังหารที่อยู่ในปราณใช่ไหมละ มานาเองก็เหมือนกัน ไม่ว่ามันจะมาจากแหล่งที่บริสุทธิ์แค่ไหน แต่ถ้าคนที่ใช้มุ่งร้ายละก็ มันก็ปนเปื้อนได้ทั้งนั้น ดังนั้น ในเบื่องต้นพวกฉันยืนยันว่าแหวนวงนี้ไม่อันตราย แต่ก็นะ ยังไงก็ยังไม่รู้จุดประสงค์”

“อีกอย่าง โฮฟมันนะ เป็นพวกสายพิราบนะ” ฌอนพูดเสริม

ฮิดะ ฌอน เป็นลูกครึ่ง ไอริช-ญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ผมรู้จัดเขาในฐานะพ่อของชูใจ แต่ที่จริงเขาคือผู้ช่วยของชูใจในหน่วยผู้กระทำแทน

ถึงว่า ก็คิดอยู่ว่าหน้าไม่เห็นจะเหมือนกันเลย

เขามาที่นี่เพราะดูเหมือนจะมีจดหมายที่ต้องส่งถึงมือชูใจให้ได้ทันที แต่ทว่าผมเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ชูใจจึงเก็บจดหมายนั้นไป

น่าจะเป็นจดหมายที่มีความลับละมั้ง

ไม่ๆ ผมไม่อยากรู้หรอก ผมไม่ใช่พวกยุ่งเรื่องชาวบ้านซักหน่อย

“หมายถึง พวกรักสันติงั้นเรอะครับ” ผมถามอย่างสุภาพเพราะติดภาพจำจากที่ว่า ฌอนคือพ่อของชูใจ

“ใช่ แป็นคนที่แนวคิดว่า เหล่าองค์กรเบื่องหลัง ควรที่จะร่วมมือกันมากกว่าที่จะมาตั้งแง่ใส่กัน ฉันเองก็ไม่ได้เกลียดแนวคิดแบบนี้หรอกนะ แต่มองจากความเป็นจริงคงยากละ” ฌอนยักไหล่จบประโยค

ผมก็เข้าใจเช่นกัน ไอ้ของแบบนี้ มันไม่มีมิตรที่ถาวรหรือศัตรูที่แน่นอนหรอก หากมีซักกลุ่มทรยศขึ้นมาละก็ คว่ำกระดานได้ง่ายๆ เลย ความสัมพันธ์แบบที่โฮฟมันหวังนั้นจึงเปราะบางยิ่งกว่าแผ่นน้ำตาลตากแห้งเสียอีก

“ที่สำคัญที่สุดคือ แนวทางของแต่ละองค์กรมันต่างกันละนะ” ชูใจพูดขึ้นมาบ้าง

“ยังไง”

“เช่น Old Church กับ Wit Association เรียกว่าน้ำกับน้ำมันเลยละนาย

โบสถ์นะ มีความเชื่อว่าทุกสิ่งนั้นพระเจ้าสร้างขึ้นมาอย่างสมดุลและสวยงาม มนุษย์ควรพอใจในดินแดนของตนที่พระเจ้ามอบให้

แต่ W.A. นะต่างไป พวกเขาขวนขวายดิ้นรนที่อยากจะรู้ว่า ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาได้อย่างไร กระบวนการใด และทำไม มองหาถึงดินแดนผู้ก่อกำเนิด ก้าวล่วงดินแดนพระเจ้า ช่วงชิงพลังงานธรรมชาติมาใช้ อย่างไม่รู้สำนึกว่าซักวันหนึ่ง มันจะกลับมาทำร้ายตัวเองและเข้าสู่วันพิพากษา”

ชูใจพูดด้วยท่าทางจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน นี้คงเป็นอีกโฉมหน้าหนึ่งของเขาในฐานะ ผู้กระทำแทน

“ดินแดนต้นกำเนิด แบบ อะไรมาก่อน Big Bang นะเหรอ”

“ก็ประมาณนั้น ที่จริง เคยได้ยินว่ามีคนของ W.A. ไปถึงจุดนั้นมาแล้วนะ”

“หืม แล้วเป็นไงต่อ” ผมรู้สึกสนใจเล็กน้อย อะไรมาก่อนบิ๊กแบงงั้นเรอะ มันจะเป็นจักรวาลแบบไหนกันนะ

“เขาหายไป ทางW.A. เองก็หาไม่พบ ทางนั้นก็ประกาศเองว่า นักเวทคนนั้นเป็นบุคคลอันตราย ใครเจอก็ให้ฆ่าทันทีโดยไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น คนที่ออกมาประกาศในที่ประชุมนะ ท่าทางลนลานเอามากๆ จนทุกคนเองก็ไม่คิดว่าทาง W.A. จะโกหก ไม่อย่างนั้นก็ไม่ควรยอมรับว่ามี ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก” คราวนี้ฌอนเล่าบ้าง

“อ้าว เคยมีการรวมตัวกันแล้วหรือครับ”

“นานๆ ทีนะ แบบเรื่องที่สำคัญมากๆ แต่การประชุมคราวนั้นให้ผลตรงข้าม ถึงแม้เบื่องหน้าจะทำเป็นยอมรับ แต่เบื่องหลัง ทุกองค์กรก็อย่างจะเก็บเขาเอาไว้เพื่อข้อมูลและการศึกษา จึงมีการออกประกาศกันอย่างๆ ลับๆ ถึงการตามหาคนๆ นี้ ยกเว้นแต่ Old Church กับ วาติกัน ที่เห็นตรงกันว่า ควรกำจัดชายที่รุกล้ำแดนพระเจ้าคนนี้ซะ”

“ในทางพุทธก็มีไม่ใช่เรอะ เรื่องที่มนุษย์ไม่ควรไปย่างกรายนะ”

“หมายถึง อจินไตย นะเรอะ ไม่ใช่เรื่องไม่ควรย่างกราย แต่ชีวิตคนก็สั้นเกินกว่าจะไปถึง หรือต่อให้ไปถึงได้ก็ไม่อาจเข้าใจด้วยปัญญาและมุมมองของมนุษย์ได้ต่างหาก จะว่าไป คนๆ นั้นชื่ออะไรงั้นเรอะ”

ชูใจและฌอนมองหน้ากันครั้งหนึ่งเหมือนจะถามกันและกันว่าเอาไง ท้ายที่สุด ชูใจก็พูดชื่อออกมา

“ชาล แลงมอน”

 

 

ผมยื่นงงสับสนพิกลจิตอยู่พักหนึ่งกับประตูหน้าร้าน Magic Cup ที่ขึ้นป้ายว่า Close และกระจกทุกบานถูกปิดผ้าม่านเอาไว้จากภายใน

ผมจึงเข้าไปในร้านด้วยเส้นทางของพนักงานตามปกติ นั้นคือ ด้านหลัง

ห้องพักพนักงานนั้นว่างเปล่า มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ตามปกติ แต่ไร้ผู้คน ผมได้ยินเสียงคุยกันที่ส่วนของลูกค้าจึงเดินตรงไป

ทุกคนอยู่ที่นั่น แต่สีหน้าและบรรยากาศกลับไม่สู้ดีนัก ใบหน้าของทุกคนอมทุกข์ราวกับพนักงานบริษัทที่ส่งงานให้ลูกค้าไม่ทันและโดนไล่บี้

ที่โต๊ะตัวหนึ่งมีลูกค้าดั่งว่านั่งอยู่ 3 คน

“ไงนิพนธ์ ไม่เจอกันแปบเดียวเองนะ”

ลูกค้าคนหนึ่งพูดขึ้น

โฮฟมันในตอนนี้ไม่ได้สวมชุดนักเรียน แต่เป็นเสื้อโค้ทยาวสีขาวปักลายสีทองที่ไหล่และขอบชายเสื้อ ต่างหูรูปจันทร์เสี้ยวที่ไม่เคยเห็นที่โรงเรียนก็ถูกใส่ไว้ที่หูขวา

การทักทายของเขาทำให้อีก 2 คนหันมองมา

คนแรกเป็นชายวันกลางคนที่น่าจะซัก 50 ใส่กางเกงสแล็คสีดำ เสื้อเชิ้ตสีกรม รองเท้าคัทชูขัดมันดูสะอาดตา

ผิวเกรียมแดดไม่มาก ร่ายกายกำยำสมชายจุดเด่นบนใบหน้าคือรอยบากที่โหนกแก้มขวาราวกับผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา นัยน์ตาสีอ่อนดูมาความรู้ และที่สำคัญ เขาทำผมทรงเดียวกับเจ้ากวีเดะ

อย่าบอกนะว่านี้พ่อเจ้ากวี

อีกคนเป็นหญิงสาวชาวยุโรป ทรงผมสว่านทองดูไฮโซ ตาสีฟ้า จมูกโด่งแบบตะวันตก ผิวขาวราวหิมะ ผ้าคลุมไหล่สีดำมีลวดลาย สวมชุดแบบยุโรปสมัยกลางแต่เป็นกางเกงรัดรูปดูทะมัดทะแมง ไม่ใช่กระโปรงสุ่มไก่เวอร์วัง และต่างหูแบบเดียวกับโฮฟมันที่หูข้างขวา

เป็นแฟชั่นงั้นเรอะ?

“ฉันขอแนะนำนะ” พี่พิมเดินเข้ามาทำหน้าตาปวดท้องแต่ฝืนยิ้มผายมือไปที่ชายวัยกลางคน

“หนึ่งใน 3 จอมปราชญ์ ผู้ดำรงตำแหน่งในสภาสูงสุด ท่าน อเล็กซานเดอร์ วันเดอร์วิล”

ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน ร่างกายเขาใหญ่โตไม่เบา แถมมัดกล้ามนั่นก็ข่มขวัญผมได้พอสมควร

เขายื่นมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลมาให้

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ มิสเตอร์”

อเล็กซานเดอร์ วันเดอร์วิล กล่าวอย่างสุภาพ ท่าทางไม่ใช่คนถือตัวอะไรนัก

“อ๋อครับ ผม นิพนธ์ สกุณาวงศ์ครับ ยินดีเช่นกัน”

จากนั้นแม่สาวสว่านทองก็ลุกขึ้นบ้าง เธอยื่นมือให้ผมอย่างมั่นใจและสง่าผ่าเผยมากๆ

ผมจับมือของเธอและกล่าวทักทายก่อน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณภรรยา สินะ”

แต่ทว่า มันกลับผิดคาดทีเดียว

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหญิงสาวกลับเปลี่ยนไปทันที แรงจับที่มือก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว

เธอหวดขาขวาแตะเจาะยางผมเข้าให้อย่างเต็มแรงจนผมทรุดคุกเข่าลงไปต่อหน้าเธอ ราวกับว่าตอนนี้ผมกำลังรอคำพิพากษาอยู่

“ฉันชื่อ แองเจลินา ดอลล่า เป็นบอดิการ์ดต่างหากยะ!!”

และนั่นคือคำกล่าวทักทายของเธอ

แต่ที่น่าเจ็บใจคือ โฮฟมันที่หัวเรอะชอบใจอย่างไม่ปิดบังกับเจ้ากวีที่พ่นลมทางจมูกเย้ยหยันความไม่รู้ของผม

ปัดโถ่โว้ย ก็ใครจะรู้ฟะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา